Share

หาซื้อเรือน

Auteur: l3oonm@
last update Dernière mise à jour: 2025-02-20 01:10:47

เมื่อเดินสำรวจไปตามถนนเส้นต่างๆเพื่อดูการค้าและความเป็นอยู่ จือลู่อยากได้เรือนที่ไม่วุ่นวายนักและอยากให้อยู่ไม่ห่างจากสำนักศึกษาที่จะให้หนิงเฉิงได้เข้าเรียน

เพราะเจ้าหน้าที่ทางการไม่ยอมให้สองพี่น้องเข้าไปเพื่อติดต่อซื้อเรือน จือลู่จึงหารือกับหนิงเฉิงว่าพวกเขาควรจะขอความช่วยเหลือจากท่านหมอโยว อย่างไรก็ทำการค้าด้วยกัน ท่านหมอโยวคงจะไม่ใจร้ายกับพวกตนนัก

"พี่ชายพวกข้ามาขอพบท่านหมอโยวเจ้าค่ะ" จือลู่บอกเสี่ยวเอ้อที่อยู่หน้าร้าน

เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ถูกเชิญเข้าไปด้านในเพื่อพบท่านหมอโยวที่ห้องรับรอง

"พวกเจ้านำหญ้าหนอนมาขายอีกแล้วหรือ" ท่านหมอโยวพูดอย่างตกใจ จือลู่มองเขาด้วยสายตาเหมือนมองคนสติไม่ดี

"หากหาง่ายเช่นนั้น ท่านคงไม่ซื้อในราคาที่แสนแพงเช่นนี้" จือลู่เอ่ยขึ้น

"เช่นนั้นพวกเจ้ามาพบข้าด้วยเรื่องอันใด"

จือลู่เล่าเรื่องที่นางต้องการขอความช่วยเหลือจากท่านหมอโยว ให้ช่วยออกหน้าเรื่องซื้อเรือนในเมืองให้นาง และยังเล่าว่าพวกตนโดนไล่ออกมาจากที่ว่าการจึงต้องแบกหน้ามาขอความเมตตาจากท่านหมอโยว

หมอโยวลูบเคราอย่างใช้ความคิด ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น

"เรื่องนี้ไม่ได้ยากอันใด ข้ามีเรือนอยู่หลังไม่มีผู้ใดอาศัย หากพวกเจ้าสนใจข้าจะให้คนพาไปดู หากไม่ถูกใจค่อยพาพวกเจ้าไปเลือกที่ที่ว่าการก็ยังไม่สาย" จือลู่และหนิงเฉิงจึงขอไปดูเรือนของท่านหมอโยวเสียก่อน

หมอโยวเรียกเสี่ยวเอ้อหน้าร้านให้นำทางทั้งสองไปที่เรือนอีกหลังของตน ทั้งคู่ขึ้นม้าของโรงหมอไปเพียงไม่นานก็ถึงเรือนที่ว่า เป็นเรือนสี่ประสานมีเนื้อที่มากเพียงพอหากจือลู่อยากจะปลูกผักเล็กๆน้อย ภายในถนนมีบ้านเรือนอยู่ไม่กี่สิบหลังก็นับว่าไม่วุ่นวายเกินไป 

เมื่อนางเดินสำรวจดูเรือนก็นับว่าถูกใจ หนิงเฉิงเองก็เช่นกัน เพราะอยู่หางจากสถานศึกษาเพียงเดินเท้าไม่ถึงหนึ่งเค่อ(1เค่อ=15นาที) จือลู่จึงกลับไปที่โรงหมออีกครั้งเพื่อพูดคุยเรื่องราคาของเรือน

หมอโยวที่ได้ยินว่าทั้งสองคนพี่น้องถูกใจเรือนหลังนั้นก็นับว่าเขาคิดถูก เพราะหากชาติกำหนดของทั้งคู่เป็นเช่นที่เขาคิดไว้ ก็นับว่าสองพี่น้องจะอยู่ในสายตา เมื่อคนจากเมืองหลวงเดินทางมาก็สามารถพาไปพบได้โดยไม่ต้องออกตามหาอีกครั้ง

"ข้าคิดห้าร้อยตำลึงทอง พวกเจ้าจะว่าเช่นไร" จือลู่ขมวดคิ้วคิด เพราะนางไม่รู้ว่าราคาเรือนห้าร้อยตำลึงทองนั้นแพงหรือเป็นราคาทั่วไป

"เครื่องเรือนทั้งหมดในเรือนข้าก็ยกให้พวกเจ้าด้วย และจะซื้อในส่วนที่ขาดเพิ่มเข้าไปด้วย" จือลู่หันไปสบตาน้องชายก็เห็นเขาพยักหน้าให้นาง

"ได้เจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านหมอโยวมากเจ้าค่ะที่เมตตาพวกข้าสองคนพี่น้อง" ทั้งคู่ลุกขึ้นคารวะท่านหมอ 

จือลู่จึงส่งตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงให้ท่านหมอโยว จากนั้นสองพี่น้องก็กลับไปที่โรงเตี๊ยม ทางหมอโยวจึงส่งคนให้ไปตรวจสอบเครื่องเรือนเครื่องใช้ภายในเรือนหากขาดเหลือสิ่งใดก็ให้เติมให้ครบ และยังซ่อมแซมส่วนที่เสียหายอีกด้วย

จือลู่ระหว่างทางที่กลับโรงเตี๊ยมนางกลับไปที่ร้านขายผ้าร้านเดิม และสั่งเครื่องนอน ผ้าห่ม และเสื้อผ้า เพิ่มหลายชุดให้เพียงพอต่อหน้าหนาวที่จะมาถึง ถึงแม้ไม่ใช่หน้าหนาวแต่อากาศของเมืองเป่ยหานก็หนาวมากสำหรับนาง

ทั้งคู่จึงกลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยม เพราะพรุ่งนี้จือลู่นางจะพาหนิงเฉิงไปสอบถามเรื่องเข้าสำนักศึกษา 

เช้าวันต่อมาสองพี่น้องก็แต่งกายอย่างเรียบร้อยและเดินทางไปที่สำนักศึกษา ก่อนจะเข้าเรียนหนิงเฉิงต้องเข้ารับการทดสอบเสียก่อน อาจารย์ที่รับดูแลเรื่องรับบัณฑิตสอบถามทั้งคู่เมื่อไม่เห็นบิดามารดามาด้วย พอฟังเรื่องราวของสองพี่น้องท่านอาจารย์หูจึงมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่อ่อนลง

จือลู่นั่งรอน้องชายทดสอบอยู่ด้านนอก เพียงไม่นานหนิงเฉิงก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม 

"พี่หญิงข้าทดสอบผ่านขอรับ" จือลู่เดินเข้าไปตบบ่าน้องชายอย่างยินดี 

หนิงเฉิงจะเริ่มเข้าเรียนในอีกสิบวันข้างหน้า สองพี่น้องจึงได้พอมีเวลาจัดเตรียมย้ายของเข้าเรือนใหม่ และเตรียมเครื่องเรียนให้กับหนิงเฉิง 

เมื่อออกจากสถานศึกษาทั้งคู่จึงเดินทางกลับหมู่บ้านเพื่อไปเก็บของและบอกกล่าวท่านผู้นำหมู่บ้าน กับชาวบ้านที่เมตตาพวกตน จือลู่นำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือนหลังใหม่ก็พบว่ามีคนมาทำความสะอาดและกำลังปรับปรุงเรือนให้นาง

"ไม่ทราบว่ากี่วันถึงเข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ" จือลู่สอบถามคนที่ทำงาน

"สามวันแม่หนู เจ้าทั้งสองคงเป็นเจ้าของเรือนคนใหม่สินะ" สองพี่น้องพยักหน้ารับก่อนจะขอบคุณ

หนิงเฉิงเดินนำพี่สาวไปจ้างรถม้าตามคำแนะนำของชาวบ้านในตลาด ทั้งคู่นัดแนะให้รถม้าไปรับที่หมู่บ้านในอีกสามวัน เมื่อพูดคุยจนเข้าใจแล้ว สองพี่น้องก็นั่งเกวียนวัวกลับหมู่บ้าน

เมื่อถึงหมู่บ้านเวลาก็ล่วงไปเกือบจะเย็นย่ำแล้ว ทั้งคู่จึงเดินกลับเรือนก่อน พรุ่งนี้เช้าจะไปพบผู้นำหมู่บ้าน แต่พวกเขาเจอผู้นำหมู่บ้านเสียก่อนระหว่างทางที่กลับเรือน

"พวกเจ้าไปที่ใดมา" ผู้นำหมู่บ้านถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด

"ท่านปู่ชุยเข้าไปพูดในเรือนก่อนเจ้าค่ะ" จือลู่เปิดประตูเรือนและเชิญผู้นำหมู่บ้านเข้าไป

หนิงเฉิงจึงไปหายน้ำดื่มมารับรองผู้นำหมู่บ้าน ทั้งสองจึงเล่าเรื่องที่พวกตนพบสมุนไพรได้ราคาที่ดี และยังบอกที่พบให้ท่านผู้นำหมู่บ้านด้วย หลังจากนั้นท่านผู้นำหมู่บ้านจะจัดการเช่นไรพวกนางก็ไม่สนใจแล้ว

"ท่านปู่ชุย พวกข้าสองพี่น้องจะเข้าไปอยู่ในเมืองเจ้าค่ะ" นางเล่าเรื่องที่หมอโยวเมตตาขายเรือนให้พวกนางในราคาถูก และนางอยากจะให้หนิงเฉิงได้ร่ำเรียนอีกด้วย

"ดีดีดี พวกเจ้ายังช่วยเหลือชาวบ้านอีกด้วย" จือลู่กับหนิงเฉิงอาสาพาทั้งหมดเดินขึ้นไปเก็บหญ้าหนอนในครั้งแรก เพราะต้องสอนวิธีเก็บด้วย

"ท่านปู่ชุย ข้าว่าท่านไปพูดคุยเรื่องราคากับท่านหมอโยวเสียก่อน เพราะหากมีอีกมาก ข้าไม่รู้ว่าราคาจะเป็นเช่นไร" นางแนะนำ หากราคาไม่ดีเช่นตอนที่นางขายชาวบ้านจะมาต่อว่าพวกนางได้

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Related chapter

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ช่วยเหลือชาวบ้าน

    "พรุ่งนี้ขึ้นเขาไปดูเสียก่อนว่ายังมีอีกหรือไม่ แล้วข้าค่อยเข้าเมืองไปคุยกับท่านหมอโยว" ท่านผู้นำจึงได้ขอตัวกลับไปเรียกชาวบ้านมารวมตัวเพื่อจะแจ้งเรื่องที่พาขึ้นเขาหาหญ้าหนอน"พวกเจ้าสองพี่น้องนับว่ามีบุญคุณช่วยให้ชาวบ้านผ่านหน้าหนาวนี้ไปได้แล้ว" เพราะชาวบ้านได้แต่ทำไร่ และหาผักป่าไปขาย ในช่วงหน้าหนาวผู้เฒ่าและเด็กเล็กจึงมักเสียชีวิตลงก่อนฟ้าจะสว่างจือลู่และลู่เสียนก็เตรียมตัวพร้อมอยู่ที่หน้าเรือน แต่ชาวบ้านมารวมตัวกันเร็วกว่าสองพี่น้องเสียอีก "ท่านลุง ท่านป้าทั้งหลายเจ้าคะ ข้าขอพูดกับพวกท่านเสียก่อน" จือลู่กล่าวด้วยเสียงอันดังจือลู่นางบอกเรื่องที่อาจจะมีหญ้าหนอนไม่มาก และนางอยากให้ทุกคนช่วยกันเก็บแล้วขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน เพราะจะได้ไม่เกิดปัญหาการแย่งชิง"ข้าและเฉิงเออร์หวังว่าพวกท่านจะไม่ต่อว่าข้าสองคนพี่น้องหากพบน้อยหรือไม่พบเลย" ทั้งคู่ก้มศีรษะลงเพื่อขอโทษทุกคนล่วงหน้า จากนั้นทั้งหมดก็เดินขึ้นเขาไปอย่างมีความหวัง เสียงด่าทอพึมพำของนางกงซื่อที่ต่อว่าสองพี่สองก็ได้ยิน"นางกงซื่อหากเจ้ายังไม่หยุดพูดก็กลับเรือนไปเสีย" ผู้นำหมู่บ้านตวาดนางกงซื่อ ชาวบ้านก็ส่งเสียงต่อว่าจนนางกงซื่อต้อ

    Dernière mise à jour : 2025-02-21
  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   แสดงฝีมือ

    เมื่อเสร็จเรื่องทั้งหมด ผู้นำหมู่บ้านจึงชวนจือลู่ให้อยู่ทานข้าวที่เรือนของตน สองพี่น้องก็มิได้ปฏิเสธ จือลู่เห็นบุตรสาวคนเล็กของท่านปู่ชุยกำลังเย็บผ้าคลุมหน้านางจึงเดินเข้าไปดูอย่างสนใจ"พี่เหมยท่านกำลังปักอันใดหรือ" "ข้ากำลังปักผ้าคลุมหน้า" นางแสดงสีหน้าเขินอาย"เหมยเออร์ใกล้ออกเรือนแล้ว เงินที่ขายหญ้าหนอนมาได้ข้าก็จะแบ่งให้เป็นสินเดิมของนาง" ย่าชุยพูดขึ้น ท่านปู่ชุยมีบุตรชายที่ออกเรือนแล้วสองคนนำว่าเรือนตระกูลชุยของเขาได้เงินถึงหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงทอง"ขอบใจเจ้ามากลู่เออร์" ชุยเหมยจับมือของจือลู่ไว้"ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่านย่าชุยด้วยเจ้าค่ะ" จือลู่เอ่ยขึ้น เพราะนางอยากหาคนเย็บหมอนให้นาง แต่นางไม่รู้ว่าจะขอให้ใครช่วยลำพังให้นางทำเองก็คงจะเย็บไม่ได้แน่"เรื่องอันใด มีสิ่งใดที่ข้าจะช่วยเจ้าได้" พ่อท่านย่าชุยได้ยินก็หัวเราะอย่างขบขัน นางรีบให้จือลู่นำผ้ามาให้นางทันที จือลู่ส่งผ้าให้และบอกว่านางต้องการหมอนขนาดเท่าใด และนางขอให้เย็บให้นางถึงสี่ใบ ท่านย่าชุยจะช่วยเย็บผ้าห่มให้นางด้วยแต่นางปฏิเสธไปและจะนำนุ่นไปยัดใส่เอง เพราะนางให้ทางร้านผ้าในเมืองทำผ้าห่มไว้ให้นางแล้วทั้งหมดก

    Dernière mise à jour : 2025-02-21
  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ได้คนมาช่วยงาน

    เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวชาวบ้านเช่นนางจะก่อฟืนแล้วจะมีสภาพเช่นนี้ หนิงเฉิงจึงเอ่ยถามถึงเรื่องหาซื้อคนกับท่านหมอโยว"เรื่องนี้ข้าจัดการให้ พวกเจ้าอยากได้กี่คน" ทั้งสองสบตากันอย่างไม่รู้ว่าจะหาคนกี่คนดี หมอโยวจึงโบกมือ เขาเรียกบ่าวที่ติดตามเข้ามาและสั่งให้ไปหาคนมาหนึ่งครอบครัว"หาคนจากที่ใดเจ้าคะ" จือลู่ถามขึ้นอย่างสงสัย"ทาสหลวงมีขายอยู่ที่ตลาดค้าทาส พวกเจ้าไม่เหมาะที่จะเข้าไปให้คนของข้าไปจัดการก็พอ" จือลู่ลืมไปเลยว่ายุคนี้ยังมีการซื้อขายทาสกันอยู่ นางจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้จะไม่อยากได้ทาสแต่ก็คงต้องยอมรับตามวิถีของคนยุคนี้ผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามบ่าวของท่านหมอโยวก็พาคนมาหกคน มีบุรุษสามคนและสตรีสามคน "มากถึงเพียงนี้เลยหรือเจ้าค่ะ"จือลู่เอ่ยขึ้น"ไม่มาก ไม่มาก เรือนของเจ้าใหญ่โต มีคนช่วยเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอ" หมอโยวส่งหนังสือสัญญาให้จือลู่ นางจึงให้หนิงเฉิงนำเงินมาให้ท่านหมอโยว เมื่อเห็นว่าหมดเรื่องท่านหมอโยวจึงได้ขอตัวกลับไป "พวกท่านลุกขึ้นเถิดเจ้าค่ะ" จือลู่กล่าวอย่างเกรงใจ เพราะพวกเขาล้วนอายุมากกว่านางกับน้องชายเสียอีก คงมีเพียงบุตรทั้งสองชายหญิงที่มีอายุใกล้เคียงกับทั้งคู่แต่ก็มา

    Dernière mise à jour : 2025-02-22
  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   งานแรก

    จือลู่ยังอยู่ร่วมงานจนส่งเจ้าสาว ตอนที่เจ้าสาวถูกพาไปขึ้นเกี้ยวลมก็พัดจนผ้าคลุมหน้าเปิดขึ้น เจ้าบ่าวรวมถึงคนที่ได้เห็นก็ล้วนแต่ตกตะลึงในความงาม เมื่อรู้ว่าคนที่แต่งหน้าให้เจ้าสาวเป็นจือลู่ต่างก็พากันพูดคุยสอบถามและอยากจะขอให้นางมาช่วยแต่งหน้าให้บุตรหลานของตนจือลู่มิได้รับปาก นางเพียงบอกหากมีนางว่างนางจะมาแต่งหน้าให้ นับจากนั้นเรื่องฝีมือการแต่งหน้าของจือลู่ก็ถูกพูดปากต่อปาก เพราะชุยเหมยแต่งออกไปอยู่ในเมืองกับบุตรชายเจ้าของร้านขายข้าวนับตั้งแต่ที่จือลู่ย้ายมาอยู่ที่จวนใหม่นางก็เริ่มรู้จักกับคนที่อาศัยอยู่ที่เรือนใกล้ๆกับนาง ท่านป้าข้างบ้านชอบนำของกินมาฝากนางและเริ่มจะบ่นเรื่องบุตรชายที่เป็นคนคุ้มกันภัยสินค้าให้ฟัง"อาชางของข้า ยังมิยอมแต่งสะใภ้เสียที" นางทนฟังอยู่ทุกวัน ตอนแรกป้าข้างบ้านก็มาทาบทามนางให้บุตรชาย แต่นางยังมิคิดจะออกเรือนจึงได้ปฏิเสธไป"ท่านป้าให้ข้าช่วยหาให้ดีหรือไป" จือลู่เอ่ยปากพูดออกไป เพราะนางอยากจะขอตัวกลับเข้าเรือนแล้วเท่านั้น"จริงหรือลู่เออร์ เช่นนั้นป้าจะรอ" จากนั้นนางก็เดินกลับเรือนของนางไปอย่างสบายใข จือลู่ก็ไม่ได้คิดสิ่งใด นางเพียงพูดออกไปเท่านั้น แล้วนางจะ

    Dernière mise à jour : 2025-02-22
  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   หาซื้อคน

    แต่จือลู่ที่ไม่คิดว่าตนจะต้องออกเรือนก็ไม่ได้คิดอันใดตั้งแต่แรก เพียงอยากหาสิ่งใดทำ นางที่เป็นแม่สื่อ แถมยังได้แต่งหน้าเจ้าสาวในอาชีพที่นางรักอีกนับว่าอาชีพนี้ก็ไม่ได้แย่เกินไป หากป้าจูไม่เอ่ยเตือนนางเสียก่อนนางคงไม่ได้บอกป้าจิ่วในเรื่องนี้เงินก้อนแรกที่นางได้จากป้าจิ่วเป็นเงินห้าสิบตำลึงนับว่ามากนัก หากเทียบกับค่าจ้างของแม่สื่อคนอื่น หนิงเฉิงเห็นพี่สาวมีความสุขจึงไม่ได้เอ่ยห้าม บ่าวในเรือนก็ช่วยคุณหนูของตนเช่นกันจือลู่อายุล่วงเข้าสู่วัยปักปิ่น นางจัดเลี้ยงขึ้นภายในจวนเท่านั้น โดยมีป้าจูเป็นคนช่วยปักปิ่นให้นาง เพราะนางไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นนายหรือบ่าวอาเยว่เมื่อแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลจิ่วนางก็เปิดร้านขายของต่างถิ่นดั่งเช่นที่จือลู่ได้เคยแนะนำให้กับท่านป้าจิ่วไว้ กิจการของนางค้าขายได้กำไรงาม จนสหายของป้าจิ่วที่กำลังมองลูกสะใภ้ต่างก็สอบถามว่านางหาลูกสะใภ้เช่นนี้จากที่ใดป้าจิ่วจึงได้แนะนำจือลู่ให้ทุกคนได้รู้จัก แต่นามที่นางใช้เป็นแม่สื่อคือ 'อ้ายเสิ่น' (กามเทพ) ทุกครั้งที่นางออกไปพบฮูหยินทั้งหลายเพื่อสอบถามความต้องการของแต่ละคนนางจะปิดบังใบหน้าตนเองอยู่เสมอ ถึงจะเปิดใบหน้าให้ได้เ

    Dernière mise à jour : 2025-02-23
  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   แล้วให้ข้าทำเช่นใดต่อ

    อาจจะเป็นเพราะแววตาของเด็กน้อยทั้งคู่ทำให้นางอดสะท้านในใจไม่ได้ จือลู่จึงได้ซื้อคนทั้งหมดกลับจวนไปด้วยในวันนั้น นางยังให้พ่อบ้านฉินกับท่านป้าจูจัดการเรื่องเครื่องใช้เสื้อผ้าที่อยู่ให้ทุกคนด้วยทั้งหมดสิบห้าชีวิตรวมถึงเด็กน้อยทั้งสอง มิคิดว่าตนเจ้านายคนใหม่จะซื้อพวกตนทั้งหมด และยังให้ที่พัก รวมถึงเครื่องนอน เสื้อผ้าใหม่ทั้งหมดแก่พวกเขาเมื่อกลับถึงจวนนางก็ไม่ได้เรียกพวกเขาให้เขามาพบ เพียงให้พวกเขาแยกย้ายไปพักตามที่ป้าจูจัดให้"อีกสองวันค่อยมาพบข้า หากมีใครที่เจ็บป่วยให้รีบแจ้งพ่อบ้านฉินหรือพี่เทียนทันทีนะเจ้าค่ะ" ก่อนที่นางจะให้พวกเขาแยกย้ายไปจัดแจงเรื่องของตนนางก็ให้พวกเขาไปกินข้าวเสียก่อน โดยให้ภรรยาของหัวหน้าใช้ของในครัวได้เต็มที่ "พวกท่านกินข้าวเสียก่อน พี่สาวท่านทำอาหารได้ใช่หรือไม่""ได้เจ้าค่ะ" ภรรยาหัวหน้าผู้คุ้มกันภัยเอ่ยกับจือลู่"ของในครัวไม่ว่าจะข้าว หรือเนื้อท่านใช้ได้เต็มที่ ข้าไม่หวงของกิน" เมื่อกล่าวจบ จือลู่ก็เรียกเด็กน้อยทั้งสองไว้ และส่งของว่างของนางให้ทั้งคู่ได้กิน"ท่านไปทำอาหารเถิด ปล่อยให้พวกเขาอยู่เล่นเป็นเพื่อนข้าก่อน" จือลู่บอกกับมารดาของเด็กน้อย"พวกเจ้ามีน

    Dernière mise à jour : 2025-02-23
  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ปากดีสมกับเป็นแม่สื่อ

    สาวใช้มิได้พูดอันใด นางพาจือลู่ไปยังห้องรับรองที่ใช้แต่งหน้า"มาแล้วหรือ แม่นางเสิ่น เจ้าพบอาหยางแล้วหรือยัง" ฮูหยินท่านเจ้าเมืองที่นั่งรออยู่ภายในห้องก็เอ่ยถามขึ้น"เพียงมองจากด้านนอกเท่านั้นเจ้าค่ะ" จือลู่ตอบตามความจริง"ข้าอยากให้เจ้าช่วยหาภรรยาที่เหมาะสมกับอาหยางให้" จือลู่จึงพยักหน้ารับว่านางเข้าใจแล้วอาหยางที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองเรียกคือ หลานชายของนางที่มาจากเมืองหลวง ท่านแม่ของเว่ยหยาง เป็นน้องสาวของฮูหยินท่านเจ้าเมือง มารดาของเขากังวลเรื่องที่บุตรชายไม่ยอมหาลูกสะใภ้ให้นาง พอนางจัดงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อดูตัวบุตรชายก็ปฏิเสธเสียทุกครั้งจึงจนใจไม่รู้จะจัดการเช่นใด เมื่อเว่ยหยางต้องเดินทางมาเรื่องงานที่เมืองเป่ยหาน และได้รู้จากพี่สาวว่ามีแม่สื่อมือทองที่เมืองเป่ยหาน นางจึงฝากจดหมายมาให้ฮูหยินท่านเจ้าเมืองช่วยเหลือ"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แล้วนิสัยของคุณชายเว่ยเป็นเช่นไรเจ้าคะ"ฮูหยินท่านเจ้าเมืองถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องหลานชายให้จือลู่ฟัง เว่ยหยาง บุรุษหนุ่มวัยยี่สิบสี่หนาว สนใจเพียงเรื่องตำราและวรยุทธ แม้แต่สตรีที่งามล่มเมืองก็ยังไม่ปรายตามองเมื่อฟังจบจือลู่ก็ขมวดคิ้ว "มีเพียงเท่านี้หรื

    Dernière mise à jour : 2025-02-24
  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ข้ากำลังหาหยกที่เหมือนกัน

    "คุณหนูมีเรื่องอันใดหรือขอรับ หรือมีคนลอบติดตามท่าน" หนานซงถามขึ้นอย่างกังวล"ข้าไม่รู้พี่ซง เพียงแค่ป้องกันไว้ก่อน" หนานซงรีบขับรถม้าไปที่ร้านอ้ายเสิ่นทันที"คุณหนูมีคนตามท่านมาขอรับ" หนานซงที่หางตาของเขาเห็นคนใช้วิชาตัวเบาติดตามรถม้ามาจึงเอ่ยขึ้น"ขับไปเช่นปกติ อย่าแสดงพิรุธ" เมื่อถึงหลังร้าน จือลู่ก็ลงจากรถม้าแล้วเข้าไปข้างในทันที หนานซงก็ขับรถม้าไปวนรอบเมืองตามที่จือลู่บอก แต่คนที่ติดตามไม่ได้ตามเขามา เขาจึงรีบเร่งกลับไปแจ้งให้หนานกงไปหาจือลู่ที่ร้านทันทีจือลู่เมื่อเข้าไปในร้านนางก็เข้าไปที่ห้องพักของนางแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แต่งหน้าใหม่โดยครั้งนี้นางเปิดใบหน้าทำทีเหมือนเป็นหญิงสาวที่มาใช้บริการที่ร้านอ้ายเสิ่นเดินออกจากร้านไป เสี่ยวจินที่รอว่าจือลู่จะออกมาหรือไม่ พอเห็นว่าร้านปิดแล้วนางไม่ได้กลับออกมาอีก จึงรีบกลับไปแจ้งเว่ยหยางว่าจือลู่นางพักอยู่ที่ร้าน"คุณชาย แม่นางเสิ่นพักที่ร้านขอรับ" เว่ยหยางที่ได้ยินก็เคาะนิ้วกับโต๊ะอย่างใช้ความคิด"มีผู้ใดออกจากร้านหรือไม่" เว่ยหยางเงียบไปนานก่อนที่จะถามขึ้น"มีคุณหนูหลายท่านที่ออกมาจากร้าน แต่ก่อนที่ร้านจะปิดมีท่านหนึ่งเดินออกมาจา

    Dernière mise à jour : 2025-02-24

Latest chapter

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ตอนจบ

    ภายในคุกที่ว่าการเมืองเป่ยหาน ต้าอู๋และนางกงซื่อมิรู้ว่าพวกตนถูกจับมาได้อย่างไร ชินอ๋องที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ภายนอก ก็เดินปรากฏตัวเขาไปด้านในต้าอู๋และกงซื่อเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคนใหม่คือชินอ๋องสามีที่แท้จริงของจ้าวเหยียนก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะอย่างร้อนตัวชินอ๋องพูดเรื่องที่ทั้งคู่ทุบตีจือลู่และหนิงเฉิงทั้งยังจะยกจือลู่ให้พ่อหม้ายจง ต้าอู๋กับนางกงซื่อเงยหน้ามองชินอ๋องอย่างแปลกใจ แม้นางกงซื่อจะเคยคิดเช่นที่ชินอ๋องพูด แต่นางก็ไม่ได้ทำและไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนชินอ๋องมิรอฟังคำแก้ตัวของต้าอู๋และนางกงซื่อ เขาสั่งให้ทหารโบยทั้งคู่คนละสามสิบไม้ก่อนจะเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองทางตอนใต้ของแคว้นขบวนเดินทางของชินอ๋องเสียเวลาอยู่ที่เมืองเป่ยหานเพียงห้าวันเท่านั้น นอกจากที่เขาจัดการเรื่องของต้าอู๋และนางกงซื่อแล้ว ยังให้จือลู่จัดการเรื่องร้านค้าของนาง และเติมสินค้าอย่างเต็มที่หลังจากออกเดินทางจากเมืองเป่ยหานมาได้ห้าวันก็ถึงเมืองเป่ยโจว จือลู่นางต้องไปอยู่ที่จวนของเว่ยหยาง แต่เพราะต้องปรับปรุงจวนเสียใหม่นางกับเว่ยหยางจึงอาศัยอยู่ในตำหนักเสียก่อนผ่านมาได้ครึ่งปีเรื่องมงคลของตำหนักอ๋องก็มีมาเยือน เ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   กลับเป่ยโจว

    วันต่อมา จือลู่ถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จ้าวเหยียนก็มาที่เรือนของนางเพื่อช่วยนางแต่งตัว วันงานจือลู่มิได้แต่งหน้าเอง แต่คนที่แต่งให้ก็เป็นมือหนึ่งในร้านอ้ายเสิ่นของนาง นับว่าฝีมือที่แต่งออกมาใกล้เคียงกับของจือลู่ยิ่งนักจ้าวเหยียนเป็นคนหวีผลให้จือลู่และสวมผ้าคลุมหน้าให้นาง จ้าวเหยียนหันไปปาดน้ำตา เพราะเป็นงานมงคลไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้"ลู่เออร์ ไม่ว่าเจ้าจะออกเรือนไปแล้ว อย่างไรก็เป็นลูกของข้าอยู่เสมอ" จือลู่เงยหน้ามองจ้าวเหยียนที่ดวงตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาไว้"ท่านแม่ ท่านก็คือมารดาของข้าเช่นกันเจ้าค่ะ" คำพูดของนางหากคนนอกฟังอาจจะดูแปลกๆ แต่สองคนแม่ลูกล้วนเข้าใจกันอย่างดี จือลู่กอดเอวของจ้าวเหยียนแน่น ก่อนจะปล่อยให้นางได้ออกไปจัดการเรื่องด้านหน้าตำหนักเสียงฆ้องดังมาแต่ไกล ขบวนเจ้าบ่าวที่มารับเจ้าสาวยาวเหยียดจะมองไม่เห็นท้ายขบวน สินเดิมของเจ้าสาวที่กองไว้เพื่อนำออกจากตำหนักก็มากมายเสียทำให้คนอิจฉาตาร้อนเว่ยหยางพาจือลู่คำนับชินอ๋องกับจ้าวเหยียนก่อนจะพานางออกไปจากตำหนัก หนิงเฉิงแบกพี่สาวไปส่งที่เกี้ยวแปดคนหามหลังงาม จ้าวเหยียนยืนมองส่งจือลู่ด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ชินอ๋องจึ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ข้าควรจะจัดการเจ้านานแล้ว

    ชินอ๋องเมื่อเห็นจ้าวเหยียนปลอดภัยแล้ว นางเพียงหลับไปเพราะอ่อนเพลียจึงได้ออกมาดูบุตรทั้งสาม ก็เห็นว่าจือลู่และหนิงเฉิงเฝ้าน้องของพวกเขาอยู่"ท่านพ่อ ดูน้องของข้า เหตุใดถึงได้น่าเกลียดเช่นนี้ขอรับ" หนิงเฉิงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าน้องสาวคนเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ส่วนน้องชายทั้งสองล้วนแล้วแต่น่าเกลียดในสายตาของเขา"ตอนเจ้าเกิดเจ้าก็น่าเกลียดเช่นนี้" จือลู่หยอกเย้าน้องชายของตน นางก็กำลังเขี่ยแก้มของเด็กแฝดทั้งสามชินอ๋องมองลูกทั้งสามที่นอนหลับอยู่อย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาจะอุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้นมา "ฉีซิงเยียน""ซิงเยียน น้องต้องงดงามกว่าพี่หญิงแน่นอนขอรับ" หนิงเฉิงพูดขึ้น จือลู่หันไปมองสองพ่อลูกที่เห่อน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเอือมๆแฝดคนโตชื่อ หนิงเทียน คนรองชื่อหนิงหวง ทั้งคู่มีคำว่าหนิงเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา"ท่านพี่ ลูกเล่าเจ้าคะ" กว่าจ้าวเหยียนจะตื่นก็เข้าสู่อีกวันแล้ว นางลืมตาก็ถามหาบุตรทั้งสามที่นางเพิ่งคลอด เพราะก่อนที่จะหมดสติไปนางรู้เพียงว่าเด็กทั้งสามล้วนแล้วแต่แข็งแรงดีชินอ๋องให้แม่นมพาบุตรทั้งสามเข้ามาให้จ้าวเหยียนได้ดู และบอกนางถึงชื่อที่เขาตั้งให้บุตรทั้งสาม"เจ้าพักผ่อนเสียให้

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   คลอดบุตร

    เว่ยหยางรีบกลับจวนพร้อมนำข่าวไปแจ้งให้บิดามารดาส่งแม่สื่อไปที่ตำหนักอ๋องข่าวเรื่องที่ตระกูลเว่ยส่งแม่สื่อล่วงรู้ไปถึงองค์ชายรอง ก่อนที่เขาจะออกจากวังไปจัดการกับเว่ยหยางก็โดนฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ"เจ้ารอง เจ้ามั่นใจมากเพียงใดที่จะจัดการกับแม่ทัพเว่ย" ฮ่องเต้ยกชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น เหมือนเรื่องที่พระองค์ถามบุตรเป็นเพียงเรื่องดินฟ้าอากาศ"เสด็จพ่อ ท่านพระราชทานสมรสให้ลูกได้" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ"เจ้ากล้ามีเรื่องกับชินอ๋องใช่หรือไม่" ฮ่องเต้จ้องบุตรชายอย่างดุดัน"ลูก ลูก เสด็จพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ ชินอ๋องจะมีอำนาจมากกว่าท่านได้อย่างไร""โง่เขลานัก" ฮ่องเต้ขว้างถ้วยน้ำชาลงพื้นอย่างมีโทสะ"หากน้องห้าต้องการบัลลังก์ เจ้าคิดหรือว่าเจิ้นจะได้นั่งเช่นทุกวันนี้" เพราะน้องชายของเขามิคิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และช่วยเหลือเขาจนได้นั่งบัลลังก์เช่นทุกวันนี้ เรื่องทุกเรื่องชินอ๋องไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่ง หากพระองค์เข้าไปจัดการเรื่องในตำหนักคงได้เกิดปัญหาแน่"หากเจ้ายังคิดว่าตนเองต่อกรได้ เจิ้นก็ไม่ห้าม ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นเจิ้นมิอาจช่วยเหลือเจ้าได้""เสด็จพ่อ" องค์ชายรองตกใจ เพราะไม่ว่าสิ่งใดเสด็จพ่อเสด็จแ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ข้าสาบานด้วยชีวิต

    ฮองเฮาที่ต้องการผูกสัมพันธ์กับชินอ๋องจึงอยากได้จือลู่มาเป็นพระชายาให้กับองค์ชายรอง เพราะฮ่องเต้ย่อมถามความคิดเห็นของชินอ๋องเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทหากองค์ชายรองได้แต่งจือลู่ ชินอ๋องย่อมต้องเข้าข้างบุตรเขยของตนเพื่อให้บุตรสาวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคต เมื่อเห็นว่าชินอ๋องจะขอตัวกลับแล้ว ฮองเฮาจึงพูดเรื่องหมั้นหมายขึ้นมาอีกครั้ง"กระหม่อมยังมิคิดให้ลู่เออร์ออกเรือนพ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะพาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองกลับตำหนัก"ท่านพี่ข้าคิดว่าฮองเฮาคงไม่ยอมหยุดเรื่องของลู่เออร์" จ้าวเหยียนเอ่ยด้วยความกังวล"มีข้าอยู่นางจะทำอันใดได้" ชินอ๋องกอดปลอบจ้าวเหยียน เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้าอย่างใช่ความคิดเว่ยหยางที่รู้เรื่องฮองเฮาต้องการทาบทามจือลู่ให้องค์ชายรองก็ร้อนใจจนมาที่ตำหนักอ๋องแต่เช้า"เปิ่นหวางไม่ได้เรียกเจ้ามิใช่หรือท่านแม่ทัพเว่ย" เขาปรายตามองบุรุษหน้าหนาที่ร้อนใจมาที่ตำหนักแต่เช้า"กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องเดินนำเว่ยหยางไปที่ห้องตำรา เพราะเขารู้ดีว่าเว่ยหยางมาด้วยเรื่องอันใด"ว่ามา" ชินอ๋องนั่งลงแล้วเอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมองเว่ย

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   จัดการตระกูลเซี่ย

    วิญญาณดวงใหม่เข้ามาแทนที่ ชินอ๋องจ้องมองภาพตรงหน้าอยากแปลกใจ เมื่อจือลู่ที่มาจากอีกภพลืมตาขึ้น สิ่งที่นางพึมพำออกมาชินอ๋องรู้ได้ทันทีว่านี่คือจือลู่ที่มาอีกภพหนึ่ง"ท่านพี่ ท่านพี่" เสียงเรียกของจ้าวเหยียนปลุกให้ชินอ๋องตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายของเขา"เหยียนเหยียน" ชินอ๋องลูบไปที่ใบหน้าของนาง ก่อนจะดึงนางเข้ามาสวมกอดแล้วร้องไห้เงียบๆ"ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ ฝันเรื่องอันใดถึงได้เป็นเช่นนี้" จ้าวเหยียนมองชินอ๋องอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนจึงทำให้นางตื่นขึ้นมาชินอ๋องเล่าเรื่องความฝันของเขาให้จ้าวเหยียนฟัง พอถึงตอนที่ต้องเสียน้องและจือลู่เสียงของเขาสั่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง"ท่านพี่หากข้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่ท่านฝันคือเรื่องจริงท่านจะเชื่อหรือไม่" จ้าวเหยียนจับใบหน้าของชินอ๋องแล้วจ้องมองเขาอย่างจริงจังนางเล่าเรื่องที่นางเสียชีวิตลง และได้ไปอยู่ที่ภพใหม่ แม้ชินอ๋องจะรู้แล้ว แต่เรื่องที่นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดของพวกเขาเป็นเพียงแค่นิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางจบชีวิตลงเป็นเช่นที่เขาเห็นความรันทดของบุตรทั้งสองเป็นเรื่องจริง ที่ครั้

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ภาพฝัน

    เมื่อถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้ หวังกงกงก็รีบพาชินอ๋องเข้าไปด้านใน ฮ่องเต้ที่เห็นน้องชายที่ไม่ได้พบหลายปีก็เรียกให้เข้าไปหาอย่างเร็ว แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยกัน เสียงร้องของเสียนเฟยที่ดังอยู่หน้าตำหนักก็ดังเข้ามาถึงด้านใน"พระองค์จะทำให้นางเงียบเสียงลงหรือให้กระหม่อมช่วยทำให้นางเงียบ" ชินอ๋องหมุนจอกน้ำชาเล่นแล้วถามด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย"หวังกงกง" ฮ่องเต้รีบโบกมือให้หวังกงกงไปจัดการส่งเสียนเฟยกลับตำหนักและอย่าได้เสนอหน้ามาอีก"เกิดเรื่องอันใดขึ้นน้องห้า" ชินอ๋องเล่าเรื่องที่เสนาบดีเกาส่งมือสังหารไปลอบทำร้ายเขาและครอบครัวให้ฮ่องเต้ฟัง"เหอะ โง่เขลานัก" ฮ่องเต้สบถขึ้นเสียงดัง เพราะเหตุการณ์แย่งชิงบัลลังก์ทำให้เสนาบดีเการอดพ้นหายนะมาได้ แต่ดันหาเรื่องตายไม่เลิกฮ่องเต้เขียนพระราชโองการสั่งให้ประหารเสนาบดีเกา และยึดทรัพย์จวนเกาพร้อมทั้งเนรเทศคนในตระกูลทั้งหมด โทษฐานลอบสังหารเชื้อพระวงศ์เมื่อได้ยินราชโองการของฮ่องเต้ ชินอ๋องก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น เขายังร่วมดื่มสุรากับพี่ชายอยู่นานสองนาน พูดคุยเรื่องที่ผ่านมาและเรื่องที่หาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองพบกลับถึงตำหนักก็พบว่าจ้าวเหยียนนางเข้านอนเร

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   เยือนจวนตระกูลเกา

    ชินอ๋องที่อยู่ด้านนอกก็คลายความกังวลลง และเปลี่ยนมาเป็นยินดีแทน เพราะเขาที่ชนะสงครามแล้วยังมีข่าวมงคลเกิดขึ้นอีก จึงให้กุนซือไปประกาศเมื่อกลับถึงค่ายทหารที่เมืองเป่ยโจว พระองค์จะเลี้ยงมื้อใหญ่ให้กับทหารทุกนายเพราะจ้าวเหยียนตั้งครรภ์ คนขับรถมาจำต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น การเดินทางจากที่สองวันต้องถึงจึงช้าออกไปเป็นถึงในวันที่สาม จือลู่และหนิงเฉิงก็ได้ออกมารอรับบิดามารดาอยู่ที่หน้าประตูเมืองเมื่อทั้งคู่ได้รู้เรื่องที่มารดาตั้งครรภ์ก็รีบไปดูนางที่รถม้าด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมารดาที่ปกติต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ"ท่านแม่ ท่านเรียกให้หมอมาจ่ายยาดีหรือไม่ขอรับ" หนิงเฉิงที่เป็นกังวลกลัวว่าน้องของตนจะไม่แข็งแรง"เฉิงเออร์เจ้าลืมไปหรือไร ว่าท่านแม่มียาของนางเอง" จือลู่เอ่ยขึ้น และเป็นเช่นที่นางพูด เพราะภายในกล่องของจ้าวเหยียนเวลานี้มียาบำรุงครรภ์ให้นางมากมาย"ข้าลืมไปขอรับ" เขาเกาหัวอย่างแก้เก้อ"ลู่เออร์ เฉิงเออร์ เจ้าพามารดากลับตำหนักไปเสียก่อน พ่อมีเรื่องที่ต้องหารือเพิ่มประเดี๋ยวตามพวกเจ้าไปทีหลัง" ชินอ๋องส่งลูกกับเมียกลับตำหนักก็ต้องมาหารือเรื่องที่ต้องเดินทางเข้าเมืองหลว

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   จะเกิดอันตรายหรือไม่

    ชินอ๋องไม่รอคำตอบเขาดึงจ้าวเหยียนเข้ามาในอ้อมอก และชักกระบี่และฟันลงไปที่แขนของทหารที่ลอบเข้ามาทั้งสองข้าง เสียงร้องของทั้งสองคนเรียกให้คนอื่นรีบมาดู"ลากพวกมันไป" องครักษ์ของชินอ๋องเข้าไปถอดกรามก่อนที่ทั้งคู่จะกัดพิษในปากชินอ๋องพาจ้าวเหยียนไปส่งที่กระโจมและกำชับให้องครักษ์ของตนคอยดูแลนางที่หน้ากระโจมก่อนที่เขาจะไปสอบสวนสายลับของแคว้นหนานทั้งสองคนนับจากนั้นจ้าวเหยียนนอกจากมีพานเยว่ติดตามแล้วก็มีองครักษ์ของชินอ๋องอีกสองคนค่อยติดตามนาง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชินอ๋องจึงเร่งออกรบเร็วขึ้น เรื่องเสบียงก็ไม่ต้องกังวล จือลู่นางส่งมาให้ไม่ขาด แถมยังมีของบิดามารดาและเว่ยหยางอีกสองคันรถด้วยจ้าวเหยียนเมื่อเห็นของที่จือลู่ส่งมาให้ก็หลุดหัวเราะออกมา เพราะนางส่งกันแดดและครีมบำรุงมาให้จ้าวเหยียนด้วยเสียมากมาย ชินอ๋องมองพระชายาของตนดูของที่บุตรีฝากมาให้อย่างมึนงง เมื่อรู้ว่าคือสิ่งใดเขาก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้แต่ที่เขาไม่พอใจคือนอกจากตนและจ้าวเหยียนจะได้ของจากจือลู่แล้ว เว่ยหยางก็ยังได้ด้วย เพียงแต่ของเว่ยหยางเป็นเสื้อกันหนาวและผ้าห่ม ชินอ๋องที่เห็นก็แทบจะเข้าไปแย่งมาเก็บไว้แต่ก็โดนจ้าวเหยียนดึงรั

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status