โชคดีที่โจวอวี้หานมีชุดสำรองติดมาด้วย ทำให้เรื่องราวไม่วุ่นวายมากไปกว่าเดิม หยางจิ่งตำหนิน้องสาวตนคราหนึ่ง ก่อนจะหันมามองโจวหว่านหรู โจวหว่านหรูทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่มองมาของหยางจิ่ง ทั้งที่ในใจรู้สึกสั่นไหวไม่น้อยเมื่อไม่มีสิ่งใดให้ต้องทำต่อแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับไปยังที่ของตน หยางจิ่งหันไปจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง พบว่ายามนี้นางไม่ได้หันมามองเขาเลยแม้แต่น้อย ในใจของหยางจิ่งรู้สึกบีบรัดจนไม่อาจทานทน แต่ทว่าเขาเข้าใจนางดี นางถูกเขาทำร้ายจิตใจมามากมายเหลือเกิน การที่จะทำให้นางยอมรับเขาอีกครั้งมีเพียงทางเดียวคือต้องรอเพียงวันเวลาเท่านั้นนี่คือการลงโทษจากสวรรค์ใช่หรือไม่? สวรรค์ต้องการให้เขาเข้าใจว่าการถูกคนที่ตนเองรักเฉยชาใส่นั้นมันเจ็บปวดเพียงใดโจวหว่านหรูต้องบอบช้ำมากเพียงใดจากการกระทำของเขา ทั้งที่นางและเขาพานพบกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจความรู้สึกของนางเลยแม้แต่น้อย มีบุปผาล้ำค่าอยู่ในมือ แต่ทว่ากลับทำลายทิ้งอย่างเลือดเย็นข้าเข้าใจแล้วโจวหว่านหรู ข้าเข้าใจเจ้าทั้งหมดแล้ว!เมื่อกลับมาถึงวังหลวง หวังซุนก็รีบนำข่าวมารายงานเขาทันที เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้ให้หวังซ
"ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ นี่คือของขวัญที่ลูกเตรียมเอาไว้ให้เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"หยางจิ่งหันไปพยักหน้าให้หวังซุนคราหนึ่ง หวังซุนรีบเดินนำกรงที่มีผ้าสีทองปกคลุมเอาไว้มามอบให้หยางจิ่งทันที หยางจิ่งรับมันมาส่งมอบให้ขันทีอีกครา ขันทีจึงนำไปถวายให้ฮ่องเต้หยางหลิงไท่เมื่อเปิดออกมาดูก็พบว่าในกรงนั้นเป็นกระต่ายสีขาวสองตัว นัยน์ตาของมันเป็นสีทองอำพัน ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างมองมาที่หยางจิ่งด้วยแววตาที่หลากหลายบ้างก็มองด้วยความสงสัยว่าเขาเป็นถึงองค์ชายใหญ่ แต่กลับมอบเพียงกระต่ายไร้ราคาให้เสด็จพ่อของตน บ้างก็มองด้วยแววเยาะหยันว่าเขาเป็นองค์ชายเสเพลที่ไม่ทำสิ่งใด ของขวัญบัดซบเช่นนี้ก็ยังกล้านำออกมาได้ ไม่รู้จักขายหน้าบ้างหรือไรกัน!!แต่ทว่าฉินกุ้ยเฟยกลับมีแววตาที่ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางจ้องมองกระต่ายในกรงนั้นสลับกับมองหยางจิ่งคราหนึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่นางเตรียมเอาไว้คือเหยี่ยวที่ตายแล้วมิใช่หรือ!!!เหตุใดมันจึงกลับกลายมาเป็นกระต่ายไปได้เล่า!!!หยางจิ่งปรายตามองท่าทีของฉินกุ้ยเฟย ก่อนจะลอบส่งเสียงหึ ๆ ในลำคอ ยามเช้าของวันนี้ก่อนจะเริ่มงาน มีนางกำนัลจากตำหนักฉินกุ้ยเฟยนำของขวัญนี้มามอบให้เขา อีกท
ผู้คนที่อยู่ในงานต่างมองไปที่ชินอ๋องหยางหลิงฉีและฉินกุ้ยเฟยในทันที ฮ่องเต้หยางหลิงไท่นั้นเมื่อได้ยินว่าน้องชายที่ตนรักคิดก่อกบฏก็ตกใจจนมือสั่นเทา พลางจ้องมองไปที่ชินอ๋องหยางหลิงฉีด้วยแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อชินอ๋องหยางหลิงฉีหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วมองไปยังหยางเฉิงด้วยแววตาที่โศกเศร้าโจวอวี้หานหันมาส่งยิ้มให้หยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะมอบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งส่งให้หยางจิ่ง หยางจิ่งเดินเข้าไปรับสมุดบันทึกเล่มนั้นมาจากโจวอวี้หาน ก่อนจะเอ่ย"ขอบใจเจ้ามากนะ""ไม่เป็นอันใด เรื่องนี้จะไม่สำเร็จเลย หากไม่ได้คนของท่านพ่อข้าช่วยเหลือ""อืม""เจ้ารีบนำไปถวายให้ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเถิด"หยางจิ่งพยักหน้า ก่อนจะรีบนำสมุดบันทึกเล่มนั้นไปมอบให้เสด็จพ่อของตน ฮ่องเต้หยางหลิงไท่จ้องมองสมุดบันทึกในมือตนคราหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกอ่านทีละหน้า พร้อมกับหันไปมองชินอ๋องหยางหลิงฉีคราหนึ่งในสมุดเล่มนั้นบันทึกเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่วันที่หยางเฉิงคลอดออกมาจนถึงวันนี้ อีกทั้งยังมีจดหมายสองสามฉบับที่ยืนยันว่าชินอ๋องหยางหลิงฉีและฉินซินอวี้ลอบวางแผนร่วมกันมานานหลายปี"อาฉี เหตุใดเจ้าจึงท
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานพระราชสมภพของฮ่องเต้หยางหลิงไท่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ทุกคนในงานเลี้ยงครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ผู้คนต่างมองออกเป็นสองฝ่ายฝ่ายแรกคือในสายตาของเหล่าขุนนางและเหล่าสตรีที่อยู่ในงาน มองว่าเรื่องนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ไม่คาดคิดว่าชินอ๋องผู้สง่างามและน่าเกรงขามจะทำเช่นนี้ได้ อีกทั้งองค์ชายรองผู้ที่ดูมีความรู้และสง่าผ่าเผยกลับคิดวางยาฝ่าบาท ฉินกุ้ยเฟยที่มีอำนาจในวังหลวงเพียงข้ามคืนกลับถูกสังหารจนตกตาย งานพระราชสมภพกลับกลายเป็นการนองเลือดและสร้างความหวาดหวั่นให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นไม่น้อยแต่ว่าในสายตาของเหล่าองค์ชายและราชทูตต่างแคว้นกลับมองต่างออกไป พวกเขามองว่าครั้งนี้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉินและองค์ชายใหญ่กลับตัดรากถอนโคนคนชั่วได้อย่างเลือดเย็น นี่นับเป็นการบอกพวกเขาทางอ้อมหรือไม่ว่า ถ้าหากผู้ใดคิดตั้งตนเป็นศัตรูกับแคว้นเป่ยฉิน อาจจะต้องพบจุดจบเช่นเดียวกับคนเหล่านั้น บางคราอาจจะไม่มีแผ่นดินให้อยู่อาศัยก็เป็นได้เมื่อคิดได้เช่นนั้นเหล่าขุนนางต่างแคว้นที่คิดการเหิมเกริมก็สงบปากสงบคำขึ้นไม่น้อยโจวหว่านหรูยื่นมือไปพยุงมารดาของตนด้วยความห่วงใย ก่อนจ
หลังจากที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันออกจากวังหลวงไปจนหมดแล้ว หยางจิ่งจึงมุ่งหน้ามาพบกับบิดาของตนที่ตำหนักมังกรสวรรค์ในทันที ยามนี้อาการของเสด็จพ่อดีขึ้นมากแล้ว หยางจินจินบอกว่าดูเหมือนเสด็จพ่อจะเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าใช้เวลาเพียงไม่นานก็คล้ายกับจะปลงต่อทุกสิ่งหยางจิ่งเข้ามาพบกับเสด็จพ่อของเขาด้านในตำหนัก ฮ่องเต้หยางหลิงไท่จ้องมองบุตรชายของตนคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย"ตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่เจ้ารู้ว่าคนพวกนั้นคิดไม่ซื่อ"หยางจิ่งยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นบิดาฟัง ตั้งแต่เรื่องที่เขาเห็นว่าคนในตำหนักของฉินกุ้ยเฟยมีท่าทีไม่ปกติ และยังมีคนใส่ชุดดำติดตามเขาทุกคราที่ออกไปด้านนอกวังหลวง เขาจึงให้หวังซุนตามสืบจนพบว่าคนชุดดำเหล่านั้นไปที่ตำหนักของเสด็จอา และเมื่อสืบลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ก็ได้พบว่าฉินกุ้ยเฟยและเสด็จอาแอบลอบติดต่อกัน เดิมทีหยางจิ่งไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะย่ำแย่เช่นนี้ เพียงขอร้องให้โจวอวี้หานช่วยสืบอีกครา เพราะเขาไม่เชื่อว่าเสด็จอาและฉินกุ้ยเฟยจะลอบกระทำการที่ผิดต่อเสด็จพ่อ แต่ทว่าฉินกุ้ยเฟยกลับนำเหยี่ยวที่ตายแล้วให้เขานำมันมามอบให้เสด็จพ่อ นี่ก็ชัดเจนแล้
ยามนี้ราชทูตจากต่างแคว้นต่างพากันเดินทางกลับไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงอู๋เจี๋ยองค์รัชทายาทแคว้นฉีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ต่อ เนื่องจากทั้งสองแคว้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เขาจึงไม่ได้รู้สึกลำบากใจอันใดที่จะต้องอยู่ที่แคว้นเป่ยฉินต่อระยะหลายวันมานี้อู๋เจี๋ยได้พบกับองค์หญิงรองหยางจินจิน เดิมทีเสด็จพ่อบอกว่าอยากให้เขาหาทางเข้าใกล้นาง หากสานสัมพันธ์กับนางต่อได้นั้นย่อมเป็นผลดีต่อแคว้นฉี แต่ทว่าอู๋เจี๋ยกลับไม่ได้คิดเช่นนั้นเขาสั่งให้คนตามสืบความเป็นไปของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ผู้นั้น จนได้รู้ว่านางมีชื่อว่าโจวหว่านหรู หากให้อู๋เจี๋ยเทียบกันระหว่างหยางจินจินและโจวหว่านหรู แน่นอนว่าความงามของหยางจินจินไม่อาจเทียบกับโจวหว่านหรูได้เลยแม้แต่น้อย หยางจินจินแม้จะเป็นองค์หญิงรองแห่งแคว้นเป่ยฉิน แต่ทว่ากลับดูจืดชืดไม่น่าค้นหาเท่าโจวหว่านหรู ในตำหนักของเขานั้นไม่เคยขาดแคลนสาวงาม แต่ทว่าสตรีที่น่าค้นหาเช่นโจวหว่านหรูนั้นหาได้ไม่ง่ายเลย อีกทั้งการที่ได้อยู่ที่แคว้นเป่ยฉินเป็นระยะเวลาหลายวัน ทำให้เขาได้รู้ว่าฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉินนั้นไม่ได้ยินยอมที่จะให้เขาแต่งหยางจินจินไปที่แคว้นฉีเช่นกัน บอกเพียงว่าสุขภาพของนา
ใช้เวลาเดินทางมาเกือบครึ่งค่อนวัน ในที่สุดโจวหว่านหรูก็เดินทางมาถึงบ้านสวน ซึ่งตั้งอยู่ด้านนอกเมืองหลวง เมื่อจัดการให้เหล่าสาวใช้นำสิ่งของเข้าไปไว้ด้านในเสร็จสิ้น นางก็พาโจวฮูหยินเข้าไปพักผ่อนในเรือนพัก"ท่านแม่ ท่านพักสักครู่เถิด ข้าจะไปที่โรงครัวเสียหน่อยเจ้าค่ะ"โจวฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย นางรีบคว้าจับมือบุตรสาวของตนเอาไว้ในทันที ขืนให้โจวหว่านหรูเข้าครัว เห็นทีบ้านสวนคงจะมอดไหม้เป็นแน่"หวานหว่าน เจ้าไม่ต้องเข้าครัวหรอกนะ ให้เย่หยวนไปจัดการ เจ้าอยากกินสิ่งใดก็ให้บ่าวไพร่ไปทำมา"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แววตาของท่านแม่ที่หวาดกลัวยามได้ยินว่านางจะเข้าครัวนั่นมันคือสิ่งใดกันไม่ไปก็ได้!!!เมื่อคิดได้เช่นนั้นโจวหว่านหรูจึงสั่งให้เย่หยวนไปบอกแม่ครัวใหญ่ที่ดูแลบ้านสวนให้ทำอาหารใดก็ได้มามากเสียหน่อย อีกทั้งยังสั่งให้ทำซุปบ๊วยเปรี้ยวมาให้นางและท่านแม่ อากาศที่ร้อนอบอ้าวเช่นนี้ ทำให้ตนรู้สึกเวียนหัวตาลายไม่น้อยเลยเย่หยวนพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเดินไปจัดการตามที่โจวหว่านหรูสั่งเอาไว้ โจวหว่านหรูที่ไม่มีสิ่งใดให้ทำ จึงออกมาเดินรับลม
อาหารเย็นในวันนี้ค่อนข้างครึกครื้นไม่น้อย เนื่องจากมีหยางจิ่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย โจวหว่านหรูเองก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก นางชอบกินสิ่งใดนางก็กินสิ่งนั้น ไม่ได้แสดงท่าทีเขินอายหรือวางตนให้เขาสนใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อกินมื้อค่ำกันเรียบร้อยแล้ว หยางจิ่งก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตนซึ่งทางการจัดเตรียมเอาไว้ให้ โจวหว่านหรูเพิ่งได้รู้ว่าที่เขาเดินทางมาด้านนอกเมืองหลวงนั้น เป็นเพราะรับสั่งของฝ่าบาทที่ต้องการให้เขามาดูความเป็นอยู่ขอราษฎรชนบท อีกเรื่องหนึ่งก็คือฝ่าบาทต้องการให้เขาสืบหาร่องรอยของเจียงหมิงเจ๋อโจวหว่านหรูถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เจียงหมิงเจ๋อนั้นยามนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีผู้ใดพบว่าเขาไปอยู่ที่ใด ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดไม่น้อยเลยด้านหยางจิ่งนั้นเมื่อเขากลับมาถึงที่พักของตน ก็สั่งให้หวังซุนไปสังเกตการณ์ดูรอบ ๆ บริเวณ อีกทั้งให้ไปตรวจสอบยังหมู่บ้านใกล้เคียงว่ามีผู้ใดน่าสงสัยผ่านทางมาบ้างหรือไม่ หวังซุนพยักหน้ารับคำ ก่อนจะรีบไปจัดการตามที่เจ้านายของตนสั่งการทันทีด้านเจียงหมิงเจ๋อนั้นก็ได้ทราบข่าวจากหยวนเหนียงว่าหยางจิ่งสั่งให้คนออกค้นหาต้นตอของเขาอย่างเงียบ ๆ จึงส่งเสียง
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่
ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า
โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ
เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห
ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย
หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย
เจียงหมิงเจ๋อปรายตามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น เหล่าทหารแคว้นเยี่ยนของเขาก็พุ่งเข้าสังหารทหารแคว้นฉีในทันที อู๋เจี๋ยตื่นตระหนกไม่น้อย เพียงมองอาภรณ์ที่สวมใส่เขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาใหม่นี่คือใครฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเช่นนั้นหรือ!!!เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองอู๋เจี๋ยคราหนึ่ง ก่่อนจะเอ่ย"เจ้าสินะ ที่ขโมยศีรษะของเจียงหย่งหลางส่งไปให้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน ศีรษะของพี่ชายข้าก็เสียบประจานอยู่ที่หน้าประตูชายแดนดี ๆ เจ้ากลับไร้มรรยาทเอาหัวเขาไปเที่ยวเล่น ช่างบังอาจนัก!!!"อู๋เจี๋ยตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะถูกล่วงรู้ได้รวดเร็วเช่นนี้เขารู้ว่ายามนี้ไม่อาจต่อกรได้แล้ว เจียงหมิงเจ๋อพาทหารแคว้นฉู่ที่ยามนี้รวมเป็นหนึ่งกับแคว้นเยี่ยนบุกเข้ามาเพื่อจัดการเขา มันเป็นไปได้เช่นไรไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเจ๋อต้องสังหารหยางจิ่งหรอกหรือ!!!อู๋เจี๋ยไม่รั้งรอ เขารีบควบม้าคิดจะหนี เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก มีหรือที่เขาจะปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ ใครที่มันคิดรุกรานเขา เขาไม่เคยเก็บเอาไว้เจียงหมิงเจ๋อคว้าคันธนูมาจากฟ่านเฉียน ก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่อู๋เจี๋ย ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะทะลุเข้าไปที่กลางอกข
โจวหว่านหรูสวมชุดเกราะเตรียมออกรบ ในมือของนางถือดาบยาวที่ส่องประกายวาววับ ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและพุ่งทะยานออกไปที่ประตูชายแดนในทันที โดยมีหยางจิ่งและโจวอวี้หานเป็นผู้นำทัพ ยามนี้แขนของท่านพ่อนางดีขึ้นมากแล้ว เมื่อภัยมาถึงด้วยนิสัยของท่านพ่อย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้ด้านหยางจินจินนั้นคอยดูแลเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บและถูกหามกลับเข้ามา ใจของนางสั่นไหวไม่น้อยหยางจิ่งที่ควบม้ามายังสนามรบ เมื่อได้มองเห็นกองกำลังทหารเรือนแสนที่แคว้นฉียกทัพมาก็จ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนจะมองไปที่อู๋เจี๋ยซึ่งเป็นผู้นำทัพออกรบอู๋เจี๋ยจ้องมองหยางจิ่งอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะปรายตามามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ในใจนึกเสียดายที่ไม่อาจนำสาวงามนางนี้มาครอบครองได้ หากเขารบชนะศึกในครานี้และหยางจิ่งพ่ายแพ้ เขาจะลากตัวนางกลับแคว้นฉีและทรมานให้สาแก่ใจโจวหว่านหรูจ้องมองอู๋เจี๋ยด้วยแววตาเกลียดชัง"ไม่คิดว่าคนแคว้นฉีจะตีสองหน้าได้เก่งกาจปานนี้ อาศัยช่วงที่ทัพของข้าอ่อนไหว ตลบหลังได้อย่างหน้าไม่อาย"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ อู๋เจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ว่าแคว้นฉีขอ
หยางจิ่งรีบเข้ามากอดโจวหว่านหรูทันที ก่อนจะเอ่ย"เจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด ข้าแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า"โจวหว่านหรูไม่ได้ขัดขืนหยางจิ่ง ยังคงปล่อยให้เขากอดนางอยู่เช่นนั้น"ข้าเหนื่อยแล้ว"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นเรากลับเป่ยฉินกันเถิด"หยางจิ่งกำลังจะพาโจวหว่านหรูเดินไปยังรถม้า แต่ทว่านางกลับรั้งมือของเขาเอาไว้ หยางจิ่งหันกลับมามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"มีสิ่งใดหรือ"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าหายไปแคว้นเยี่ยนตั้งหลายวัน ท่านไม่สงสัยข้าเลยหรือ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางอย่างรักใคร่"ข้าไม่สนใจ และไม่ติดใจเรื่องใดทั้งสิ้น ข้ารู้ว่าคนเช่นเจ้าหากถูกเอาเปรียบเจ้ายอมตายดีกว่า จริงหรือไม่"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของนางเขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว แต่วันนี้นางกลับยิ้มให้เขาอีกคราโจวหว่านหรูก้าวขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะหันมามองหยางจินจินที่นั่งอยู่ หยางจินจินก็ห