จินเฟยเทียนที่ได้แต่มองแม่ลูกคู่นั้น แต่เขาไม่รู้ว่าคนทั้งสองคนพูดคุยอะไรกัน แต่ว่าการกระทำของคนทั้งคู่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารจนจับใจ ผ่านไปไม่นานเถ้าแก่เจ้าของร้านบะหมี่ก็ได้นำบะหมี่สองชามมาให้เขากับหยางหมิงเซียนที่โต๊ะ เขาจึงรีบเอ่ยสั่งบะหมี่เพิ่มอีกสองชามทันที จากนั้นเขาจึงหันมาพูดกับหยางหมิงเซียน...
“หมิงเซียนเจ้าหิวมากหรือไม่?”
“ข้ายังไม่ค่อยหิวขอรับ”
“งั้น...ข้าจะขอนำบะหมี่สองชามนี้ไปให้แม่ลูกคู่นั้นก่อน เพราะข้าดูแล้วสองคนนั้นน่าจะหิวมากกว่าเรา แล้วเราค่อยรอบะหมี่สองชามใหม่ที่ข้าเพิ่งสั่งไป...เจ้าพอจะรอไหวหรือไม่หมิงเซียน?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามหยางหมิงเซียน
“ได้ขอรับ”
“ขอบใจเจ้ามากนะหมิงเซียนเด็กดี งั้นเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวข้ามา” จินเฟยเทียนยิ้มให้หยางหมิงเซียนแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวของเด็กชาย จากนั้นเขาจึงยกชามบะหมี่ทั้งสองชามเดินเข้าไปหาแม่ลูกคู่นั้น จินเฟยเทียนรู้ตัวว่าเขาไม่ได้เป็นคนดีถึงขนาดคอยช่ว
จินเฟยเทียนเมื่อพาหยางหมิงเซียนเดินมาถึงตู้บริจาคเขาก็หยิบเงินออกมาจากถุงเงินหกอีแปะ โดยแบ่งใส่มือหยางหมิงเซียนสามอีแปะ และใส่มือของตัวเองสามอีแปะ “หมิงเซียน เจ้านำเงินนี้ไปอธิษฐานอุทิศผลบุญให้กับคนที่ล่วงลับไปแล้ว จากนั้นก็นำเงินใส่ลงไปในตู้บริจาคนะ” จินเฟยเทียนพูดจบก็พนมมือหลับตาลงอธิษฐานก่อนจะนำเงินใส่ลงไปในตู้บริจาค ‘ข้าขอให้บุญกุศลที่ข้าได้ทำในครั้งนี้จงสำเร็จแก่บิดา มารดา น้องชายของข้า และก็ขอให้สำเร็จแก่มารดาของเจ้าของร่างนี้ หยงหม่า ไห่เฟิง และทุกท่านที่ล่วงลับไปด้วยเหตุการณ์ลอบฆ่าที่ผ่านมาด้วยเถิด’ หยางหมิงเซียนที่ได้รับเงินจากจินเฟยเทียนก็มองตามที่คนตรงหน้ากำลังทำ ก่อนจะลงมือทำตามอีกฝ่ายทันที ‘ข้าขอให้บุญกุศลที่ข้าได้ทำในครั้งนี้จงสำเร็จแก่บิดาของข้า และจงสำเร็จแก่ผู้ที่ติดตามของเฟยเกอที่ล่วงลับจากเหตุการณ์การไล่ฆ่าที่ผ่านมาด้วยเถิด’&
“เกิดอะไรขึ้นอาเหมา?” ราชครูหลงจิ้นสิงเปิดม่านหน้าต่างรถม้า แล้วเอ่ยถามบ่าวคนสนิทที่ขี่ม้าเข้ามาเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ ขบวนรถม้าก็หยุดวิ่งกระทันหัน ดีที่เขาประคองผู้เป็นภรรยาของเขาเอาไว้ได้ทัน “เรียนนายท่านมีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งขึ้นมาบนถนนตัดหน้าขบวนรถม้าขอรับ ดีที่อาชางดึงบังเหียนหยุดรถม้าเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ม้าจะชนเข้ากับตัวเด็กคนนั้นโดยตรงขอรับ แต่ด้วยระยะที่กระชั้นชิดจึงทำให้เด็กคนนั้นได้รับบาดเจ็บจากการโดนขาม้ากระแทกเข้าที่ตัวขอรับ และตอนนี้อาชางกำลังเข้าไปดูอาการของเด็กอยู่ขอรับ” เหมาอานรายงานผู้เป็นนายตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าขอลงไปดูอาการเด็กที่ได้รับบาดเจ็บได้หรือไม่เจ้าคะ?” จางเลี่ยงซูเอ่ยปากขอผู้เป็นสามี ด้วยความที่นางมีความรู้ด้านการแพทย์ และเมื่อได้ยินว่ามีคนบาดเจ็บนางจึงไม่สามารถนิ่งดูดายได้ “ได้สิ พี่ก็จะลงไปดูกับเจ้าด้วยซูซู” ราชครูหลงจิ้นสิงพูดพร้อมกับก้าวออกไปจากตัวรถม้า ก่อนจะยื่นมือรับผู้เป็นภรรยาที
ความจริงแล้วราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูสังเกตเห็นเด็กชายสองคนนี้ ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเดินเข้ามายังร้านบะหมี่ที่พวกเขากำลังนั่งกินอยู่ก่อนแล้ว อาจจะด้วยเพราะท่าทางการพูดจาและการปฏิบัติตัวกับคนรอบข้างของเด็กชายทั้งสองจึงทำให้พวกเขาที่คอยมองอยู่เกิดความรู้สึกเอ็นดูและรู้สึกว่าถูกชะตากับเด็กสองคนนี้เป็นอย่างมาก หรืออาจจะด้วยเพราะพวกเขายังไม่มีบุตรให้คอยอุ้มชู พอได้เห็นเด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูสองคนเดินจูงมือกันเข้าในอารามโดยไม่มีผู้ใหญ่มาด้วยแบบนั้น จึงทำให้พวกเขาเมื่อเข้าไปในอารามแล้วได้เจอกับเด็กชายทั้งสองอีกครั้ง เลยพาตัวเองเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับเด็กทั้งสองและคิดอยากจะเข้าไปพูดคุยและซักถาม แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าไปเอ่ยปากซักถามหรือพูดคุย ท่านเจ้าอาวาสก็ให้คนมาแจ้งว่าสามารถเข้าไปพบกับท่านได้เสียก่อน ราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูจึงเกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมาไม่น้อย หลังจากราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูเข้าพบกับท่านเจ้าอาวาสเรียบร้อยแล้ว จึงกลับมาพูดคุยเรื่องเด็กทั้งสองคนกันอีกครั้งบนรถม้า และด้วยอุบัติเหตุที่พวกเขาก็ไม่คาด
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หยางหมิงเซียนรีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะส่งเสียงตอบกลับคนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาในห้องได้ ราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูเข้ามาเยี่ยม มาใส่ยาและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้กับจินเฟยเทียน และยังคงพยายามชวนหยางหมิงเซียนพูดคุยเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่เด็กชายก็ยังคงถามคำตอบคำเหมือนเดิม ก่อนที่ท่านเจ้าของจวนทั้งสองจะพากันเดินออกจากห้องรับรองไป เมื่อเห็นราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูเดินออกจากห้องไปแล้ว หยางหมิงเซียนก็กลับลงมานั่งที่เก้าอี้และเอื้อมมือไปกุมมือของจินเฟยเทียนเอาไว้เหมือนเดิม แล้วหยางหมิงเซียนก็ก้มหน้าลงไปฟุบกับเตียงอย่างอ่อนแรง “หมิงเซียน...” หยางหมิงเซียนเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง แม้เสียงนั้นจะแผ่วเบาแต่กลับเป็นเสียงที่เขาคิดถึงเหลือเกิน “เฟยเกอ!” “เฟยเกอ...เฟยเกอท่านฟ
หลังจากท่านเจ้าของจวนทั้งสองออกจากห้องไปแล้ว หยางหมิงเซียนก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงแล้วเอื้อมมือไปจับมือของคนตรงหน้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของจินเฟยเทียน “เฟยเกอขอรับ ข้า...” หลายวันที่ผ่านมาตอนที่จินเฟยเทียนยังไม่ได้สติหยางหมิงเซียนมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับคนตรงหน้า แต่ทำไมพอตอนนี้ที่อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาแล้ว เขากลับไม่รู้ว่า...จะพูดอะไรดี “หมิงเซียนที่ผ่านมาลำบากเจ้าแล้ว เหนื่อยมากหรือไม่?” “ข้าไม่เหนื่อยขอรับเฟยเกอ ข้า...” “เก่งมากแล้ว...หมิงเซียนเด็กดี” จินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแววตาที่ดูสับสน และคลอไปด้วยน้ำตาของเด็กชายตรงหน้า จากนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปลูบหัวและดึงแขนหยางหมิงเซียนให้ขึ้นมานั่งกับเขาบนเตียง แล้วเขาใช้แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกอดปลอบเด็กชายตรงหน้าเบาๆ “อยากร้องไห้ก็ร้องออกมา เจ้าอ่อนแอต่อหน้าข้าได้นะหมิงเซียน ข้าขอโทษ...ที่ปล่อยให้เจ้าต้องอ
จนถึงช่วงค่ำ ราชครูหลงจิ้นสิงพาจางเลี่ยงซูเข้ามาตรวจดูอาการให้จินเฟยเทียนและใส่ยา แต่ครั้งนี้ไม่ต้องพันผ้าปิดแผลอีกแล้ว เนื่องจากแผลของจินเฟยเทียนเริ่มแห้งและตกสะเก็ดบ้างแล้ว เมื่อจางเลี่ยงซูตรวจร่างกายของจินเฟยเทียนเสร็จนางก็หันไปพยักหน้าให้กับผู้เป็นสามี และพอราชครูหลงจิ้นสิงเห็นสัญญาณที่ผู้เป็นภรรยาส่งมาให้ เขาจึงเริ่มขอพูดคุยกับเด็กชายทั้งสองทันที “ฟางเฟยเทียน หยางหมิงเซียน ข้ามีเรื่องที่จะขอถามพวกเจ้าทั้งสอง” “ขอรับ/ขอรับ” “จากนี้พวกเจ้าทั้งสองคิดจะทำอะไร? แล้วไปที่ไหนกันต่อ?” “เรียนท่านราชครูและหลงฮูหยินตามตรง ข้าน้อยทั้งสองยังไม่รู้เลยขอรับ ตอนแรกข้าน้อยคิดว่าจะพาหยางหมิงเซียนเข้าไปพักในหมู่บ้านก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีขอรับ” “ฟางเฟยเทียนหยางหมิงเซียนอีกสองวันข้างหน้า ข้ากับฮูหยินจะต้องเดินทางกลับจวนที่เมืองเลี่ยหลิว(เมืองหลวงของแคว้นตง)แล้ว หลังจากวันนั้นที่พวกข้าได้ฟังเรื่องราวของพวกเจ้าทั้งสองคน ข้ากับ
ขบวนรถม้าของราชครูหลงจิ้นสิงเดินทางออกจากจวนพักผ่อนที่เมืองหมิงเจ๋อ และมาถึงจวนราชครูในเมืองเลี่ยหลิวปลายยามเซิน โดยระหว่างการเดินทางราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูได้เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ในเมืองหลวงให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนฟัง เมื่อขบวนรถม้ามาถึงจวนราชครู รถม้าก็วิ่งไปจอดหน้าเรือนใหญ่ ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูเดินลงจากรถม้า โดยมีบ่าวในจวนบางส่วนออกมายืนรอต้อนรับผู้เป็นนายอยู่หน้าเรือนจากนั้นทุกคนที่เดินทางมาจากเมืองหมิงเจ๋อก็ทยอยกันลงจากรถม้าราชครูหลงจิ้นสิงพาผู้เป็นภรรยาเดินเข้าเรือนใหญ่แล้วตรงไปยังห้องโถง จากนั้นท่านเจ้าของจวนทั้งสองก็นั่งลงที่เก้าอี้ประมุขของจวน แล้วราชครูหลงจิ้นสิงก็ให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนที่เดินตามพวกตนมา ไปนั่งที่เก้าอี้สองตัวด้านขวามือของตนเอง จากนั้นราชครูหลงจิ้นสิงก็ให้พ่อบ้านหลี่ตามทุกคนในจวนมารวมกันที่ห้องโถง เมื่อเห็นทุกคนในจวนเข้ามาในห้องโถงกันครบแล้ว จึงเอ่ยแจ้งเรื่องสมาชิกใหม่ในจวนทันที “สองคนนี้คือ...ค
“หมิงเซียน ห้องข้างมันเป็นห้องเล็ก เอ่อคือ...เจ้าพักห้องใหญ่ดีแล้ว” ‘จะบอกอย่างไรดี ห้องข้างมักสร้างไว้ให้บ่าวคนสนิทไว้พัก เพื่อให้บ่าวคอยดูแลผู้เป็นนาย ยามได้ยินเสียงผิดปรกติภายในห้องผู้เป็นนาย...บ่าวคนสนิทจะได้เข้ามาดูแลนายของตนได้ทันที’ “ไม่ขอรับ! เฟยเกอพักห้องนี้นะขอรับ แล้วให้ข้าพักห้องเล็กข้างห้องเฟยเกอ เผื่อเฟยเกอเป็นอะไรตอนกลางคืนข้าจะได้เข้ามาดูแลเฟยเกอได้ทันทีเลยขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดจบก็หันมาใช้แววตาอ้อนวอนจินเฟยเทียน เขารู้สึกว่าเวลาเขามองอีกฝ่ายแบบนี้ คนตรงหน้ามักจะใจอ่อนให้เขา เหมือนตอนในห้องโถงที่เขาลองใช้แววตาแบบนี้มองคนตรงหน้า... เมื่อเห็นแววตาของใสซื่อของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนก็เริ่มใจอ่อน และพอหันไปมองพ่อบ้านหลี่ที่รอให้พวกตนตัดสินใจก็ให้อ่อนใจ “อืม…ก็ได้ งั้นก็เอาตามที่หมิงเซียนบอกขอรับพ่อบ้านหลี่ ให้บ่าวด้านนอกเข้ามาช่วยย้ายของได้เลยขอรับ” “ได้ขอรับ คุณชายฟาง” พ่อบ้านหลี่เอ่ยรับ
หยางหมิงเซียนเมื่อกลับมาถึงเรือนของตัวเองแล้ว เขาก็พาจินเฟยเทียนเข้ามานั่งบนเตียงในห้องนอนของเขา แล้วเขาก็สังเกตเห็นชุดที่จินเฟยเทียนกำลังใส่อยู่ตอนนี้...มันก็ทำให้เขานึกไปถึงเจ้าของชุดและแววตาที่เจ้าของชุดใช้มองมายังคนของเขา “เฟยเกอขอรับ ข้าขอทำแผลใส่ยาให้เฟยเกอใหม่ได้หรือไม่ขอรับ? เฟยเกอจะให้ข้าช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ท่านด้วยเลยดีหรือไม่ขอรับ ท่านลุงกับท่านป้ามีให้คนจัดเตรียมชุดและของใช้ของเฟยเกอมาไว้ที่นี่ให้ด้วยนะขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหยิบชุดของจินเฟยเทียนออกมาให้เจ้าตัวดู... “ได้ แต่...ข้าขอไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเองเลยดีกว่า หมิงเซียนเจ้าช่วยบอกให้อาเล่อเข้าไปเตรียมเก้าอี้ไว้ในห้องอาบน้ำให้ข้าได้หรือไม่?” “ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนรับคำของอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปสั่งงานเกาเล่อ ก่อนจะกลับเข้ามาอุ้มจินเฟยเทียนด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้ง “หมิงเซียน...เจ้าแค่ช่วยประคองข้าเดินดีหรือไม่?” “ไม่
จินเฟยเทียนหันกลับไปมองตามเสียงเรียก...เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ยามนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้ายามนี้คือเฟยเกอจริงๆ ใช่ไหมขอรับ ข้าไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมขอรับตอนนี้” หยางหมิงเซียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้า หลังจากที่เขาใช้วิชาตัวเบาข้ามรั้วเข้ามายังบริเวณเรือนของเจียงเสียน “หมิงเซียน... อ่ะ!” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อเขา เขาก็โถมตัวลงไปกอดอีกฝ่ายไว้ทันที แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนก็รีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก จากนั้นเขาจึงถอยออกมายืนมองคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง และเมื่อเขาเห็นรอยช้ำที่หน้าผากของอีกฝ่าย เขาก็รีบเอ่ยคำขอโทษพร้อมกับเอ่ยถามอาการของคนตรงหน้าทันที “เฟยเกอข้าขอโทษนะขอรับ เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ...เฟยเกอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? แล้วทำไมเฟยเกอมาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ขอรับ?” “
จินเฟยเทียนหลังจากรับสำรับเย็นและเข้าไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้พาตัวเขาออกมานั่งรับลมอยู่ที่ด้านหน้าเรือน... แต่ว่าด้วยเรื่องอาบน้ำของจินเฟยเทียน...ร่างกายที่แทบจะไม่ได้โดนน้ำเลยมาเป็นเวลาสองเดือน เพราะซานมู่เล่าว่า...ร่างกายของเขาตอนที่พวกซานมู่เจอในตอนแรกนั้น ทั้งบอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด ท่านหมอที่มารักษาให้เขาจึงห้ามไม่ให้บาดแผลของเขาโดนน้ำ พวกซานมู่จึงทำได้เพียงเช็ดหน้าและเช็ดทำความสะอาดตามบาดแผลให้เท่านั้น ในตอนที่จินเฟยเทียนบอกกับคนทั้งสองเรื่องที่เขาจะขอไปอาบน้ำ คนทั้งสองจึงเอ่ยค้านเขาอย่างหนัก จนเขาต้องงัดหาเหตุผลและอ้างเอาความเป็นหมอขึ้นมาใช้ ไช่ผิงกับซานมู่ถึงยินยอมให้เขาเข้าไปอาบน้ำ... จินเฟยเทียนที่นั่งหน้าเรือนมาได้สักพัก เขาก็เห็นซานมู่เดินเข้ามา...พร้อมกับแบกฟืนกองใหญ่มากองไว้ด้านหน้าเรือนด้วย “ข้าน้อยกำลังจะก่อกองไฟขอรับ อากาศยามนี้เริ่มเย็นแล้ว หากได้นั่งผิงไฟก่อนเข้านอน...ก็น่าจะดีนะขอรับ” ซานมู่หันไปพูดกับจิ
จินเฟยเทียนที่ฟื้นขึ้นมา...วันนี้ก็เป็นวันที่สองแล้ว ที่ตัวเขาต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงให้ซานมู่และไช่ผิงคอยดูแล เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังคงเต็มไปด้วยบาดแผลของเขา แต่ในยามนี้...จินเฟยเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว และด้วยกลัวว่าหากเขายังไม่ยอมฝืนขยับร่างกายของตัวเองในตอนนี้...แล้วรอจนแผลแห้ง ยามนั้นทั้งเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อของเขามันก็อาจจะยึดติดกัน จนทำให้เขาไม่สามารถขยับหรือลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองได้อีกเลย จินเฟยเทียนจึงลองขยับทั้งแขนและขาของเขา และเมื่อเขาลองขยับ...ความเจ็บปวดก็พากันวิ่งไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ยิ่งบริเวณที่แผลยังไม่แห้งดี ยามนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดที่จินเฟยเทียนได้รับในยามนี้มันเป็นความเจ็บปวดที่เขายังพอทนรับได้ เขาจึงพยายามดันร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง และเมื่อเขาลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว เขาก็มองไปรอบๆ ห้อง เพื่อมองหาของที่ตัวเขาสามารถนำมาใช้ค้ำยัน...แล้วจินเฟยเทียนก็มองเห็นไม้ง่ามอันหนึ่งที่วางอยู่ด้านข้างเตียงของเขา เข
“คุณชาย...ท่านฟื้นแล้ว!” จินเฟยเทียนลืมตาขึ้นมาเขาก็ได้เห็นว่า...ตอนนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของบุรุษ ดังขึ้นมาจากข้างเตียง...เขาจึงหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วเขาก็ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา “อย่าเพิ่งลุกขอรับ” ซานมู่รีบเข้าไปประคองคนเจ็บ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง “เอ่อ...ที่นี่ที่ไหนหรือขอรับ? แล้ว...ตัวข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆ แล้ว เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ... ‘นี่ข้าได้กลับมาเป็นจินเฟยเทียนหรือไม่นะ?’ “ที่นี่คือเรือนพักกลางป่าของพวกข้าน้อยเองเจ้าค่ะ พวกข้าน้อยเจอคุณชายนอนไม่ได้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำ...เลยพาคุณชายเข้าไปรักษาตัวที่โรงหมอในหมู่บ้าน จากนั้นก็พาคุณชายกลับมารักษาตัวต่อที่เรือนไม้หลังนี้เจ้าค่ะ แต่ในระหว่างที่คุณชายมารักษาตัวอ
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วถึงสองเดือน...ที่พวกเขายังคงตามหาจินเฟยเทียนไม่พบ แม้หยางหมิงเซียนจะยังคงออกตามหาจินเฟยเทียนทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเดิม โดยมีชิงหลวนคุน จินเฟยหลงและราชครูหลงจิ้นสิงที่คอยส่งคนออกมาช่วยตามหา และถ้าเมื่อใดที่พวกเขาว่าง...พวกเขาก็จะลงมาช่วยตามหาจินเฟยเทียนด้วยตัวเองทุกครั้งก็ตาม ส่วนจินเฟยหมิง...อาการจากการถูกลอบวางยาพิษถึงจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ลมปราณและวรยุทธของเขากลับถูกยาพิษของหานเฟิงทำลายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เขาจึงทำเรื่องทูลขอต่อฮ่องเต้ เพื่อส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้น...ไปให้กับผู้ที่เหมาะสมนั่นก็คือจินเฟยหลง ให้ขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนเขาทันที และหลังจากที่พวกเขาจัดการกับพิธีศพของชิงจิวซิน และจัดการกับพิธีส่งมอบตำแหน่งให้จินเฟยหลงเสร็จแล้ว จินเฟยหมิงและจินเฟยฮวาก็ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ค่ายทหารแถบชายแดนทันที... จินเฟยเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความว่างเปล่า ด้วยเพราะรอบกายเขาในยามนี้ มันไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
หยางหมิงเซียนที่แยกออกไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อย เขาได้เดินกลับออกมา...พร้อมกับยื่นชุดเก่าของผู้เป็นบิดา ไปทางชิงหลวนคุนกับคนที่ติดตามพวกเขามาด้วย “บ่อน้ำด้านหลังเรือนยังใช้ได้อยู่ ส่วนของในเรือนพวกเจ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามสบาย” หยางหมิงเซียนพูดจบก็คิดจะเดินออกจากเรือนทันที “หมิงเซียนเจ้าอยู่รอทำแผลของตัวเองและอยู่รอพวกข้าก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปตามหาเฟยเทียนต่อพร้อมกัน ตอนนี้เฟยหลงกำลังกลับไปเอายาและของที่พวกเราต้องใช้ในคืนนี้อยู่” ชิงหลวนคุนเอ่ยรั้งหยางหมิงเซียนเอาไว้ เพราะบาดแผลตามร่างกายของอีกฝ่ายยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะบาดแผลที่มารดาของอีกฝ่ายได้ลงมือฝากเอาไว้ ยามนี้...มันยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าจัดการดูแลตัวเองเสร็จ ค่อยตามข้าออกไปแล้วกัน” “หมิงเซียนหากเจ้าไม่ดูแลตัวเอง และรีบร้อนจนเป็นอะไรไปอีกคน ยามนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ?” “แต่ตอนนี้เฟยเกออยู่ด้านนอกนั้นคนเดียว! แ
หยางหมิงเซียนที่ถูกจับตัวเอาไว้โดยชิงหลวนคุนและจินเฟยหลง ยามนี้เขาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับสหายทั้งสองของเขาอย่างหมดแรง “พวกเจ้ารีบกระจายตัวออกไปหาเส้นทางที่สามารถใช้ไต่ลงไปด้านล่างได้ หากเจอแล้วให้รีบกลับมาบอกข้า” ชิงหลวนคุนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน รีบหันไปสั่งการคนของเขาทันที “หึ! เป็นเช่นไร...เจ็บปวดดีหรือไม่เล่า กับการที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักแต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอ...ชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกข้าต้องสูญเสียไปหรอกนะ ความจริงแล้วพวกเจ้าก็น่าจะตกลงไปตายพร้อมกับคุณชายใหญ่นั่นด้วยเลยนะ” หานเฟิงที่ถูกจับตัวโดยคนของซูเทียนฉินเอ่ยขึ้น “ชดใช้อย่างนั้นหรือ...ได้! อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงชดใช้มาให้ข้าเสียสิ!!” หยางหมิงเซียนลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าดาบในมือของซูเทียนฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปฟันคอของหานเฟิงจนขาดภายในดาบเดียว จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปจัดการกับลูกน้องของหานเฟิงต่อทันที “หมิงเซียนหยุด! เก็บแร
“พวกเจ้ารีบพานางออกไปจากที่นี่ ส่วนพวกที่เหลือ...ตามข้ามา!” หานเฟิงหันไปสั่งคนของเขา พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า หลังจากที่ตัวเขามาถึงหลังกระท่อม แล้วเห็นพ่อบ้านจวนแม่ทัพ กำลังพาคนในกระท่อมหลบหนีโดยใช้รถม้าที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้หนี... แต่ดีที่คนของเขาได้พาว่านซิ่นหลิงไปขึ้นรถม้าอีกคันที่พวกเขาได้จอดทิ้งเอาไว้หน้ากระท่อม เขาจึงรีบแยกคนของเขาที่เหลืออยู่เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้พาว่านซิ่นหลิงหลบออกไปจากที่นี่ ส่วนที่เหลือให้ตามเขาไปจัดการกับคนพวกนั้น แต่ก่อนที่หานเฟิงจะควบม้าออกไป เขาได้หันกลับไปมองที่ชิงจิวซิน ยามนี้นางได้ท่านกุนซือเข้ามาช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะช่วยถอนพิษให้กับนาง เขาจึงเอ่ยปากขอธนูกับลูกธนูจากคนของเขา จากนั้นจึงยิงไปที่ชิงจิวซินก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปจากที่นั่น ‘คนชั่วช้าอย่างเจ้า ไม่ควรได้รับความเมตตาจากใครทั้งนั้น...จินฮูหยิน’ “อึก!” “จินฮูหยิน!” ชิงจิว