ภายในห้องนอนที่ภายในห้องประกอบด้วยเตียงโต๊ะข้างหน้าต่างที่บนโต๊ะมีกระดาษวางอยู่อย่างกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบเสมือนว่ามันไม่ได้ถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
กระดาษที่วางซ้อนทับกันหลายๆ แผ่นที่อยู่บนโต๊ะนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกระดาษที่เอาไว้ร่างรูปภาพที่ดูเหมือนราวกับว่ามันยังถูกวาดไม่เสร็จดี
มองออกไปจะเป็นประตูหน้าต่างของห้องที่อยู่ติดกับโต๊ะที่ไม่ได้ปิดสนิท กระดาษที่อยู่บนโต๊ะถูกพัดปลิวหล่นจากโต๊ะราวกับว่าข้างนอกนั่นมีลมพัดเข้ามาแต่เมื่อมองออกไปข้างนอกแล้วนั้นกลับไม่มีแม้แต่ลมเย็นที่พัดเข้ามา ไม่มีแม้แต่ความพลิ้วไหวของใบไม้ มันค่อนข้างน่าแปลกใจที่กระดาษเหล่านั้นปลิวพัดทั้ง ๆ ที่ไม่มีลมแม้สักนิดเดียว
เมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องนี้แล้วก็พอจะเดาออกได้เลยว่าเจ้าของห้องมีรสนิยมประมาณไหน ชื่นชอบอะไรเพราะภายในห้องนอนแห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะมากมายถ้าให้เดาคงเป็นผลงานจากเจ้าของห้องที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในตอนนี้
เจ้าของห้องเป็นเด็กหนุ่มวัย 22 ปีมีนามว่า อากาศ ที่มีขนตาเป็นแพยาวเมื่อหลับตา ผมหน้าม้าหยักศกปกคลุมกรอบหน้าดูไม่เป็นทรง คิ้วเรียงเส้นสวย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอย่างพอดี
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังฝันอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นได้ทั้งฝันดีและฝันร้ายแต่ท่าทางกระสับกระส่ายของชายหนุ่มในตอนนี้คงไม่ใช่ฝันดีแน่ ๆ
.
.
‘เมื่อเวลา 15.00 นาฬิกาของวันที่ 17 ตุลาคม ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกับรถบรรทุกจนเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางเข้าเมือง เสียชีวิตยกคัน เบื้องต้นตำรวจให้การว่าเป็นครอบครัวหนึ่งที่คาดว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน’
เฮือก!
เสียงสะดุ้งตื่น
ชายหนุ่มที่นอนอยู่สะดุ้งตื่นพร้อมหายใจหอบแรงและเหงื่อไหลเต็มกรอบหน้า
ตี 3.00 นาฬิกา
ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาที่บอกบ่งบอกว่าเวลาในตอนนี้
หลังจากที่ตั้งสติได้เขาก็ทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
‘นี่เราฝันเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ’
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
เมื่อตั้งสติได้ชายหนุ่มผู้นั้นรีบคว้ามือถือและกดเข้าไปในแชตของเพื่อนสนิทของเขาทันที
‘นอนหรือยัง?’
‘ยัง มีอะไรหรือเปล่า?’ หลังจากที่ส่งข้อความไปไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
‘ฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว’ เขาตอบกลับไป
‘อีกแล้วเหรอ?’
‘อือ’
‘กี่ปีแล้วที่ฝันเรื่องเดิม ๆ แบบนี้’
‘ไม่รู้สิ หลายปีได้แล้วแหละมั้ง หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น’
‘นานแล้วนะนั่น’
‘ก็ใช่...ตั้งแต่เป็นนักศึกษาใหม่ ๆ จนตอนนี้จะได้ไปฝึกสอนแล้ว’ อากาศตอบกลับเพื่อนของเขาไป
‘ลองไปหาหมอไหม?’ เพื่อนของเขาเสนอ
ข้อความนั้นไม่ถูกกดอ่าน
ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นกระดาษที่ปลิวไปทั่วห้อง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอนมองกระดาษที่อยู่บนพื้น เขาลุกขึ้นออกจากเตียงและเดินตรงไปยังกระดาษเหล่านั้น
เขาหยิบมันขึ้นมาและมองออกไปที่หน้าต่างและทำหน้าสงสัยในเมื่อข้างนอกนั่นไม่มีลมเลยสักนิดเดียวแล้วกระดาษพวกนี้จะปลิวได้อย่างไร ชายหนุ่มคิดในใจ
ติง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า
ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงนั้น เขาเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างและวางกระดาษที่เก็บจากพื้นมาวางไว้บนโต๊ะดังเดิม ก่อนจะละมือจากกระดาษเหล่านั้นเขาสังเกตเห็นรูปภาพที่เขาวาดบนกระดาษนั่น
มันเป็นรูปภาพที่มองอย่างไรก็ดูเหมือนกับว่ามันยังวาดไม่เสร็จ ชายหนุ่มพยายามจะวาดใบหน้าของใครสักคนที่อยู่ในความทรงจำแต่ยิ่งวาดออกมาเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที เพราะแต่ละใบนั้นเขาทำได้เพียงแต่วาดชิ้นส่วนบนใบหน้าเท่านั้น อย่างใบแรกที่เขาจับเป็นรูปดวงตาหนึ่งคู่ แผ่นต่อไปเป็นริมฝีปาก ชายหนุ่มสลับกระดาษแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะวาดรูปเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อย่างไม่เป็นรูปเป็นร่าง
ชายหนุ่มละมือจากกระดาษตรงหน้าและวางมันไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย
ติง!
ติง!
ติง!
เสียงข้อความเข้าไม่หยุด
ชายหนุ่มเดินไปที่เตียงที่เพื่อล้มตัวนอนไม่วายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อตอบข้อความเพื่อนสนิทของเขา เมื่อเปิดดูแชตก็เห็นข้อความหลายข้อความที่ถูกส่งมาว่า
‘เอ้าหายไปไหน?’
‘หลับแล้วหรือไง?’
‘กลับมาก่อน คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป’
‘งั้นนอนก่อนละ’
หลังจากที่อ่านจบแล้วชายหนุ่มที่ปิดเครื่องมือสื่อสารนั้นทันที ชายหนุ่มพยายามข่มตานอนหลับอีกครั้งเขาภาวนาว่าหลังจากหลับไปจะไม่ฝันเรื่องเดิม ๆ นั่นอีก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาฝันเรื่องนี้
ทุกครั้งที่เขาพยายามวาดรูปใบหน้าคนที่อยู่ในความทรงจำของเขา ในคืนนั้นเขาจะฝันเหตุการณ์เดิมๆ ทุกครั้งไป มันเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ อากาศได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ของเขาและไปหาหมอตามคำแนะนำของเพื่อนสนิท คุณหมอวินิจฉัยได้เพียงว่ามันอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากอุบัติเหตุที่เขาเคยประสบก็เป็นไปได้
.
.
.
‘แม่ครับผมฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว’
‘เรื่องอุบัติเหตุนั่นหรือ?’
‘ใช่ครับ’
‘ทำไมกันนะ เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว’
‘เรื่องอะไรเหรอครับ’ เมื่อแม่ของเขาพูดเช่นนั้นจึงอดถามออกไปไม่ได้
‘ไม่มีอะไรหรอก’ แม่ของเขาตอบปัด
‘ครับ’
‘ใกล้วันหมอนัดแล้วนี่ลูก อีกสองวันเตรียมตัวด้วยนะ’ แม่ของเขาเปลี่ยนเรื่อง
‘ครับ’
วันหมอนัด
‘สวัสดีครับคุณหมอ’
‘สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนครับ’
‘ขอบคุณครับ’
‘เป็นอย่างไรบ้างครับช่วงนี้?’
‘ก็สบายดีครับ แต่ว่าผมฝันเรื่องเดิมอีกแล้วครับ’
‘อืม...มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงของอุบัติเหตุก็ได้นะครับ แต่ไม่มีอาการปวดหัวหรืออาการอื่นนะครับ’ คุณหมอถาม
‘ไม่มีครับ’
‘ดีแล้วล่ะ ยังไงก็รบกวนคุณแม่คอยสังเกตด้วยนะครับ’
‘ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะคุณหมอ’
‘ยินดีครับ’
.
.
.
ไม่นานมานี้ชายหนุ่มเองก็พยายามหาต้นสายปลายเหตุของความเรื่องราวเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับเขา พ่อของเขาก็เคยบอกว่ามันเป็นเพียงความฝันอย่าได้เก็บมาใส่ใจนัก
อากาศหยุดคิดเรื่องเหล่านั้นและข่มตาหลับต่อจนถึงเช้าของอีกวัน
ช่วงเช้าของอีกวันกริ๊ง กริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนั่นด้วยความสะลึมสะลือ เขาบิดขี้เกียจก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเพดาน เขาทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เรื่องความฝันนั่น!เวลาผ่านไปสักพักอากาศก็ลุกออกจากที่นอนและเดินไปที่กระดาษที่เขาวางไว้บนโต๊ะเมื่อคืน เขามองกระดาษแผ่นนั้นอย่างพินิจพิจารณา พยายามนึกอย่างหนักว่าตัวเองพยายามจะวาดใครกันแน่เมื่อนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกพานจะทำตัวเองปวดหัวไปเปล่า ๆ เขาวางมันไว้ดังเดิมและเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองเวลาผ่านไปสักพักอากาศออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างอย่างหมิ่นเหม่ บนตัวของเขามีหยดน้ำเกาะตามตัวดูก็รู้ว่าชายหนุ่มซับน้ำออกอย่างลวก ๆ ก่อนออกจากห้องน้ำ เส้นผมที่เปียกน้ำนั่นทำให้เขาดูดีไม่น้อยชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าและเปิดมันเพื่อหยิบเสื้อมาสวมใส่ เขาไล่นิ้วไปตามไม้แขวนเสื้อไปทีละตัวก่อนที่จะหยิบตัวที่ถูกใจออกมา ลักษณะการแต่งตัวของเขาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ชายหนุ่มชื่นชอบที่จะสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงยีนสีซีด เป็นการแต่งตัวง่าย ๆ แต่เมื่อมันมาอยู่บนตัวเขา
ช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไปเช้าวันจันทร์ที่ทุกช่วงอายุต่างก็โอดโอยเมื่อวันนี้มาถึงเพราะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานเพิ่งจะวันศุกร์สุขสันต์แต่เพียงพริบตาเดียวก็พบกับวันจันทร์อันโหดร้ายอีกแล้วอากาศตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปฝึกสอนวันแรกถึงแม้ว่าเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้โรงเรียนที่อากาศกำลังจะไปฝึกสอนเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางใกล้บ้านของเขานั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียนบรรยากาศตอนเช้า ผู้คนต่างดูรีบร้อนมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบไปทำงานเพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรกเกรงว่ารถจะติด เด็กหนุ่ม สาวที่ต่างพากันรีบร้อนเพราะปิดเทอมไปนานมีบ้างที่ยังปรับตัวไม่ได้ บางครอบครัวก็กอดกันกลมเพราะเป็นวันแรกที่ลูกต้องห่างจากอกครั้งแรกเพราะถึงช่วงเข้าโรงเรียนแล้ว เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่วุ่นวายมากจริง ๆกริ๊ง กริ๊ง!เสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติเมื่อได้ยินเสียงนั่นเด็กนักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อเคารพธงชาติ อากาศที่ยืนดูเด็ก ๆ ก็เวียนกลับให้คิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเรียนมัธยม ว่ากันว่าช่วงมัธยมนี่แหละที่สนุ
ช่วงสายในช่วงสุดสัปดาห์เสียงเจื้อยแจ้วรอบบ้านเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องของชายหนุ่ม อากาศที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเริ่มแสดงสีหน้าและขมวดคิ้วเมื่อเสียงนั่นรบกวนการนอนของเขา จนท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่สามารถข่มตานอนภายใต้เสียงรบกวนได้เขาจึงลืมตาตื่นพร้อมบิดตัวและมือของเขาก็มาขยี้ตาเพื่อไล่อาการง่วงออกไปชายหนุ่มลืมตาในห้องนอนที่มีแสงลอดเข้าทางผ้าม่านเพียงเล็กน้อย เขานอนนิ่ง ๆ อยู่พักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงและนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบเวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีชายหนุ่มก็ลุกออกจากเตียงพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงบิดขี้เกียจอีกครั้ง‘อื้อ!’อากาศเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่พันเอวพร้อมหยดน้ำที่เกาะตามร่างกาย ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่และลงไปชั้นล่างด้วยผมที่ยังคงเปียกหมาด ๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็แห้ง“อากาศลูกทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนล่ะ?” คุณแม่ของเขาที่นั่งอยู่ที่โซฟาตั้งใหญ่ที่อยู่ใจกลางบ้านทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายลงมาพร้อมหัวหมาด ๆแม่ของอากาศนั่งซ่อมเสื้อผ้าที่ชำรุดเพียงเล็กน้อยแต่ตาของเธอก็มองทีวีเป็นพัก ๆ รายการโทรทัศน
ชีวิตอันแสนสงบสุขของชายหนุ่มได้ผ่านไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ดูเหมือนกับว่าจะยุ่งนิดหน่อยเพราะวันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ ช่วงวันหยุดได้ผ่านพ้นไปวันจันทร์กลับมาอีกแล้วสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สองของการฝึกสอนของชายหนุ่ม อากาศเดินลงไปชั้นล่างของบ้านหลังจากที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย“อ้าว ลงมาแล้วเหรอลูก มานั่งกินข้าวก่อนค่ะแม่เตรียมไว้ใกล้เสร็จแล้ว” คุณแม่ทักขึ้นตอนที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้า“สวัสดีครับ”“จ๊ะ มานั่งค่ะ”“เดี๋ยวผมช่วยครับ” อากาศอาสาช่วยแม่ของเขาจัดเตรียมโต๊ะเมื่อเห็นว่าแม่ของเขานั้นดูยุ่งและวุ่นวายกับการจัดเตรียม“ขอบใจจ้ะ” คุณแม่หันมายิ้มให้เขาหลังจากที่เขาพูดจบทั้งคู่เตรียมโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยที่อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรง่าย ๆ อย่างข้าวต้มทะเลและกาแฟหนึ่งแก้วให้คุณพ่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปฝึกสอนชายหนุ่มก็เอ่ยลาคุณแม่ให้เสร็จเรียบร้อยและขับรถไปที่โรงเรียนกิจกรรมหน้าเสาธงก็เหมือนในทุก ๆ วันไม่มีอะไรเป็นพิ
4 ปีที่แล้วช่วงบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มในวัย 18 ย่าง 19 ปี ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณในรั้วบ้านของเขา รูปวาดที่ชายหนุ่มวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์มากกว่าการวาดรูปบุคคล เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงไม่ค่อยสุงสิงกับใครกับเพื่อนสนิทอย่างภูมิเองก็นาน ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน มีบ้างที่จะออกข้างนอกแต่ก็คงไม่พ้นสวนสาธารณะแถวบ้าน ชายหนุ่มเพียงต้องการพื้นที่ที่สงบในการวาดรูปเพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่วาดรูปอย่างตั้งใจ พร้อมสวมหูฟังครอบหูไว้ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถจมดิ่งในโลกของตัวเองได้อย่างง่ายดายกริ๊ง!เสียงกดกริ่งหน้าบ้านกริ๊ง!เสียงกริ๊งดังขึ้นครั้งที่สองเมื่อไม่มีใครเปิดมัน“อากาศลูก ใครมากดกริ่ง ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยได้ไหม” คุณแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวเลื่อนบานหน้าต่างออกและเรียกชายหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์“…”“อากาศ” เสียงคุณแม่ดังขึ้น“ครับผม! แม่ว่าอย่างไรนะครับ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัว
ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอกกริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นคิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา6.30 นาฬิกานั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดอื้อ!หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดีหลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่าง
ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา7.30 น.“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อนผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแ
หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่มฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ“ของว่
ปัจจุบันหลังจากที่เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นในชั้นเรียน คุณครูจิรายุก็ได้ทราบเรื่องและเรียกอากาศไปคุยที่ห้องพักครู“มาแล้วเหรอ?” เป็นเสียงของคุณครูจิรายุ“ครับ”“รู้หรือเปล่าว่าที่ครูเรียกเธอมาเพราะเรื่องอะไร”“ทราบครับ” ชายหนุ่มตอบกลับไป“ครูจะยังไม่ถือโทษกับเธอแล้วกัน แต่ครูไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก”“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”“ไม่ใช่ครูที่เธอควรขอโทษแต่มันเป็นนักเรียนคนนั้น”“ครับ”“ไปเถอะ คาบที่เหลือเดี๋ยวครูเข้าสอนเอง ส่วนเธอก็เคลียร์งานในห้องนี้ละกัน”“ครับ”ชายหนุ่มตั้งใจจะขอโทษนักเรียนคนนั้นพรุ่งนี้ในช่วงเช้า ชายหนุ่มกลับบ้านเขาก็คิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แต่ด้วยท่าทางและสีหน้าของเขาที่ดูไม่มีจึงไม่พ้นสายตาของคุณแม่ที่สังเกตมาตั้งแต่ที่ลูกชายตัวเองกลับบ้านก็ไม่พูดไม่จา ตอนนี้ก็นั่งเขี่ยข้าวในจาน“อากาศลูกที่โรงเรียนมีอะไรหรือเปล่า ทำไมนั่งเหม่ออย่างนั้นล่ะ?”ชายหนุ่มเงยหน้าจากจานข้าวก่อนจะตอบแม่ของเขาไป “ไม่มีอะไรครับ”“แต่แม่เห็นว่าลูกเขี่ยข้าวในจานมาตั้งนานแล้วนะหรือกับข้าวไม่ถูกปาก”“เปล่าครับ ผมอ
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ก็เริ่มห่างเหินกัน จะเรียกว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อมีแค่ฟองฝนเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนอากาศเองก็พยายามติดต่อหญิงสาวไม่ว่าทั้งโทรหาหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับจากหญิงสาวแม้แต่นิดเดียวกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าฟองฝนที่นั่งทบทวนบทเรียนละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและมองหาเสียงที่ได้ยินก่อนที่เธอจะปัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นใครกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกอีกครั้งครั้งนี้เธอตัดสินใจรับสายนั้นเพื่อตัดปัญหา “ฮัลโหลค่ะ” ฟองฝนพูดขึ้น“...” ปลายสายยังคงเงียบ“ไม่มีอะไรฝนวางแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงเงียบ“ด... เดี๋ยวครับ”“…” หญิงสาวเงียบเพื่อฟัง“ทำอะไรอยู่ครับ” ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น“ทบทวนบทเรียนอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป“พี่กวนเราหรือเปล่า”“…”“’งั้นพ
หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่มฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ“ของว่
ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา7.30 น.“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อนผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแ
ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอกกริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นคิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา6.30 นาฬิกานั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดอื้อ!หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดีหลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่าง
4 ปีที่แล้วช่วงบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มในวัย 18 ย่าง 19 ปี ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณในรั้วบ้านของเขา รูปวาดที่ชายหนุ่มวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์มากกว่าการวาดรูปบุคคล เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงไม่ค่อยสุงสิงกับใครกับเพื่อนสนิทอย่างภูมิเองก็นาน ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน มีบ้างที่จะออกข้างนอกแต่ก็คงไม่พ้นสวนสาธารณะแถวบ้าน ชายหนุ่มเพียงต้องการพื้นที่ที่สงบในการวาดรูปเพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่วาดรูปอย่างตั้งใจ พร้อมสวมหูฟังครอบหูไว้ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถจมดิ่งในโลกของตัวเองได้อย่างง่ายดายกริ๊ง!เสียงกดกริ่งหน้าบ้านกริ๊ง!เสียงกริ๊งดังขึ้นครั้งที่สองเมื่อไม่มีใครเปิดมัน“อากาศลูก ใครมากดกริ่ง ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยได้ไหม” คุณแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวเลื่อนบานหน้าต่างออกและเรียกชายหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์“…”“อากาศ” เสียงคุณแม่ดังขึ้น“ครับผม! แม่ว่าอย่างไรนะครับ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัว
ชีวิตอันแสนสงบสุขของชายหนุ่มได้ผ่านไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ดูเหมือนกับว่าจะยุ่งนิดหน่อยเพราะวันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ ช่วงวันหยุดได้ผ่านพ้นไปวันจันทร์กลับมาอีกแล้วสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สองของการฝึกสอนของชายหนุ่ม อากาศเดินลงไปชั้นล่างของบ้านหลังจากที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย“อ้าว ลงมาแล้วเหรอลูก มานั่งกินข้าวก่อนค่ะแม่เตรียมไว้ใกล้เสร็จแล้ว” คุณแม่ทักขึ้นตอนที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้า“สวัสดีครับ”“จ๊ะ มานั่งค่ะ”“เดี๋ยวผมช่วยครับ” อากาศอาสาช่วยแม่ของเขาจัดเตรียมโต๊ะเมื่อเห็นว่าแม่ของเขานั้นดูยุ่งและวุ่นวายกับการจัดเตรียม“ขอบใจจ้ะ” คุณแม่หันมายิ้มให้เขาหลังจากที่เขาพูดจบทั้งคู่เตรียมโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยที่อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรง่าย ๆ อย่างข้าวต้มทะเลและกาแฟหนึ่งแก้วให้คุณพ่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปฝึกสอนชายหนุ่มก็เอ่ยลาคุณแม่ให้เสร็จเรียบร้อยและขับรถไปที่โรงเรียนกิจกรรมหน้าเสาธงก็เหมือนในทุก ๆ วันไม่มีอะไรเป็นพิ
ช่วงสายในช่วงสุดสัปดาห์เสียงเจื้อยแจ้วรอบบ้านเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องของชายหนุ่ม อากาศที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเริ่มแสดงสีหน้าและขมวดคิ้วเมื่อเสียงนั่นรบกวนการนอนของเขา จนท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่สามารถข่มตานอนภายใต้เสียงรบกวนได้เขาจึงลืมตาตื่นพร้อมบิดตัวและมือของเขาก็มาขยี้ตาเพื่อไล่อาการง่วงออกไปชายหนุ่มลืมตาในห้องนอนที่มีแสงลอดเข้าทางผ้าม่านเพียงเล็กน้อย เขานอนนิ่ง ๆ อยู่พักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงและนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบเวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีชายหนุ่มก็ลุกออกจากเตียงพร้อมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงบิดขี้เกียจอีกครั้ง‘อื้อ!’อากาศเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่พันเอวพร้อมหยดน้ำที่เกาะตามร่างกาย ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่และลงไปชั้นล่างด้วยผมที่ยังคงเปียกหมาด ๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็แห้ง“อากาศลูกทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนล่ะ?” คุณแม่ของเขาที่นั่งอยู่ที่โซฟาตั้งใหญ่ที่อยู่ใจกลางบ้านทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายลงมาพร้อมหัวหมาด ๆแม่ของอากาศนั่งซ่อมเสื้อผ้าที่ชำรุดเพียงเล็กน้อยแต่ตาของเธอก็มองทีวีเป็นพัก ๆ รายการโทรทัศน
ช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไปเช้าวันจันทร์ที่ทุกช่วงอายุต่างก็โอดโอยเมื่อวันนี้มาถึงเพราะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานเพิ่งจะวันศุกร์สุขสันต์แต่เพียงพริบตาเดียวก็พบกับวันจันทร์อันโหดร้ายอีกแล้วอากาศตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปฝึกสอนวันแรกถึงแม้ว่าเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้โรงเรียนที่อากาศกำลังจะไปฝึกสอนเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางใกล้บ้านของเขานั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียนบรรยากาศตอนเช้า ผู้คนต่างดูรีบร้อนมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบไปทำงานเพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรกเกรงว่ารถจะติด เด็กหนุ่ม สาวที่ต่างพากันรีบร้อนเพราะปิดเทอมไปนานมีบ้างที่ยังปรับตัวไม่ได้ บางครอบครัวก็กอดกันกลมเพราะเป็นวันแรกที่ลูกต้องห่างจากอกครั้งแรกเพราะถึงช่วงเข้าโรงเรียนแล้ว เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่วุ่นวายมากจริง ๆกริ๊ง กริ๊ง!เสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติเมื่อได้ยินเสียงนั่นเด็กนักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อเคารพธงชาติ อากาศที่ยืนดูเด็ก ๆ ก็เวียนกลับให้คิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเรียนมัธยม ว่ากันว่าช่วงมัธยมนี่แหละที่สนุ