ช่วงเช้าของอีกวัน
กริ๊ง กริ๊ง!
เสียงนาฬิกาปลุก
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนั่นด้วยความสะลึมสะลือ เขาบิดขี้เกียจก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเพดาน เขาทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เรื่องความฝันนั่น!
เวลาผ่านไปสักพักอากาศก็ลุกออกจากที่นอนและเดินไปที่กระดาษที่เขาวางไว้บนโต๊ะเมื่อคืน เขามองกระดาษแผ่นนั้นอย่างพินิจพิจารณา พยายามนึกอย่างหนักว่าตัวเองพยายามจะวาดใครกันแน่
เมื่อนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกพานจะทำตัวเองปวดหัวไปเปล่า ๆ เขาวางมันไว้ดังเดิมและเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง
เวลาผ่านไปสักพัก
อากาศออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างอย่างหมิ่นเหม่ บนตัวของเขามีหยดน้ำเกาะตามตัวดูก็รู้ว่าชายหนุ่มซับน้ำออกอย่างลวก ๆ ก่อนออกจากห้องน้ำ เส้นผมที่เปียกน้ำนั่นทำให้เขาดูดีไม่น้อย
ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าและเปิดมันเพื่อหยิบเสื้อมาสวมใส่ เขาไล่นิ้วไปตามไม้แขวนเสื้อไปทีละตัวก่อนที่จะหยิบตัวที่ถูกใจออกมา ลักษณะการแต่งตัวของเขาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ชายหนุ่มชื่นชอบที่จะสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงยีนสีซีด เป็นการแต่งตัวง่าย ๆ แต่เมื่อมันมาอยู่บนตัวเขาแล้วกลับดูดีราวกับนายแบบ เขาหยิบเครื่องประดับอย่างสร้อยคอมาสวมใส่เพื่อไม่ให้ต้นคอรู้สึกโล่งเกินไป พรมน้ำหอมกลิ่นฝนแรกที่มีเสน่ห์และไม่ลืมหยิบหูฟังครอบหูมาคล้องคอไว้ ชายหนุ่มจัดแจงผมสีน้ำตาลหยักศกของตัวเองให้เป็นระเบียบ นัยน์ตาสีดำสนิทมองตัวเองในกระจกอย่างพอใจก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน
ชายหนุ่มเดินใส่รองเท้าที่บริเวณหน้าประตูห้อง ก่อนจะออกจากห้องเขามองสำรวจภายในห้องอย่างถี่ถ้วน แต่สายตาเขาดันไปสะดุดที่โต๊ะริมหน้าต่างที่มีกระดาษวางอยู่เขาเดินไปพร้อมวางกระเป๋าที่สะพายอยู่วางมันไว้บนเก้าอี้และเปิดมันพร้อมกวาดกระดาษเหล่านั้นลงกระเป๋าโดยไม่ได้สนใจว่ามันจะยับหรือเปล่า
กริ๊ง!
เสียงเรียกเข้า
“ฮัลโหล” อากาศหยิบเครื่องมือสื่อสารและกดรับสายเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นเพื่อนของเขา
“จะกลับเลยปะ?” ปลายสายถาม
“อือ กำลังจะออก”
“ดีเลย เดี๋ยวไปรับแล้วไปหาอะไรทานก่อนกลับกัน ไหน ๆ ก็จะห่างกันละ”
“อย่าพูดอะไรให้โอเว่อร์ได้ไหม พูดเหมือนจะไม่ได้เจอกันแล้วแค่กลับบ้านไปฝึกสอนเอง”
“เออน่า ก็ใครให้กลับไปฝึกสอนใกล้บ้านล่ะ ชวนมาฝึกสอนโรงเรียนแถวนี้ก็ไม่เอา”
“เอ้า”
“เออ ๆ รอก่อนเดี๋ยวไปรับ ไม่เกิน 20 นาที”
หลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบก็กดวางสายทันที อากาศทำได้เพียงรออีกฝ่ายมารับอย่างที่บอก ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยมเมื่อเข้ามหาลัยต่างคนก็ต่างเข้าเรียนในสิ่งที่ตัวเองสนใจโดยอากาศเลือกเรียนครูศิลปะโดยปีนี้เขาต้องไปฝึกสอนอย่างเต็มตัวต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มาที่เขาจะไปสังเกตการณ์สอนเท่านั้น ส่วนเพื่อนสนิทของเขาที่มีนามว่า ภูมิ เลือกเรียนบริหาร ด้วยความที่หลักสูตรการเรียนไม่เหมือนกันทำให้ภูมิเรียนจบก่อน และตอนนี้เขาก็ได้สมัครงานที่แรกในชีวิตที่บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ส่วนอากาศก็กลับบ้านไปฝึกสอนโรงเรียนแถวบ้าน เขายังไม่ย้ายของออกจากที่พักเพราะยังไงเขาก็ต้องกลับที่มหาวิทยาลัยอีก
การรอคอยสิ้นสุดลงเมื่อภูมิส่งข้อความมาว่าถึงที่พักของเขาแล้ว
“20 นาทีพอดี” ภูมิพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนของเขาเปิดประตูขึ้นรถ
“เออ”
“เดี๋ยวพาไปกินร้านเด็ดแถวบริษัท รับรองว่ากินแล้วติดใจ” ภูมิสาธยาย
“เร็ว ๆ เถอะ”
ทั้งคู่นั่งรถได้สักพักก็ถึงที่หมาย เป็นร้านอาหารใจกลางเมืองที่มีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสาย
“มากี่ท่านครับ?” บริกรเดินออกมาต้อนรับ
“2 ครับ”
“ได้จองไว้ไหมครับ?”
“ไม่ได้จองครับ”
“งั้นเชิญทางนี้ได้เลยครับ”
บริกรเดินนำทั้งคู่เดินเข้าร้านและเชิญนั่งที่โต๊ะภายในร้าน ทั้งสองสั่งอาหารรอเพียงไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ พวกเขาพูดคุยเรื่องต่าง ๆ นานา ระหว่างทานอาหารแต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ภูมิที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวซะส่วนใหญ่ อากาศมีหน้าที่แค่รับฟังและพูดเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เมื่อทานอาหารเรียบร้อยแล้วทั้งคู่เช็กบิลและออกจากร้านมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของอากาศเมื่อมาถึงที่หมายภูมิก็เข้าไปทักทายพ่อกับแม่ของอากาศ
“คุณพ่อ คุณแม่สวัสดีครับ”
“อ้าวลูก มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” คุณแม่อากาศถามขึ้น
“เพิ่งถึงเลยครับ” ภูมิตอบ
“งั้นเข้ามาข้างในก่อน ขับรถมาตั้งไกล”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมต้องไปที่อื่นต่อครับ ขอบคุณครับ งั้นผมลานะครับคุณแม่” พูดจบก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่
หลังจากที่เพื่อนขับรถออกไปแล้ว อากาศก็ขอตัวขึ้นห้องทันที
ห้องนอนของชายหนุ่มไม่มีอะไรมากมีเพียงเตียงนอนตู้เสื้อผ้าและโต๊ะริมหน้าต่างและอุปกรณ์งานศิลปะมีถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบเพราะนาน ๆ ครั้งชายหนุ่มจะกลับบ้านแม่ของเขาจึงอาสาเข้ามาเก็บกวาดทุกอย่างให้อยู่ในสภาพดีซึ่งต่างจากหอพักที่เขาอยู่มาก ที่นั่นไม่ได้เป็นระเบียบเหมือนที่นี่
ชายหนุ่มวางกระเป๋าไว้บนเตียงนอนและเดินไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง เขาเปิดแล็ปท็อปเพื่อเตรียมพร้อมกับการฝึกสอนในอาทิตย์หน้า เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็เดินไปที่เตียงนอนและล้มตัวนอน ชายหนุ่มเพียงต้องการที่จะงีบเท่านั้นแต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้เขาผล็อยหลับไป
ชายหนุ่มบิดขี้เกียจและลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนที่นอนก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเพื่อดูเวลา
17.30
เวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์
ชายหนุ่มสะบัดหัวเพียงเล็กน้อยเพื่อไล่ความมึนงงออกไป
‘นี่เราหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอ?’ เขาพึมพำกับตัวเอง
อากาศเดินไปเปิดสวิตช์ไฟในห้องให้ห้องสว่างก่อนที่เดินไปปิดประตูหน้าต่างเพื่อกันยุงไม่ให้เข้า เมื่อเข้าเอื้อมมือเพื่อปิดหน้าต่างนั้นสายตาของชายหนุ่มกลับไปสะดุดกับห้องหนึ่งที่อยู่บ้านตรงข้าม ประตูหน้าต่างถูกปิดสนิทพร้อมม่านสีขาวที่ไม่มีการเคลื่อนไหว
เมื่อมองเข้าไปราวกับว่าถูกสะกดจิต ชายหนุ่มรู้สึกคิดถึงใครบางคนเมื่อมองที่ยังห้องนั้น รู้สึกทั้งคิดถึงและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขามองห้องนั้นกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีน้ำตาไหลออกมา
ชายหนุ่มรู้สึกตัวเพราะน้ำที่ไหลออกจากดวงตา เขารีบเช็ดและรีบปิดหน้าต่างห้องตัวเองไม่วายดึงม่านปิดอีกชั้นและเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน
“อ่าว ลงมาแล้วเหรอลูก? มานั่งกินข้าวเร็วค่ะ วันนี้มีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลย” คุณแม่ของชายหนุ่มเห็นเขาเดินลงบันไดก็เรียกให้มานั่งที่โต๊ะทานอาหารเพราะได้เวลาได้ทานอาหารเย็นพอดี
“ขอบคุณครับ”
“เป็นอย่างไรบ้าง?” พ่อของเขาถามขึ้น
“ก็ดีครับ อาทิตย์หน้าเตรียมตัวไปฝึกสอนแล้วครับ”
“อืม”
“นี้ๆ เดี๋ยวแม่ตักให้ กินเยอะ ๆ นะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับแม่”
“จ๊ะ”
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทานอาหารเย็นอย่างปกติสุข หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จชายหนุ่มขอตัวขึ้นห้อง
ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในห้องเพียงลำพังเขานั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ชายหนุ่มนั่งทบทวนตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น มันค่อนข้างน่าแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็มีความรู้สึกเหล่านั้น
ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดม่านและหน้าต่างออกอีกครั้ง เขาจ้องไปยังห้องฝั่งตรงข้าม เขารู้เพียงว่าบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้วจากคำบอกเล่าของแม่
อากาศคืนนี้ดีมากไม่มีพายุมีเพียงลมเย็น ๆ เท่านั้น แต่ผ่านไปสักพักใบไม้แห้งที่ร่วงบนพื้นกลับปลิวว่อนอย่างไม่มีที่มาที่ไปทั้ง ๆ ที่คืนนี้ท้องฟ้าโปร่งเป็นไปไม่ได้ที่ใบไม้แห้งเหล่านั้นจะปลิวว่อนราวกับมีพายุ
ชายหนุ่มรีบปิดหน้าต่างทันที เพราะอยู่ ๆ เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทั่วตัว
.
.
.
เช้าวันต่อมา
เมื่อคืนเขาหลับไปตอนไหนไม่รู้จำได้แค่ว่าเมื่อคืนเขานั่งวาดรูปอยู่ที่โต๊ะแท้ ๆ แต่ที่น่าแปลกคือเมื่อคืนเขาไม่ฝันเรื่องเดิมทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนชายหนุ่มพยายามวาดรูปนั้นที่อยู่ในความทรงจำ ชายหนุ่มหวังว่าเขาจะวาดมันสำเร็จ
ชายหนุ่มลุกขึ้นและลงไปข้างล่าง เขาล้างหน้าล้างตาและเดินออกไปข้างนอกบ้านที่มีคุณพ่อที่กำลังกวาดพื้นหญ้าและแม่ของเขานั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะหินอ่อน
“คุณพ่อ คุณแม่สวัสดีครับ” ชายหนุ่มทักทาย
“ตื่นเช้าจังลูก อาหารอยู่บนโต๊ะในครัวนะ”
“เรียบร้อยครับ ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะและนั่งข้าง ๆ แม่ของเขา อยู่ ๆ แม่ของเขาก็พูดขึ้นว่า “คิดถึงเนอะ”
“ครับ?” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย
“แม่คิดถึงเฉย ๆ น่ะ”
“คิดถึงอะไรเหรอครับ?”
“คิดถึงคนที่เคยอยู่บ้านข้าง ๆ เราน่ะ หลังนั้น” คุณแม่ชี้ไปยังบ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นบ้านที่ถูกทิ้งร้างมาหลายปี
“มันเคยเป็นบ้านของใครเหรอครับ?” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเกิดความสงสัยในบ้านหลังนั้น
“บ้านหลังนั้นเคยเป็นเพื่อนบ้านเราเมื่อหลายปีก่อน เป็นครอบครัวที่เพิ่งย้ายเข้ามา มีแค่สามคนพ่อ แม่ และลูกสาว ลูกสาวเขาน่ารักมาก ๆ เลยนะ ตอนนั้นน้องชอบมาเล่นกับเราด้วยนะไม่รู้เราจะจำได้หรือเปล่า”
“น้องเหรอครับ?” ชายหนุ่มพยายามนึก
“ใช่ค่ะ น้องชื่อ ฟองฝน”
“ฟองฝน..” ชายหนุ่มพยายามนึกตามที่แม่ของเขาพูดแต่เขากลับรู้สึกปวดหัวจี๊ดเมื่อเสียงของใครบางคนเข้ามาให้หัว
‘พี่อากาศ ยิ้มหน่อย!’
โอ๊ย!
อากาศกุมขมับตัวเอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก?” แม่ของชายหนุ่มรีบถามทันทีที่เห็นลูกตัวเองกุมหัว
“ผมปวดหัวครับ”
“งั้นเข้าบ้านไปพักเถอะลูก”
“ครับ” พูดจบเขาก็เดินเข้าบ้านไป
ชายหนุ่มพยายามนึกเหตุการณ์ที่คุณแม่เล่า เขาเดาว่าน่าจะเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะประสบอุบัติเหตุก่อนที่ความทรงจำบางส่วนจะหายไป ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังชั้นบนและเดินไปเข้าห้องของตัวเอง และสายตาของชายหนุ่มกลับไปสะดุดกับสมุดเล่มหนึ่งที่ถูกเสียบไว้ ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาเปิดปรากฏว่าภายในสมุดเล่มนั้นว่างเปล่า ชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเจอกับข้อความหนึ่งในหน้าสุดท้ายที่เขียนว่า
‘พี่ขอโทษ กลับมาได้ไหม สัญญาว่าจะไม่พูดอย่างนั้น’
ช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไปเช้าวันจันทร์ที่ทุกช่วงอายุต่างก็โอดโอยเมื่อวันนี้มาถึงเพราะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานเพิ่งจะวันศุกร์สุขสันต์แต่เพียงพริบตาเดียวก็พบกับวันจันทร์อันโหดร้ายอีกแล้วอากาศตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปฝึกสอนวันแรกถึงแม้ว่าเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้โรงเรียนที่อากาศกำลังจะไปฝึกสอนเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางใกล้บ้านของเขานั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียนบรรยากาศตอนเช้า ผู้คนต่างดูรีบร้อนมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบไปทำงานเพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรกเกรงว่ารถจะติด เด็กหนุ่ม สาวที่ต่างพากันรีบร้อนเพราะปิดเทอมไปนานมีบ้างที่ยังปรับตัวไม่ได้ บางครอบครัวก็กอดกันกลมเพราะเป็นวันแรกที่ลูกต้องห่างจากอกครั้งแรกเพราะถึงช่วงเข้าโรงเรียนแล้ว เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่วุ่นวายมากจริง ๆกริ๊ง กริ๊ง!เสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติเมื่อได้ยินเสียงนั่นเด็กนักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อเคารพธงชาติ อากาศที่ยืนดูเด็ก ๆ ก็เวียนกลับให้คิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเรียนมัธยม ว่ากันว่าช่วงมัธยมนี่แหละที่สนุ
ช่วงสายในช่วงสุดสัปดาห์เสียงเจื้อยแจ้วรอบบ้านเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องของชายหนุ่ม อากาศที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเริ่มแสดงสีหน้าและขมวดคิ้วเมื่อเสียงนั่นรบกวนการนอนของเขา จนท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่สามารถข่มตานอนภายใต้เสียงรบกวนได้เขาจึงลืมตาตื่นพร้อมบิดตัวและมือของเขาก็มาขยี้ตาเพื่อไล่อาการง่วงออกไปชายหนุ่มลืมตาในห้องนอนที่มีแสงลอดเข้าทางผ้าม่านเพียงเล็กน้อย เขานอนนิ่ง ๆ อยู่พักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงและนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบเวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีชายหนุ่มก็ลุกออกจากเตียงพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงบิดขี้เกียจอีกครั้ง‘อื้อ!’อากาศเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่พันเอวพร้อมหยดน้ำที่เกาะตามร่างกาย ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่และลงไปชั้นล่างด้วยผมที่ยังคงเปียกหมาด ๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็แห้ง“อากาศลูกทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนล่ะ?” คุณแม่ของเขาที่นั่งอยู่ที่โซฟาตั้งใหญ่ที่อยู่ใจกลางบ้านทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายลงมาพร้อมหัวหมาด ๆแม่ของอากาศนั่งซ่อมเสื้อผ้าที่ชำรุดเพียงเล็กน้อยแต่ตาของเธอก็มองทีวีเป็นพัก ๆ รายการโทรทัศน
ชีวิตอันแสนสงบสุขของชายหนุ่มได้ผ่านไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ดูเหมือนกับว่าจะยุ่งนิดหน่อยเพราะวันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ ช่วงวันหยุดได้ผ่านพ้นไปวันจันทร์กลับมาอีกแล้วสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สองของการฝึกสอนของชายหนุ่ม อากาศเดินลงไปชั้นล่างของบ้านหลังจากที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย“อ้าว ลงมาแล้วเหรอลูก มานั่งกินข้าวก่อนค่ะแม่เตรียมไว้ใกล้เสร็จแล้ว” คุณแม่ทักขึ้นตอนที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้า“สวัสดีครับ”“จ๊ะ มานั่งค่ะ”“เดี๋ยวผมช่วยครับ” อากาศอาสาช่วยแม่ของเขาจัดเตรียมโต๊ะเมื่อเห็นว่าแม่ของเขานั้นดูยุ่งและวุ่นวายกับการจัดเตรียม“ขอบใจจ้ะ” คุณแม่หันมายิ้มให้เขาหลังจากที่เขาพูดจบทั้งคู่เตรียมโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยที่อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรง่าย ๆ อย่างข้าวต้มทะเลและกาแฟหนึ่งแก้วให้คุณพ่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปฝึกสอนชายหนุ่มก็เอ่ยลาคุณแม่ให้เสร็จเรียบร้อยและขับรถไปที่โรงเรียนกิจกรรมหน้าเสาธงก็เหมือนในทุก ๆ วันไม่มีอะไรเป็นพิ
4 ปีที่แล้วช่วงบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มในวัย 18 ย่าง 19 ปี ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณในรั้วบ้านของเขา รูปวาดที่ชายหนุ่มวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์มากกว่าการวาดรูปบุคคล เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงไม่ค่อยสุงสิงกับใครกับเพื่อนสนิทอย่างภูมิเองก็นาน ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน มีบ้างที่จะออกข้างนอกแต่ก็คงไม่พ้นสวนสาธารณะแถวบ้าน ชายหนุ่มเพียงต้องการพื้นที่ที่สงบในการวาดรูปเพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่วาดรูปอย่างตั้งใจ พร้อมสวมหูฟังครอบหูไว้ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถจมดิ่งในโลกของตัวเองได้อย่างง่ายดายกริ๊ง!เสียงกดกริ่งหน้าบ้านกริ๊ง!เสียงกริ๊งดังขึ้นครั้งที่สองเมื่อไม่มีใครเปิดมัน“อากาศลูก ใครมากดกริ่ง ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยได้ไหม” คุณแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวเลื่อนบานหน้าต่างออกและเรียกชายหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์“…”“อากาศ” เสียงคุณแม่ดังขึ้น“ครับผม! แม่ว่าอย่างไรนะครับ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัว
ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอกกริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นคิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา6.30 นาฬิกานั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดอื้อ!หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดีหลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่าง
ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา7.30 น.“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อนผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแ
หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่มฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ“ของว่
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ก็เริ่มห่างเหินกัน จะเรียกว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อมีแค่ฟองฝนเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนอากาศเองก็พยายามติดต่อหญิงสาวไม่ว่าทั้งโทรหาหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับจากหญิงสาวแม้แต่นิดเดียวกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าฟองฝนที่นั่งทบทวนบทเรียนละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและมองหาเสียงที่ได้ยินก่อนที่เธอจะปัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นใครกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกอีกครั้งครั้งนี้เธอตัดสินใจรับสายนั้นเพื่อตัดปัญหา “ฮัลโหลค่ะ” ฟองฝนพูดขึ้น“...” ปลายสายยังคงเงียบ“ไม่มีอะไรฝนวางแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงเงียบ“ด... เดี๋ยวครับ”“…” หญิงสาวเงียบเพื่อฟัง“ทำอะไรอยู่ครับ” ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น“ทบทวนบทเรียนอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป“พี่กวนเราหรือเปล่า”“…”“’งั้นพ
ปัจจุบันหลังจากที่เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นในชั้นเรียน คุณครูจิรายุก็ได้ทราบเรื่องและเรียกอากาศไปคุยที่ห้องพักครู“มาแล้วเหรอ?” เป็นเสียงของคุณครูจิรายุ“ครับ”“รู้หรือเปล่าว่าที่ครูเรียกเธอมาเพราะเรื่องอะไร”“ทราบครับ” ชายหนุ่มตอบกลับไป“ครูจะยังไม่ถือโทษกับเธอแล้วกัน แต่ครูไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก”“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”“ไม่ใช่ครูที่เธอควรขอโทษแต่มันเป็นนักเรียนคนนั้น”“ครับ”“ไปเถอะ คาบที่เหลือเดี๋ยวครูเข้าสอนเอง ส่วนเธอก็เคลียร์งานในห้องนี้ละกัน”“ครับ”ชายหนุ่มตั้งใจจะขอโทษนักเรียนคนนั้นพรุ่งนี้ในช่วงเช้า ชายหนุ่มกลับบ้านเขาก็คิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แต่ด้วยท่าทางและสีหน้าของเขาที่ดูไม่มีจึงไม่พ้นสายตาของคุณแม่ที่สังเกตมาตั้งแต่ที่ลูกชายตัวเองกลับบ้านก็ไม่พูดไม่จา ตอนนี้ก็นั่งเขี่ยข้าวในจาน“อากาศลูกที่โรงเรียนมีอะไรหรือเปล่า ทำไมนั่งเหม่ออย่างนั้นล่ะ?”ชายหนุ่มเงยหน้าจากจานข้าวก่อนจะตอบแม่ของเขาไป “ไม่มีอะไรครับ”“แต่แม่เห็นว่าลูกเขี่ยข้าวในจานมาตั้งนานแล้วนะหรือกับข้าวไม่ถูกปาก”“เปล่าครับ ผมอ
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ก็เริ่มห่างเหินกัน จะเรียกว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อมีแค่ฟองฝนเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนอากาศเองก็พยายามติดต่อหญิงสาวไม่ว่าทั้งโทรหาหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับจากหญิงสาวแม้แต่นิดเดียวกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าฟองฝนที่นั่งทบทวนบทเรียนละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและมองหาเสียงที่ได้ยินก่อนที่เธอจะปัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นใครกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกอีกครั้งครั้งนี้เธอตัดสินใจรับสายนั้นเพื่อตัดปัญหา “ฮัลโหลค่ะ” ฟองฝนพูดขึ้น“...” ปลายสายยังคงเงียบ“ไม่มีอะไรฝนวางแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงเงียบ“ด... เดี๋ยวครับ”“…” หญิงสาวเงียบเพื่อฟัง“ทำอะไรอยู่ครับ” ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น“ทบทวนบทเรียนอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป“พี่กวนเราหรือเปล่า”“…”“’งั้นพ
หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่มฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ“ของว่
ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา7.30 น.“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อนผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแ
ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอกกริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นคิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา6.30 นาฬิกานั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดอื้อ!หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดีหลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่าง
4 ปีที่แล้วช่วงบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มในวัย 18 ย่าง 19 ปี ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณในรั้วบ้านของเขา รูปวาดที่ชายหนุ่มวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์มากกว่าการวาดรูปบุคคล เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงไม่ค่อยสุงสิงกับใครกับเพื่อนสนิทอย่างภูมิเองก็นาน ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน มีบ้างที่จะออกข้างนอกแต่ก็คงไม่พ้นสวนสาธารณะแถวบ้าน ชายหนุ่มเพียงต้องการพื้นที่ที่สงบในการวาดรูปเพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่วาดรูปอย่างตั้งใจ พร้อมสวมหูฟังครอบหูไว้ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถจมดิ่งในโลกของตัวเองได้อย่างง่ายดายกริ๊ง!เสียงกดกริ่งหน้าบ้านกริ๊ง!เสียงกริ๊งดังขึ้นครั้งที่สองเมื่อไม่มีใครเปิดมัน“อากาศลูก ใครมากดกริ่ง ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยได้ไหม” คุณแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวเลื่อนบานหน้าต่างออกและเรียกชายหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์“…”“อากาศ” เสียงคุณแม่ดังขึ้น“ครับผม! แม่ว่าอย่างไรนะครับ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัว
ชีวิตอันแสนสงบสุขของชายหนุ่มได้ผ่านไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ดูเหมือนกับว่าจะยุ่งนิดหน่อยเพราะวันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ ช่วงวันหยุดได้ผ่านพ้นไปวันจันทร์กลับมาอีกแล้วสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สองของการฝึกสอนของชายหนุ่ม อากาศเดินลงไปชั้นล่างของบ้านหลังจากที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย“อ้าว ลงมาแล้วเหรอลูก มานั่งกินข้าวก่อนค่ะแม่เตรียมไว้ใกล้เสร็จแล้ว” คุณแม่ทักขึ้นตอนที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้า“สวัสดีครับ”“จ๊ะ มานั่งค่ะ”“เดี๋ยวผมช่วยครับ” อากาศอาสาช่วยแม่ของเขาจัดเตรียมโต๊ะเมื่อเห็นว่าแม่ของเขานั้นดูยุ่งและวุ่นวายกับการจัดเตรียม“ขอบใจจ้ะ” คุณแม่หันมายิ้มให้เขาหลังจากที่เขาพูดจบทั้งคู่เตรียมโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยที่อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรง่าย ๆ อย่างข้าวต้มทะเลและกาแฟหนึ่งแก้วให้คุณพ่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปฝึกสอนชายหนุ่มก็เอ่ยลาคุณแม่ให้เสร็จเรียบร้อยและขับรถไปที่โรงเรียนกิจกรรมหน้าเสาธงก็เหมือนในทุก ๆ วันไม่มีอะไรเป็นพิ
ช่วงสายในช่วงสุดสัปดาห์เสียงเจื้อยแจ้วรอบบ้านเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องของชายหนุ่ม อากาศที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเริ่มแสดงสีหน้าและขมวดคิ้วเมื่อเสียงนั่นรบกวนการนอนของเขา จนท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่สามารถข่มตานอนภายใต้เสียงรบกวนได้เขาจึงลืมตาตื่นพร้อมบิดตัวและมือของเขาก็มาขยี้ตาเพื่อไล่อาการง่วงออกไปชายหนุ่มลืมตาในห้องนอนที่มีแสงลอดเข้าทางผ้าม่านเพียงเล็กน้อย เขานอนนิ่ง ๆ อยู่พักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงและนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบเวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีชายหนุ่มก็ลุกออกจากเตียงพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงบิดขี้เกียจอีกครั้ง‘อื้อ!’อากาศเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่พันเอวพร้อมหยดน้ำที่เกาะตามร่างกาย ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่และลงไปชั้นล่างด้วยผมที่ยังคงเปียกหมาด ๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็แห้ง“อากาศลูกทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนล่ะ?” คุณแม่ของเขาที่นั่งอยู่ที่โซฟาตั้งใหญ่ที่อยู่ใจกลางบ้านทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายลงมาพร้อมหัวหมาด ๆแม่ของอากาศนั่งซ่อมเสื้อผ้าที่ชำรุดเพียงเล็กน้อยแต่ตาของเธอก็มองทีวีเป็นพัก ๆ รายการโทรทัศน
ช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไปเช้าวันจันทร์ที่ทุกช่วงอายุต่างก็โอดโอยเมื่อวันนี้มาถึงเพราะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานเพิ่งจะวันศุกร์สุขสันต์แต่เพียงพริบตาเดียวก็พบกับวันจันทร์อันโหดร้ายอีกแล้วอากาศตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปฝึกสอนวันแรกถึงแม้ว่าเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้โรงเรียนที่อากาศกำลังจะไปฝึกสอนเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางใกล้บ้านของเขานั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียนบรรยากาศตอนเช้า ผู้คนต่างดูรีบร้อนมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบไปทำงานเพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรกเกรงว่ารถจะติด เด็กหนุ่ม สาวที่ต่างพากันรีบร้อนเพราะปิดเทอมไปนานมีบ้างที่ยังปรับตัวไม่ได้ บางครอบครัวก็กอดกันกลมเพราะเป็นวันแรกที่ลูกต้องห่างจากอกครั้งแรกเพราะถึงช่วงเข้าโรงเรียนแล้ว เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่วุ่นวายมากจริง ๆกริ๊ง กริ๊ง!เสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติเมื่อได้ยินเสียงนั่นเด็กนักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อเคารพธงชาติ อากาศที่ยืนดูเด็ก ๆ ก็เวียนกลับให้คิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเรียนมัธยม ว่ากันว่าช่วงมัธยมนี่แหละที่สนุ