Share

3

Author: Champeehom
last update Last Updated: 2024-12-04 20:05:35

ขบวนทหารม้าจากแคว้นเจี๋ยชักแถวเดินเข้าเมืองอย่างองอาจ ผู้นำขบวนเป็นถึงรองแม่ทัพมือขวาของอ๋องพยัคฆ์มีไท่จื่อเป็นผู้แทนพระองค์มาต้อนรับขี่ม้าตีคู่มาตามด้วยรถม้าหรูหราสองคัน คันหนึ่งมีพยัคฆ์สีดำปลอดยืนอยู่บนหลังคาสายตาสอดส่ายไปรอบๆอย่างสนใจ เสียงชาวบ้านซุบซิบกันถึงพยัคฆ์ดำต่างพากันเดาว่าเป็นของอ๋องพยัคฆ์ เหล่าชาวเมืองมีทั้งสายตาชื่นชมมีบ้างบางคนที่หวาดกลัว

รถม้าที่ทำจากไม้เนื้อดีอีกยี่สิบคันเทียมด้วยอาชาพ่วงพี กองทหารม้าอีกห้าสิบปิดท้ายขบวน ทุกคนท่าทีองอาจข่มขวัญผู้คน แต่ก็อยู่ในระเบียบกองทัพมิได้ข่มเหงผู้ใด

กองกำลังพยัคฆ์ดำมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน พวกเขาตั้งค่ายอยู่นอกเมืองรอจนเช้าวันใหม่เมื่อผู้แทนพระองค์ไปรับที่ประตูเมืองจึงจัดขบวนเข้าเมืองอย่างองอาจ

ไทจื่อก้าวนำรองแม่ทัพโจวหงเจินมายังท้องพระโรง

"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี" ปากบอกเคารพแต่ท่าทียังองอาจมิยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย

ฮ่องเต้ถางจงฮ่วนได้แต่กล้ำกลืนก้อนเลือดลงคอ จำต้องเอ่ยคำปฏิสันถารตามมารยาท

"พวกท่านเดินทางมาเหนื่อยๆ เชิญไปพักก่อนดีหรือไม่ ข้าให้คนจัดที่พักไว้แล้ว"

"เรื่องนั้นไว้ทีหลังได้ ข้าเป็นตัวแทนแคว้นเจี๋ยเดินทางมารับพระชายาย่อมต้องทำหน้าที่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน รถม้าข้างนอกยี่สิบคันเป็นสินสอดที่ทางท่านอ๋องมอบให้แด่พระชายา มีผ้าไหมชั้นดีหนึ่งพันพับ ขนจิ้งจอก ขนแกะและขนสัตว์หายากอีกห้าคันรถ ทองคำแท่งและเครื่องประดับอย่างละยี่สิบหีบ หลังจากงานเลี้ยงคืนนี้พวกเราจะเชิญว่าที่พระชายาเสด็จกลับแคว้นเจี๋ยทันที"

เสียงพึมพำด้วยความอิจฉาเจ้ากรมคลังที่ได้สินสอดมากถึงเพียงนี้ ขนาดฮองเฮายังหลุดแววตาละโมบออกมาวูบหนึ่ง

"ท่านอ๋องของท่านช่างมีจิตใจกว้างขวางยิ่งนัก" ฮ่องเต้ยิ้มแห้งแล้ง พระองค์คิดว่าสินเดิมที่มอบให้องค์ชายสันติสุขมากแล้วยังไม่เท่าสินสอดที่ทางนั้นนำมา

"ท่านอ๋องต้องการขอบคุณตระกูลฟ่านที่เลี้ยงดูว่าที่พระชายามาได้งามพร้อมเยี่ยงนี้ จากนี้ต่อไปพระชายาฟ่านลู่อี่คือคนของวังพยัคฆ์ดำมิให้ผู้ใดต้องกังวลใจแทนอีก" รองแม่ทัพโจวหงเจินพูดอย่างองอาจเสียงดังกังวานได้ยินทั่วท้องพระโรง บอกเป็นนัยว่าห้ามรังแกผู้คน

ฮ่องเต้แค่นยิ้มเฮือกสุดท้ายให้โจวหงเจิน เจ้ากรมคลังยิ่งแล้วใหญ่ ก้มศีรษะต่ำมิอาจสบตาผู้ใด มิทราบว่าเป็นเพราะมโนธรรมที่เหลือน้อยนิดในจิตใจหรือเพราะเกรงกลัวในอำนาจของวังพยัคฆ์ดำ

ไท่จื่อช่วยแก้สถานการณ์กระอักกระอ่วนด้วยการเชิญแขกไปพักก่อนที่จะถึงงานเลี้ยงรับรองตอนเย็นแต่ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี

"ข้าต้องการเข้าพบว่าที่พระชายาก่อน"

คนเดินออกจากท้องพระโรงอย่างผึ่งผายคล้ายกับมิเห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา ไท่จื่อจำต้องทูลลาฮ่องเต้แล้วสาวเท้าตามออกไป

"บัดซบ พวกเจ้าก็เป็นตัวบัดซบ" ฮ่องเต้ชี้หน้าเหล่าขุนนางด้วยความโกรธก่อนจะสะบัดหน้าออกจากท้องพระโรง

จวนเจ้ากรมคลัง

"คุณชาย แย่แล้วๆ ขอรับ" เสี่ยวถงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาฟ่านลู่อี่

"เกิดอะไรขึ้น" ฟ่านลู่อี่ไม่แม้จะหันมามอง สายตายังจับจ้องดอกบัวในสระอยู่เช่นเดิม

"ไท่จื่อมาพร้อมกับทหารเยอะเลยขอรับ พวกเขาบอกว่าเป็นทหารที่ท่านอ๋องพยัคฆ์ส่งมารับคุณชายขอรับ" เสี่ยวถงหอบไม่หยุด

"นำพวกเขามาพบข้า" ฟ่านลู่อี่สั่ง เสี่ยวถงจึงตั้งท่าจะวิ่งออกไปแต่คนเข้ามาเสียก่อน

"ลู่อี่" ไท่จื่อยิ้มนำรองแม่ทัพเข้ามา แสดงท่าทางสนิทสนมทำให้ลู่อี่ขยะแขยงนักแต่ยังวางสีหน้าเรียบเฉย เขาทำความเคารพไท่จื่อตามธรรมเนียมแต่ใจนึกรังเกียจคนสองหน้าที่ยามอยู่หน้าฟ่านปิงปิงหาเรื่องกลั่นแกล้งเขาเอาใจนางแต่ยามลับหลังก็หาทางลวนลามเขา น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

"โจวหงเจินคารวะพระชายา" รองแม่ทัพพร้อมทหารคู่ใจคุกเข่าให้ลู่อี่ทำเอาไท่จื่อคิ้วกระตุก ตอนเข้าเฝ้าฮ่องเต้เจ้ารองแม่ทัพหน้าตายนี้เพียงคุกเข่าข้างเดียว นี่มันถึงกับคารวะลู่อี่ ด้วยการคุกเข่าทั้งสองข้าง

"ไม่ต้องมากพิธีไปทำตัวตามสบายเถอะ" เสียงนุ่มนวลของฟ่านลู่อี่อนุญาตสายตามองเพียงโจวหงเจินโดยไม่ใส่ใจไท่จื่ออีก

"ข้าขอตัวกลับไปเตรียมงานเลี้ยงเย็นนี้ก่อนทิ้งเจ้าสองคนทำความคุ้นเคยกันไปก็แล้วกัน" ไท่จื่อเดินหน้าดำทะมึนออกจากจวนด้วยความเสียหน้าและเสียดาย เขาอุตส่าห์คิดว่าจะรับลู่อี่มาเป็นสนมกลับต้องปล่อยคนงามให้อ๋องพยัคฆ์ผู้โหดเหี้ยมเสียได้

"มิทราบว่าว่าที่พระชายาเตรียมตัวพร้อมหรือยังกระหม่อม"

แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดในท้องพระโรงได้รับการถ่ายทอดต่อฮูหยินใหญ่และคุณหนูใหญ่ โดยเฉพาะจำนวนสินสอดที่ทำให้คุณหนูฟ่านปิงปิงเกิดความอิจฉายิ่งนัก

"ทำไมมันถึงได้สินสอดมากมายเยี่ยงนี้เจ้าคะท่านแม่ลูกไม่ยอมนะเจ้าคะ เป็นผู้ชายแท้ๆ ทางนั้นตาบอดหรืออย่างไรถึงได้ทุ่มของตั้งมากมายให้ของบรรณาการเยี่ยงนี้" ฟ่านปิงปิงอาละวาดใส่มารดา

"ใจเย็นๆลูกรัก เครื่องประดับเหล่านั้นส่งมาถึงจวนแล้ว แม่จะพาเจ้าไปเลือกสักหลายชิ้นไว้ใส่ไปงานเลี้ยงเย็นนี้ดีหรือไม่" ฮูหยินใหญ่ปลอบโยน

"นั่นสิเจ้าคะท่านแม่ลูกอยากได้ เราไปกันเถิดเจ้าค่ะ" ฟ่านปิงปิงชักชวนมารดาอย่างกระตือรือร้น

"นั่นสิ พ่อไปเอาทองคำมาเก็บก่อนดีกว่า" เจ้ากรมคลังชักชวนลูกเมียไปเรือนเล็กของลู่อี่ สามคนพ่อแม่ลูกนำบ่าวไพร่มาขัดจังหวะโจวหงเจินพอดี

"คารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่ พี่ปิงปิง" ลู่อี่ทำความเคารพ ถึงอย่างไรก็เป็นบิดา ส่วนโจวหงเจินเพียงพยักหน้าให้แล้วยืนนิ่งเป็นศิลามิต่างกับทหารติดตามที่มองอย่างเย็นชา ส่วนพยัคฆ์ดำคำรามอย่างไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย ทำเอาฟ่านปิงปิงหวาดกลัวหลบอยู่หลังมารดา

"พ่อจะมาเอาทองคำไปเก็บ ส่วนแม่ใหญ่จะมาเลือกเครื่องประดับไปให้ปิงปิงใส่ไปงานเลี้ยงเย็นนี้" เจ้ากรมคลังพูดอย่างไม่อาย

ลู่อี่ถอยหลังเปิดทางให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย คนออกหน้ากลับเป็นโจวหงเจิน

"มิทราบว่าท่านเจ้ากรมคลังต้องการขนสิ่งใด ต้องการให้ทหารของข้าช่วยขนหรือไม่"

"มิต้องรบกวนท่านรองแม่ทัพ ข้านำบ่าวไพร่มาแล้ว ขอเพียงท่านบอกว่าสินสอดที่ท่านนำมาอยู่ที่ใด" เจ้ากรมคลังยังรักษาอาการสุภาพอยู่ได้ ใจออกจะมีความรู้สึกที่ดีต่อโจวหงเจินอยู่บ้างในฐานะที่นำทรัพย์สินจำนวนมากมาให้

"สินสอดเหล่านั้นอยู่บนรถม้าแต่มิทราบว่าเกี่ยวอันใดกับท่าน" โจวหงเจินถามนิ่งๆ

"สินสอดเหล่านั้นย่อมเป็นสมบัติของบิดา" เจ้ากรมคลังตอบอย่างหน้ามิอาย

"ข้าว่าท่านคงไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ท่านอ๋องของเราบอกว่านำสินสอดมามอบให้พระชายาย่อมเป็นของพระชายาและขอขอบคุณท่านที่เลี้ยงดูพระชายามา ท่านย่อมได้รับคำขอบคุณไปแล้ว" รองแม่ทัพพูดจบทำเอาเจ้ากรมคลังหน้าตาเขียวคล้ำด้วยโทสะแต่ยังหวั่นเกรงในอำนาจของกองกำลังพยัคฆ์ดำจึงมิกล้าอาละวาดได้แต่กระทืบเท้าอย่างขัดเคืองแล้วหมุนตัวออกจากเรือนโดยไม่ร่ำลาผู้ใด

"ท่านพ่อแล้วเครื่องประดับของข้าเล่า" ฟ่านปิงปิงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่มารดาของนางยังนับว่ามีปัญญาอยู่บ้างเมื่อเห็นหน้าตาบึ้งตึงของโจวหงเจินพร้อมเสียงขู่คำรามของพยัคฆ์ดำ จึงได้แต่ลากลูกสาวออกจากเรือนไปโดยไม่ทันเห็นสายตาที่มองมาอย่างสมเพชจากทหารคนสนิทของรองแม่ทัพ

" ต้องขออภัยพวกท่านแล้ว ที่ต้องมาเห็นเรื่องไม่งามแบบนี้ข้าละอายยิ่งนัก" เสียงเศร้าของลู่อี่ดังขึ้น

" พวกเขาเป็นแบบนี้เสมอเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินรู้สึกสงสารพระชายายิ่งนัก

"ยิ่งกว่านี้อีกขอรับ ตอนฮูหยินผู้เฒ่ายังมีชีวิตอยู่พวกเขายังเกรงใจบ้าง แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าสิ้นบุญ เขาก็มาขนของในเรือนนี้ไปเครื่องประดับที่เป็นของคุณชายก็ถูกแย่งไปอย่างหน้าด้านๆถ้ามิใช่ฮูหยินผู้เฒ่ายกร้านน้ำชาให้คุณชาย ป่านนี้พวกเราคงไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะใส่"เสี่ยวถงพูดอย่างเจ็บแค้น

"เสี่ยวถง" ฟ่านลู่อี่ดุ

"ขออภัยขอรับคุณชาย ข้าเจ็บแค้นแทนท่านนัก นี่คงหาทางผลักไสไล่ส่งท่านอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สมใจ" เสี่ยวถงค้อนลมไปทางเรือนใหญ่

"พอเถอะ เจ้าไปนำน้ำชาและขนมมาต้อนรับท่านโจวหงเจิน เอ่อไม่ทราบว่าท่านนี้คือ.." ลู่อี่ถามอย่างสุภาพ

"ข้าน้อยชื่อซือเย่าเป็นทหารคนสนิทของท่านรองแม่ทัพขอรับ" คนพูดตะกุกตะกัก

"ยินดีที่ได้รู้จักท่านซือเย่า ข้าช่างเสียมารยาทนัก เชิญท่านมานั่งจิบชาทางนี้เถิดรอเสี่ยวถงนำของว่างมาให้ ลองชิมขนมของแคว้นเสิ่งดูบ้าง" ลู่อี่พูดอย่างนุ่มนวลมิได้ถือตัวแม้แต่น้อย เพิ่มความนิยมในตัวเขามากขึ้นอีกแม้แต่ทหารติดตามที่มีสายตาเย็นชายังอ่อนลงหลายส่วน

"แล้วร้านน้ำชาของท่านจะทำเยี่ยงไร ท่านต้องเดินทางไปแคว้นเจี๋ยผู้ใดจะคอยดูแลกิจการให้ท่าน" ซือเย่าถาม

"ข้ายกร้านให้เถ้าแก่ไปแล้ว เขาดูแลร้านมานาน ส่วนคนงานในร้านข้าก็ให้เป็นส่วนแบ่งจากกำไรในร้าน ข้าคงมิอาจดูแลพวกเขาได้อีกแล้ว" ฟ่านลู่อี่หน้าเศร้า

"แล้วฮูหยินผู้เฒ่าคือใครหรือกระหม่อม"

"ท่านย่าของข้าเอง มารดาข้าเสียไปตั้งแต่เล็ก ท่านย่าเลี้ยงดูข้ามาแต่ท่านก็มาเสียไปเมื่อสามปีก่อน" ฟ่านลู่อี่หน้าหมองเศร้าแต่มีบางคนลอบโล่งใจ

"แล้วหลังจากนั้นว่าที่พระชายาทำอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินถามบ้าง

"ตอนนั้นข้าอายุสิบสามกำลังศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาเพื่อเตรียมสอบจอหงวน ก็ได้ร้านน้ำชาที่ท่านย่ายกให้ทำให้มีเงินทองพอจับจ่าย แต่ข้าก็ไม่สนใจจะไปสอบจอหงวนอีกแล้ว ที่เคยตั้งใจจะสอบเพื่อให้ท่านย่าดีใจเพียงแค่นั้น"

เสี่ยวถงยกขนมหลากชนิดมาวางเรียงกันจนเต็มโต๊ะแทบไม่มีที่วางป้านน้ำชา

"ปกติว่าที่พระชายาเสวยขนมมากเพียงนี้หรือกระหม่อม" ซือเย่ามองร่างอันบอบบางของคนตรงหน้าแล้วไม่อยากเชื่อ

"ไม่หรอก เพียงแต่พวกคนที่ร้านเห็นว่าข้าจะอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายจึงส่งขนมมามากมาย หวังให้ข้าจดจำรสชาตินี้แม้ไปอยู่ต่างแคว้นแล้ว" ลู่อี่คีบขนมส่งให้โจวหงเจินก่อน ซือเย่าทำหน้าเหี้ยมจนคนไม่กล้าหยิบเข้าปาก แต่เมื่อลู่อี่คีบขนมส่งมาให้ก็เปลี่ยนสีหน้าผ่อนคลายได้เร็วนัก

"พยัคฆ์ของท่านรับประทานสิ่งใดข้าจะให้เสี่ยวถงไปนำมาให้"

"อาหลานชอบเนื้อสด ถ้าไม่มีไก่ย่างก็ได้กระหม่อม" ซือเย่าตอบ

"เนื้อสดหรือ ในครัวน่าจะมีนะ อาหลานคงต้องคอยซักหน่อย เสี่ยวถงไปจัดมานะ"

อาหลานเหมือนทราบว่าคนงามพูดถึง สายตาเหลือบมองแต่หางแกว่งอย่างถูกใจ ทำเอาลู่อี่ยิ้มกว้างจนซือเย่ามองอย่างเคลิบเคลิ้ม

Related chapters

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   4

    ลู่อี่บังคับให้เสี่ยวถงนั่งลงร่วมรับประทานน้ำชาด้วย ทั้ง 4 คนคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนเย็น ส่วนพยัคฆ์ดำได้เนื้อสดก้อนใหญ่ที่เสี่ยวถงไปนำมาให้นอนพุงป่องอยู่ด้านข้าง"นี่ก็ใกล้เวลาเริ่มงานเลี้ยงแล้วพระชายามิต้องไปเตรียมตัวก่อนหรือกระหม่อม" โจวหงเจินรู้สึกตัวก่อนว่าใกล้ถึงเวลางานเลี้ยง"ข้าไม่อยากไป" ฟ่านลู่อี่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด"งั้นก็ไม่ต้องไป เรากลับแคว้นเจี๋ยกันเลยเถอะ" ซือเย่ามองฟ่านลู่อี่"นั่นอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้ งานเลี้ยงนั่นพวกเขาจัดกันก็ให้เขาสนุกกันเองก็แล้วกัน" ฟ่านลู่อี่ยิ้มออกมาได้"ให้ข้าไปช่วยพระชายาขนสัมภาระเถิดกระหม่อม" ซือเย่าออกปาก"รบกวนท่านแล้ว" ฟ่านลู่อี่พยักหน้า"ข้าจะไปช่วยเสี่ยวถง" โจวหงเจินแยกไปกับเสี่ยวถง ปล่อยให้ซือเย่าตามลู่อี่ไปลู่อี่กวาดตามองรอบๆห้องนอน เขาผ่านอะไรมามากเหลือเกินจนรู้สึกว่าตัวเองแก่ชรากว่าอายุจริง ถึงแม้ไม่มีเรื่องดีๆให้จดจำมากนักแต่พอจะไปจริงๆก็อดอาลัยมิได้ซือเย่ากวาดตามองไปรอบๆ ทั้งที่เห็นห้องนี้แล้วเมื่อครั้งที่ลอบเข้ามา แต่เมื่อดูอย่างเปิดเผยอีกครั้งก็พบว่าห้องนี้แทบไม่มีอะไรเลย"เราไปกันเถอะ" เสียงลู่อี่ปลุกซือเย่าจากภวังค์ เขาถ

    Last Updated : 2024-12-04
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   5

    "เหตุใดพระชายาจึงมิต่อต้าน ทั้งที่รู้ว่าต้องไปแต่งงานต่างแคว้นแถมยังแต่งงานกับบุรุษ" ซือเย่าถามคนงามหลังรับประทานอาหารเสร็จ"ต่อต้านแล้วอย่างไรไม่ต่อต้านแล้วอย่างไร ฮ่องเต้มีพระราชโองการมาเยี่ยงนั้นข้าต่อต้านได้หรือ เมื่อทำสิ่งใดมิได้ก็ย่อมต้องทำใจ หากข้าหักใจหนีไปอาจโดนประหารทั้งตระกูลบ่าวไพร่ที่ไม่มีความผิดจะเดือดร้อนไปด้วย ข้าฟังข่าวลือเรื่องท่านอ๋องพยัคฆ์จากนักเดินทางที่แวะมาที่ร้านน้ำชาของข้ามามากมาย แต่ข้ายังไม่เคยได้ยินว่าท่านอ๋องเป็นผู้นิยมบุรุษ ข้าจึงคิดว่าถึงแต่งไปก็คงไม่เป็นไรต่างคนต่างอยู่ก็คงได้กระมัง" คนงามพูดด้วยความไม่แน่ใจในตอนท้ายซือเย่าแอบยกนิ้วให้ในใจ พระชายาช่างมีความคิดอ่านเยือกเย็นนัก แต่มีเรื่องจริงเพียงแค่ส่วนเดียวว่าท่านอ๋องไม่เคยนิยมบุรุษแต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่นิยมบุรุษอาหลานเดินออกมาจากเงามืด ปากคาบกระต่ายป่าสีขาวมาตัวหนึ่ง มันวางกระต่ายลงหน้าลู่อี่"ให้ข้าหรือขอบใจเจ้ามากนะ" ฟ่านลู่อี่ตบหัวมันเบาๆ ในรถม้าเกิดเหตุใดขึ้นกันแน่ ปกติอาหลานที่แสนเย่อหยิ่งมิยอมให้ผู้ใดลูบศีรษะนอกจากท่านอ๋องลู่อี่หยิบกระต่ายโชคร้ายขึ้นมาดู มันนอนนิ่งเหมือนตายแล้วดูจากภา

    Last Updated : 2024-12-05
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   6

    ซือเย่านำลู่อี่มาถึงจวนเจ้าเมือง เป็นหมู่ตึกที่ดูโออ่ามิใช่น้อย"คืนนี้เราจะพักกันที่นี่พ่ะย่ะค่ะ"ลู่อี่มองชายวัยกลางคนร่างท้วมที่ยืนหัวแถวรวมกับผู้คนรออยู่หน้าจวนอย่างกระวนกระวายใจ พอเขาเห็นลู่อี่ก็ทำความเคารพและแนะนำตัวอย่างนอบน้อม"เชิญองค์ชายด้านในพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเจ้าเมืองกังได้เตรียมที่พักและงานเลี้ยงพร้อมทั้งอาหารรสเลิศไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ""ต้องลำบากท่านแล้ว รบกวนส่งอาหารมาที่เรือนพักของข้าด้วย ข้าเหนื่อยต้องการพักผ่อน และรบกวนท่านจัดหาสุราอาหารให้ทหารของข้าด้วย" ลู่อี่กล่าวแล้วเดินตามซือเย่าไปอย่างไม่แยแสงานเลี้ยงที่เจ้าเมืองเตรียมไว้ บรรดาสาวงามที่แต่งตัวมารอต้อนรับหน้าบึ้งไปตามๆกัน เพราะนางหวังจะแสดงความงดงามโดดเด่นจับใจชายหนุ่มที่มาร่วมงานเลี้ยงแต่งานกลับถูกยกเลิก แถมเมื่อองค์ชายผู้งดงามมาถึงยังมีสายตาผู้ใดเหลือมาเหลือบแลพวกนางเล่า"ขอบคุณท่าน เชิญท่านไปพักผ่อนเถิด" ลู่อี่ออกปาก ซือเย่าจึงจำต้องถอยออกมา สวนกับบ่าวที่ยกอ่างน้ำเข้าไปในห้อง เขารอจนบ่าวออกมาให้แน่ใจว่ามีเพียงเสี่ยวถงคอยปรนนิบัติลู่อี่จึงวางใจได้ แต่ก็ยังมีองครักษ์เงาถึงสี่คนคอยอารักขา ส่วนอาหลานเข้าห้องไปรอ

    Last Updated : 2024-12-05
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   7

    ฟ่านลู่อี่เรียกโจวหงเจินมาถามถึงเส้นทางข้างหน้าได้ความว่าจากนี้จะเร่งเดินทาง โดยปกติแล้วระยะทางระหว่างเมืองหลวงของแคว้นเสิ่งไปถึงชายแดนแคว้นเจี๋ยต้องใช้เวลาเดินทางถึง 1 เดือน แต่ขบวนของพวกเขาจะเดินทางออกจากทางหลวงเป็นบางช่วงเพื่อตัดตรงทะลุป่าเขาบ้างจะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น ทำให้จากนี้ไปอาจจะต้องนอนกลางป่ากันบ้างเป็นบางคืน"ท่านอ๋องอยากให้พระชายาเดินทางถึงแคว้นเจี๋ยให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" ซือเย่าบอก "เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ" ฟ่านลู่อี่ถาม"ฤดูเหมันต์ของแคว้นเจี๋ยจะมาถึงก่อนแคว้นเสิ่งหนึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะและกินระยะเวลายาวนานถึงหกเดือน โหรหลวงทำนายว่าปีนี้จะหนาวรุนแรงที่สุดในรอบยี่สิบปีและอาจยาวนานถึงแปดเดือน ท่านอ๋องเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาจึงอยากให้เร่งเดินทาง" ซือเย่าลอบร้องย่ำแย่ในใจ พระชายาเอ่ยปากก็ถามได้ตรงจุด แคว้นเสิ่งช่างโง่จริงๆที่ปล่อยเพชรเม็ดนี้มาให้แคว้นเจี๋ย"งั้นหรือ แต่อย่าได้หักโหมจนเกินไปทุกคนย่อมมีครอบครัวรออยู่" ฟ่านลู่อี่บอก เขาไม่ใส่ใจว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าใดทั้งสี่คนรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันบนรถม้าจากนั้นโจวหงเจินและซือเย่าก็ออกไปขี่ม้านำขบวนเหมือนเดิมยา

    Last Updated : 2024-12-06
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   8

    ฟ่านลู่อี่หมดอารมณ์จะชมเมืองเขานั่งนิ่งอยู่บนรถม้าโดยไม่เอ่ยคำใดแม้แต่เสี่ยวถงยังมิกล้าเปิดปาก อาหลานพยายามเอาหัวมาดุนมือคนงามแบบที่เคยใช้ได้ผลแต่ยังไม่ได้รับความสนใจจากฟ่านลู่อี่ รถม้าหยุดยั้งลงประตูถูกเปิดออกโดยอ๋องพยัคฆ์ ฟ่านลู่อี่มีสีหน้าเรียบเฉย ก้าวลงมาจากรถม้าโดยไม่รับมือของท่านอ๋องที่ส่งมาให้ "คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา" ทหารและชาวเมืองที่ออกมาต้อนรับส่งเสียงดังกระหึ่มพร้อมกันทุกคนทราบข่าวตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนว่าท่านอ๋องได้รับองค์ชายสันติสุขเป็นพระชายาเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีและสงบศึกเหล่าชาวเมืองที่เผชิญสงครามมาหลายปีย่อมยินดียิ่งถึงแม้ทางแคว้นเสิ่งจะแพ้สงครามแต่นอกจากส่งทหารมาควบคุมความเรียบร้อยแล้วก็มิได้มีการทารุณชาวเมืองแต่อย่างใดคนจึงไม่ต่อต้านมากนักแถมทหารที่มาส่งข่าวเฝ้าโม้ถึงความงามของพระชายาฟ่านลู่อี่จนเลิศเลอจึงมีคนมารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ฟ่านลู่อี่คลี่ยิ้มไปรอบๆ ผงกศีรษะเป็นเชิงทักทายทำเอาหลายคนตะลึง บ้างถูกความงามมอมเมาจนเผลอจส่งสายตาเคลิ้มฝันมาให้ "เชิญท่านอ๋องกับพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" จ้าวอี้หานรีบเชิญเสด็จก่อนที่จะมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นเมื่อดูจา

    Last Updated : 2024-12-07
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   9

    ฟ่านลู่อี่ตื่นมาก็ไม่เห็นอาหลานแล้ว นอกจากที่นอนที่ยังอุ่นอยู่บ่งบอกว่ามันนอนกับเขาตลอดคืน หารู้ไม่ว่าเมื่อคืนมีเหตุใดเกิดขึ้นบ้างเมื่อคืน"จับมุสิกได้กี่ตัว" อ๋องพยัคฆ์เดินช้าๆมาดูคนชุดดำที่ถูกจับมัดดังสุกรกลิ้งอยู่ที่พื้น"ห้าพ่ะย่ะค่ะ ช่างมีขวัญเทียมฟ้ากล้าบุกจวนทั้งที่รู้ว่าอยู่ในความดูแลของเรา" จ้าวอี้หานเตะนักฆ่าผู้หนึ่งกระเด็นไปอัดต้นไม้แน่นิ่ง เพราะเห็นมันทำท่าจะสลัดอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในรองเท้า"เจ้าจงรีดความจริงว่าใครส่งมันมา ข้าคาดว่าพวกมันคงมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่พระชายาเจ้าจงวางกำลังให้รัดกุม" อ๋องพยัคฆ์สั่งแล้วหมุนกายกลับไปหาลู่อี่ไปถึงก็เขี่ยอาหลานลงจากเตียง มันส่งเสียงหงุดหงิดแต่ยอมกระโดดลงจากเตียงไปนอนที่พรมกลางห้องฟ่านลู่อี่ขดกายเข้าหากันเพราะเริ่มหนาว อ๋องพยัคฆ์รีบเข้าไปนอนแทนที่อาหลานกอดคนงามเข้ามาในวงแขน เมื่อความอบอุ่นกลับมาลู่อี่ก็ขยับกายหาที่เหมาะๆ แล้วหลับอย่างสบายอารมณ์ ใบหน้างดงามยิ้มน้อยๆ"ข้าจะทนจนถึงพิธีสยุมพรไม่ไหวถ้าเจ้ายั่วกันแบบนี้" คนจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาเนิ่นนานก่อนจะหลับตามไปอ๋องพยัคฆ์ตื่นก่อนฟ่านลู่อี่แล้วออกไปฝึกซ้อมตอนเช้า เขารู้ดีว่าถ้าคนงามตื่น

    Last Updated : 2024-12-08
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   10

    ลู่อี่ทราบว่าท่านอ๋องทิ้งอาหลานไว้เฝ้าเชลยศึกเพราะมีข่าวว่าจะมีการชิงตัวนักโทษจึงทิ้งเจ้าพยัคฆ์ดำไว้ที่ค่าย โดยที่คนงามไม่ทราบความจริงว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของท่านอ๋องที่จะกีดกันเจ้าพยัคฆ์ดำออกจากตนเอง"ข้าขอไปเยี่ยมนักโทษเหล่านั้นได้หรือไม่" คนงามออกปากเผลอใช้แววตาออดอ้อนจนท่านอ๋องใจอ่อน"ก็ได้ แต่หงเจินต้องไปกับเจ้าด้วยห้ามอยู่ห่างจากเขา ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า ห้ามฯลฯ" อ๋องพยัคฆ์สั่งห้ามยาวเหยียดเหมือนฟ่านลู่อี่เป็นเด็กไม่ถึงสิบหนาวกว่าจะสั่งจบก็ผ่านไปสองเค่อ หลังจากส่งท่านอ๋องล่วงหน้าไปที่ค่ายทหารแล้ว คนงามก็รีบไปสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารจำนวนมากสำหรับไปให้เชลยสงคราม เน้นอาหารที่รับประทานง่ายเช่นซาลาเปาหลากไส้ พร้อมผลไม้ที่พอหาได้ ตัวเขาทำขนมโก๋กลิ่นดอกโมลี่พอเสร็จก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปรอโจวหงเจินที่หน้าจวน โดยมีเสี่ยวถงและบ่าวถืออาหารทั้งหมดเดินตัวเอียงตามมารองแม่ทัพรีบเข้าไปรับตะกร้าอาหารมาถือ พร้อมส่งสองนายบ่าวขึ้นรถม้าตัวเองขึ้นม้าขี่ตีคู่ไปเดินทางเพียงสามเค่อก็ถึงประตูค่าย"เชิญพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินเดินนำสองนายบ่าวไปส่วนลึกของค่าย มีโรงเรือนปลูกสร้างอย่างหยา

    Last Updated : 2024-12-09
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   11

    อ๋องพยัคฆ์เรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมรอบสุดท้าย ทุกอย่างจะต้องรัดกุมมากที่สุด เพราะเขาเคลื่อนกำลังเกินครึ่งกลับแคว้นเจี๋ย ทิ้งให้กองทัพอินทรีของแม่ทัพติงดูแลรักษาเมือง ซึ่งจะต้องรีดเสบียงจากแคว้นเสิ่งให้มาก เนื่องจากใกล้เข้าฤดูเหมันต์แล้ว หลังเลิกประชุมเขายังคงนั่งจัดการเอกสารต่างๆ ใจย้อนคิดไปถึงสมัยที่เป็นองค์ชายแปด ก่อนที่จะได้นามอ๋องพยัคฆ์มา ชื่อเสียงโหดเหี้ยมยาวนานจนผู้คนพากันลืมชื่อจริงไปหมดสิ้น มารดาของเขาเป็นสนมของฮ่องเต้ในรัชกาลก่อน นางเป็นน้องสาวของฮองเฮา เขาและองค์ชายรองโอรสของฮองเฮาจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันและยังมีองค์ชายห้าอีกผู้หนึ่งที่เสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก มารดาของเขาจึงรับมาเลี้ยงดูคู่กับเขาเพราะอายุไล่เลี่ยกัน พระบิดานิยมสะสมหญิงงามไว้ในวังหลังเหมือนท่านปู่ทำให้มีโอรสธิดามากมาย ระดับอ๋องที่เป็นพี่น้องกับพระบิดาก็มีหลายคนทำให้เกิดหลายขั้วอำนาจในวังหลวง เมื่ออายุได้สิบเอ็ดปีพระบิดาล้มป่วยลงโดยที่หมอหลวงหาสาเหตุไม่ได้ พระองค์อ่อนแอลงจึงมีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทซึ่งตกเป็นขององค์ชายรองที่ตอนนั้นอายุสิบเจ็ดปีตามคาด เนื่องจากโอรสองค์แรกเป็นบุตรที่กำเนิดจากนางกำนัลต่อใ

    Last Updated : 2024-12-09

Latest chapter

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   20.2

    "ผิดละ ข้าปล่อยปละละเลยพวกเจ้าสองคนพี่น้องมากเกินไปต่างหาก พวกเจ้าจึงคิดแผนการชั่วร้ายนี้ขึ้นมาได้ ออกไป แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้า" "แต่ว่าหยุนมู่.." เสียงคนยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงโครมดังขึ้นประดุจห้องทลาย ฟ่านลู่อี่ที่อยากจะลืมตาดูแต่ก็ลืมไม่ขึ้นได้แต่นอนน้ำตาไหลเงียบๆ เขาเป็นได้แค่ตัวหมากกระนั้นหรือ คนที่เขาเริ่มมีใจให้กลับเห็นเขาเป็นหมากตัวหนึ่ง เขาตั้งใจว่าจะร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย ... จะต้องหลุดพ้นจากวังวนนี้ให้ได้"พี่หยุนมู่ ข้าขออยู่เฝ้าลู่อี่เถอะนะ" อ๋องพยัคฆ์อ้อนวอน แต่กลับมีเสียงโครมใหญ่อีกครั้งแทน มีเพียงสุ่ยเซียนเท่านั้นที่เป็นพยานว่าฮ่องเต้และอ๋องพยัคฆ์ถูกฮองเฮาเตะกระเด็นทะลุประตูออกจากห้องไปอัดเสาฝั่งตรงข้าม "ทหาร!" หยุนมู่ตะโกนเรียก เหล่าทหารยามวิ่งมารวมแถวอย่างเป็นระเบียบต่อหน้าหยุนมู่ "พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา" "ถ่ายทอดคำสั่ง ปิดตำหนักห้ามฮ่องเต้และอ๋องพยัคฆ์เข้ามาเด็ดขาด แม้แต่คนของพวกเขาก็ห้าม เข้าใจหรือไม่" "พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา" "ดี ผู้ใดขัดคำสั่งข้า" หยุนมู่ทำมือปาดคอตัวเอง ใครจะกล้าขัดคำสั่งพวกเขายังรักชีวิตตัวเองอยู่นะ ไม่มีใครสนใจสองพี่น้องที่ยืนหน้าละห้อยอยู่ "

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   20.1

    อ๋องพยัคฆ์แทบจะวิ่ง ขันทีนำทางคงรู้อารมณ์เขาจึงเร่งฝีเท้านำเขาไป เปิดประตูห้องให้ พอเข้าไปได้อ๋องพยัคฆ์ก็พุ่งตัวไปหาฟ่านลู่อี่ที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง มือหนาลูบใบหน้างามอย่างทะนุถนอม คนป่วยยังซีดเซียวอยู่ แต่ก็ดูดีขึ้น "เจ้าไม่คิดจะทักพี่สาวคนนี้เลยรึ" เสียงสตรีดังขึ้น อ๋องพยัคฆ์จึงเพิ่งรู้สึกว่ามีผู้อื่นอยู่ในห้องด้วย "คารวะพี่หยุนมู่ พี่สุ่ยเซียน" อ๋องพยัคฆ์คารวะเร็ว "อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง" เขานั่งลงข้างเตียง หยิบมือเย็นมาแนบแก้มสากด้วยหนวดที่ขึ้นไรครึ้ม "ป้อนยาที่ข้าปรุงทุกหนึ่งชั่วยามกับให้แช่น้ำร้อน เสริมด้วยปราณกรุยจุดชีพจรอีกวันละสองรอบ ข้าคิดว่าอาการน่าจะหายในเจ็ดวันนะ" สุ่ยเซียนตอบยิ้มๆ "เจ้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถิด พวกเราเพิ่งป้อนยาน้องสะใภ้ไปไม่นาน เจ้าค่อยกลับมาก็ได้" หยุนมู่พูดอย่างใจดี คนที่อ๋องพยัคฆ์เชื่อฟังมากที่สุดคือหยุนมู่นี่เอง สำหรับฮ่องเต้ เชื่อฟังนั้นก็เชื่ออยู่ แต่ก็ตีกันบ่อยเช่นกัน อ๋องพยัคฆ์เดินสวนกับอาหลาน มันเดินขึ้นเตียงไปนอนข้างฟ่านลู่อี่แต่ถูกสุ่ยเซียนดุ "อาหลาน ตัวเจ้ามีแต่กลิ่นคาวเลือดไปให้เทียนเฉินอาบน้ำให้เลยนะ ไม่อย่างนั้นข

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   19.2

    ฮ่องเต้หลิวเทียนจินเป็นองค์ชายรองในรัชกาลก่อน หลังจากองค์ชายใหญ่ก่อกบฏ องค์ชายรอง องค์ชายห้าและองค์ชายแปดหนีตายไปหาแม่ทัพติงผู้เฒ่าผู้เป็นบิดาของแม่ทัพติงคนปัจจุบันที่ยามนั้นเป็นรองแม่ทัพอยู่กองทัพเดียวกับบิดา แม่ทัพติงยามนั้นเฝ้ารักษาชายแดนทางตะวันออกของแคว้นเจี๋ย เขาเป็นคนที่จงรักภักดีมากจึงได้รับความไว้วางพระทัยให้ไปรักษาชายแดน โดยหลานสาวของเขาติงสุ่ยเซียนที่อายุน้อยกว่าองค์ชายรองสองปีก็ได้หมั้นหมายกับองค์ชายรองตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่เจอหน้ากันปีละครั้งยามแม่ทัพติงเข้ามาอวยพรวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ เด็กทั้งคู่นับว่ามีไมตรีที่ดีต่อกัน ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เสกสมรสกันก็เกิดกบฏขึ้นเสียก่อน แม่ทัพติงอยู่ชายแดนห่างไกลยกทัพมาช่วยไม่ทัน จึงแยกตัวออกจากราชสำนักรวบรวมกำลังคนเตรียมกลับไปช่วยฮ่องเต้พระบิดาขององค์ชายรอง เหล่าองค์ชายที่หนีตายมาพึ่งพาแม่ทัพติงมิได้ปล่อยเวลาสูญเปล่า พวกเขาถูกเคี่ยวกรำให้ฝึกการต่อสู้อย่างหนัก แม่ทัพติงทั้งคู่ มิได้อ่อนข้อให้พวกเขาแม้แต่น้อย พวกเขามีติงหยุนมู่พี่ชายของติงสุ่ยเซียนเป็นพี่เลี้ยง เขาแก่กว่าองค์ชายรองสองปีจึงสนิทสนมกันมาก ด้วยความที่ติงหยุนมู่แก่กว่า

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   19.1

    ฮ่องเต้นำกองทัพไปล้อมจับเจ้าเมืองโหย่วกวาน ได้ตัวตอนกำลังหลบหนีออกทางหลังจวน ขุนนางละโมบพยายามขนทรัพย์สินเงินทองไปด้วยจำนวนมากทำให้หนีไม่พ้น ไห่เสียงเตะมันล้มกลิ้งมาถึงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ "เราเลี้ยงดูขุนนางไม่ดีรึ เจ้าจึงคิดกบฏ" ฮ่องเต้ถามทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงแววตา "โปรดเมตตาด้วย กระหม่อมผิดไปแล้ว" คนโขกหัวจนหน้าผากแตกน้ำมูกน้ำตาไหลด้วยความกลัว"หึ" ฮ่องเต้ยิ้มหยัน คืนนั้นขุนนางที่อยู่ในรายชื่อว่าสมคบกับพวกกบฏของเมืองโหย่วกวานถูกฉุดกระชากลงมาจากเตียงยามดึก ครอบครัวบ่าวไพร่ถูกต้อนไปรวมกันที่หน้าศาลาว่าการประจำเมือง ชาวบ้านต่างพากันแตกตื่นตกใจ คบไฟถูกจุดสว่างไปทั้งเมือง ดุจดั่งกลางวัน เสียงซัดทอดความผิดดังระงม ฮ่องเต้เรียกหัวหน้ากองธงมาสองคน มอบหมายให้สอบสวนครอบครัวและบ่าวไพร่ของขุนนางเหล่านั้น ส่วนพวกคนในจวนเจ้าเมืองเป็นอีกสองกองธงจัดการสอบสวน ตัวเจ้าเมืองถูกล่ามขื่อทั้งที่โลหิตไหลท่วมหน้า "เงียบ!" ราชองครักษ์ผู้หนึ่งตวาด เกิดความเงียบครู่เดียวก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีก อาหลานคงทนไม่ไหว มันกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังกำแพงส่งเสียงขู่คำรามอันทรงพลังก้องไปทั้งเน

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   18.2

    อ๋องพยัคฆ์สำรวจรอบๆ ด้วยสายตา ที่นี่คงเป็นค่ายของพวกกบฏ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ใกล้เมืองหลวงมากขนาดนี้ พวกมันคงจะรู้ตัวแล้วจึงถอนค่ายหนีอย่างรีบร้อนเช่นนี้ "ไม่เหลือสิ่งใดเลยพ่ะย่ะค่ะนอกจากเตาหลอม พวกมันน่าจะลักลอบผลิตอาวุธกันในถ้ำ" "มีรอยเกวียนมุ่งหน้าไปในป่า รอยล้อกดลึกบ่งบอกว่าบรรทุกของหนัก พ่ะย่ะค่ะ" นายกองอีกผู้หนึ่งรายงาน "ตามไปดูว่ารอยเกวียนนั้นสิ้นสุดลงที่ใด ส่งผู้หนึ่งไปแจ้งฮ่องเต้ให้เคลื่อนทัพต่อไป บอกให้สังเกตทางเกวียนทางด้านขวาที่ออกจากป่า ข้าคาดว่าถ้าเราไปตามทางน่าจะไปบรรจบกันด้านหน้า" เหล่าทหารที่ฝึกมาอย่างดีแยกกันไปทำตามคำสั่ง พวกเขาตามรอยมาจนยามซวี หรือประมาณหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม จึงได้ตามทัน เส้นทางเกวียนนำมาถึงเชิงเขาของเมืองโหย่วกวาน เสียงดาบกระทบกันดังมาจากด้านหน้า อ๋องพยัคฆ์เห็นเหล่าทหารม้าของเขาสู้อยู่กับกองกำลังของถางจินเข่อ ทหารม้ามีจำนวนคนน้อยกว่ามากจึงเริ่มเพลี่ยงพล้ำ "วางดาบคนเป็น จับดาบคนตาย!" อ๋องพยัคฆ์ชูดาบตะโกนก้อง ตามด้วยเสียงคำรามของอาหลานทำให้กองกำลังของถางจินเข่อที่ได้ยินก็ขวัญเสีย พวกมันเข้าร่วมเป็นกบฏด้วยเห็นแก่ลาภยศเมื่อมาได้เจออ๋องพยัคฆ์ตัวจริ

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   18.1

    "มาช้านะท่านพี่" อ๋องพยัคฆ์แสยะยิ้มชักม้าออกจากที่กำบัง ผู้มาใหม่คืออดีตองค์ชายรองหรือฮ่องเต้ของแคว้นเจี๋ยหลิวเทียนจินนั่นเอง "ข้าต้องรอหมอหลวงต้มยา แถมกว่าจะเด็ดผลมังกรอัคคีได้ข้าถึงกับถูกน้ำในธารเดือดกระเด็นใส่เป็นรอยพุพองทีเดียวนะ" คนพูดคลำแขนตัวเองเหมือนเจ็บมากแต่ถูกคนที่มาด้วยขัดคอ "รอยพองเท่าเหรียญอีแปะถึงกับอาบน้ำเองมิได้ยกตะเกียบมิไหวต้องให้ข้าป้อนข้าวอยู่หลายมื้อเยี่ยงนั้นรึ" เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าเนียน คิ้วเฉียง ดวงตาแฝงความทระนงองอาจ แม้มิได้บึกบึนเช่นทหารส่วนใหญ่แต่ร่างกายแฝงด้วยกล้ามเนื้องดงามสมส่วน "เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าสิ ปรนนิบัติสามีนิดหน่อยก็บ่น" คนพูดทำปากยื่น "ยา" อ๋องพยัคฆ์พูดแค่คำเดียว ฟ่านลู่อี่ของเขาอาการหนักมากแล้ว คนพวกนี้ยังมาเล่นปาหี่ให้เขาดูอีก "เจ้าน้องคนนี้นี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ข้าหวังจะได้เห็นใบหน้าอื่นของเจ้าแท้ๆ เจ้าส่งน้องสะใภ้ให้ฮองเฮาเถอะ เขาจำเป็นต้องกลับไปแช่น้ำร้อนที่วัง ข้าเตรียมคนและรถม้าไว้ให้แล้ว ส่วนเจ้าต้องไปจับมุสิกกับข้า" คนสั่งแฝงอำนาจของผู้นำทำให้อ๋องพยัคฆ์จนใจ เรื่องบ้านเมืองก็สำคัญ เขาจำใจส่งฟ่านลู่อี่ให้บุรุษอี

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   17.2

    อ๋องพยัคฆ์ควบม้าไปทางใดล้วนมีเศษเลือดเนื้อสาดกระจาย แต่พวกมันกลับไม่กลัวตายหนุนเนื่องกันเข้ามาไม่ได้หยุด ทางซินเกาเล่อก็ไม่น้อยหน้า ฟาดคนที่เข้าใกล้ด้วยง้าวจนร่างขาดเป็นสองส่วน โจวหงเจินกำลังต้านศัตรูให้จ้าวอี้หานเตรียมอะไรบางอย่าง จนเขาจุดชุดไฟที่หัวธนูได้สำเร็จ ขึ้นไปยืนบนหลังม้ายิงธนูไฟเข้าใส่กลุ่มศัตรู และยิงต่อเนื่องเป็นแนวยาวไปตึง กรึ้ม บึ้ม... เสียงระเบิดดังกึกก้อง ฝุ่นฟุ้งกระจาย จ้าวอี้หานใช้ธนูหัวระเบิดเปิดทาง แม้ไม่มีอานุภาพทำลายล้างแต่สร้างความชะงักงันได้ชั่วเวลาหนึ่ง อดีตรองแม่ทัพของซินเกาเล่อ ควบม้าเปิดทางตามทางระเบิด อ๋องพยัคฆ์กระตุ้นม้าตามเข้าไปคนที่เหลือปิดท้าย เข่นฆ่าจนเป็นเส้นทางเลือด แต่ศัตรููที่ยกมามีจำนวนถึงหนึ่งพันคนคงเลี่ยงเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ไม่ได้แล้ว "ไม่เป็นไรนะคนดี ข้าจะพาเจ้าไปรักษาตัว" อ๋องพยัคฆ์กระชับลู่อี่บนหลังสายตาทอแววเข่นฆ่า เสียงร้องโอดโอยดังแว่วมาแสดงว่าอาหลานเริ่มจัดการพลธนูที่ซุ่มอยู่แล้ว อ๋องพยัคฆ์มีสองรองแม่ทัพคอยระวังหลัง คนทั้งหมดค่อยๆคืบหน้าไปอย่างช้าๆ ม้าศึกยังดีดศัตรูหลายคนหน้าผากเปิดกระโหลกยุบ "ปล่อยให้เป็นแบบนี้นานไปคงจะไม่

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   17.1

    ด้านกองกำลังของอ๋องพยัคฆ์ ออกเดินทางตั้งแต่ยามเหม่า อ๋องพยัคฆ์มัดลู่อี่ไว้แนบอก ควบม้านำขบวนลัดเลาะไปในป่า พวกเขาคาดว่านักฆ่าอาจจะไปดักอยู่บนทางหลวงจึงเลี่ยงมาใช้ทางด่านที่ไม่ค่อยมีใครใช้ อาหลานหมอบบนหลังม้ากับจ้าวอี้หาน ออกจะลำบากนิดหน่อยแต่ฝีเท้าอาหลานไม่สามารถวิ่งนานๆ ได้แบบม้า จากจุดที่พวกเขาอยู่ ถ้าม้าวิ่งเต็มที่ไปเมืองหลวงใช้เวลาสี่ชั่วยาม พวกเขาเลาะทางด่านย่อมเสียเวลามากขึ้น ก่อนเดินทางอ๋องพยัคฆ์ปลุกฟ่านลู่อี่มารับประทานเนื้อแห้งรองท้อง แต่คนถูกพิษร้ายไม่ยอมรับประทานสิ่งใดนอกจากน้ำ ทำให้เขากังวลใจอยู่มาก เมื่อเจอน้ำพุร้อนอ๋องพยัคฆ์จึงสั่งหยุดพัก เพราะอยากให้ฟ่านลู่อี่แช่น้ำร้อนสักนิด ไม่เช่นนั้นอาการคงจะทรุดลง ยาที่ควรจะรับประทานก็ไม่มี ทั้งหมดกระจายกำลังคุ้มกันหันหลังให้น้ำพุร้อน อ๋องพยัคฆ์เปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง และฟ่านลู่อี่อย่างรวดเร็ว พอลงน้ำได้ก็ถ่ายทอดลมปราณให้ทันที "ท่านอ๋อง ให้ข้าช่วยถ่ายทอดลมปราณให้องค์ชายหรือไม่" ซินเกาเล่อถามทั้งที่ไม่ได้หันมา อ๋องพยัคฆ์รู้ตัวดีว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาก็ไม่อาจสู้ศัตรูได้เต็มที่แต่ผู้อื่นก็มิได้พักเช่นเดียวกัน "ขอบใจ แต่ลู่อ

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   16

    ทั้งหมดสลัดกลุ่มนักฆ่าที่ตามมาได้ในที่สุด พวกเขาควบม้าเลี่ยงทางหลวงเข้าไปในป่าลึก จนมาถึงถ้ำที่มิดชิดแห่งหนึ่งก็หยุดยั้งลง "เราจะพักสักครู่ พวกเจ้าจัดการอาการบาดเจ็บของตัวเองซะ" คนสั่งลงจากหลังม้า โจวหงเจินใช้ผ้าจากกระเป๋าข้างอานม้าปู และช่วยปลดลู่อี่ลงจากหลังอ๋องพยัคฆ์ คนงามยังคงไม่ได้สติใบหน้าสวยซีดเซียว ปากที่เคยชมพูระเรื่อแทบไม่มีสีเลือด ดีที่ซินเกาเล่อสั่งมิให้ปลดอานม้าออกเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดทำให้พวกเขามีของใช้จำเป็น น้ำและอาหารแห้งที่จะต้องมีติดอยู่ในกระเป๋าข้างอานม้า ทั้งโจวหงเจินและจ้าวอี้หานมีสีหน้าเคร่งเครียด "เสี่ยวถงจะปลอดภัย หมอซูไม่ใช่คนโง่ ข้าสั่งให้พวกเขาหลบซ่อนตัว พวกมันคงหาเขาไม่เจอ หมอซูจะพาเสี่ยวถงกลับเมืองหลวงได้" อ๋องพยัคฆ์มองทั้งคู่อย่างเห็นใจ บางทีการที่จะมีความรู้สึกดีกับผู้ใดสักคนหนึ่งอาจจะใช้เวลาไม่นาน "ท่านอ๋องพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ พวกข้าจะผลัดกันอยู่เวรยามเอง" โจวหงเจินทูล "เราจะออกเดินทางตั้งแต่ยามเหม่า พวกเจ้าก็จงผลัดกันพักผ่อน" เหลือเวลาให้พักเพียงไม่ถึงสองชั่วยาม อ๋องพยัคฆ์โอบฟ่านลู่อี่แนบกายหวังใช้ร่างกายตัวเองเพิ่มความอบอุ่น เขารู้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status