บทที่ 24 อิงเอ๋อร์“อิงเอ๋อร์ เหตุใดต้องมากพิธีกับข้าด้วยเล่า เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ็บตรงไหนหรือไม่ แล้วใครกันที่กล้ามารังแกเจ้ากันหรือ” โจวอี้เสวียนพูดกับฮวาอิงหลงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สายตาเป็นห่วงเป็นใยที่ส่งให้กับนางอย่างไม่คิดปิดบัง แถมยังถือวิสาสะเข้ามาจับแขนของฮวาอิงหลงอย่างสนิทสนม แต่กลับกันในท้ายคำพูดเขาราวกับเชือดเฉือนใส่คนด้านข้าง โจวอี้เสวียนปรายตามองหญิงสาวทั้งสองและเถ้าแก่เนี้ยด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ ในขณะที่พวกเขาก็ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งเพียงเท่านั้น“เรียนท่านอ๋อง พวกเราเพียงแค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ขอท่านอ๋องอย่าได้ถือสาเลยเจ้าค่ะ” เฉินเฉียวเหยารีบกล่าวออกหน้าเพื่อแก้สถานการณ์ดังกล่าว การทำให้โจวอี้เสวียนโกรธเคืองย่อมไม่ส่งผลดีต่อพวกเขาเป็นแน่“ใช่เจ้าค่ะ พวกเราแค่แวะทักทายคุณหนูฮวาก็เพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้” สุยหยางเจินรีบผสมโรงทันที หากแต่สายตาที่มองฮวาอิงหลงนั้นราวกับต้องการกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้“ช่างเถอะ ข้าไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวของใครทั้งนั้น แต่จงจำไว้หากวันหน้าใครกล้ารังแกนาง คนผู้นั้นย่อมเป็นศัตรูของข้าเช่นกัน” โจวอี้เสวี
บทที่ 25 ไต้ซือป๋อหยวน“อิงเอ๋อร์ นั่นโรงเตี๊ยมหรูเฟ่ย เจ้ายังจำได้หรือไม่ในตอนที่พวกเราชอบมาเที่ยวเล่นกันตอนนั้นเจ้าชอบขนมเซาปิ่งของที่นี่มาก เจ้ายังรบเร้าข้าหลายต่อหลายครั้งให้ข้าพาเจ้ามาที่นี่” โจวอี้เสวียนหันไปชี้ตรงโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่เหล่าชนชั้นสูงมักจะมาพบปะสังสรรค์กัน“ขนมเซาปิ่งงั้นหรือ...ข้าชักอยากลองชิมเสียหน่อย” ฮวาอิงหลงหันไปบอกโจวอี้เสวียนด้วยความตื่นเต้น“เช่นนั้นพวกเราแวะทานข้าวกันเสียที่นี่ดีหรือไม่” โจวอี้เสวียนรีบยื่นขอเสนอทันที“เช่นนั้นเชิญท่านอ๋องเจ้าค่ะ” ฮวาอิงหลงรับคำโดยไม่คิด ตอนนี้ท้องของนางเริ่มประท้วงขึ้นมาจากความหิวเสียแล้วโจวอี้เสวียนยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นท่าทีของฮวาอิงหลงดูผ่อนคลายกับเขามากขึ้น ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมตรงหน้า เสี่ยวเอ้อรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมพาไปยังห้องรับรองส่วนตัวทันทีพวกเขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยม ห้องขนาดเล็กถูกจัดแบ่งเป็นสัดส่วน สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ภายในห้องจัดตกแต่งอย่างหรูหราและดูเงียบสงบ“จัดสำรับมาให้พวกข้า และเตรียมขนมเซาปิ่งมาด้วย” โจวอี้เสวียนสั่งเสี่ยวเอ้อทันที จากนั้นก็รีบรินน้ำชายื่นให้ฮวาอิงหลง
บทที่ 26 ลิขิตฟ้างั้นหรือฮวาอิงหลงและโจวอี้เสวียนเดินตรงเข้าไปภายในห้องรับรอง ชายชราผมยาวสีขาวยืนรอพวกเขาด้วยท่าทางสงบนิ่งดูน่าเคารพและยำเกรง“เชิญท่านทั้งสอง ไต้ซือป๋อหยวนรอท่านอยู่นานแล้ว” หลวงจีนน้อยกล่าวก่อนจะน้อมตัวและเดินออกจากห้องไป“คารวะไต้ซือ” โจวอี้เสวียนและฮวาอิงหลงคำนับด้วยความเคารพ“ข้าน้อยป๋อหยวน คารวะท่านทั้งสอง สีกามาในวันนี้คงมีเรื่องร้อนใจใช่หรือไม่” ไต้ซือป๋อหยวนเอ่ยทักขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและทว่ากลับดูทรงพลัง ฮวาอิงหลงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้สตินางจึงหันไปมองโจวอี้เสวียนอย่างลำบากใจ เขาเห็นท่าทางดังกล่าวก็เข้าใจโดยทันที “เช่นนั้นข้าจะออกไปรอด้านนอก หากเจ้าเสร็จธุระแล้วก็ไปหาข้าแล้วกัน” โจวอี้เสวียนพูดพร้อมหันหลังเดินออกไปเมื่อได้อยู่ตามลำพังสองคน ฮวาอิงหลงก็ยืนนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูก นางกำสองมือแน่นด้วยความคิดสับสนมากมาย “ท่านไต้ซือ...ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับข้าใช่หรือไม่” ฮวาอิงหลงถามออกไปด้วยความสงสัยและหวาดระแวงไต้ซือป๋อหยวนยังคงทำหน้าเรียบเฉย กล่าวด้วยน้ำเสียงเพียงแผ่วเบา “ลิขิตสวรรค์ย่อมไม่อาจหนีพ้น หากสีกามีใจมุ่งมั่น ทุกสิ่งย่อมผ่านพ้นไปได้”ฮวาอ
บทที่ 27 ร่างกายเจ้าเป็นของข้าฮวาอิงหลงเดินเข้าไปภายในห้องนอน นางเห็นฟางซินเย่กำลังนั่งหน้าถมึงทึง จ้องมองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เสี่ยวม่านรีบย่อตัวคำนับทั้งสองก่อนจะเดินออกจากห้อง พร้อมปิดประตูอย่างมิดชิด“ท่านพี่เหตุใดวันนี้กลับมาเร็วนักเจ้าคะ” ฮวาอิงหลงปรับสีหน้าและท่าทาง พร้อมเดินเข้ามาโอบกอดเขาด้วยท่าทางออดอ้อน“วันนี้เจ้าไปที่ใดมา” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของฟางซินเย่ ทำเอาฮวาอิงหลงถึงกับขนลุกชัน ซินหยวนจงคงรายงานเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเป็นแน่“วันนี้ข้าไปเดินเล่นที่ตลาดเจ้าค่ะ ตอนที่ข้ากำลังเลือกชาดอยู่ก็ได้พบกับคุณหนูเฉินและคุณหนูสุย พวกเรามีปากเสียงกันเล็กน้อย โชคดีที่ได้ท่านอ๋องโจวอี้เสวียนเข้ามาช่วยเหลือไว้ มิเช่นนั้นวันนี้ท่านคงได้พบข้าที่ศาลาว่าการเป็นแน่” ฮวาอิงหลงพูดออกมาพร้อมปรายตาหวานเยิ้มให้กับฟางซินเย่“โจวอี้เสวียน” ฟางซินเย่พึมพำออกมา ชื่อของบุคคลคนนี้ทำเอาเขาถึงกับหน้านิ่วลงไปอีกหนด้วยความรู้สึกหึงหวงและไม่พอใจ“ดังนั้นเจ้าเลยตอบแทนด้วยการไปเที่ยวเล่นกับท่านอ๋องอย่างนั้นรึ” ฟางซินเย่ ถามออกมาอย่างประชดประชัน“มิได้เจ้าค่ะ ข้าเพียงต้องการไปไหว้พระที่อาราม ท่านอ๋องจึงอ
บทที่ 28 รางวัลฮวาอิงหลงลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนรุ่งสาง นางรู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อคืนฟางซินเย่แทบไม่ได้รบกวนนางอีกเลย ฮวาอิงหลงขยับตัวขึ้นมองใบหน้าคมสันที่ยังคงหลับสนิท เสียงลมหายใจเป่ารดอย่างสม่ำเสมอ ฮวาอิงหลงถึงกับอมยิ้มออกมา อยากรู้สึกปลาบปลื้มใจฮวาอิงหลงพลิกตัวขึ้นเกยก่ายบนร่างใหญ่ ก่อนจะยกมือบางขึ้นลูบไล้ใบหน้า ของฟางซินเย่ นิ้วชี้ไล้ไปตามหน้าผาเลื่อนลงไปตามสันจมูกโด่งก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากหนาฟางซินเย่ขยับตัวพร้อมปรือตาลืมขึ้น สองมือโอบกอดร่างบางเข้าหาลำตัวโดยอัตโนมัติ “ตื่นแล้วหรือ” เขาพูดไปพลางมือร้อนก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของนางไปพลาง แท่งร้อนแข็งชันขึ้นสัมผัสกับหน้าท้องแบนเรียบของนางฮวาอิงหลงยิ้มกริ่มขึ้นมา นางใช้หลังมือลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างหลงใหล “ท่านพี่น่ารักต่อข้าเช่นนี้ ข้าย่อมต้องมีรางวัลมอบให้ท่านเป็นแน่”ฟางซินเย่ยักคิ้วขึ้นพร้อมมองหน้าฮวาอิงหลงด้วยความสนใจในท่าทีของนางฮวาอิงหลงยื่นหน้าพร้อมจูบเขา ลิ้นร้อนหยอกล้อไปตามริมฝีปากหนาทั้งบนล่างอย่างซุกซน ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปาก ทั้งสองเกี่ยวกระวัดกันไปมาอย่างหยอกเย้า อารมณ์ปรารถนาพลุ่งพล่านขึ้นมา ลมหายใจร
บทที่ 29 คนของข้าขณะที่ฟางซินเย่กำลังนั่งตรวจเอกสารรายการการศึกที่ซินหยวนจงนำมามอบให้อยู่นั้น พลันพ่อบ้านก็เดินกระหืดกระหอบเข้ามาภายในห้องด้วยความเร่งรีบ“นายท่าน ท่านอ๋องโจวอี้เสวียนมาขอพบขอรับ”ฟางซินเย่เงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แววตาทอประกายความเคร่งเครียด คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันจนเป็นปมด้วยความรู้สึกกังวลใจ“เจ้าไปเชิญท่านอ๋องที่เรือนรับรองก่อน อีกสักครู่ข้าตามไป” ฟางซินเย่ออกคำสั่งพร้อมกำหมัดในมือแน่น เขาข่มความรู้สึกโกรธขึ้งเอาไว้ก่อนจะถอนหายใจออกมาฟางซินเย่หันไปสั่งการกับซินหยวนจงอยู่อีกสองสามประโยค ก่อนจะสะบัดชายเสื้อและเดินตรงไปยังเรือนรับรองในเวลาต่อมาทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในเรือนรับรอง ฟางซินเย่จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเพ่งพินิจ ภาพทรงจำในวัยเยาว์ผุดขึ้นมาในหัวของเขาโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มตรงหน้าคือคนรักเก่าที่ฮวาอิงหลงเคยรักใคร่และผูกพันมาแต่ก่อน เขากัดฟันกรอดด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจฟางซินเย่ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะโน้มตัวคำนับโจวอี้เสวียน “คารวะท่านอ๋อง”“คารวะท่านแม่ทัพฟาง” โจวอี้เสวียนโน้มตัวรับการทักทาย “ท่านแม่ทัพวันนี้ข้ามาหาเจ้าด้วยมีเรื่องต้องการจะปรึกษา” เข
บทที่ 30 เลือกข้างเสี่ยวม่านค่อยๆ เดินตรงไปหาฮวาอิงหลงที่ยังคงนอนหลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย เสี่ยวม่านเอื้อมมือขึ้นเพื่อสะกิดฮวาอิงหลงอย่างนึกเกรงใจ“คุณหนู...คุณหนูเจ้าขา” เสียงเรียกของเสี่ยวม่านทำให้ฮวาอิงหลงปรือตาขึ้นมองนาง “เสี่ยวม่านข้ายังอยากนอนต่ออีกสักหน่อย เจ้ามีอะไรงั้นหรือ” เสียงงัวเงียดังออกมาอย่างนึกรำคาญก่อนจะขยับกายหันหลังให้เสี่ยวม่าน“คุณหนู...สาวใช้มารายงานว่าท่านอ๋องโจวอี้เสวียนต้องการมาไถ่ตัวท่าน ตอนนี้กำลังมีปากเสียงกับท่านแม่ทัพอยู่เจ้าค่ะ” เสี่ยวม่านรีบรายงานออกไปฮวาอิงหลงถึงกับหันกลับมามองเสี่ยวม่านอีกครั้งอย่างเต็มตา นางเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แม้นางจะพอเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแต่นางก็ไม่คิดว่าโจวอี้เสวียนจะใจร้อนและรวดเร็วเช่นนี้“ข้าเข้าใจแล้ว” ฮวาอิงหลงขยับกายลุกขึ้นพร้อมบิดตัวไล่ความเมื่อยขบที่มี จากนั้นนางจึงลุกลงจากเตียง และจัดการตัวเองจนเป็นที่เรียบร้อยสาวใช้ที่รออยู่ด้านหน้าด้วยความกังวล นางเดินวนไปวนมาอย่างรู้สึกร้อนรน เมื่อเห็นฮวาอิงหลงเปิดประตูออกมา นางก็ทำหน้าดีใจยิ่งนัก “แม่นางฮวาเชิญทางนี้เจ้าค่ะ”ฮวาอิงหลงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหล
บทที่ 31 ราชโองการเมื่อโจวอี้เสวียนออกจากจวนไป ฮวาอิงหลงถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจฟางซินเย่เห็นดังนั้นก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา “ท่าทางท่านอ๋องเช่นนี้ ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เป็นแน่” ฟางซินเย่พูดพลางถึงฮวาอิงหลงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ท่าทางดั่งคนที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษทำให้ฮวาอิงหลงถึงกับมองค้อนเขาอย่างหมั่นไส้ “ท่านพี่พูดเช่นนี้แล้วยังจะใจเย็นอยู่อีกงั้นหรือ”“ขอเพียงเจ้าเลือดยืนเคียงข้างข้า ทุกสิ่งข้าจะจัดการให้เรียบร้อยเอง” ฟางซินเย่มีท่าทีเปลี่ยนไป เสียงเข้มที่เปล่งออกมาพร้อมคำพูดที่ดูจริงจัง“เช่นนั้นข้าก็ค่อยรู้สึกเบาใจ” ฮวาอิงหลงตอบกลับ ในขณะที่สายตากลับแสดงออกถึงความวิตกกังวลใจฟางซินเย่กอดกระชับร่างบางเอาไว้แนบอก “อย่าวิตกกังวลไปเลย เจ้าเหนื่อยมากแล้วกลับไปพักที่เรือนเถิด”อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นทำเอาฮวาอิงหลงถึงกับยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ แม้ว่านางจะเลือกฟางซินเย่เพราะคิดว่าเป็นเส้นทางที่เสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับนาง แต่ทว่าเมื่อได้อยู่กับเขามากขึ้นทุกวัน ฟางซินเย่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจนทำให้หัวใจของนางสั่นไหวมากขึ้นทุกทีๆหลังจากวันนั้นเป็นต้
บทที่ 72 เริ่มต้นวันใหม่ค่ำคืนอันเงียบสงบ แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างที่เปิดออกเล็กน้อย ลมพัดเบาๆ พาเอากลิ่นหอมของดอกเหมยที่บานสะพรั่งอยู่รอบจวนลอยมาแตะจมูก ภายในห้องนอนใหญ่ท่ามกลางแสงสลัวนั้น ฟางซินเย่นอนมองหน้าฮวาอิงหลงนอนคุดคู้อยู่บนเตียง นางดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้นเมื่อแสงจันทร์ตกกระทบบนใบหน้าที่ผุดผาดฮวาอิงหลงยิ้มยั่วยวนเมื่อเห็นสายตาของฟางซินเย่ที่มองมาด้วยความปรารถนาอันเร่าร้อนที่ไม่อาจซ่อนเร้น“อิงเอ๋อร์...” ฟางซินเย่ยื่นมือขึ้นลูบไล้ไปตามลำแขนขาวก่อนจะไล่ลงมาตามลำตัวจนกระทั่งถึงหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมา “พ่อเจ้าต้องการแม่เจ้าเหลือเกิน เจ้าอนุญาตหรือไม่” ฟางซินเย่เพ้อออกมาด้วยเสียงกระเส่า เขาพูดไปพลางปรายตามองฮวาอิงหลงด้วยสายตากรุ้มกริ่มฮวาอิงหลงยิ้มเขินออกมาอย่างรู้ทัน นางโน้มตัวขึ้นเกยบนร่างหนาของฟางซินเย่ในทันที สองมือของฟางซินเย่ช้อนร่างบางขึ้นคร่อมตัวเขาอย่างระมัดระวังด้วยเกรงจะกระทบถึงบุตรในท้องฟางซินเย่หยัดกายขึ้นเล็กน้อยพร้อมสองมือที่ยังคงลูบไล้ไปตามหน้าอกอิ่มนูนของฮวาอิงหลงอย่างหลงใหล ลมหายใจเริ่มติดขัดขึ้นมาพร้อมกับปากที่เป่าลมร้อนออกอย่างต้องการสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ฮว
บทที่ 71 อำลาเมืองหลวงเสียงกลองและแตรสัญญาณดังกึกก้องไปทั่วบริเวณลานวังหลวง ขันทียกราชโองการขึ้นประกาศ “ฮ่องเต้มีราชโองการ ด้วยบุญบารมีของราชวงศ์โจวทำให้เชื้อพระวงศ์กลับคืนสู่ราชวงศ์ ข้าขอแต่งตั้งฟางซินเย่เป็นองค์ชายโจวซินเย่ แต่งตั้งฮวาอิงหลงเป็นพระชายาอ๋อง และแต่งตั้งเฉินเม่าเป็นองค์หญิงโจวเหยาหยาง จบราชโองการ” ฟางซินเย่โน้มรับราชโองการด้วยใบหน้าเรียบสงบ เผยให้เห็นความสง่าผ่าเผยอยู่ในที ในขณะที่ฮวาอิงหลงและเฉินเม่ากลับแสดงสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งเกร็งด้วยความตื่นเต้นกังวลกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ จากสาวใช้ในจวนแม่ทัพคนหนึ่งได้เป็นองค์หญิง ส่วนอีกคนได้เป็นพระชายาอ๋องช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งนักหลังเสร็จสิ้นการประกาศแต่งตั้งเฉินเม่าก็ได้ย้ายไปอยู่ที่จวนโจวหนานเอ๋อร์ ผู้เป็นมารดาของนาง ทว่าสำหรับฟางซินเย่นั้นกลับเลือกที่จะขอพำนักที่จวนแม่ทัพตามเดิมโจวหนานเอ๋อร์แม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจมากนัก แต่ก็ไม่ต้องการหักหาญน้ำใจของบุตรชาย นางจึงเพียงกำชับฮวาอิงหลงให้หมั่นไปเยี่ยมเยียนตนที่จวนให้บ่อยครั้งในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ฟางซินเย่และฮวาอิงหลงเดินทางไปยังจวนฉางกงจู่ โจวหนานเอ๋อร์และเฉ
บทที่ 70 ลูกของข้าราชโองการถูกประกาศปล่อยตัวฟางซินเย่ในวันต่อมาโดยทันที ในที่สุดฟางซินเย่ก็ถูกปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขังมาเป็นเวลาหลายวันเมื่อฟางซินเย่ได้รับอิสรภาพ เขาก้าวออกจากคุกด้วยความมุ่งมั่นและดวงตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงฮวาอิงหลง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความถวิลหานาง ดั่งว่านี่คือการเดินทางที่ยาวนานที่สุดของชีวิตเขา“อิงเอ๋อร์...ข้าไม่ยอมสูญเสียเจ้าไปเป็นอันขาด” ฟางซินเย่กล่าวกับตนเองขณะที่ก้าวขึ้นม้าด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะพุ่งตรงไปยังจวนอ๋องเมื่อฟางซินเย่ถึงจวนอ๋อง เขาปรี่ตรงเข้าไปหาโจวอี้เสวียนในทันที สองมือกุมคอเสื้อของโจวอี้เสวียนอย่างไม่นึกหวั่นเกรงสิ่งใดอีกต่อไป ดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะที่มี พร้อมกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงกัดฟันกรอด “อิงเอ๋อร์...อยู่ที่ใด”โจวอี้เสวียนหันมามองเขาด้วยดวงตาเย็นชา ใบหน้าของชายหนุ่มที่พรากหัวใจของหญิงสาวคนรักของตนไปทำให้เขานึกครึ้มอย่างจะกลั่นแกล้งฟางซินเย่อีกสักหน่อย โจวอี้เสวียนยิ้มเยาะขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ...เหตุใดข้าต้องตอบคำถามเจ้าด้วยเล่า”คำพูดยียวนทำเอาฟางซินเย่ถึงกับบันดาลโทสะ เขาง้างมือขึ้นเตรียมจะชกหน้าโจวอี้เสวียน แต่องครักษ์ข้างกายของโจวอ
บทที่ 69 ฝืนยอมรับในท้องพระโรงที่โอ่โถง บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดัน โจวจางเย่วประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าเข้มขรึมและดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว โจวอี้เสวียนที่ยืนหน้าเครียดอยู่ด้านข้าง ทั้งสองกำลังถกเถียงกันอย่างดุดัน“อี้เสวียน...เจ้าช่างบังอาจนัก เจ้ากล้าทำเรื่องเช่นนี้เพียงเพื่อสตรีนางเดียวอย่างนั้นหรือ” โจวจางเย่วชี้นิ้วไปยังโจวอี้เสวียนด้วยความเกรี้ยวกราดโจวอี้เสวียนยืนนิ่งเงียบแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความดื้อรั้น “ข้าไม่มีทางเลือก ในเมื่อเสด็จพ่อมิทรงทำสิ่งใด เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องหาทางของข้าเอง”“เจ้านี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก” โจวจางเย่วแค่นเสียงออกมาด้วยความขัดเคืองใจ “ความรักของเจ้าทำให้เจ้าลืมเลือนความเป็นบุตรหลานแห่งราชวงศ์แล้วหรือ เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้ามีสถานะเช่นใด เจ้าลืมแล้วหรือว่าบัลลังก์แห่งนี้วันหน้าต้องเป็นของเจ้า เจ้ากลับผิดแผนชั่วเพื่อแย่งชิงภรรยาผู้อื่น เช่นนั้นต่อไปจะมีผู้ใดในแคว้นเคารพและนับถือเจ้า จะมีผู้ใดยอมรับใช้ถวายหัวให้กับเจ้า แม่ทัพฟางเป็นเสาหลักของแคว้น หากเจ้ากำจัดเขาทิ้ง เจ้าคิดหรือว่าบัลลังก์แห่งนี้จะมั่นคงอยู่ได้”โจวอี้เสวียนกัด
บทที่ 68 พบพานภายในห้องขังที่แสนอับชื้นและเหน็บหนาว เสียงกุญแจที่บานประตูคุกหลวงสะท้อนเสียงดังไปทั่ว ฟางซินเย่ที่นั่งพิงผนังหินเย็นเฉียบตาแดงก่ำมองดูหนังสือหย่าที่เพิ่งได้รับ มือของเขาสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ริมฝีปากแห้งผากเผยอเบาๆ ออกมาราวกับจะกล่าวคำใด แต่ทุกคำกลายเป็นเพียงเสียงหายใจที่ตัดรอน “อิงเอ๋อร์...” ฟางซินเย่พร่ำเอ่ยชื่อของฮวาอิงหลงออกมาด้วยดวงตาสั่นไหวที่คงความขมขื่นไว้ในห้วงแห่งความโศกเศร้า“อิงเอ๋อร์...เหตุใดต้องทำเช่นนี้เพื่อข้า” ฟางซินเย่คร่ำครวญออกมา ใบหน้าเปลี่ยนสีแดงก่ำราวกับเปลวเพลิงร้อนรุ่ม “เจ้ายอมแต่งงานกับโจวอี้เสวียนเพียงเพื่อรักษาชีวิตข้า...ข้าคือผู้ชายที่ไร้ค่าเพียงนี้เชียวหรือ...” เขาหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ขาดหายราวกับจะกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ความรันทดอดสูใจทำให้เขาถึงกับกุมหมัดขึ้นทุบผนังหิน เลือดไหลซึมออกมาหยดลงเป็นทางยาว ความเจ็บปวดของร่างกายกลับไม่อาจเทียบความเจ็บปวดภายในใจที่มีได้ในขณะที่บรรยากาศคุกขังอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง ภายในเฉินเม่าและเสี่ยวม่านกลับไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป ความทุกข์ร้อนของพี่น้องร่วมสาบานเช่นฮวาอิง
บทที่ 67 แผนร้ายภายในโถงใหญ่ในจวนอ๋อง โจวอี้เสวียนที่หน้าตาเคร่งเครียดยืนอยู่อย่างหัวเสีย ความหงุดหงิดก่อตัวภายในใจที่นึกไว้ใจคนที่ไม่ได้เรื่องเช่นเฉินเฉียวเหยา หากนางไม่ไร้ความสามารถเช่นนี้โอกาสที่เขาจะกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจอย่างฟางซินเย่ย่อมเห็นเป็นรูปร่างมากขึ้น ข้าวของถูกปาแตกกระจายด้วยโทสะที่คุกรุ่นอยู่ภายใน เขาก้าวเดินวนไปมาอย่างต้องการใช้ความคิดสักครู่หนึ่งโจวอี้เสวียนตะโกนเรียกองครักษ์คนสนิทเข้ามา “พวกเจ้าจงไปทำตามที่ข้าสั่งให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้” โจวอี้เสวียนออกคำสั่งด้วยเสียงเข้มขรึม ดวงตาคมเข้มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่รู้จักพ่ายแพ้องครักษ์ค้อมศีรษะรับคำสั่งทันที “ขอรับท่านอ๋อง”โจวอี้เสวียนเหม่อมองออกไปภายนอกห้องด้วยความคิดอันแยบยล หากแผนการแรกผิดพลาด เขาย่อมต้องมีแผนที่สองเตรียมรับมือไว้เป็นแน่ผ่านไปเพียงไม่ถึงเดือน กองกำลังทหารของโจวอี้เสวียนก็เข้าปิดล้อมจวนแม่ทัพอย่างรวดเร็ว ฟางซินเย่เดินอย่างอาจหาญออกมาเผชิญหน้าเหล่าทหารของโจวอี้เสวียน โดยมีเหล่าทหารกองทัพของฟางซินเย่ยืนประจัญบานเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี“แม่ทัพฟางซินเย่ ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้ตรวจค้นจวนของท่าน โปรดใ
บทที่ 66 กำจัดทิ้งภายในห้องโถงอันโอ่อ่าของจวนสกุลเฉิน เสียงแผดคำรามของเฉินเซียวหยงดังกึกก้องไปทั้งห้องโถง พ่อบ้านได้แต่ยืนตัวสั่นเทาด้วยกลัวแรงโทสะของนายท่านที่มี มือของเฉินเซียวหยงกำขยุ้มกระดาษรายงานที่เพิ่งส่งข่าวมาให้เขารับรู้ หัวใจเต้นเร็วแรงด้วยความโกรธแค้น เขาขบฟันแน่นจนสันกรามขึ้นเป็นริ้ว ดวงตาแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยไฟแห่งความอาฆาต"พวกมันช่างอาจหาญยิ่งนัก กล้าข่มเหงรังแกบุตรสาวของข้า ทำเช่นนี้มิเท่ากับกล้าลบหลู่ข้าอย่างนั้นหรือ" เฉินเซียวหยงสบถออกมา เมื่อได้รับรู้ถึงอาการบาดเจ็บของเฉินเฉียวเหยา ทั้งยังเรื่องที่นางถูกละเลยและถูกลบหลู่สารพัดจากคนในจวนแม่ทัพ“พ่อบ้านเตรียมรถม้าข้าจะไปพบแม่ทัพฟางที่จวนแม่ทัพ เร็วเข้า” คำสั่งดังก้องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ พ่อบ้านลนลานรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจัดการในทันทีขณะที่เฉินเซียวหยงกำลังจะก้าวออกจากห้องโถง ฉับพลันพ่อบ้านก็รีบเดินปรี่เข้ามาแจ้ง “เรียนนายท่าน ท่านอ๋องโจวอี้เสวียนมาขอพบขอรับ”เฉินเซียวหยงได้ฟังก็รีบเปลี่ยนสีหน้าในทันที เขาเร่งเดินออกมาต้อนรับโจวอี้เสวียนในทันที ใบหน้าของเขายิ้มกว้างออกมา ดวงตาทอประกายความยินดีอย่างยิ่ง“ค
บทที่ 65 ข่าวดีภายในเรือนหนิงหลง เฉินเฉียวเหยากำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง มือบางทั้งสองข้างบวมขึ้นจนน่าตกใจ ผิวที่เคยขาวซีดของนางบัดนี้แดงก่ำจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินเฉียวเหยาเจ็บแสบจนแทบทนไม่ไหว นางนึกเคืองแค้นจนเผลอตัวกำหมัดแต่เพราะผิวที่เป่งตึงทำให้นางถึงกับร้องครางออกมา เฉินเฉียวเหยาได้แต่ขบฟันแน่น ใบหน้าบูดบึ้งจนทำให้หน้าที่เคยสวยหวานกลับดูน่าเกลียดขึ้นมาหว่านหลงรีบเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบให้นายหญิงของตนด้วยความทะนุถนอม นางเช็ดไปพลางเป่าไปพลางเพื่อให้เฉินเฉียวเหยาคลายความเจ็บลงไป “คุณหนู เจ็บมาหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะต้องรายงานใต้เท้าแล้วนะเจ้าคะ บ่าวทนเห็นคุณหนูถูกรังแกเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”ยังไม่ทันที่เฉินเฉียวเหยาจะตอบกลับอันใดออกมา พ่อบ้านก็พาตัวหมอเข้ามาดูอาการ เฉินเฉียวเหยาจึงได้แต่เม้มปากก่อนจะตีสีหน้าเศร้าหมองออกไปหมอรีบเข้ามาดูอาการของเฉินเฉียวเหยาในทันที ความเจ็บปวดเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทันทีที่หมอแตะต้องบริเวณที่บวมแดง เฉินเฉียวเหยาก็ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดทางกายที่นางได้รับยังไม่ถึงเศษเสี้ยวความรู้สึกเจ็บปวดทางใจที่มี ดวงตาสั่นไหวระริกไปด้วยค
บทที่ 64 เล่ห์กลนี้ใช้กับข้าไม่ได้ช่วงบ่ายของวันฮวาอิงหลงกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาภายในสวนโดยมีเสี่ยวม่านคอยปรนนิบัติอย่างรู้ใจ นางนึกย้อนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ฮวาอิงหลงถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง“คุณหนูเป็นอันใดหรือเจ้าคะ” เสี่ยวม่านถามออกมาด้วยความห่วงใย“ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถิด” ฮวาอิงหลงกล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอย “เจ้าค่ะ” เสี่ยวม่านรีบย่อกายพร้อมถอยหลังออกไปอย่างไม่ต้องการรบกวนนายหญิงของตนอีกฮวาอิงหลงนั่งปล่อยความคิดได้เพียงสักครู่หนึ่ง ฉับพลันก็มีเสียงหวานดังขึ้นมา “เหยาเอ๋อร์คารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ” เฉินเฉียวเหยาเดินเข้ามาหาภายในศาลาพร้อมย่อกายคำนับฮวาอิงหลงปรายตาขึ้นมองอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย แต่นางก็มิได้คิดจะหนีหน้าแต่อย่างใด“เชิญนั่งสิ แม่นางเฉิน”" ฮวาอิงหลงเอ่ยเบาๆ พร้อมผายมือให้เฉินเฉียวเหยานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเฉินเฉียวเหยาปั้นหน้ายิ้มหวาน ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญ “ข้ามาอยู่ที่นี่รู้สึกเหงายิ่งนัก หากได้พูดคุยกับสหายเก่าเช่นท่านคงคลายความคิดถึงบ้านลงได้บ้าง” เฉินเฉียวเหยากล่าวออกมาอย่างสนิทสนมดั่งเช่นพวก