4 ปีที่แล้ว
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มในวัย 18 ย่าง 19 ปี ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณในรั้วบ้านของเขา รูปวาดที่ชายหนุ่มวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์มากกว่าการวาดรูปบุคคล เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงไม่ค่อยสุงสิงกับใครกับเพื่อนสนิทอย่างภูมิเองก็นาน ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน มีบ้างที่จะออกข้างนอกแต่ก็คงไม่พ้นสวนสาธารณะแถวบ้าน ชายหนุ่มเพียงต้องการพื้นที่ที่สงบในการวาดรูปเพียงเท่านั้น
ชายหนุ่มที่วาดรูปอย่างตั้งใจ พร้อมสวมหูฟังครอบหูไว้ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถจมดิ่งในโลกของตัวเองได้อย่างง่ายดาย
กริ๊ง!
เสียงกดกริ่งหน้าบ้าน
กริ๊ง!
เสียงกริ๊งดังขึ้นครั้งที่สองเมื่อไม่มีใครเปิดมัน
“อากาศลูก ใครมากดกริ่ง ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยได้ไหม” คุณแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวเลื่อนบานหน้าต่างออกและเรียกชายหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์
“…”
“อากาศ” เสียงคุณแม่ดังขึ้น
“ครับผม! แม่ว่าอย่างไรนะครับ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัวพร้อมหันไปหาแม่ของเขา
“ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยว่าใครมา ตัวแม่เปื้อน”
“ครับ”
ชายหนุ่มวางทุกอย่างที่กำลังทำอยู่ไว้บนโต๊ะและเดินไปยังบริเวณรั้วบ้านและเปิดประตูเล็กออกเพื่อดูว่าใครที่มาหากัน
ชายหนุ่มเปิดประตูออกและก้มลงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายมีสูงน้อยกว่าเขา
“สวัสดีครับ มาหาใครครับ” อากาศถามออกไป
“…”
“น้องครับ” อากาศเรียกฝ่ายตรงข้ามเพราะเดาจากหน้าตาคงอายุน้อยกว่าเขาพร้อมโบกมือบริเวณหน้าของอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนมองเขานิ่ง ๆ
“เอ่อ...สวัสดีค่ะหนูชื่อฟองฝนค่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่อยู่ข้าง ๆ บ้านพี่ค่ะ” หญิงสาวพูดแนะนำตัวเอง
“อ๋อครับ”
[Fong fon’ s part]
สวัสดีค่ะฉันชื่อฟองฝนปีนี้อายุ 17 ปีแล้วค่ะ ฉันย้ายมาตามคุณพ่อค่ะ ท่านได้งานที่นี่เราเลยย้ายมาค่ะ ฉันย้ายมาได้สองวันแล้ว วันนี้วันเสาร์คุณแม่เลยวานให้ฉันมาทักทายเพื่อนบ้านเพราะท่านไปทำธุระข้างนอก ฉันกดกริ่งอยู่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ข้าง ๆ กัน ยืนอยู่นานกว่าจะมีคนเปิดประตูออกมาฉันได้ยินเสียงจากข้างในว่ามีคนอยู่จึงกดกริ่งซ้ำอีกครั้ง แต่ฉันเองก็ไม่คาดคิดว่าคนที่เปิดประตูออกจะเป็นผู้ชายสูงประมาณ 180 เซนติเมตรได้ล่ะมั้ง หน้าตาเขาค่อนข้างดี ไม่สิ หน้าตาดีเลยล่ะ ผมยุ่ง ๆ ที่มีเสน่ห์ จมูกที่โด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากบางที่ออกสีคล้ำ มันทำให้ฉันละสายตาไม่ได้เลยล่ะ การแต่งตัวของเขาก็เป็นเพียงเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนสามส่วนพร้อมหูฟังครอบหูที่คล้องคอ โดยรวมแล้วดูดีที่สุดในสายตาฉัน ฉันคงยืนมองอยู่นานจนทำให้พี่เขาถึงขั้นโบกมือเพื่อเรียกสติ เมื่อได้สติฉันก็รีบแนะนำตัวเองทันที
[Fong fon’ s part end]
“ใครมาหาน่ะลูก” คุณแม่ที่เดินออกมาดูเมื่อเห็นว่าผมยืนอยู่หน้าประตูรั้วนานเกินไป
“เพื่อนบ้านน่ะครับ เห็นบอกเพิ่งมาใหม่” อากาศตอบกลับไป
“คุณน้าสวัสดีค่ะ หนูชื่อฟองฝน เพิ่งมาอยู่บ้านข้าง ๆ คุณแม่ไปทำธุระข้างนอกเลยวานให้หนูมาทักทายแทนค่ะ เดี๋ยววันหลังคุณแม่จะมาทักทายด้วยตัวเองค่ะ” หญิงสาวที่เห็นคนมาใหม่จึงรีบแนะนำตัวเองพร้อมกับยิ้มให้
“อ๋อจ๊ะ ก็ว่าน้าเห็นเหมือนได้ยินเสียงจากข้างบ้าน บ้านหนูเองเหรอจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้มาทักทายตั้งแต่ย้ายเข้ามา”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมยิ้มให้
“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไป
“อ๋อพี่เขาชื่ออากาศ ส่วนน้าชื่อมะลิจ๊ะ” คุณแม่มะลิแนะนำตัวเองและลูกชาย
“แม่ไปบอกเธอทำไมล่ะ” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สะกิดแม่ของตัวเองพร้อมพูดเบา ๆ
“จะหวงจะทำไมแค่ชื่อเอง ยังไงก็เพื่อนบ้านกันเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน”
“สวัสดีค่ะพี่อากาศ” ฟองฝนเอ่ยทักทาย
“….” อากาศเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“วันนี้หนูอยู่คนเดียวเหรอคะ เข้ามาข้างในก่อนไหม” คุณแม่อากาศเอ่ยชวน
“เอ่อ...พอดีว่าหนูต้องไปสวัสดีบ้านอื่น ๆ ด้วยค่ะ บ้านนี้เป็นหลังแรก” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างเบาพร้อมยิ้ม ให้
“อ้าวเหรอ งั้นไว้วันหลังนะจ๊ะ ไว้ว่าง ๆ แวะมาได้นะคะช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอมใช่ไหมคะ มาเล่นกับพี่เขาได้นะ”
“จริงเหรอคะ?”
“ค่ะ”
“งั้นไว้หนูมาเล่นด้วยนะคะพี่อากาศ เจอกันนะคะ ขอตัวลาก่อนนะคะ” ฟองฝนหันไปพูดกับอากาศและหันมาลาคุณแม่
หลังจากที่ฟองฝนเดินออกไปอากาศก็หันไปมองคุณแม่อย่างไม่พอใจที่พูดอย่างนั้นออกไป
“ทำไมมองแม่อย่างนั้น?”
“ก็แม่ไปบอกอย่างนั้นกับเธอทำไมล่ะครับ”
“เรียกน้องดี ๆ หน่อยสิ เอาน่ายังไงเราก็รอผลประกาศเข้ามหาลัยอย่างเดียวแล้วนี่ ให้น้องมาเล่นด้วยจะเป็นอะไรไป น้องคงเหงาแย่เพิ่งจะย้ายเข้ามา”
“แต่แม่ครับ...”
“เอาล่ะ ๆ เข้าบ้านกันก่อน”
.
.
.
บ่ายวันต่อมา
ครอบครัวของฟองฝนเข้ามาทักทายบ้านของอากาศอย่างเป็นทางการมีเพียงฟองฝนและคุณแม่เท่านั้นคุณพ่อของเธอยังคงไม่ว่าง ทั้งคู่เตรียมของและเดินไปกดกริ่งบ้านข้าง ๆ รอเพียงไม่นานประตูรั้วก็ถูกเปิด ครั้งนี้เป็นคุณแม่ของอากาศที่ออกมาเปิดประตู
“ไม่ทราบว่ามาหา...อ้าวหนู นึกว่าใครซะอีก”
“สวัสดีค่ะคุณน้านี่แม่หนูค่ะ”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้มาด้วยตัวเองนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เมื่อวานหนูฟองฝนมาทักทายแล้วค่ะ...งั้นเชิญข้างในก่อนนะคะ” คุณแม่ของอากาศเชิญทั้งคู่เข้าไปยังตัวบ้าน
“ขอบคุณนะคะ”
ทั้งสามเดินเข้าไปในตัวบ้านโดยมีเจ้าบ้านเดินนำ ในมือของคุณแม่เมย์ถือขนมอย่างลูกชุบเพื่อเป็นของฝากติดไม้ติดมือในการมาทักทายเพื่อนบ้านในวันนี้
เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วก็พบกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก
“อากาศลูก สวัสดีคุณน้าเมย์ก่อนค่ะ” คุณแม่มะลิพูดกับลูกชายตัวเอง
“สวัสดีครับคุณน้า” ชายหนุ่มเงยหน้าจากสิ่งที่ทำอยู่
“สวัสดีค่ะ”
“พี่อากาศ…” ฟองฝนเอ่ยทักทายอากาศพร้อมโบกมือ
“….” ชายหนุ่มมองนิ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะขอตัวขึ้นไปข้างบน “ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็ลุกเดินขึ้นไปยังด้านบน
“ลูกคนนี้นี่...ขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะ” คุณแม่มะลิตำหนิลูกชายตัวเองเสียงเบาพร้อมจะหันมาขอโทษขอโพยแทนลูกชายของเธอ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันเข้าใจ”
“งั้นเชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปหยิบน้ำมาให้”
“เอ่อ... อันนี้เป็นลูกชุบที่ฉันทำมาฝากค่ะ”
“ว้าย! ตายแล้ว! ไม่ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาก็ได้นะคะ เกรงใจจัง แต่ก็ขอบคุณนะคะเดี๋ยวฉันเอาไปใส่จานให้นะคะ”
ฟองฝนได้แต่นั่งมองผู้ใหญ่คุยกัน เธอนั่งจนกระทั่งเย็น ในที่สุดแม่ของเธอก็ขอตัวลา
“อยู่ทานข้าวด้วยกันสิคะ” คุณแม่มะลิเอ่ยชวน
“เอ่อ...เอาไว้วันหลังนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะสำหรับวันนี้”
“เช่นกันค่ะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้เสมอเลยนะคะแล้วก็ลูกชุบอร่อยมาก ๆ เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ งั้นลานะคะ”
“ค่ะ”
หลังจากที่กลับมาจากบ้านข้าง ๆ ฟองฝนก็ช่วยคุณแม่เตรียมอาหารเย็นรอคุณพ่อกลับมา บทสนทนามากมายบนโต๊ะอาหาร มื้ออาหารเย็นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ฟองฝนช่วยคุณแม่เก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อยก่อนที่จะขอตัวขึ้นไปข้างบนห้องนอนตัวเอง
หญิงสาวเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จเรียบร้อยก่อนที่เห็นว่าหน้าต่างห้องของเธอตรงกันกับห้องของชายหนุ่มที่อยู่บ้านข้างกัน
ฟองฝนเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่าง แต่ด้วยความที่เธออยากทักทายจึงหาวิธีโดยการเปิดประตูหน้าต่างห้องตัวเองออกก่อนจะหยิบหินก่อนเล็ก ๆ ที่อยู่ในกระถางต้นไม้ในห้องของเธอ ก่อนจะทำการขว้างใส่หน้าต่างของอีกฝ่าย ครั้งแรกชายหนุ่มยังไม่รู้สึกตัว ส่วนเธอก็ไม่ยอมแพ้ก่อนจะหยิบอีกก้อนและขว้างมันอีกครั้ง ครั้งนี้อีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้ว
ชายหนุ่มมองหาต้นเสียงว่ามันเป็นเสียงจากอะไร เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามีใครอีกคนยืนโบกมือให้เขา เมื่อเห็นดังนั้นสีเขาหน้าของเขาแทบจะปิดไม่อยู่เมื่อถูกรบกวน เขามองเธอด้วยสายตาจ้องเขม็งก่อนจะดึงม่านปิด
หญิงสาวที่เห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองมาก็อดใจแป้วไม่ได้เธอเพียงต้องการทักทายและทำความรู้จักให้มากขึ้นเท่านั้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดึงม่านหนี เธอเองก็ปิดประตูหน้าต่างก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือก่อนจะหยิบหนังสือมาทบทวนก่อนเปิดเทอมโดยที่เธอเองก็ยังไม่ได้ปิดม่าน
[Akat’ s part]
หลังจากที่ผมขึ้นมาข้างบนตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันผมก็คลุกตัวอยู่ในห้องจนเมื่อเย็นคุณแม่เดินมาเคาะประตูเพื่อเรียกให้ไปทานข้าวเย็น เมื่อทานทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินขึ้นห้องและมานั่งที่ประจำผมนั่นก็คือโต๊ะริมหน้าต่างที่ผมมักจะมานั่งวาดรูปตรงนี้ทุกคืนก่อนนอน ผ่านไปสักพักผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นเหมือนมีบางอย่างกระทบกับหน้าต่างห้องผมแต่ก็คิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไปเอง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเมื่อผมได้ยินมันเป็นครั้งที่สอง ผมเงยหน้าหาต้นเสียงว่ามันมาจากไหนก่อนที่ตาของผมจะไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนโบกมือให้ผมพร้อมกับยิ้มให้อยู่ฝั่งตรงข้ามผมเองก็เพิ่งสังเกตว่าข้างตรงข้ามนั่นเป็นห้องของเธอ เมื่อเห็นดังนั้นผมไม่ได้โบกมือทักทายกลับไปผมทำเพียงมองเธอและปิดม่านไป หลังจากที่ผมปิดม่านก็ยังได้ยินเสียงกระทบกับอย่างอีกสองครั้งก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบไป ผมจึงตัดสินใจเปิดม่านออกก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะน่าจะเป็นโต๊ะเขียนหนังสือและเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าทางทึ้งผมตัวเองถ้าให้เดาก็หัวหมุนกับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า ผมมองก่อนจะระบายยิ้มออกมากับท่าทางเหล่านั้น
[Akat’ s part end]
ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอกกริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นคิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา6.30 นาฬิกานั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดอื้อ!หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดีหลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่าง
ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา7.30 น.“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อนผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแ
หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่มฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ“ของว่
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ก็เริ่มห่างเหินกัน จะเรียกว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อมีแค่ฟองฝนเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนอากาศเองก็พยายามติดต่อหญิงสาวไม่ว่าทั้งโทรหาหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับจากหญิงสาวแม้แต่นิดเดียวกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าฟองฝนที่นั่งทบทวนบทเรียนละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและมองหาเสียงที่ได้ยินก่อนที่เธอจะปัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นใครกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกอีกครั้งครั้งนี้เธอตัดสินใจรับสายนั้นเพื่อตัดปัญหา “ฮัลโหลค่ะ” ฟองฝนพูดขึ้น“...” ปลายสายยังคงเงียบ“ไม่มีอะไรฝนวางแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงเงียบ“ด... เดี๋ยวครับ”“…” หญิงสาวเงียบเพื่อฟัง“ทำอะไรอยู่ครับ” ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น“ทบทวนบทเรียนอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป“พี่กวนเราหรือเปล่า”“…”“’งั้นพ
ปัจจุบันหลังจากที่เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นในชั้นเรียน คุณครูจิรายุก็ได้ทราบเรื่องและเรียกอากาศไปคุยที่ห้องพักครู“มาแล้วเหรอ?” เป็นเสียงของคุณครูจิรายุ“ครับ”“รู้หรือเปล่าว่าที่ครูเรียกเธอมาเพราะเรื่องอะไร”“ทราบครับ” ชายหนุ่มตอบกลับไป“ครูจะยังไม่ถือโทษกับเธอแล้วกัน แต่ครูไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก”“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”“ไม่ใช่ครูที่เธอควรขอโทษแต่มันเป็นนักเรียนคนนั้น”“ครับ”“ไปเถอะ คาบที่เหลือเดี๋ยวครูเข้าสอนเอง ส่วนเธอก็เคลียร์งานในห้องนี้ละกัน”“ครับ”ชายหนุ่มตั้งใจจะขอโทษนักเรียนคนนั้นพรุ่งนี้ในช่วงเช้า ชายหนุ่มกลับบ้านเขาก็คิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แต่ด้วยท่าทางและสีหน้าของเขาที่ดูไม่มีจึงไม่พ้นสายตาของคุณแม่ที่สังเกตมาตั้งแต่ที่ลูกชายตัวเองกลับบ้านก็ไม่พูดไม่จา ตอนนี้ก็นั่งเขี่ยข้าวในจาน“อากาศลูกที่โรงเรียนมีอะไรหรือเปล่า ทำไมนั่งเหม่ออย่างนั้นล่ะ?”ชายหนุ่มเงยหน้าจากจานข้าวก่อนจะตอบแม่ของเขาไป “ไม่มีอะไรครับ”“แต่แม่เห็นว่าลูกเขี่ยข้าวในจานมาตั้งนานแล้วนะหรือกับข้าวไม่ถูกปาก”“เปล่าครับ ผมอ
ภายในห้องนอนที่ภายในห้องประกอบด้วยเตียงโต๊ะข้างหน้าต่างที่บนโต๊ะมีกระดาษวางอยู่อย่างกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบเสมือนว่ามันไม่ได้ถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยกระดาษที่วางซ้อนทับกันหลายๆ แผ่นที่อยู่บนโต๊ะนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกระดาษที่เอาไว้ร่างรูปภาพที่ดูเหมือนราวกับว่ามันยังถูกวาดไม่เสร็จดีมองออกไปจะเป็นประตูหน้าต่างของห้องที่อยู่ติดกับโต๊ะที่ไม่ได้ปิดสนิท กระดาษที่อยู่บนโต๊ะถูกพัดปลิวหล่นจากโต๊ะราวกับว่าข้างนอกนั่นมีลมพัดเข้ามาแต่เมื่อมองออกไปข้างนอกแล้วนั้นกลับไม่มีแม้แต่ลมเย็นที่พัดเข้ามา ไม่มีแม้แต่ความพลิ้วไหวของใบไม้ มันค่อนข้างน่าแปลกใจที่กระดาษเหล่านั้นปลิวพัดทั้ง ๆ ที่ไม่มีลมแม้สักนิดเดียวเมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องนี้แล้วก็พอจะเดาออกได้เลยว่าเจ้าของห้องมีรสนิยมประมาณไหน ชื่นชอบอะไรเพราะภายในห้องนอนแห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะมากมายถ้าให้เดาคงเป็นผลงานจากเจ้าของห้องที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในตอนนี้เจ้าของห้องเป็นเด็กหนุ่มวัย 22 ปีมีนามว่า อากาศ ที่มีขนตาเป็นแพยาวเมื่อหลับตา ผมหน้าม้าหยักศกปกคลุมกรอบหน้าดูไม่เป็นทรง คิ้วเรียงเส้นสวย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอย่างพอดีใ
ช่วงเช้าของอีกวันกริ๊ง กริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนั่นด้วยความสะลึมสะลือ เขาบิดขี้เกียจก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเพดาน เขาทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เรื่องความฝันนั่น!เวลาผ่านไปสักพักอากาศก็ลุกออกจากที่นอนและเดินไปที่กระดาษที่เขาวางไว้บนโต๊ะเมื่อคืน เขามองกระดาษแผ่นนั้นอย่างพินิจพิจารณา พยายามนึกอย่างหนักว่าตัวเองพยายามจะวาดใครกันแน่เมื่อนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกพานจะทำตัวเองปวดหัวไปเปล่า ๆ เขาวางมันไว้ดังเดิมและเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองเวลาผ่านไปสักพักอากาศออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างอย่างหมิ่นเหม่ บนตัวของเขามีหยดน้ำเกาะตามตัวดูก็รู้ว่าชายหนุ่มซับน้ำออกอย่างลวก ๆ ก่อนออกจากห้องน้ำ เส้นผมที่เปียกน้ำนั่นทำให้เขาดูดีไม่น้อยชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าและเปิดมันเพื่อหยิบเสื้อมาสวมใส่ เขาไล่นิ้วไปตามไม้แขวนเสื้อไปทีละตัวก่อนที่จะหยิบตัวที่ถูกใจออกมา ลักษณะการแต่งตัวของเขาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ชายหนุ่มชื่นชอบที่จะสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงยีนสีซีด เป็นการแต่งตัวง่าย ๆ แต่เมื่อมันมาอยู่บนตัวเขา
ช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไปเช้าวันจันทร์ที่ทุกช่วงอายุต่างก็โอดโอยเมื่อวันนี้มาถึงเพราะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานเพิ่งจะวันศุกร์สุขสันต์แต่เพียงพริบตาเดียวก็พบกับวันจันทร์อันโหดร้ายอีกแล้วอากาศตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปฝึกสอนวันแรกถึงแม้ว่าเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้โรงเรียนที่อากาศกำลังจะไปฝึกสอนเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางใกล้บ้านของเขานั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียนบรรยากาศตอนเช้า ผู้คนต่างดูรีบร้อนมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบไปทำงานเพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรกเกรงว่ารถจะติด เด็กหนุ่ม สาวที่ต่างพากันรีบร้อนเพราะปิดเทอมไปนานมีบ้างที่ยังปรับตัวไม่ได้ บางครอบครัวก็กอดกันกลมเพราะเป็นวันแรกที่ลูกต้องห่างจากอกครั้งแรกเพราะถึงช่วงเข้าโรงเรียนแล้ว เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่วุ่นวายมากจริง ๆกริ๊ง กริ๊ง!เสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติเมื่อได้ยินเสียงนั่นเด็กนักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อเคารพธงชาติ อากาศที่ยืนดูเด็ก ๆ ก็เวียนกลับให้คิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเรียนมัธยม ว่ากันว่าช่วงมัธยมนี่แหละที่สนุ
ปัจจุบันหลังจากที่เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นในชั้นเรียน คุณครูจิรายุก็ได้ทราบเรื่องและเรียกอากาศไปคุยที่ห้องพักครู“มาแล้วเหรอ?” เป็นเสียงของคุณครูจิรายุ“ครับ”“รู้หรือเปล่าว่าที่ครูเรียกเธอมาเพราะเรื่องอะไร”“ทราบครับ” ชายหนุ่มตอบกลับไป“ครูจะยังไม่ถือโทษกับเธอแล้วกัน แต่ครูไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก”“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”“ไม่ใช่ครูที่เธอควรขอโทษแต่มันเป็นนักเรียนคนนั้น”“ครับ”“ไปเถอะ คาบที่เหลือเดี๋ยวครูเข้าสอนเอง ส่วนเธอก็เคลียร์งานในห้องนี้ละกัน”“ครับ”ชายหนุ่มตั้งใจจะขอโทษนักเรียนคนนั้นพรุ่งนี้ในช่วงเช้า ชายหนุ่มกลับบ้านเขาก็คิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แต่ด้วยท่าทางและสีหน้าของเขาที่ดูไม่มีจึงไม่พ้นสายตาของคุณแม่ที่สังเกตมาตั้งแต่ที่ลูกชายตัวเองกลับบ้านก็ไม่พูดไม่จา ตอนนี้ก็นั่งเขี่ยข้าวในจาน“อากาศลูกที่โรงเรียนมีอะไรหรือเปล่า ทำไมนั่งเหม่ออย่างนั้นล่ะ?”ชายหนุ่มเงยหน้าจากจานข้าวก่อนจะตอบแม่ของเขาไป “ไม่มีอะไรครับ”“แต่แม่เห็นว่าลูกเขี่ยข้าวในจานมาตั้งนานแล้วนะหรือกับข้าวไม่ถูกปาก”“เปล่าครับ ผมอ
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ก็เริ่มห่างเหินกัน จะเรียกว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อมีแค่ฟองฝนเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนอากาศเองก็พยายามติดต่อหญิงสาวไม่ว่าทั้งโทรหาหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับจากหญิงสาวแม้แต่นิดเดียวกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าฟองฝนที่นั่งทบทวนบทเรียนละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและมองหาเสียงที่ได้ยินก่อนที่เธอจะปัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นใครกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกอีกครั้งครั้งนี้เธอตัดสินใจรับสายนั้นเพื่อตัดปัญหา “ฮัลโหลค่ะ” ฟองฝนพูดขึ้น“...” ปลายสายยังคงเงียบ“ไม่มีอะไรฝนวางแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงเงียบ“ด... เดี๋ยวครับ”“…” หญิงสาวเงียบเพื่อฟัง“ทำอะไรอยู่ครับ” ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น“ทบทวนบทเรียนอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป“พี่กวนเราหรือเปล่า”“…”“’งั้นพ
หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่มฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ“ของว่
ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา7.30 น.“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อนผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแ
ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอกกริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นคิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา6.30 นาฬิกานั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดอื้อ!หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดีหลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่าง
4 ปีที่แล้วช่วงบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มในวัย 18 ย่าง 19 ปี ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณในรั้วบ้านของเขา รูปวาดที่ชายหนุ่มวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์มากกว่าการวาดรูปบุคคล เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงไม่ค่อยสุงสิงกับใครกับเพื่อนสนิทอย่างภูมิเองก็นาน ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน มีบ้างที่จะออกข้างนอกแต่ก็คงไม่พ้นสวนสาธารณะแถวบ้าน ชายหนุ่มเพียงต้องการพื้นที่ที่สงบในการวาดรูปเพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่วาดรูปอย่างตั้งใจ พร้อมสวมหูฟังครอบหูไว้ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถจมดิ่งในโลกของตัวเองได้อย่างง่ายดายกริ๊ง!เสียงกดกริ่งหน้าบ้านกริ๊ง!เสียงกริ๊งดังขึ้นครั้งที่สองเมื่อไม่มีใครเปิดมัน“อากาศลูก ใครมากดกริ่ง ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยได้ไหม” คุณแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวเลื่อนบานหน้าต่างออกและเรียกชายหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์“…”“อากาศ” เสียงคุณแม่ดังขึ้น“ครับผม! แม่ว่าอย่างไรนะครับ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัว
ชีวิตอันแสนสงบสุขของชายหนุ่มได้ผ่านไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ดูเหมือนกับว่าจะยุ่งนิดหน่อยเพราะวันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ ช่วงวันหยุดได้ผ่านพ้นไปวันจันทร์กลับมาอีกแล้วสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สองของการฝึกสอนของชายหนุ่ม อากาศเดินลงไปชั้นล่างของบ้านหลังจากที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย“อ้าว ลงมาแล้วเหรอลูก มานั่งกินข้าวก่อนค่ะแม่เตรียมไว้ใกล้เสร็จแล้ว” คุณแม่ทักขึ้นตอนที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้า“สวัสดีครับ”“จ๊ะ มานั่งค่ะ”“เดี๋ยวผมช่วยครับ” อากาศอาสาช่วยแม่ของเขาจัดเตรียมโต๊ะเมื่อเห็นว่าแม่ของเขานั้นดูยุ่งและวุ่นวายกับการจัดเตรียม“ขอบใจจ้ะ” คุณแม่หันมายิ้มให้เขาหลังจากที่เขาพูดจบทั้งคู่เตรียมโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยที่อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรง่าย ๆ อย่างข้าวต้มทะเลและกาแฟหนึ่งแก้วให้คุณพ่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปฝึกสอนชายหนุ่มก็เอ่ยลาคุณแม่ให้เสร็จเรียบร้อยและขับรถไปที่โรงเรียนกิจกรรมหน้าเสาธงก็เหมือนในทุก ๆ วันไม่มีอะไรเป็นพิ
ช่วงสายในช่วงสุดสัปดาห์เสียงเจื้อยแจ้วรอบบ้านเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องของชายหนุ่ม อากาศที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเริ่มแสดงสีหน้าและขมวดคิ้วเมื่อเสียงนั่นรบกวนการนอนของเขา จนท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่สามารถข่มตานอนภายใต้เสียงรบกวนได้เขาจึงลืมตาตื่นพร้อมบิดตัวและมือของเขาก็มาขยี้ตาเพื่อไล่อาการง่วงออกไปชายหนุ่มลืมตาในห้องนอนที่มีแสงลอดเข้าทางผ้าม่านเพียงเล็กน้อย เขานอนนิ่ง ๆ อยู่พักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงและนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบเวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีชายหนุ่มก็ลุกออกจากเตียงพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงบิดขี้เกียจอีกครั้ง‘อื้อ!’อากาศเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่พันเอวพร้อมหยดน้ำที่เกาะตามร่างกาย ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่และลงไปชั้นล่างด้วยผมที่ยังคงเปียกหมาด ๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็แห้ง“อากาศลูกทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนล่ะ?” คุณแม่ของเขาที่นั่งอยู่ที่โซฟาตั้งใหญ่ที่อยู่ใจกลางบ้านทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายลงมาพร้อมหัวหมาด ๆแม่ของอากาศนั่งซ่อมเสื้อผ้าที่ชำรุดเพียงเล็กน้อยแต่ตาของเธอก็มองทีวีเป็นพัก ๆ รายการโทรทัศน
ช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไปเช้าวันจันทร์ที่ทุกช่วงอายุต่างก็โอดโอยเมื่อวันนี้มาถึงเพราะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานเพิ่งจะวันศุกร์สุขสันต์แต่เพียงพริบตาเดียวก็พบกับวันจันทร์อันโหดร้ายอีกแล้วอากาศตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปฝึกสอนวันแรกถึงแม้ว่าเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้โรงเรียนที่อากาศกำลังจะไปฝึกสอนเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางใกล้บ้านของเขานั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียนบรรยากาศตอนเช้า ผู้คนต่างดูรีบร้อนมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบไปทำงานเพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรกเกรงว่ารถจะติด เด็กหนุ่ม สาวที่ต่างพากันรีบร้อนเพราะปิดเทอมไปนานมีบ้างที่ยังปรับตัวไม่ได้ บางครอบครัวก็กอดกันกลมเพราะเป็นวันแรกที่ลูกต้องห่างจากอกครั้งแรกเพราะถึงช่วงเข้าโรงเรียนแล้ว เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่วุ่นวายมากจริง ๆกริ๊ง กริ๊ง!เสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติเมื่อได้ยินเสียงนั่นเด็กนักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อเคารพธงชาติ อากาศที่ยืนดูเด็ก ๆ ก็เวียนกลับให้คิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเรียนมัธยม ว่ากันว่าช่วงมัธยมนี่แหละที่สนุ