Home / รักโบราณ / ดอกไม้ในเปลวเพลิง / บทที่ 65 องครักษ์จำเป็น

Share

บทที่ 65 องครักษ์จำเป็น

last update Last Updated: 2025-03-20 10:36:39

มื้อเย็นนี้ก็ยังเป็นอาหารแห้ง สุ่ยเฉินเฟิงไม่ได้จัดอาหารใส่จานให้วุ่นวาย แต่ส่งอาหารแห้งแต่ละห่อให้ฮองเฮา รัชทายาท และเหมยกุ้ย ส่วนตนเองก็เปิดห่อออกมาแล้วเติมอาหารลงไปในท้องที่ว่างเปล่า เป็นอาหารง่าย ๆ แต่เป็นมื้อที่อร่อยของพวกเขา ทุกคนจัดการกับมื้ออาหารของตนเองอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ไม่เหลืออะไรเลย

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว สุ่ยเฉินเฟิงและเหมยกุ้ยก็เริ่มจัดเตรียมที่นอน รัชทายาทมองดูหญิงสาวทั้งสองปูฟูกลงบนพื้นเรือนอย่างคล่องแคล่วแล้วนึกแปลกใจ ทั้งสองเป็นคุณหนูในห้องหอ ปกติคงไม่ได้หยิบจับอะไรเหล่านี้หรอกกระมัง ฮองเฮาก็หยิบหมอนบาง ๆ มาวางไว้สำหรับทุกคน

“คืนแรกนี้ หม่อมฉันเฝ้ายามเองเพคะ คืนพรุ่งนี้ เหมยกุ้ยจะเฝ้ายาม เผื่อมีคนหรือสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้ จะได้รับมือได้ทัน” สุ่ยเฉินเฟิงเอ่ยหลังจากปูฟูกเสร็จแล้ว

ฮองเฮาตรัสว่า “เช่นนั้นคืนถัดไป เราจะเฝ้ายามเอง”

สุ่ยเฉินเฟิงและเหมยกุ้ยรีบโบกมือปฏิเสธ สุ่ยเฉินเฟิงกล่าวว่า “หม่อมฉันและเหมยกุ้ยจะผลัดกันเข้าเวรยามเอง ขอเชิญฮองเฮาและรัชทายาทพักผ่อนให้สบาย หากทั้งสองพระองค์สบายดี พวกหม่อมฉันก็วางใจเพคะ”

รัชทายาทกล่าวว่า “คืนที่สามข้าเฝ้ายามเองก็แล
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 66 คุณหนูสุ่ยผู้สวยงามและสดใส

    รัชทายาทสูดอากาศในป่าใหญ่เข้าเต็มปอด ทั้ง ๆ ที่อากาศในช่วงเช้านี้ค่อนข้างเย็น แต่เขาก็ไม่มีอาการไอจนเจ็บหน้าอกอีก จะว่าไปแล้ว เมื่อคืนเขาก็หลับสนิทไม่มีการตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะอาการกำเริบเหมือนเช่นเคยเมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว สุ่ยเฉินเฟิงก็บอกกับทุกคนว่า "ท่านป้า หลานจะออกไปสำรวจพื้นที่โดยรอบนะเจ้าคะ ดูทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน เผื่อจำเป็นจะต้องเปลี่ยนที่พักอีก" แล้วนางก็หันมามองหน้าเพื่อน "กุ้ยเอ๋อร์อยู่ที่นี่นะ เผื่อมีอะไรไม่น่าวางใจจะได้ถวายอารักขา เอ้ย คุ้มครองความปลอดภัย"รัชทายาทรีบเอ่ยว่า "ข้าไปด้วยนะ จะได้ช่วยกันดูเส้นทาง"เหมยกุ้ยพยักหน้ารับทราบถ้อยคำของสุ่ยเฉินเฟิง แล้วบอกด้วยความเป็นห่วงว่า "พี่สี่และเฟิงเอ๋อร์ก็ระวังตัวด้วยนะ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะคุ้มครองท่านป้าเอง"สุ่ยเฉินเฟิงและรัชทายาทออกเดินฝ่าดงไม้ไปอีกครั้งในทิศทางตรงกันข้ามกับที่เข้ามา เป็นทางเดินแคบมาก บางครั้งกิ่งไม้ก็เกี่ยวแขนเสื้อของคนทั้งสอง ยังดีที่แขนเสื้อยาวและผ้าเนื้อหนาพอสมควร แขนของทั้งสองคนจึงไม่ได้รับบาดแผลอันใด รัชทายาท เดินตามนางไปเงียบ ๆ หญิงสาวเดินมาไกลพอสมควรแล้วจึงหยุด หันมาถามว่า"

    Last Updated : 2025-03-21
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 67 ทำกับดัก

    รัชทายาทอารมณ์ดีมากแม้ว่าจะจับปลาไม่ได้เลย มื้อกลางวันเปลี่ยนจากหมูตากแห้งเป็นเนื้อกวางตากแห้ง มีการปรุงรสมาแล้วเรียบร้อย เผ็ดนิดหน่อย ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงรับประทานมื้อกลางวัน ขวามมือของรัชทายาทก็คือฮองเฮา ซ้ายมือคือสุ่ยเฉินเฟิง ส่วนเหมยกุ้ยนั่งตรงข้าม“อิ่มแล้วหรือ ต้องการเพิ่มอีกหน่อยไหม แบ่งของข้าไปได้นะ” รัชทายาทเอ่ยถามเมื่อเห็นสุ่ยเฉินเฟิงวางห่ออาหารลง เขายื่นเนื้อกวางปรุงรสชิ้นใหญ่ให้สุ่ยเฉินเฟิง นางส่ายหน้าพลางบอกว่า“อิ่มแล้วเจ้าค่ะ พี่สี่ทานให้มากหน่อยเถิด จะได้อ้วนขึ้นอีกนิด” “เจ้าคิดว่าข้าผอมเกินไปหรือ ดูไม่ดีมากหรือ” “ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ไม่ใช่ดูไม่ดี แต่หากร่างกายได้รับอาหารเพียงพอ พี่สี่ก็จะแข็งแรงขึ้น” “เจ้าอยากให้ข้าแข็งแรงขึ้นหรือ” “เจ้าค่ะ ท่านป้าและกุ้ยเอ๋อร์ก็ล้วนอยากให้พี่สี่แข็งแรง” ฮองเฮาเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “ทานเยอะ ๆ อ้วนขึ้นอีกหน่อยก็จะดีมาก” เหมยกุ้ยก็กล่าวว่า “ถ้าอ้วนขึ้นอีกนิด พี่สี่จะสง่างามขึ้นอีกด้วยนะเจ้าคะ”รัชทายาทหัวเราะเบา ๆ มื้อกลางวันนี้รับประทานอาหารได้มากขึ้น เมื่อครั้งอยู่ในวังหลวงแม้ทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาจะให้พ่อครัวปรับปรุงสูตรอาหารใหม่อย

    Last Updated : 2025-03-22
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 68 วิธีลักลอบเข้าวังหลวง

    “ท่านแม่อนุญาตเจ้าค่ะ เมื่อได้รับข่าวจากพี่ใหญ่และฉินอ๋อง หลานก็เรียนท่านแม่ว่าท่านป้าและพี่สี่กำลังมีภัย พี่ใหญ่และฉินอ๋องให้หลานช่วยไปพาทั้งสองท่านหลบหนี ท่านแม่อนุญาตและยังกำชับให้รักษาความปลอดภัยให้ดีเจ้าค่ะ”สุ่ยเฉินเฟิงหยิบไม้ท่อนใหม่มาเหลาให้แหลม แล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “ท่านแม่บอกว่าตอนเช้าจะออกเดินทางไปยังสถานที่ปฏิบัติธรรมเจ้าค่ะ ป่านนี้ทุกคนก็คงอยู่ที่นั่นแล้ว” คำว่าทุกคนของสุ่ยเฉินเฟิงนั้น นอกจากฮูหยินเจียงจือไฉผู้เป็นมารดาแล้วก็หมายรวมถึงเพียวเพียวทารกน้อยที่จวนผู้บัญชาการรับเลี้ยงไว้ชั่วคราวด้วย แต่ก็มิได้กล่าวออกมาให้ชัดเจนฮองเฮาสบายพระทัยขึ้นบ้าง อย่างน้อยการหายตัวออกจากเมืองหลวงของหญิงสาววัยเยาว์ทั้งสองก็มิได้ทำให้บิดามารดาของพวกนางร้อนใจ อีกทั้งเรื่องราวต่าง ๆ ยังไม่แพร่งพรายไปสู่ผู้อื่นอีกด้วยรัชทายาทซึ่งนั่งฟังเงียบ ๆ มานาน เกิดความข้องใจว่า“เฟิงเอ๋อร์ อัคนีพิโรธมาอยู่กับเจ้าได้อย่างไร”เขาหมายถึงหินดำรูปเปลวเพลิงซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์ให้รัชทายาทปฏิบัติตามที่สุ่ยเฉินเฟิงนำมาแสดงแก่เขาสุ่ยเฉินเฟิงนึกถึงกล่องไม้ใส่ปิ่นไม้หอม ปิ่นไม้หอมมีการแกะสลักลายนกยวนยางคู่หนึ่ง ฉ

    Last Updated : 2025-03-22
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 69 ต่อรองผลประโยชน์

    ทางฉินอ๋องเมื่อได้ชัยชนะจากการทำศึกกับกองทัพแคว้นต้าเลี่ยงแล้วก็เร่งเดินทางกลับเมืองหลวงทันที ระหว่างทางได้รับสารด่วนจากเสนาบดีกรมกลาโหมแจ้งต่อฉินอ๋องว่าฮ่องเต้มีพระราชประสงค์ให้เข้าเฝ้าเบื้องพระพักตร์โดยด่วน ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง และนายทหารคนสนิทจึงแยกตัวออกจากกองกำลังแคว้นต้าเจียทั้งหมด เพื่อให้คล่องตัวสามารถใช้ความเร็วในการเดินทางได้มากขึ้น องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย ทราบข่าวการแยกตัวเดินทางของฉินอ๋องด้วยความกระหยิ่มใจ ยิ่งมีคนน้อย การควบคุมตัวก็จะทำได้ง่าย สิ่งหนึ่งที่องค์ชายรองไม่ทราบมาก่อนคือ เมื่อวันก่อนฉินอ๋องได้รับจดหมายลับจากเสนาบดีกรมกลาโหม บอกกล่าวถึงการสับเปลี่ยนกำลังอย่างผิดปกติภายในวังหลวง กำลังพลชุดใหม่ที่ปฏิบัติหน้าที่ล้วนแต่คนในปกครองขององค์ชายรอง สถานการณ์ของวังหลวงก็ถูกฉินอ๋องจับตาไว้เช่นกันความพยายามค้นหาตัวฮองเฮาและรัชทายาทยังคงดำเนินต่อไป องค์ชายรองมั่นใจว่าพวกเขาหลบซ่อนในที่ใดที่หนึ่งในวังหลวงอันกว้างใหญ่นี้ เพราะวังหลวงถูกปิดทางเข้าออกอย่างรัดกุมแล้ว ต่อให้มีปีกก็ไม่สามารถบินออกไปพ้นกำแพงวังได้ มีพลธนูซุ่มอยู่ตามจุดต่าง ๆ พร้อมยิงหากมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้รับอน

    Last Updated : 2025-03-23
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 70 ข้อแลกเปลี่ยน

    ฉินอ๋องมองสบตาฮ่องเต้อีกครั้ง เห็นแววพระเนตรนั้นกังขา เขายิ้มบาง ๆ หันไปกล่าวกับองค์ชายรองพลางเดินเข้าไปใกล้ เขายกมือขึ้นชี้หน้าแม่ทัพใหญ่จวงเจี้ยน “เจ้า ออกไปยืนตรงโน้น องค์ชายรองและข้ามีเรื่องจะพูดคุยกัน”แม่ทัพใหญ่จวงเจี้ยน มองสบตาองค์ชายรองอย่างหารือ เมื่อผู้สูงศักดิ์พยักหน้า แม่ทัพใหญ่จวงเจี้ยนจึงถอยห่างออกไป ถึงอย่างไรฉินอ๋องและพรรคพวกก็ไม่มีอาวุธในมือฉินอ๋องลดสายตาลงมองข้างเอวขององค์ชายรองผู้เหน็บมีดสั้นไว้ข้างกาย ด้ามจับที่พ้นปลอกมีดขึ้นมาประดับด้วยอัญมณีเล็กน้อย มองดูสวยงาม“พี่รอง นอกจากเหมืองทองคำทางตะวันออก ดินแดนตะวันออกสองเมือง และดินแดนทางตะวันตกหนึ่งเมืองแล้ว เพิ่มเติมที่ดินในเมืองหลวงให้ข้าอีกซักหน่อยได้หรือไม่ ข้ายังอยากอยู่ในเมืองหลวง”องค์ชายรองนึกก่นด่าในใจว่าโลภเช่นนี้ต้องกำจัดให้สิ้น แต่ภายนอกยังคงยิ้มแย้ม กลับกลายเป็นเมิ่งกุ้ยเฟยไม่อาจเก็บอารมณ์ไว้ได้ เพราะเมิ่งกุ้ยเฟยไม่คิดจะสังหารฉินอ๋อง แต่ต้องการเก็บไว้เป็นพรรคพวกภายหน้า อย่างไรก็ต้องกำราบเสียหน่อยจึงกล่าวว่า“เจ้าจะโลภเกินไปแล้ว ในเมืองหลวงก็มีที่ดินของเจ้ามากมายเกือบจะครึ่งเมืองหลวงแล้ว ยังจะต้องการเพิ่ม

    Last Updated : 2025-03-24
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 71 ปราบกบฏ

    ฮ่องเต้อึ้ง ย้อนถามว่า “จื่อหยวน เจ้าแน่ใจนะ”“แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ” ฉินอ๋องตอบเสียงหนักแน่นฮ่องเต้วัยกลางคนซึ่งไม่กี่วันนี้ดูชราลงไปมาก นอกจากพระเกศาสีขาวทั้งพระเศียรแล้ว ริ้วรอยเหี่ยวย่นก็แข่งกันขึ้นบนพระพักตร์ พระองค์กวักพระหัตถ์ให้ฉินอ๋องเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหูเบา ๆ องค์ชายรองมองด้วยแววตาเฉยเมย จะอย่างไรก็ได้ ขอให้มอบพระราชลัญจกรมาให้เขาก็เพียงพอ เขายังยืนอยู่ด้านหลังฮ่องเต้เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถชิงตัวไปได้โดยที่ฮ่องเต้ไม่บาดเจ็บ จากนั้นฉินอ๋องก็กล่าวว่า“ข้าและผู้บัญชาการสุ่ยจะนำพระราชลัญจกรมาให้ท่านภายในครึ่งชั่วยาม ให้ทุกคนคอยในท้องพระโรง หากมีผู้ใดกล้าลอบตามข้าไป จะตัดขาทิ้งเสียให้สิ้น”เมื่อสิ้นเสียงของฉินอ๋อง เหล่าทหารในสังกัดองค์ชายรองต่างก็หันมาสบตากันด้วยความเสียวสยอง ต่างก็รู้ดีว่าฉินอ๋องเป็นคนเฉียบขาด คำไหนคำนั้นองค์ชายรองรีบผายมือ “เชิญพวกเจ้ารีบไปนำพระราชลัญจกรมา ข้ารับรองว่าจะไม่มีผู้ใดตามไป”ฉินอ๋องและผู้บัญชาการกองกำลังทหารม้าเดินตรงไปยังห้องทรงพระอักษร พวกเขาปิดประตูแล้วเก็บตัวเงียบอยู่ในนั้น เกือบครึ่งชั่วยามจึงเปิดประตูออกมาเมื่อพวกเขาเดินกลับเข้ามาใน

    Last Updated : 2025-03-24
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 72 ล้างแค้น

    ผู้บัญชาการกองกำลังทหารม้า สุ่ยฝานหรง พุ่งตัวเข้าหาแม่ทัพใหญ่จวงเจี้ยนอย่างรวดเร็ว ปลายดาบแทรกผ่านช่องท้อง แม่ทัพใหญ่จวงเจี้ยนได้แต่อ้าปากค้าง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าการที่ฉินอ๋องและสุ่ยฝานหรงไปค้นหาพระราชลัญจกรเพียงลำพัง นั่นเท่ากับเปิดโอกาสให้หยิบฉวยอาวุธได้ด้วยสุ่ยฝานหรงแสยะยิ้ม บิดข้อมือช้า ๆ ทำให้อวัยวะภายในของจวงเจี้ยนถูกกรีดอย่างช้า ๆ ความเจ็บปวดแทบขาดใจเป็นอย่างนี้นี่เอง“ดาบนี้ แก้แค้นแทนท่านพ่อของข้าซึ่งเจ้าส่งคนไปลอบฆ่าอย่างไม่เป็นธรรม”แม่ทัพใหญ่จวงเจี้ยนยังมีสติครบถ้วน ความรู้สึกที่เนื้อแยกออกจากกันอย่างช้า ๆ ทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ ดวงตาของสุ่ยฝานหรงเต็มไปความอาฆาตแค้น ทำให้คนที่ได้เห็นขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัวเหล่าทหารในสังกัดองค์ชายรองชักดาบออกมาแล้วตรงเข้าฟาดฟันกับเหลียงจื้อ จางชุน และฝูซิง เสนาบดีกรมคลังและเสนาบดีกรมพิธีการค่อย ๆ ถอยออกจากสถานการณ์ชุลมุนตรงหน้า จะออกนอกท้องพระโรงก็ไม่ได้ ไม่รู้ใครปิดประตู พวกเขาทั้งสองคนจึงค่อย ๆ เดินเอาหลังแนบผนังห้อง เคลื่อนตัวไปหลังผ้าม่าน แล้วก็เอาผ้าม่านกำบังตัวไว้ทหารนายหนึ่งถูกจางชุนถีบอย่างแรง ลอยละลิ่วไปยังผ้าม่าน ทำให้

    Last Updated : 2025-03-25
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 73 ปราบให้ราบคาบ

    องค์ชายรองยกมือขึ้นห้ามพลางตะโกนว่า “หยุดดดดดดดด อย่าเข้ามา” แต่เสียงนั้นแหบพร่าและค่อนข้างเบาจึงถูกเสียงฝีเท้าของทหารที่กระทบพื้นกลบเสียหมด ยังไม่ทันที่จะวิ่งมาถึงประตูท้องพระโรง ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นทั่วทั้งวังหลวงทหารในสังกัดองค์ชายรองหยุดชะงัก มองหน้ากันเองอย่างตื่นตระหนก หน่วยมัจฉาพระกาฬ หน่วยพยัคฆ์เหิน กองกำลังทหารม้าและทหารหน่วยอื่น ๆ เข้ามาล้อมพวกเขาไว้ ทั้งสองฝ่ายต่างมีอาวุธในมือ และทั้งสองฝ่ายล้วนสวมใส่เสื้อเกราะแคว้นต้าเจียพวกเขาเผชิญหน้ากัน มีระยะห่างระหว่างพวกเขาเล็กน้อย ไม่มีฝ่ายใดพร้อมที่จะลงมือก่อน ต่างฝ่ายก็รู้สึกปวดใจเพราะอีกฝ่ายก็เป็นทหารต้าเจียเช่นกัน ผู้นำทหารในสังกัดองค์ชายรองตะโกนถามว่า“พวกท่านจะช่วยฉินอ๋องก่อกบฏหรือ”หน่วยมัจฉาพระกาฬนายหนึ่งตะโกนตอบมาว่า “ฉินอ๋องไม่ใช่กบฏ ฉินอ๋องมาช่วยฝ่าบาทให้พ้นจากกบฏต่างหาก”ถ้อยคำนี้ทำให้ทหารในสังกัดองค์ชายรองสับสน แม้ว่าทหารในสังกัดองค์ชายรองจะมีจำนวนมาก ยืนอยู่เต็มลานกว้าง แต่ทหารที่มาล้อมนั้นมีจำนวนมากกว่าหลายเท่านัก ล้นออกไปจากลาน เสียงเกือกม้ากระทบพื้นบอกให้รู้ว่าอาจจะเต็มไปทุกพื้นที่ของวังหลวงทีเดียว นี่มันใช้ได้

    Last Updated : 2025-03-25

Latest chapter

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 114 ใต้หล้าล้วนสงบสุข

    สิบปีผ่านไป ณ ตำหนักคุนหนิง ฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิง นั่งดื่มชาในสวนดอกไม้ อากาศอบอุ่น มีลมพัดผ่านเบา ๆ นึกถึงชะตาชีวิตที่แปลกประหลาด ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่มีชีวิตสงบสุขเหมือนคุณหนูสูงศักดิ์ทั่วไป แต่เมื่อถึงวัยมีคู่ครองก็มีเรื่องเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น ชีวิตเหมือนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง กว่าจะฝ่าฟันมาถึงวันนี้ก็ได้รับประคับประคองจากพระสวามีผู้สง่างามและครอบครัวเดิม สุ่ยเฉินเฟิงสัญญากับตนเองว่าจะทะนุถนอมความรักของพวกเขาไว้อย่างดีฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง และฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิง มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมห้าองค์ องค์ชายหย่งเฉิงคล้ายเสด็จพ่อมากที่สุดทั้งรูปร่างหน้าตา อุปนิสัย และความรู้ความสามารถ องค์ชายหย่งเฉิงชื่นชอบการฝึกซ้อมอาวุธทุกประเภท อีกทั้งยังชำนาญหมากล้อมและการฝึกเชาว์ปัญญาต่าง ๆ เรียกว่าเก่งทั้งบู๊และบุ๋นองค์หญิงเฟิงซินหน้าตาคล้ายเสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือ ทำให้นางเป็นที่โปรดปรานของเสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือยิ่งนัก บางครั้งฮ่องเต้ยังจำใจต้องอนุญาตให้องค์หญิงเฟิงซินไปพักค้างที่ตำหนักนอกวังบ้างเพราะทนการรบเร้าของผู้เป็นมารดาไม่ไหว แรก ๆ ก็ไปพักค้างครั้งละหนึ่งคืน พอนานเข้าเสด็จย่าไทเฮา

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 113 ราษฎรกินอิ่มนอนอุ่น

    ราษฎรต้อนรับการประสูติขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงอย่างเอิกเกริก ร้านค้าในตลาดและบ้านเรือนราษฎรปักธงถวายพระพร เหลาเฉียนจัดทำอาหารพิเศษแจกจ่ายให้ลูกค้าโดยไม่คิดเงิน ร้านขายผลไม้ก็นำส้มมงคลมาแจกจ่ายให้ผู้คนที่สัญจรไปมาเมื่อครั้งเทียนตี้หย่งยังดำรงตำแหน่งฉินอ๋อง ราษฎรก็รักใคร่ชื่นชม แม้ในจวนอ๋องจะไม่มีพระชายา พระชายารอง หรืออนุ ก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจ ต่อมาขึ้นครองราชย์ ราษฎรก็ปลื้มปิติ แต่ก็กังวลเพราะฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ลั่นวาจาไว้ว่าจะมีฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิงเพียงพระองค์เดียวแม้ในขณะที่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฮองเฮา พระนางจะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม หากเป็นพระราชธิดาพวกเขาก็ยังไม่วางใจ ดังนั้นเมื่อองค์ชายน้อยหย่งเฉิงประสูติ จึงเป็นทั้งความยินดีและความโล่งใจของราษฎรทั้งหลาย อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่า แคว้นต้าเจียมีผู้สืบทอดบัลลังก์มังกรแล้วในแต่ละวันขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงมีเสด็จย่าทั้งสองและท่านยายผลัดกันมาดูแล คือเสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้ เสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือ และท่านยายเจียงจือไฉ แต่เสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้จะได้เปรียบมากกว่าเพราะประทับในวังเช่นเดียวกัน จึงมาดูแลเกือบทุกวัน เว้นแต่วันที่เสด็จย่าไทเฮ

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 112 เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยน่ารัก

    พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาเป็นไปอย่างเรียบง่ายตามความประสงค์ของสุ่ยเฉินเฟิง ตำหนักคุนหนิงของฮองเฮาได้รับการปรับปรุงใหม่ มีห้องสำหรับทารกติดกับห้องบรรทมของฮองเฮา สำหรับฮ่องเต้เทียนคงอิงฉงนั้นแม้จะมีตำหนักเฉียนชิง แต่พระองค์ก็จะมาบรรทมที่ตำหนักคุนหนิงเป็นประจำ เว้นแต่ช่วงที่ทรงงานดึกจึงจะพักผ่อนที่ตำหนักเฉียนชิงเพื่อให้ฮองเฮาพักผ่อนเต็มที่ ไม่ต้องตื่นกลางดึกสุ่ยฝานหรงซึ่งบัดนี้ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีนั้น บางวันจะพาเหมยกุ้ยเข้าวังมาส่งที่ตำหนักคุนหนิงในช่วงเช้า และมารับกลับหลังจากประชุมขุนนางเสร็จ ชีวิตของสุ่ยเฉินเฟิงจึงไม่เงียบเหงาเกินไป ส่วนถิงถิงซึ่งบัดนี้เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาก็ช่างมีเรื่องซุบซิบมาเล่าให้ฟัง แม้กระทั่งองค์หญิงนาราที่เสวยผลไป่เซียงกั่วเพื่อให้เกิดผื่นจะได้ยืดเวลาการอยู่ในวังหลวงเพื่อมีเวลาขอถวายตัวเป็นสนมก็มาเล่าให้ฟัง เรียกได้ว่าทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ถิงถิงไม่ค่อยจะพลาดข่าว ถิงถิงมีความเห็นว่ารู้มากหน่อยดีกว่ารู้น้อยไปเมื่อสุ่ยฝานหรงเข้ารับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีแล้ว ฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ก็ต้องวางกำลังคนที่ไว้ใจให้ควบคุมหน่วยกำลัง

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 111 เข้าวัง

    ไทเฮาสือจินอวี้ลุกขึ้นจากที่ประทับ ตรงไปยังองค์หญิงนาราที่นั่งคุกเข่า ใช้สองพระหัตถ์แตะไหล่ประคองให้องค์หญิงน้อยลุกขึ้นยืน แล้วตรัสว่า “องค์หญิงนารามีหน้าตาสวยงามและเพียบพร้อมด้วยความรู้ ไม่ควรจะมาเป็นสนม ความหวังดีนี้ไม่อาจรับไว้ได้ ขอให้แคว้นต้าเจียและเผ่าตู้ผูกพันเป็นมิตรที่ดีต่อกันเถิด”ภายนอกมีเสียงดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”เมื่อร่างสูงสง่าของฮ่องเต้ก้าวเข้ามาในโถงกลางของวังหลัง พระองค์ทำความเคารพไทเฮาก่อน แล้วจึงหันไปตรัสแก่ผู้อื่นที่ทำความเคารพว่า “ไม่ต้องมากพิธี” องค์หญิงน้อยมองด้วยสายตาหลงใหลเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยแล้วตรัสด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เจิ้นขอบใจในน้ำใจของถู่ซือและองค์หญิง แต่ไม่อาจรับไว้ได้ ต้าเจียและเผ่าตู้ไม่จำเป็นต้องผูกพันกันด้วยการอภิเษกหรือการเป็นสนม แต่ยังเป็นพันธมิตรกันต่อไปได้”องค์หญิงน้อยทำได้เพียงกล่าวเสียงเบาว่า “เพคะ” รู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดิน ไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกปฏิเสธแม้แต่การเป็นสนม เทียนตี้หย่งหันไปทางทูตเผ่าตู้แล้วตรัสว่า “เผ่าตู้มีสินค้าหายากหลายอย่างที่ต้าเจียไม่มี เจิ้นจะให้ทูตการค้าต้าเจียหารือเรื่องการพัฒนาการค้าขายระหว่างกันดีห

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 110 ใคร ๆ ก็หลงรักฮ่องเต้ผู้สง่างาม

    พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เทียนตี้หย่ง ขึ้นครองราชย์สถาปนาเป็นฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง ราษฎรทั่วแคว้นต้าเจียเฉลิมฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกเขาล้วนมีความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดที่เคยหวัง ต่างแคว้นล้วนส่งทูตมาแสดงความยินดี ไม่มีแคว้นใดหาญกล้าทดสอบความแข็งแกร่งของฮ่องเต้พระองค์ใหม่เผ่าตู้เป็นชนเผ่าที่เคยถูกแคว้นต้าเลี่ยงรุกรานและสร้างความอัปยศให้แก่องค์หญิงหลายองค์จนปลิดชีพตนเอง เมื่อแคว้นต้าเจียปราบปรามแคว้นต้าเลี่ยงทำให้เผ่าตู้ได้รับอิสระอีกครั้ง เมื่อมาแสดงความยินดีในครั้งนี้ มีองค์หญิงน้อยเผ่าตู้ร่วมเดินทางมาด้วย องค์หญิงนาราเป็นองค์หญิงองค์เดียวที่ปลอดภัยจากการรุกราน เนื่องจากช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่ในดินแดนเผ่าตู้ ในท้องพระโรง พระเจ้าเทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ขาวใส ดวงตาดำขลับยาวรีปลายชี้ฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ช่างสง่างามเหลือเกิน องค์หญิงน้อยมองดูด้วยความตะลึง หลงรักบุรุษผู้สง่างามนี้ทันทีเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์ขอบคุณแคว้นต่าง ๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี และเชิญทูตทุกแคว้นทุกชนเผ่าเข้าร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น เนื่องจากยังไม่มีการแต่งตั

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 109 เทพสงครามครองบัลลังก์มังกร

    หลังจากพระเจ้าเต๋อหมิงได้รับบาดเจ็บ คณะหมอหลวงก็พยายามทุกวิธีในการรักษา เพราะฤทธิ์ยาระงับความเจ็บปวดที่หมอหลวงปรุงขึ้น แม้พระพักตร์จะขาวซีดแต่ก็ไม่แสดงถึงความเจ็บปวด เวลาผ่านไปสิบกว่าวัน ลมหายใจที่แผ่วเบานั้นก็หยุดนิ่ง หัวหน้าหมอหลวงตรวจชีพจรอีกครั้งก่อนจะหันมาทูลต่อไทเฮาสือจินอวี้ว่า“พระองค์กลับคืนสู่สวรรค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาสือจินอวี้ตัวอ่อน เป็นลมล้มพับ ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง ที่ยืนอยู่ใกล้กันรับตัวเสด็จป้าสะใภ้ไว้ทันก่อนพระวรกายกระทบพื้น หมอหลวงแบ่งคนมาปฐมพยาบาลไทเฮา ความเศร้าโศกเสียใจล้นห้องบรรทมออกไปครอบคลุมวังหลวงและกระจายออกไปทั่วแคว้น พระเจ้าเต๋อหมิงเป็นผู้ปกครองใต้หล้าด้วยความเมตตา จึงเป็นที่รักใคร่ของราษฎร ในช่วงเวลาอันเศร้าหมอง ฉินอ๋องเป็นกำลังหลักในการสั่งการเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยหลังจากพิธีการต่าง ๆ ผ่านพ้นไป ไทเฮาสือจินอวี้ก็เรียกฉินอ๋องเข้าเฝ้า สุ่ยเฉินเฟิงดูแลเครื่องแต่งกายให้พระสวามี ฉินอ๋องใช้นิ้วดันคางของนางให้เงยหน้าขึ้น“เฟิงเอ๋อร์ เจ้ากังวลอะไรหรือ”สุ่ยเฉินเฟิงถอนหายใจ “ไม่แน่ว่าการเรียกตัวเข้าเฝ้าในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับบัลลังก์ที่ว่างอยู่เพ

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 108 ศาสตร์และศิลป์ในการปกครอง

    พระเจ้าเต๋อหมิงบาดเจ็บสาหัส นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุพระองค์ก็ยังไม่ลืมพระเนตรขึ้นมา มีเพียงชีพจรและลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ เกิดความโกลาหลในการบริหารงานเล็กน้อย ไทเฮาสือจินอวี้ต้องออกนั่งเป็นประธานการประชุมขุนนางในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พระนางไม่ประทับบนบัลลังก์มังกร แต่กลับให้คนนำเก้าอี้หงส์จากตำหนักของพระนางมาใช้ประทับเป็นการชั่วคราวแม้ว่าปกติไม่ว่าไทเฮาหรือฮองเฮาพระองค์ใดก็ตาม ไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของวังหลวงได้ ผู้เป็นมารดาของแผ่นดินมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลวังหลังให้เป็นไปโดยเรียบร้อย แต่สถานการณ์ของแคว้นต้าเจียในคราวนี้แตกต่างออกไป พระเจ้าเต๋อหมิงไม่ได้อภิเษกสมรสเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ให้กับไท่ซ่างหวงซึ่งก็คือเสด็จพ่อของพระองค์นั่นเอง อีกทั้งพระเจ้าเต๋อหมิงก็ไม่มีสนมจึงยังไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาแม้แต่พระองค์เดียว แคว้นต้าเจียจึงยังไม่มีรัชทายาทเดิมทีเหล่าขุนนางตั้งใจว่าหลังจากพ้นการไว้ทุกข์ให้ไท่ซ่างหวงแล้ว พวกเขาจะกดดันให้พระเจ้าเต๋อหมิงอภิเษกสมรสและแต่งตั้งฮองเฮา รวมทั้งให้เริ่มการคัดเลือกสนมเข้ามาปรนนิบัติตามธรรมเนียมท

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 107 ขบวนการทำลายแคว้นจบสิ้น

    ก่อนที่สุ่ยฝานหรงจะออกไป ฉินอ๋องสั่งการเพิ่มเติมว่า “ตอนที่จับกุมเมิ่งกุ้ยเฟย คนที่สุสานบรรพชนล้วนถูกลงโทษ นางกำนัลอู่ก็ติดตามกุ้ยเฟยไปที่สุสานด้วย ท่านตรวจสอบด้วยว่าผู้ใดช่วยเหลือให้นางหลบหนีจนรอดพ้นได้” “พ่ะย่ะค่ะ”สุ่ยฝานหรงออกไปแล้ว ฉินอ๋องกลับเข้าไปในห้องบรรทมของพระเจ้าเต๋อหมิง มีโต๊ะวางไว้มุมห้อง เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จางชุนรินน้ำชาส่งให้ เขารับมาถือไว้นิ่ง ๆ มองตรงไปก็เห็นญาติผู้พี่นอนนิ่ง พระพักตร์ซีดเซียว นี่คือสิ่งที่เขากังวลอยู่เสมอว่าจะเกิดขึ้น และแล้วก็เกิดขึ้นจริง พี่สี่ของเขาพระทัยอ่อน ใช้สายพระเนตรที่เมตตามองผู้คนโดยรอบ ใช้พระคุณแต่เพียงอย่างเดียวในการปกครองเวลาผ่านไป แม่ทัพใหญ่สุ่ยฝานหรงกลับมาอีกครั้งเมื่อเข้ายามอิ๋น เขาสีหน้าไม่ดีนัก รายงานว่า“ตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางกำนัลอู่ไม่ถูกจับกุมเพราะนางลากลับบ้านเดิมเพื่อจัดการงานศพของมารดา เมื่องานศพเสร็จแล้ว ระหว่างทางที่เดินทางกลับเมืองหลวง ก็ได้ข่าวว่าคนที่สุสานบรรพชนถูกจับกุม นางจึงซ่อนเร้นตัว เมื่อทหารที่ไปตรวจค้นสุสานบรรพชนและทำลายเห็ดเมากลับไปแล้ว นางก็ลักลอบเข้าไปในสุสานบรรพชน เพราะนางอยู่ที่นั่นกั

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 106 บาดเจ็บสาหัส

    “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ หลานจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้สภาพในคุกไม่เหมาะสำหรับผู้บาดเจ็บ” เขาหันถามหัวหน้าหมอหลวงว่า “จะเคลื่อนย้ายฝ่าบาทได้หรือไม่ หรือต้องรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน”หัวหน้าหมอหลวงตอบว่า “สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง คุกหลวงไม่เหมาะกับการรักษาผู้ป่วยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ในที่สุด พระเจ้าเต๋อหมิงก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังตำหนักเฉียนชิง ฉินอ๋องประคองไทเฮา สือจินอวี้ไปพร้อมกัน โดยให้สุ่ยฝานหรงซึ่งตามมาถึงแล้ว ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ไทเฮานั่งกุมพระหัตถ์พระราชโอรส พระพักตร์ของพระองค์และพระเจ้าเต๋อหมิงซีดขาวพอกัน"เสด็จป้าสะใภ้พักผ่อนก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ไทเฮาสือจินอวี้ส่ายพระพักตร์ “ป้าสะใภ้จะเฝ้าเต๋อเอ๋อร์ เมื่อเขาฟื้นจะได้เห็นหน้าแม่เป็นคนแรก”“ถ้าเช่นนั้นหลานจะให้คนจัดห้องด้านข้างเป็นที่บรรทมชั่วคราวดีไหมพ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ไปพักผ่อนก่อน มิฉะนั้นอาจจะประชวรไปอีกพระองค์ หากพี่สี่รู้สึกตัวแม้เพียงเล็กน้อยจะให้คนไปทูลให้ทรงทราบทันที”ไทเฮาพยักพระพักตร์ ฉินอ๋องจึงสั่งให้ขันทีประจำตำหนักเฉียนชิงเร่งจัดห้องบรรทมช

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status