แชร์

4

ผู้เขียน: Champeehom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 20:06:18

ลู่อี่บังคับให้เสี่ยวถงนั่งลงร่วมรับประทานน้ำชาด้วย ทั้ง 4 คนคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนเย็น ส่วนพยัคฆ์ดำได้เนื้อสดก้อนใหญ่ที่เสี่ยวถงไปนำมาให้นอนพุงป่องอยู่ด้านข้าง

"นี่ก็ใกล้เวลาเริ่มงานเลี้ยงแล้วพระชายามิต้องไปเตรียมตัวก่อนหรือกระหม่อม" โจวหงเจินรู้สึกตัวก่อนว่าใกล้ถึงเวลางานเลี้ยง

"ข้าไม่อยากไป" ฟ่านลู่อี่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

"งั้นก็ไม่ต้องไป เรากลับแคว้นเจี๋ยกันเลยเถอะ" ซือเย่ามองฟ่านลู่อี่

"นั่นอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้ งานเลี้ยงนั่นพวกเขาจัดกันก็ให้เขาสนุกกันเองก็แล้วกัน" ฟ่านลู่อี่ยิ้มออกมาได้

"ให้ข้าไปช่วยพระชายาขนสัมภาระเถิดกระหม่อม" ซือเย่าออกปาก

"รบกวนท่านแล้ว" ฟ่านลู่อี่พยักหน้า

"ข้าจะไปช่วยเสี่ยวถง" โจวหงเจินแยกไปกับเสี่ยวถง ปล่อยให้ซือเย่าตามลู่อี่ไป

ลู่อี่กวาดตามองรอบๆห้องนอน เขาผ่านอะไรมามากเหลือเกินจนรู้สึกว่าตัวเองแก่ชรากว่าอายุจริง ถึงแม้ไม่มีเรื่องดีๆให้จดจำมากนักแต่พอจะไปจริงๆก็อดอาลัยมิได้

ซือเย่ากวาดตามองไปรอบๆ ทั้งที่เห็นห้องนี้แล้วเมื่อครั้งที่ลอบเข้ามา แต่เมื่อดูอย่างเปิดเผยอีกครั้งก็พบว่าห้องนี้แทบไม่มีอะไรเลย

"เราไปกันเถอะ" เสียงลู่อี่ปลุกซือเย่าจากภวังค์ เขาถือห่อผ้าเล็กๆไว้ด้วยมือซ้าย

"ของอย่างอื่นเล่าพ่ะย่ะค่ะ" ซือเย่าถามทั้งที่รู้

"ข้ามิมีสิ่งใดอีก" ฟ่านลู่อี่ส่ายหน้าปฏิเสธ

ซือเย่ามิปริปากสิ่งใด มือรับห่อผ้าจากลู่อี่เดินตามหลังมาเงียบๆ

"ข้าเก็บของเสร็จแล้วขอรับคุณชาย รอเพียงเสบียงจากเถ้าแก่จางก็สามารถออกเดินทางได้แล้วขอรับ" เสี่ยวถงกล่าวอย่างกระตือรือร้น เขาดูมีความสุขมากขึ้น

"เจ้าได้สั่งเผื่อทหารหรือไม่" ฟ่านลู่อี่ถาม

"ข้าได้แจ้งไปยังเถ้าแก่จางแล้วขอรับ ทางเถ้าแก่ขอเวลาอีกครึ่งชั่วยามจะนำอาหารมาส่งขอรับ" เสี่ยวถงตอบ

สองนายบ่าวมัวแต่คุยกันจึงมิได้สังเกตเห็นสายตาสองคู่ที่สบกัน

"ข้าคิดว่าพวกเราออกเดินทางตอนนี้เลยจะดีกว่า ข้าสามารถทิ้งทหารไว้จำนวนหนึ่งสำหรับรอรับอาหารจากเถ้าแก่จางและเร่งติดตามไปได้" ซือเย่าออกความเห็น

"แต่นี่ค่ำแล้วเราจะออกจากประตูเมืองกันได้อย่างไรหรือ" ฟ่านลู่อี่ไม่ค่อยได้ไปไหนนอกจากจวนและร้านน้ำชา เขาทราบโลกภายนอกจากตำราและนักเดินทางที่แวะมาจิบชาที่ร้านเท่านั้น

"มิมีผู้ใดกล้าขวางกองกำลังพยัคฆ์ดำ" โจวหงเจินแสดงท่าทางองอาจของทหารหาญ เสี่ยวถงยังลอบมองอย่างชื่นชม

"เราไปกันเถอะ" ฟานลู่อี่เดินหลังตรงงามสง่าออกจากเรือนอย่างหมดความอาลัย ต่อไปเขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ทิ้งความทุกข์ไว้เบื้องหลัง พยัคฆ์ดำเดินเยื้องมาด้านหลัง

"คารวะพระชายา" กองกำลังพยัคฆ์ดำยืนเข้าแถวหน้าจวนอย่างองอาจน่าเกรงขาม มีชาวเมืองมายืนดูอย่างสนใจ เมื่อเหล่าทหารเห็นลู่อี่ต่างพากันคุกเข่าแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม เปล่งเสียงถวายความเคารพดังกระหึ่ม ถึงกับทำให้ชาวเมืองขวัญอ่อนบางคนตกใจจนถอยหลัง

"ไม่ต้องมากพิธี จากนี้ข้าต้องพึ่งพาพวกท่านแล้ว" ลู่อี่เอ่ยปากไม่กี่คำแต่แสดงถึงความพอดีระหว่างความองอาจและความอ่อนน้อม ทำให้เหล่าทหารเกิดความนิยมในตัวเขา ซือเย่าเปิดประตูรถม้ารอ

"เชิญพระชายาเสด็จ"

คนรอจะจับมือลู่อี่พยุงขึ้นรถม้า คนงามใช้ผ้าแพรบางเบารองมือก่อนที่จะวางมือบนมือซือเย่าแล้วก้าวขึ้นรถม้า สร้างความรู้สึกวาบหวามในใจทหารหนุ่มสายหนึ่ง

"ถึงอย่างไรข้าเป็นคนมีสามีแล้ว ท่านอ๋องของท่านให้เกียรติข้าสมควรที่ข้าต้องวางตัวให้ดี" เสียงนุ่มของคนงามเอ่ยมาจากด้านในรถม้า เสี่ยวถงโดดตามขึ้นไป จึงไม่เห็นซือเย่าฉีกยิ้มกว้างจนทำให้ทหารที่พบเห็นขวัญผวา

"อาหลาน เจ้าจะไปอย่างไร" โจวหงเจินถามพยัคฆ์ดำ มันโดดตามเสี่ยวถงเข้าไปในรถม้าแทนคำตอบ เขาได้แต่ปิดประตูตามหลัง

ทั้งหมดรอจนซือเย่าขึ้นม้าเรียบร้อยจึงขึ้นม้าตาม โจวหงเจินแบ่งทหารจำนวนหนึ่งไปรับอาหารจากเถ้าแก่ที่ร้านชา อีกชุดไปส่งสาส์นที่วัง จากนั้นก็เคลื่อนขบวนไปยังประตูเมือง

เหล่าทหารเฝ้าประตูเมื่อเห็นกองกำลังพยัคฆ์ดำมิกล้าชักช้าแม้แต่น้อย รีบเปิดประตูให้ขบวนผ่านออกไปอย่างง่ายดาย

เมื่อขบวนทั้งหมดผ่านพ้นประตูเมือง มีเสียงนุ่มจากในรถม้าสั่งขึ้น

"หยุดขบวนก่อน"

ซือเย่าที่ได้ยินเสียงนุ่มสั่งหน้าตาบึ้งตึงแต่คนยังยอมหยุดขบวนลง เขาลงจากหลังม้าแต่ยังไม่ทันประตูรถม้าที่เปิดออก เสี่ยวถงกระโดดลงมาประคองลู่อี่ลงจากรถ อาหลานเยื้องย่างตามมาติดๆ ไม่มีใครสนใจซือเย่าที่ยืนหน้าตาเขียวคล้ำ

ฟ่านลู่อี่เดินห่างรถม้าสายตาจับจ้องกำแพงเมืองแล้วคุกเข่าลง ทหารทั้งหมดรีบลงจากหลังม้าหมอบอยู่ข้างหลังมิมีผู้ใดกล้าอยู่สูงกว่า

"จากไปคราวนี้ไม่ทราบว่าเมื่อใดจึงได้กลับมาอีกขอให้ท่านพ่อถนอมตัว ข้าใช้ชีวิตเป็นหมากตัวหนึ่งให้ท่านถือว่าทดแทนบุญคุณแล้ว จากนี้ข้ามิใช่คนตระกูลฟ่านอีก ข้าเพียงชีวิตเดียวรักษาชีวิตผู้คนมากมายชั่วระยะเวลาหนึ่งย่อมทดแทนคุณแผ่นดิน จากนี้ข้าหมดวาสนากับแคว้นเสิ่งขอเป็นคนของแคว้นเจี๋ย"

ลู่อี่โขกศีรษะสามครั้ง เสี่ยวถงน้ำตานองหน้า ซือเย่ารีบมาประคองลู่อี่แต่เขาส่งมือให้เสี่ยวถง อาหลานเอาศีรษะมาดุนมือคนงามเป็นเชิงปลอบ สองนายบ่าวเดินกลับขึ้นรถม้าตามด้วยอาหลาน มองแผ่นหลังดูบอบบางน่าใจหาย

ซือเย่ากำมือขบกรามแน่น โจวหงเจินมองตามไปด้วยความสงสาร

"วันใดที่ท่านอ๋องเบื่อพระชายาข้าขอรับไปดูแลนะพ่ะย่ะค่ะ มารดาของข้าย่อมยินดีที่ข้าจะมีน้องชายเพิ่มขึ้น"

"เจ้าจะไม่มีทางเห็นวันนั้น" ซือเย่ามองรถม้า สายตาที่ปกติคมกล้าอ่อนแสงลง

"ไป" คนขึ้นหลังม้าสั่งเดินทางต่อ เหล่าทหารรับคำอย่างพร้อมเพรียงเสียงเข้มแข็งดังกังวาลถึงเหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมือง เกิดเป็นตำนานเรื่องวีรบุรุษผู้เสียสละตัวเองหยุดยั้งสงครามเล่าสืบต่อกันมาชั่วลูกชั่วหลาน

ขบวนของลู่อี่เดินทางมาสมทบกับกองกำลังพยัคฆ์ดำอีกส่วนที่ไม่ได้เข้าเมืองที่ชายป่า ลู่อี่เปิดม่านดูเมื่อเห็นรถม้าชะลอความเร็วลง

"เรามาสมทบกับกองทหารพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินที่ขี่ม้าอยู่ข้างรถม้าก้มหน้าบอก

"แล้วอาหารที่ข้าสั่งจะพอหรือไม่" ลู่อี่ขมวดคิ้ว

"กระหม่อมสั่งให้ทหารที่ไปรับอาหารจากเถ้าแก่แจ้งจำนวนคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาไม่ต้องกังวล"

"ขอบคุณท่าน" ลู่อี่ยิ้มอย่างโล่งใจ แต่มีคนตกถังน้ำส้มปล่อยรังสีอำมหิตใส่โจวหงเจินแบบไม่ยั้ง ทำเอาทหารนิ่งเกร็งกันไปหมด

รถม้าหยุดยั้งลงชั่วครู่ รอจนเหล่าทหารปรับขบวนเข้าที่แล้วจึงเดินทางต่อ ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วยามขบวนจึงได้หยุดยั้งลง

"เราจะหยุดพักรับประทานอาหารกันชั่วครู่ ขอเชิญพระชายาเสด็จลงจากรถเถิดพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินเปิดประตูรถม้ารอ อาหลานโดดลงมาก่อน ตามด้วยเสี่ยวถงที่รอรับฟ่านลู่อี่

คนงามก้าวลงมาช้าๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ แสงจากกองไฟไล้ใบหน้างามให้ดูนุ่มนวล ฟ่านลู่อี่ยิ้มบางให้ทั่วๆ คนมองมองจนลืมหายใจ เสียงหายใจหนักๆดังมาจากทหาร พลันมีแรงกดดันจนทหารหายใจติดขัด

"เชิญพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินรีบเชิญฟ่านลู่อี่มานั่งข้างกองไฟ ก่อนที่แรงกดดันจะทำทหารบอบช้ำจนรบไม่ไหว

ฟ่านลู่อี่เดินมานั่งยังพรมขนสัตว์ที่ปูไว้ข้างกองไฟ อาหลานเดินหายไปในความมืดของราวป่า เสี่ยวถงกับโจวหงเจินเลี่ยงไปช่วยทหารจัดสำรับอาหาร เหลือเพียงซือเย่านั่งลงง่ายๆที่ก้อนหินด้านข้าง

"หลังรับประทานอาหาร เราจะเดินทางต่อหรือพักกันที่นี่" ฟ่านลู่อี่ถามเมื่อไม่เห็นทหารมีทีท่าจะจัดที่พัก

"เราจะเดินทางต่อพ่ะย่ะค่ะ จะหยุดพักช่วงสั้นๆสำหรับรับประทานอาหารและให้น้ำแก่ม้าเท่านั้น เราควรจะถึงเมืองกังก่อนเย็นพรุ่งนี้"

"เราเดินทางได้ไกลถึงเพียงนั้นเลยหรือ แล้วพวกทหารและม้าจะเป็นอะไรหรือไม่" คนงามแสดงความเป็นห่วง

"ย่อมไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ กองกำลังพยัคฆ์ดำเคยชินกับการเดินทางไกลโดยไม่หยุดพัก ระยะทางแค่นี้ไม่ลำบากสำหรับพวกเขาแน่ แต่พระชายาอาจจะต้องทนลำบากบ้าง" ซือเย่ามองลู่อี่อย่างเป็นห่วง

"ข้าเป็นบุรุษย่อมอดทนได้"

ซือเย่ามองคนอวดอ้างว่าเป็นบุรุษ นอกจากหน้าอกที่แบนราบแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่บ่งบอกว่าคนผู้นี้คือบุรุษไม่ว่าใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาหงษ์ขนตายาวเป็นแพ ดวงหน้าเนียนนวลผ่องปากบางจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ เรือนผมอันยาวสลวยที่รวบครึ่งศรีษะไว้ด้วยผ้าสีเขียวอ่อนปราศจากเครื่องประดับใดๆ แม้ไร้เครื่องประทินโฉมแต่ก็ยังงดงามกว่าสตรีใดที่เขาเคยเห็นมา

"คุณชายอาหารมาแล้วขอรับ" เสี่ยวถงยกอาหารมาให้ ลู่อี่รับมาแล้วเอ่ยปากไล่เสี่ยวถง

"เจ้าไม่ต้องมารอปรนนิบัติข้าหรอก ไปรับประทานอาหารเสีย เดี๋ยวเราจะต้องออกเดินทางต่อ"

"แต่ว่า..."

"ไปเถอะ ท่านซือเย่าก็อยู่ ข้าไม่เป็นไรหรอก"

เสี่ยวถงจำต้องเดินไปตามแรงลากจูงของรองแม่ทัพ

"ท่านรองแม่ทัพ กรุณาปล่อยมือข้าเถิดขอรับ" เสี่ยวถงกระตุกมือที่ถูกโจวหงเจินกุมไว้

"ตามข้ามา ข้าจะขุนเจ้าให้อ้วนๆ จวนเจ้ากรมคลังเลี้ยงดูเจ้าอดๆอยากๆหรืออย่างไร" น้ำคำหยาบกระด้างแต่เสี่ยวถงต้องพยายามเม้มปากมิให้ยกยิ้ม

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   5

    "เหตุใดพระชายาจึงมิต่อต้าน ทั้งที่รู้ว่าต้องไปแต่งงานต่างแคว้นแถมยังแต่งงานกับบุรุษ" ซือเย่าถามคนงามหลังรับประทานอาหารเสร็จ"ต่อต้านแล้วอย่างไรไม่ต่อต้านแล้วอย่างไร ฮ่องเต้มีพระราชโองการมาเยี่ยงนั้นข้าต่อต้านได้หรือ เมื่อทำสิ่งใดมิได้ก็ย่อมต้องทำใจ หากข้าหักใจหนีไปอาจโดนประหารทั้งตระกูลบ่าวไพร่ที่ไม่มีความผิดจะเดือดร้อนไปด้วย ข้าฟังข่าวลือเรื่องท่านอ๋องพยัคฆ์จากนักเดินทางที่แวะมาที่ร้านน้ำชาของข้ามามากมาย แต่ข้ายังไม่เคยได้ยินว่าท่านอ๋องเป็นผู้นิยมบุรุษ ข้าจึงคิดว่าถึงแต่งไปก็คงไม่เป็นไรต่างคนต่างอยู่ก็คงได้กระมัง" คนงามพูดด้วยความไม่แน่ใจในตอนท้ายซือเย่าแอบยกนิ้วให้ในใจ พระชายาช่างมีความคิดอ่านเยือกเย็นนัก แต่มีเรื่องจริงเพียงแค่ส่วนเดียวว่าท่านอ๋องไม่เคยนิยมบุรุษแต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่นิยมบุรุษอาหลานเดินออกมาจากเงามืด ปากคาบกระต่ายป่าสีขาวมาตัวหนึ่ง มันวางกระต่ายลงหน้าลู่อี่"ให้ข้าหรือขอบใจเจ้ามากนะ" ฟ่านลู่อี่ตบหัวมันเบาๆ ในรถม้าเกิดเหตุใดขึ้นกันแน่ ปกติอาหลานที่แสนเย่อหยิ่งมิยอมให้ผู้ใดลูบศีรษะนอกจากท่านอ๋องลู่อี่หยิบกระต่ายโชคร้ายขึ้นมาดู มันนอนนิ่งเหมือนตายแล้วดูจากภา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   6

    ซือเย่านำลู่อี่มาถึงจวนเจ้าเมือง เป็นหมู่ตึกที่ดูโออ่ามิใช่น้อย"คืนนี้เราจะพักกันที่นี่พ่ะย่ะค่ะ"ลู่อี่มองชายวัยกลางคนร่างท้วมที่ยืนหัวแถวรวมกับผู้คนรออยู่หน้าจวนอย่างกระวนกระวายใจ พอเขาเห็นลู่อี่ก็ทำความเคารพและแนะนำตัวอย่างนอบน้อม"เชิญองค์ชายด้านในพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเจ้าเมืองกังได้เตรียมที่พักและงานเลี้ยงพร้อมทั้งอาหารรสเลิศไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ""ต้องลำบากท่านแล้ว รบกวนส่งอาหารมาที่เรือนพักของข้าด้วย ข้าเหนื่อยต้องการพักผ่อน และรบกวนท่านจัดหาสุราอาหารให้ทหารของข้าด้วย" ลู่อี่กล่าวแล้วเดินตามซือเย่าไปอย่างไม่แยแสงานเลี้ยงที่เจ้าเมืองเตรียมไว้ บรรดาสาวงามที่แต่งตัวมารอต้อนรับหน้าบึ้งไปตามๆกัน เพราะนางหวังจะแสดงความงดงามโดดเด่นจับใจชายหนุ่มที่มาร่วมงานเลี้ยงแต่งานกลับถูกยกเลิก แถมเมื่อองค์ชายผู้งดงามมาถึงยังมีสายตาผู้ใดเหลือมาเหลือบแลพวกนางเล่า"ขอบคุณท่าน เชิญท่านไปพักผ่อนเถิด" ลู่อี่ออกปาก ซือเย่าจึงจำต้องถอยออกมา สวนกับบ่าวที่ยกอ่างน้ำเข้าไปในห้อง เขารอจนบ่าวออกมาให้แน่ใจว่ามีเพียงเสี่ยวถงคอยปรนนิบัติลู่อี่จึงวางใจได้ แต่ก็ยังมีองครักษ์เงาถึงสี่คนคอยอารักขา ส่วนอาหลานเข้าห้องไปรอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   7

    ฟ่านลู่อี่เรียกโจวหงเจินมาถามถึงเส้นทางข้างหน้าได้ความว่าจากนี้จะเร่งเดินทาง โดยปกติแล้วระยะทางระหว่างเมืองหลวงของแคว้นเสิ่งไปถึงชายแดนแคว้นเจี๋ยต้องใช้เวลาเดินทางถึง 1 เดือน แต่ขบวนของพวกเขาจะเดินทางออกจากทางหลวงเป็นบางช่วงเพื่อตัดตรงทะลุป่าเขาบ้างจะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น ทำให้จากนี้ไปอาจจะต้องนอนกลางป่ากันบ้างเป็นบางคืน"ท่านอ๋องอยากให้พระชายาเดินทางถึงแคว้นเจี๋ยให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" ซือเย่าบอก "เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ" ฟ่านลู่อี่ถาม"ฤดูเหมันต์ของแคว้นเจี๋ยจะมาถึงก่อนแคว้นเสิ่งหนึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะและกินระยะเวลายาวนานถึงหกเดือน โหรหลวงทำนายว่าปีนี้จะหนาวรุนแรงที่สุดในรอบยี่สิบปีและอาจยาวนานถึงแปดเดือน ท่านอ๋องเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาจึงอยากให้เร่งเดินทาง" ซือเย่าลอบร้องย่ำแย่ในใจ พระชายาเอ่ยปากก็ถามได้ตรงจุด แคว้นเสิ่งช่างโง่จริงๆที่ปล่อยเพชรเม็ดนี้มาให้แคว้นเจี๋ย"งั้นหรือ แต่อย่าได้หักโหมจนเกินไปทุกคนย่อมมีครอบครัวรออยู่" ฟ่านลู่อี่บอก เขาไม่ใส่ใจว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าใดทั้งสี่คนรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันบนรถม้าจากนั้นโจวหงเจินและซือเย่าก็ออกไปขี่ม้านำขบวนเหมือนเดิมยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   8

    ฟ่านลู่อี่หมดอารมณ์จะชมเมืองเขานั่งนิ่งอยู่บนรถม้าโดยไม่เอ่ยคำใดแม้แต่เสี่ยวถงยังมิกล้าเปิดปาก อาหลานพยายามเอาหัวมาดุนมือคนงามแบบที่เคยใช้ได้ผลแต่ยังไม่ได้รับความสนใจจากฟ่านลู่อี่ รถม้าหยุดยั้งลงประตูถูกเปิดออกโดยอ๋องพยัคฆ์ ฟ่านลู่อี่มีสีหน้าเรียบเฉย ก้าวลงมาจากรถม้าโดยไม่รับมือของท่านอ๋องที่ส่งมาให้ "คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา" ทหารและชาวเมืองที่ออกมาต้อนรับส่งเสียงดังกระหึ่มพร้อมกันทุกคนทราบข่าวตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนว่าท่านอ๋องได้รับองค์ชายสันติสุขเป็นพระชายาเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีและสงบศึกเหล่าชาวเมืองที่เผชิญสงครามมาหลายปีย่อมยินดียิ่งถึงแม้ทางแคว้นเสิ่งจะแพ้สงครามแต่นอกจากส่งทหารมาควบคุมความเรียบร้อยแล้วก็มิได้มีการทารุณชาวเมืองแต่อย่างใดคนจึงไม่ต่อต้านมากนักแถมทหารที่มาส่งข่าวเฝ้าโม้ถึงความงามของพระชายาฟ่านลู่อี่จนเลิศเลอจึงมีคนมารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ฟ่านลู่อี่คลี่ยิ้มไปรอบๆ ผงกศีรษะเป็นเชิงทักทายทำเอาหลายคนตะลึง บ้างถูกความงามมอมเมาจนเผลอจส่งสายตาเคลิ้มฝันมาให้ "เชิญท่านอ๋องกับพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" จ้าวอี้หานรีบเชิญเสด็จก่อนที่จะมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นเมื่อดูจา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   9

    ฟ่านลู่อี่ตื่นมาก็ไม่เห็นอาหลานแล้ว นอกจากที่นอนที่ยังอุ่นอยู่บ่งบอกว่ามันนอนกับเขาตลอดคืน หารู้ไม่ว่าเมื่อคืนมีเหตุใดเกิดขึ้นบ้างเมื่อคืน"จับมุสิกได้กี่ตัว" อ๋องพยัคฆ์เดินช้าๆมาดูคนชุดดำที่ถูกจับมัดดังสุกรกลิ้งอยู่ที่พื้น"ห้าพ่ะย่ะค่ะ ช่างมีขวัญเทียมฟ้ากล้าบุกจวนทั้งที่รู้ว่าอยู่ในความดูแลของเรา" จ้าวอี้หานเตะนักฆ่าผู้หนึ่งกระเด็นไปอัดต้นไม้แน่นิ่ง เพราะเห็นมันทำท่าจะสลัดอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในรองเท้า"เจ้าจงรีดความจริงว่าใครส่งมันมา ข้าคาดว่าพวกมันคงมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่พระชายาเจ้าจงวางกำลังให้รัดกุม" อ๋องพยัคฆ์สั่งแล้วหมุนกายกลับไปหาลู่อี่ไปถึงก็เขี่ยอาหลานลงจากเตียง มันส่งเสียงหงุดหงิดแต่ยอมกระโดดลงจากเตียงไปนอนที่พรมกลางห้องฟ่านลู่อี่ขดกายเข้าหากันเพราะเริ่มหนาว อ๋องพยัคฆ์รีบเข้าไปนอนแทนที่อาหลานกอดคนงามเข้ามาในวงแขน เมื่อความอบอุ่นกลับมาลู่อี่ก็ขยับกายหาที่เหมาะๆ แล้วหลับอย่างสบายอารมณ์ ใบหน้างดงามยิ้มน้อยๆ"ข้าจะทนจนถึงพิธีสยุมพรไม่ไหวถ้าเจ้ายั่วกันแบบนี้" คนจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาเนิ่นนานก่อนจะหลับตามไปอ๋องพยัคฆ์ตื่นก่อนฟ่านลู่อี่แล้วออกไปฝึกซ้อมตอนเช้า เขารู้ดีว่าถ้าคนงามตื่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   10

    ลู่อี่ทราบว่าท่านอ๋องทิ้งอาหลานไว้เฝ้าเชลยศึกเพราะมีข่าวว่าจะมีการชิงตัวนักโทษจึงทิ้งเจ้าพยัคฆ์ดำไว้ที่ค่าย โดยที่คนงามไม่ทราบความจริงว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของท่านอ๋องที่จะกีดกันเจ้าพยัคฆ์ดำออกจากตนเอง"ข้าขอไปเยี่ยมนักโทษเหล่านั้นได้หรือไม่" คนงามออกปากเผลอใช้แววตาออดอ้อนจนท่านอ๋องใจอ่อน"ก็ได้ แต่หงเจินต้องไปกับเจ้าด้วยห้ามอยู่ห่างจากเขา ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า ห้ามฯลฯ" อ๋องพยัคฆ์สั่งห้ามยาวเหยียดเหมือนฟ่านลู่อี่เป็นเด็กไม่ถึงสิบหนาวกว่าจะสั่งจบก็ผ่านไปสองเค่อ หลังจากส่งท่านอ๋องล่วงหน้าไปที่ค่ายทหารแล้ว คนงามก็รีบไปสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารจำนวนมากสำหรับไปให้เชลยสงคราม เน้นอาหารที่รับประทานง่ายเช่นซาลาเปาหลากไส้ พร้อมผลไม้ที่พอหาได้ ตัวเขาทำขนมโก๋กลิ่นดอกโมลี่พอเสร็จก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปรอโจวหงเจินที่หน้าจวน โดยมีเสี่ยวถงและบ่าวถืออาหารทั้งหมดเดินตัวเอียงตามมารองแม่ทัพรีบเข้าไปรับตะกร้าอาหารมาถือ พร้อมส่งสองนายบ่าวขึ้นรถม้าตัวเองขึ้นม้าขี่ตีคู่ไปเดินทางเพียงสามเค่อก็ถึงประตูค่าย"เชิญพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินเดินนำสองนายบ่าวไปส่วนลึกของค่าย มีโรงเรือนปลูกสร้างอย่างหยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   11

    อ๋องพยัคฆ์เรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมรอบสุดท้าย ทุกอย่างจะต้องรัดกุมมากที่สุด เพราะเขาเคลื่อนกำลังเกินครึ่งกลับแคว้นเจี๋ย ทิ้งให้กองทัพอินทรีของแม่ทัพติงดูแลรักษาเมือง ซึ่งจะต้องรีดเสบียงจากแคว้นเสิ่งให้มาก เนื่องจากใกล้เข้าฤดูเหมันต์แล้ว หลังเลิกประชุมเขายังคงนั่งจัดการเอกสารต่างๆ ใจย้อนคิดไปถึงสมัยที่เป็นองค์ชายแปด ก่อนที่จะได้นามอ๋องพยัคฆ์มา ชื่อเสียงโหดเหี้ยมยาวนานจนผู้คนพากันลืมชื่อจริงไปหมดสิ้น มารดาของเขาเป็นสนมของฮ่องเต้ในรัชกาลก่อน นางเป็นน้องสาวของฮองเฮา เขาและองค์ชายรองโอรสของฮองเฮาจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันและยังมีองค์ชายห้าอีกผู้หนึ่งที่เสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก มารดาของเขาจึงรับมาเลี้ยงดูคู่กับเขาเพราะอายุไล่เลี่ยกัน พระบิดานิยมสะสมหญิงงามไว้ในวังหลังเหมือนท่านปู่ทำให้มีโอรสธิดามากมาย ระดับอ๋องที่เป็นพี่น้องกับพระบิดาก็มีหลายคนทำให้เกิดหลายขั้วอำนาจในวังหลวง เมื่ออายุได้สิบเอ็ดปีพระบิดาล้มป่วยลงโดยที่หมอหลวงหาสาเหตุไม่ได้ พระองค์อ่อนแอลงจึงมีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทซึ่งตกเป็นขององค์ชายรองที่ตอนนั้นอายุสิบเจ็ดปีตามคาด เนื่องจากโอรสองค์แรกเป็นบุตรที่กำเนิดจากนางกำนัลต่อใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   12

    ฟ่านลู่อี่เดินหน้านิ่งมาขึ้นรถม้า เมื่อคืนนอนเขาไม่สบายตัวอย่างยิ่งด้วยถูกเจ้าแมวหื่นกอดรัดไว้ทั้งคืนจะพลิกตัวก็ไม่ได้ทำเอาหงุดหงิด ส่วนตัวต้นเหตุหาได้รู้สึกไม่ร่าเริงออกไปตรวจกองทัพตั้งแต่เช้ามืด พอกลับมาก็อ้อนให้หวีผมให้บ้างละ คีบอาหารให้บ้างละ เขายอมรับว่ารู้สึกดีอยู่บ้างแต่ตนต้องการนอน หวังว่าเมื่อออกเดินทางแล้วเขาจะได้ใช้เวลาสงบๆ อยู่บนรถม้าเสียที จื่อเฉิงถูกปล่อยออกมาจากคุกแล้ว เนื่องจากแม่ทัพติงต้องการคนช่วยดูแลเมืองจึงได้มายืนเข้าแถวรอส่งฟ่านลู่อี่ ส่วนอดีตแม่ทัพซินและลูกน้องทั้งสี่คนถูกมอบหมายให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของฟ่านลู่อี่ นับว่าอ๋องพยัคฆ์ใจกว้างมิใช่น้อย ทั้งสี่คนได้ม้าคนละตัวพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าของแคว้นเจี๋ยแต่มิใช่เครื่องแบบทหาร ทั้งหมดพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งโจวหงเจินก็มาเชิญฟ่านลู่อี่ไปขึ้นรถม้าบอกว่าได้เวลาออกเดินทางแล้ว พวกเขาจึงร่ำลาจื่อเฉิง อาหลานโดดขึ้นยืนบนหลังคารถม้า องครักษ์ทั้งสี่ขึ้นม้าแยกประกบรถม้าของฟ่านลู่อี่จากนั้นโจวหงเจินก็ให้สัญญาณออกเดินทาง อ๋องพยัคฆ์ก็ได้ตรึกตรองไว้แล้วว่าต้องให้รองแม่ทัพทั้งสองดูแลกองทัพ การได้อดีตแม่ทัพซินและพวกมาคอยดูแลพระชา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09

บทล่าสุด

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   15

    ขบวนของอ๋องพยัคฆ์เร่งเดินทาง โชคดีที่ตอนนี้เดินทางเข้ามาเกินกึ่งกลางของแคว้นเจี๋ยแล้ว ทำให้มีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ทั่วไป แต่ยังต้องแข่งกับเวลาอยู่ดี วันหนึ่งพยายามเดินทางให้ไกลที่สุดเท่าที่กำลังของม้าจะไปได้ อ๋องพยัคฆ์ถึงกับให้เปลี่ยนม้าในบางเมืองที่มีค่ายทหาร โดยฝากม้าศึกไว้ให้กลับกับขบวนกองทัพที่จะตามมา ผ่านมาสามวันพวกเขาก็เข้าใกล้เมืองหลวงแล้ว และควรจะถึงเมืองหลวงก่อนค่ำวันรุ่งขึ้น ด้วยปราณของอ๋องพยัคฆ์ที่ถ่ายทอดสู่ฟ่านลู่อี่ทุกวันไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ พระชายานอนนานขึ้นทุกที อ๋องพยัคฆ์ถึงกับตื่นมาตรวจดูอาการของของเขาทุกครึ่งชั่วยาม จนตนเองตาแดงก่ำใบหน้าซูบตอบ "เทียนเฉิน นี่มิใช่ความผิดของท่าน อย่าได้ทรมานตัวเองเช่นนี้" ฟ่านลู่อี่นอนอยู่ในวงแขนของท่านอ๋อง มือที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงสัมผัสใบหน้าของเขา ไม่กล้าบอกว่าตอนนี้มองอะไรแทบไม่เห็น กลัวเหลือเกินที่จะไม่ได้อยู่กับคนตรงหน้าอีก "ข้ามิได้ทรมานเลยสักนิด เจ้าอดทนอีกคืนเดียว พรุ่งนี้เราจะถึงวังหลวงแล้ว เจ้าจะหายดีแล้วเราจะเข้าพิธีสยุมพรกัน" น้ำตาลูกผู้ชายหล่นโดนแก้มไร้สีเลือดของฟ่านลู่อี่ "ท่านเปิดลิ้นชักล่างให้ข้าหน่อย" ฟ่านลู่

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   14

    "ทำไมข้าจึงต้องรีบกลับวัง" อ๋องพยัคฆ์ถามเสียงเยือกเย็น เป็นที่รู้กันว่าถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจหมอผู้นี้คงถูกหามออกไปแบบไร้ลมหายใจเป็นแน่ "เนื่องจากพิษนิทราเหมันต์เป็นพิษเย็น ท่านต้องอาศัยตัวยาร้อนผนวกกับความร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนพ่ะย่ะค่ะ" "บ่อน้ำพุร้อนที่อื่นใช้ไม่ได้หรือ" โจวหงเจินแย่งถาม "บ่อที่ร้อนมากหน่อยย่อมใช้ได้ แต่ส่วนผสมของยาแก้จำเป็นต้องใช้ผลมังกรอัคคีพ่ะย่ะค่ะ" คนจากแคว้นเจี๋ยได้ฟังก็ถอนหายใจ แต่ชาวแคว้นเสิ่งย่อมไม่รู้จักผลมังกรอัคคี ฟ่านลู่อี่มองท่านอ๋องเป็นเชิงถาม "ผลมังกรอัคคีขึ้นอยู่ในน้ำพุร้อนลำธารเดือดอยู่ในวังหลวง นับว่าเป็นของหาไม่ได้ง่ายแต่ไม่ยากสำหรับข้า วางใจเถอะ" อ๋องพยัคฆ์จูบหน้าผากมนเนิ่นนานแล้วประคองฟ่านลู่อี่ขึ้นไปพักบนรถม้า ห่มผ้าให้จนคนงามกลายเป็นขนมจ้างลูกใหญ่แล้ว จึงวางใจปล่อยให้พักออกมาหารือกับคนอื่นๆ "เจ้าเขียนจดหมายบอกอาการของลู่อี่ให้อี้หานส่งนกพิราบไปยังวังหลวง ให้เขาปรุงยาไว้รอ ข้าจะพาลู่อี่กลับไปให้เร็วที่สุด" อ๋องพยัคฆ์สั่ง จ้าวอี้หานรับคำแล้วพาหมอแยกไป "ลู่อี่ต้องโดนพิษก่อนที่ข้าจะไปรับมา เสี่ยวถงเจ้าสงสัยใครหรือไม่" "อาหารของคุณชายถูกส่งม

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   13

    พวกเขาเดินทางมาสิบวันได้ครึ่งทางไปเมืองหลวงของแคว้นเจี๋ยแล้ว ยิ่งเดินทางลึกเข้าไปอากาศก็เริ่มหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางมีกลุ่มนักฆ่าไม่กลัวตายบุกมาพยายามเอาชีวิตฟ่านลู่อี่อยู่ตลอดจนเจ้าตัวเห็นเป็นเรื่องตลกไปแล้ว "ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ข้ามียังไม่พอจ่ายให้บรรดานักฆ่าเลย ถ้าเขาเอาเงินมาให้ข้าเสียก็หมดเรื่อง" เรื่องคงจบแค่นี้ถ้าไม่ใช่ท่านอ๋องได้ยินเข้าฟ่านลู่อี่จึงถูกทำโทษจนปากบวมเจ่อ ซินเกาเล่อจึงตัดสินใจให้ฟ่านลู่อี่ฝึกการต่อสู้เผื่อยามจวนตัวจะได้เอาตัวรอดได้ ท่านอ๋องแม้เป็นห่วงแต่จำต้องยอมจำนนกับเหตุผลจึงได้แต่ไปยืนตีหน้าเหี้ยมยามฟ่านลู่อี่ซ้อม ผู้ใดจึงอยากให้มือน้อยนั้นมีรอยช้ำกันเล่า "บิดาเจ้าสอนได้อะไรบ้างหรือไม่ ไยเจ้าจึงปวกเปียกเช่นนี้" ซินเกาเล่อกอดอกถาม ฟ่านลู่อี่ที่ใช้กระบี่ไม้ฟาดลมอยู่ยิ้มแหย "ท่านก็ทราบว่าตระกูลข้าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ท่านพ่อไม่เห็นความสำคัญของการต่อสู้" "ข้าจะฝึกเจ้าจนสังหารอ๋องพยัคฆ์ได้เลย" ซินเกาเล่อประชด "ถ้าข้าสามารถตายคาอกลู่อี่ได้ข้าย่อมยินดี" อ๋องพยัคฆ์พูดหน้าตายแต่คนถูกเอ่ยถึงหน้าแดงก่ำฟาดลมผิดๆ ถูกๆ อ๋องพยัคฆ์คนโหดหายไปไหนแค่ไม่กี่วันเป

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   12

    ฟ่านลู่อี่เดินหน้านิ่งมาขึ้นรถม้า เมื่อคืนนอนเขาไม่สบายตัวอย่างยิ่งด้วยถูกเจ้าแมวหื่นกอดรัดไว้ทั้งคืนจะพลิกตัวก็ไม่ได้ทำเอาหงุดหงิด ส่วนตัวต้นเหตุหาได้รู้สึกไม่ร่าเริงออกไปตรวจกองทัพตั้งแต่เช้ามืด พอกลับมาก็อ้อนให้หวีผมให้บ้างละ คีบอาหารให้บ้างละ เขายอมรับว่ารู้สึกดีอยู่บ้างแต่ตนต้องการนอน หวังว่าเมื่อออกเดินทางแล้วเขาจะได้ใช้เวลาสงบๆ อยู่บนรถม้าเสียที จื่อเฉิงถูกปล่อยออกมาจากคุกแล้ว เนื่องจากแม่ทัพติงต้องการคนช่วยดูแลเมืองจึงได้มายืนเข้าแถวรอส่งฟ่านลู่อี่ ส่วนอดีตแม่ทัพซินและลูกน้องทั้งสี่คนถูกมอบหมายให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของฟ่านลู่อี่ นับว่าอ๋องพยัคฆ์ใจกว้างมิใช่น้อย ทั้งสี่คนได้ม้าคนละตัวพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าของแคว้นเจี๋ยแต่มิใช่เครื่องแบบทหาร ทั้งหมดพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งโจวหงเจินก็มาเชิญฟ่านลู่อี่ไปขึ้นรถม้าบอกว่าได้เวลาออกเดินทางแล้ว พวกเขาจึงร่ำลาจื่อเฉิง อาหลานโดดขึ้นยืนบนหลังคารถม้า องครักษ์ทั้งสี่ขึ้นม้าแยกประกบรถม้าของฟ่านลู่อี่จากนั้นโจวหงเจินก็ให้สัญญาณออกเดินทาง อ๋องพยัคฆ์ก็ได้ตรึกตรองไว้แล้วว่าต้องให้รองแม่ทัพทั้งสองดูแลกองทัพ การได้อดีตแม่ทัพซินและพวกมาคอยดูแลพระชา

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   11

    อ๋องพยัคฆ์เรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมรอบสุดท้าย ทุกอย่างจะต้องรัดกุมมากที่สุด เพราะเขาเคลื่อนกำลังเกินครึ่งกลับแคว้นเจี๋ย ทิ้งให้กองทัพอินทรีของแม่ทัพติงดูแลรักษาเมือง ซึ่งจะต้องรีดเสบียงจากแคว้นเสิ่งให้มาก เนื่องจากใกล้เข้าฤดูเหมันต์แล้ว หลังเลิกประชุมเขายังคงนั่งจัดการเอกสารต่างๆ ใจย้อนคิดไปถึงสมัยที่เป็นองค์ชายแปด ก่อนที่จะได้นามอ๋องพยัคฆ์มา ชื่อเสียงโหดเหี้ยมยาวนานจนผู้คนพากันลืมชื่อจริงไปหมดสิ้น มารดาของเขาเป็นสนมของฮ่องเต้ในรัชกาลก่อน นางเป็นน้องสาวของฮองเฮา เขาและองค์ชายรองโอรสของฮองเฮาจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันและยังมีองค์ชายห้าอีกผู้หนึ่งที่เสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก มารดาของเขาจึงรับมาเลี้ยงดูคู่กับเขาเพราะอายุไล่เลี่ยกัน พระบิดานิยมสะสมหญิงงามไว้ในวังหลังเหมือนท่านปู่ทำให้มีโอรสธิดามากมาย ระดับอ๋องที่เป็นพี่น้องกับพระบิดาก็มีหลายคนทำให้เกิดหลายขั้วอำนาจในวังหลวง เมื่ออายุได้สิบเอ็ดปีพระบิดาล้มป่วยลงโดยที่หมอหลวงหาสาเหตุไม่ได้ พระองค์อ่อนแอลงจึงมีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทซึ่งตกเป็นขององค์ชายรองที่ตอนนั้นอายุสิบเจ็ดปีตามคาด เนื่องจากโอรสองค์แรกเป็นบุตรที่กำเนิดจากนางกำนัลต่อใ

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   10

    ลู่อี่ทราบว่าท่านอ๋องทิ้งอาหลานไว้เฝ้าเชลยศึกเพราะมีข่าวว่าจะมีการชิงตัวนักโทษจึงทิ้งเจ้าพยัคฆ์ดำไว้ที่ค่าย โดยที่คนงามไม่ทราบความจริงว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของท่านอ๋องที่จะกีดกันเจ้าพยัคฆ์ดำออกจากตนเอง"ข้าขอไปเยี่ยมนักโทษเหล่านั้นได้หรือไม่" คนงามออกปากเผลอใช้แววตาออดอ้อนจนท่านอ๋องใจอ่อน"ก็ได้ แต่หงเจินต้องไปกับเจ้าด้วยห้ามอยู่ห่างจากเขา ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า ห้ามฯลฯ" อ๋องพยัคฆ์สั่งห้ามยาวเหยียดเหมือนฟ่านลู่อี่เป็นเด็กไม่ถึงสิบหนาวกว่าจะสั่งจบก็ผ่านไปสองเค่อ หลังจากส่งท่านอ๋องล่วงหน้าไปที่ค่ายทหารแล้ว คนงามก็รีบไปสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารจำนวนมากสำหรับไปให้เชลยสงคราม เน้นอาหารที่รับประทานง่ายเช่นซาลาเปาหลากไส้ พร้อมผลไม้ที่พอหาได้ ตัวเขาทำขนมโก๋กลิ่นดอกโมลี่พอเสร็จก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปรอโจวหงเจินที่หน้าจวน โดยมีเสี่ยวถงและบ่าวถืออาหารทั้งหมดเดินตัวเอียงตามมารองแม่ทัพรีบเข้าไปรับตะกร้าอาหารมาถือ พร้อมส่งสองนายบ่าวขึ้นรถม้าตัวเองขึ้นม้าขี่ตีคู่ไปเดินทางเพียงสามเค่อก็ถึงประตูค่าย"เชิญพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินเดินนำสองนายบ่าวไปส่วนลึกของค่าย มีโรงเรือนปลูกสร้างอย่างหยา

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   9

    ฟ่านลู่อี่ตื่นมาก็ไม่เห็นอาหลานแล้ว นอกจากที่นอนที่ยังอุ่นอยู่บ่งบอกว่ามันนอนกับเขาตลอดคืน หารู้ไม่ว่าเมื่อคืนมีเหตุใดเกิดขึ้นบ้างเมื่อคืน"จับมุสิกได้กี่ตัว" อ๋องพยัคฆ์เดินช้าๆมาดูคนชุดดำที่ถูกจับมัดดังสุกรกลิ้งอยู่ที่พื้น"ห้าพ่ะย่ะค่ะ ช่างมีขวัญเทียมฟ้ากล้าบุกจวนทั้งที่รู้ว่าอยู่ในความดูแลของเรา" จ้าวอี้หานเตะนักฆ่าผู้หนึ่งกระเด็นไปอัดต้นไม้แน่นิ่ง เพราะเห็นมันทำท่าจะสลัดอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในรองเท้า"เจ้าจงรีดความจริงว่าใครส่งมันมา ข้าคาดว่าพวกมันคงมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่พระชายาเจ้าจงวางกำลังให้รัดกุม" อ๋องพยัคฆ์สั่งแล้วหมุนกายกลับไปหาลู่อี่ไปถึงก็เขี่ยอาหลานลงจากเตียง มันส่งเสียงหงุดหงิดแต่ยอมกระโดดลงจากเตียงไปนอนที่พรมกลางห้องฟ่านลู่อี่ขดกายเข้าหากันเพราะเริ่มหนาว อ๋องพยัคฆ์รีบเข้าไปนอนแทนที่อาหลานกอดคนงามเข้ามาในวงแขน เมื่อความอบอุ่นกลับมาลู่อี่ก็ขยับกายหาที่เหมาะๆ แล้วหลับอย่างสบายอารมณ์ ใบหน้างดงามยิ้มน้อยๆ"ข้าจะทนจนถึงพิธีสยุมพรไม่ไหวถ้าเจ้ายั่วกันแบบนี้" คนจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาเนิ่นนานก่อนจะหลับตามไปอ๋องพยัคฆ์ตื่นก่อนฟ่านลู่อี่แล้วออกไปฝึกซ้อมตอนเช้า เขารู้ดีว่าถ้าคนงามตื่น

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   8

    ฟ่านลู่อี่หมดอารมณ์จะชมเมืองเขานั่งนิ่งอยู่บนรถม้าโดยไม่เอ่ยคำใดแม้แต่เสี่ยวถงยังมิกล้าเปิดปาก อาหลานพยายามเอาหัวมาดุนมือคนงามแบบที่เคยใช้ได้ผลแต่ยังไม่ได้รับความสนใจจากฟ่านลู่อี่ รถม้าหยุดยั้งลงประตูถูกเปิดออกโดยอ๋องพยัคฆ์ ฟ่านลู่อี่มีสีหน้าเรียบเฉย ก้าวลงมาจากรถม้าโดยไม่รับมือของท่านอ๋องที่ส่งมาให้ "คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา" ทหารและชาวเมืองที่ออกมาต้อนรับส่งเสียงดังกระหึ่มพร้อมกันทุกคนทราบข่าวตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนว่าท่านอ๋องได้รับองค์ชายสันติสุขเป็นพระชายาเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีและสงบศึกเหล่าชาวเมืองที่เผชิญสงครามมาหลายปีย่อมยินดียิ่งถึงแม้ทางแคว้นเสิ่งจะแพ้สงครามแต่นอกจากส่งทหารมาควบคุมความเรียบร้อยแล้วก็มิได้มีการทารุณชาวเมืองแต่อย่างใดคนจึงไม่ต่อต้านมากนักแถมทหารที่มาส่งข่าวเฝ้าโม้ถึงความงามของพระชายาฟ่านลู่อี่จนเลิศเลอจึงมีคนมารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ฟ่านลู่อี่คลี่ยิ้มไปรอบๆ ผงกศีรษะเป็นเชิงทักทายทำเอาหลายคนตะลึง บ้างถูกความงามมอมเมาจนเผลอจส่งสายตาเคลิ้มฝันมาให้ "เชิญท่านอ๋องกับพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" จ้าวอี้หานรีบเชิญเสด็จก่อนที่จะมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นเมื่อดูจา

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   7

    ฟ่านลู่อี่เรียกโจวหงเจินมาถามถึงเส้นทางข้างหน้าได้ความว่าจากนี้จะเร่งเดินทาง โดยปกติแล้วระยะทางระหว่างเมืองหลวงของแคว้นเสิ่งไปถึงชายแดนแคว้นเจี๋ยต้องใช้เวลาเดินทางถึง 1 เดือน แต่ขบวนของพวกเขาจะเดินทางออกจากทางหลวงเป็นบางช่วงเพื่อตัดตรงทะลุป่าเขาบ้างจะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น ทำให้จากนี้ไปอาจจะต้องนอนกลางป่ากันบ้างเป็นบางคืน"ท่านอ๋องอยากให้พระชายาเดินทางถึงแคว้นเจี๋ยให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" ซือเย่าบอก "เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ" ฟ่านลู่อี่ถาม"ฤดูเหมันต์ของแคว้นเจี๋ยจะมาถึงก่อนแคว้นเสิ่งหนึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะและกินระยะเวลายาวนานถึงหกเดือน โหรหลวงทำนายว่าปีนี้จะหนาวรุนแรงที่สุดในรอบยี่สิบปีและอาจยาวนานถึงแปดเดือน ท่านอ๋องเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาจึงอยากให้เร่งเดินทาง" ซือเย่าลอบร้องย่ำแย่ในใจ พระชายาเอ่ยปากก็ถามได้ตรงจุด แคว้นเสิ่งช่างโง่จริงๆที่ปล่อยเพชรเม็ดนี้มาให้แคว้นเจี๋ย"งั้นหรือ แต่อย่าได้หักโหมจนเกินไปทุกคนย่อมมีครอบครัวรออยู่" ฟ่านลู่อี่บอก เขาไม่ใส่ใจว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าใดทั้งสี่คนรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันบนรถม้าจากนั้นโจวหงเจินและซือเย่าก็ออกไปขี่ม้านำขบวนเหมือนเดิมยา

DMCA.com Protection Status