แชร์

3

ผู้เขียน: Champeehom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 20:05:35

ขบวนทหารม้าจากแคว้นเจี๋ยชักแถวเดินเข้าเมืองอย่างองอาจ ผู้นำขบวนเป็นถึงรองแม่ทัพมือขวาของอ๋องพยัคฆ์มีไท่จื่อเป็นผู้แทนพระองค์มาต้อนรับขี่ม้าตีคู่มาตามด้วยรถม้าหรูหราสองคัน คันหนึ่งมีพยัคฆ์สีดำปลอดยืนอยู่บนหลังคาสายตาสอดส่ายไปรอบๆอย่างสนใจ เสียงชาวบ้านซุบซิบกันถึงพยัคฆ์ดำต่างพากันเดาว่าเป็นของอ๋องพยัคฆ์ เหล่าชาวเมืองมีทั้งสายตาชื่นชมมีบ้างบางคนที่หวาดกลัว

รถม้าที่ทำจากไม้เนื้อดีอีกยี่สิบคันเทียมด้วยอาชาพ่วงพี กองทหารม้าอีกห้าสิบปิดท้ายขบวน ทุกคนท่าทีองอาจข่มขวัญผู้คน แต่ก็อยู่ในระเบียบกองทัพมิได้ข่มเหงผู้ใด

กองกำลังพยัคฆ์ดำมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน พวกเขาตั้งค่ายอยู่นอกเมืองรอจนเช้าวันใหม่เมื่อผู้แทนพระองค์ไปรับที่ประตูเมืองจึงจัดขบวนเข้าเมืองอย่างองอาจ

ไทจื่อก้าวนำรองแม่ทัพโจวหงเจินมายังท้องพระโรง

"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี" ปากบอกเคารพแต่ท่าทียังองอาจมิยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย

ฮ่องเต้ถางจงฮ่วนได้แต่กล้ำกลืนก้อนเลือดลงคอ จำต้องเอ่ยคำปฏิสันถารตามมารยาท

"พวกท่านเดินทางมาเหนื่อยๆ เชิญไปพักก่อนดีหรือไม่ ข้าให้คนจัดที่พักไว้แล้ว"

"เรื่องนั้นไว้ทีหลังได้ ข้าเป็นตัวแทนแคว้นเจี๋ยเดินทางมารับพระชายาย่อมต้องทำหน้าที่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน รถม้าข้างนอกยี่สิบคันเป็นสินสอดที่ทางท่านอ๋องมอบให้แด่พระชายา มีผ้าไหมชั้นดีหนึ่งพันพับ ขนจิ้งจอก ขนแกะและขนสัตว์หายากอีกห้าคันรถ ทองคำแท่งและเครื่องประดับอย่างละยี่สิบหีบ หลังจากงานเลี้ยงคืนนี้พวกเราจะเชิญว่าที่พระชายาเสด็จกลับแคว้นเจี๋ยทันที"

เสียงพึมพำด้วยความอิจฉาเจ้ากรมคลังที่ได้สินสอดมากถึงเพียงนี้ ขนาดฮองเฮายังหลุดแววตาละโมบออกมาวูบหนึ่ง

"ท่านอ๋องของท่านช่างมีจิตใจกว้างขวางยิ่งนัก" ฮ่องเต้ยิ้มแห้งแล้ง พระองค์คิดว่าสินเดิมที่มอบให้องค์ชายสันติสุขมากแล้วยังไม่เท่าสินสอดที่ทางนั้นนำมา

"ท่านอ๋องต้องการขอบคุณตระกูลฟ่านที่เลี้ยงดูว่าที่พระชายามาได้งามพร้อมเยี่ยงนี้ จากนี้ต่อไปพระชายาฟ่านลู่อี่คือคนของวังพยัคฆ์ดำมิให้ผู้ใดต้องกังวลใจแทนอีก" รองแม่ทัพโจวหงเจินพูดอย่างองอาจเสียงดังกังวานได้ยินทั่วท้องพระโรง บอกเป็นนัยว่าห้ามรังแกผู้คน

ฮ่องเต้แค่นยิ้มเฮือกสุดท้ายให้โจวหงเจิน เจ้ากรมคลังยิ่งแล้วใหญ่ ก้มศีรษะต่ำมิอาจสบตาผู้ใด มิทราบว่าเป็นเพราะมโนธรรมที่เหลือน้อยนิดในจิตใจหรือเพราะเกรงกลัวในอำนาจของวังพยัคฆ์ดำ

ไท่จื่อช่วยแก้สถานการณ์กระอักกระอ่วนด้วยการเชิญแขกไปพักก่อนที่จะถึงงานเลี้ยงรับรองตอนเย็นแต่ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี

"ข้าต้องการเข้าพบว่าที่พระชายาก่อน"

คนเดินออกจากท้องพระโรงอย่างผึ่งผายคล้ายกับมิเห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา ไท่จื่อจำต้องทูลลาฮ่องเต้แล้วสาวเท้าตามออกไป

"บัดซบ พวกเจ้าก็เป็นตัวบัดซบ" ฮ่องเต้ชี้หน้าเหล่าขุนนางด้วยความโกรธก่อนจะสะบัดหน้าออกจากท้องพระโรง

จวนเจ้ากรมคลัง

"คุณชาย แย่แล้วๆ ขอรับ" เสี่ยวถงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาฟ่านลู่อี่

"เกิดอะไรขึ้น" ฟ่านลู่อี่ไม่แม้จะหันมามอง สายตายังจับจ้องดอกบัวในสระอยู่เช่นเดิม

"ไท่จื่อมาพร้อมกับทหารเยอะเลยขอรับ พวกเขาบอกว่าเป็นทหารที่ท่านอ๋องพยัคฆ์ส่งมารับคุณชายขอรับ" เสี่ยวถงหอบไม่หยุด

"นำพวกเขามาพบข้า" ฟ่านลู่อี่สั่ง เสี่ยวถงจึงตั้งท่าจะวิ่งออกไปแต่คนเข้ามาเสียก่อน

"ลู่อี่" ไท่จื่อยิ้มนำรองแม่ทัพเข้ามา แสดงท่าทางสนิทสนมทำให้ลู่อี่ขยะแขยงนักแต่ยังวางสีหน้าเรียบเฉย เขาทำความเคารพไท่จื่อตามธรรมเนียมแต่ใจนึกรังเกียจคนสองหน้าที่ยามอยู่หน้าฟ่านปิงปิงหาเรื่องกลั่นแกล้งเขาเอาใจนางแต่ยามลับหลังก็หาทางลวนลามเขา น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

"โจวหงเจินคารวะพระชายา" รองแม่ทัพพร้อมทหารคู่ใจคุกเข่าให้ลู่อี่ทำเอาไท่จื่อคิ้วกระตุก ตอนเข้าเฝ้าฮ่องเต้เจ้ารองแม่ทัพหน้าตายนี้เพียงคุกเข่าข้างเดียว นี่มันถึงกับคารวะลู่อี่ ด้วยการคุกเข่าทั้งสองข้าง

"ไม่ต้องมากพิธีไปทำตัวตามสบายเถอะ" เสียงนุ่มนวลของฟ่านลู่อี่อนุญาตสายตามองเพียงโจวหงเจินโดยไม่ใส่ใจไท่จื่ออีก

"ข้าขอตัวกลับไปเตรียมงานเลี้ยงเย็นนี้ก่อนทิ้งเจ้าสองคนทำความคุ้นเคยกันไปก็แล้วกัน" ไท่จื่อเดินหน้าดำทะมึนออกจากจวนด้วยความเสียหน้าและเสียดาย เขาอุตส่าห์คิดว่าจะรับลู่อี่มาเป็นสนมกลับต้องปล่อยคนงามให้อ๋องพยัคฆ์ผู้โหดเหี้ยมเสียได้

"มิทราบว่าว่าที่พระชายาเตรียมตัวพร้อมหรือยังกระหม่อม"

แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดในท้องพระโรงได้รับการถ่ายทอดต่อฮูหยินใหญ่และคุณหนูใหญ่ โดยเฉพาะจำนวนสินสอดที่ทำให้คุณหนูฟ่านปิงปิงเกิดความอิจฉายิ่งนัก

"ทำไมมันถึงได้สินสอดมากมายเยี่ยงนี้เจ้าคะท่านแม่ลูกไม่ยอมนะเจ้าคะ เป็นผู้ชายแท้ๆ ทางนั้นตาบอดหรืออย่างไรถึงได้ทุ่มของตั้งมากมายให้ของบรรณาการเยี่ยงนี้" ฟ่านปิงปิงอาละวาดใส่มารดา

"ใจเย็นๆลูกรัก เครื่องประดับเหล่านั้นส่งมาถึงจวนแล้ว แม่จะพาเจ้าไปเลือกสักหลายชิ้นไว้ใส่ไปงานเลี้ยงเย็นนี้ดีหรือไม่" ฮูหยินใหญ่ปลอบโยน

"นั่นสิเจ้าคะท่านแม่ลูกอยากได้ เราไปกันเถิดเจ้าค่ะ" ฟ่านปิงปิงชักชวนมารดาอย่างกระตือรือร้น

"นั่นสิ พ่อไปเอาทองคำมาเก็บก่อนดีกว่า" เจ้ากรมคลังชักชวนลูกเมียไปเรือนเล็กของลู่อี่ สามคนพ่อแม่ลูกนำบ่าวไพร่มาขัดจังหวะโจวหงเจินพอดี

"คารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่ พี่ปิงปิง" ลู่อี่ทำความเคารพ ถึงอย่างไรก็เป็นบิดา ส่วนโจวหงเจินเพียงพยักหน้าให้แล้วยืนนิ่งเป็นศิลามิต่างกับทหารติดตามที่มองอย่างเย็นชา ส่วนพยัคฆ์ดำคำรามอย่างไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย ทำเอาฟ่านปิงปิงหวาดกลัวหลบอยู่หลังมารดา

"พ่อจะมาเอาทองคำไปเก็บ ส่วนแม่ใหญ่จะมาเลือกเครื่องประดับไปให้ปิงปิงใส่ไปงานเลี้ยงเย็นนี้" เจ้ากรมคลังพูดอย่างไม่อาย

ลู่อี่ถอยหลังเปิดทางให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย คนออกหน้ากลับเป็นโจวหงเจิน

"มิทราบว่าท่านเจ้ากรมคลังต้องการขนสิ่งใด ต้องการให้ทหารของข้าช่วยขนหรือไม่"

"มิต้องรบกวนท่านรองแม่ทัพ ข้านำบ่าวไพร่มาแล้ว ขอเพียงท่านบอกว่าสินสอดที่ท่านนำมาอยู่ที่ใด" เจ้ากรมคลังยังรักษาอาการสุภาพอยู่ได้ ใจออกจะมีความรู้สึกที่ดีต่อโจวหงเจินอยู่บ้างในฐานะที่นำทรัพย์สินจำนวนมากมาให้

"สินสอดเหล่านั้นอยู่บนรถม้าแต่มิทราบว่าเกี่ยวอันใดกับท่าน" โจวหงเจินถามนิ่งๆ

"สินสอดเหล่านั้นย่อมเป็นสมบัติของบิดา" เจ้ากรมคลังตอบอย่างหน้ามิอาย

"ข้าว่าท่านคงไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ท่านอ๋องของเราบอกว่านำสินสอดมามอบให้พระชายาย่อมเป็นของพระชายาและขอขอบคุณท่านที่เลี้ยงดูพระชายามา ท่านย่อมได้รับคำขอบคุณไปแล้ว" รองแม่ทัพพูดจบทำเอาเจ้ากรมคลังหน้าตาเขียวคล้ำด้วยโทสะแต่ยังหวั่นเกรงในอำนาจของกองกำลังพยัคฆ์ดำจึงมิกล้าอาละวาดได้แต่กระทืบเท้าอย่างขัดเคืองแล้วหมุนตัวออกจากเรือนโดยไม่ร่ำลาผู้ใด

"ท่านพ่อแล้วเครื่องประดับของข้าเล่า" ฟ่านปิงปิงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่มารดาของนางยังนับว่ามีปัญญาอยู่บ้างเมื่อเห็นหน้าตาบึ้งตึงของโจวหงเจินพร้อมเสียงขู่คำรามของพยัคฆ์ดำ จึงได้แต่ลากลูกสาวออกจากเรือนไปโดยไม่ทันเห็นสายตาที่มองมาอย่างสมเพชจากทหารคนสนิทของรองแม่ทัพ

" ต้องขออภัยพวกท่านแล้ว ที่ต้องมาเห็นเรื่องไม่งามแบบนี้ข้าละอายยิ่งนัก" เสียงเศร้าของลู่อี่ดังขึ้น

" พวกเขาเป็นแบบนี้เสมอเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินรู้สึกสงสารพระชายายิ่งนัก

"ยิ่งกว่านี้อีกขอรับ ตอนฮูหยินผู้เฒ่ายังมีชีวิตอยู่พวกเขายังเกรงใจบ้าง แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าสิ้นบุญ เขาก็มาขนของในเรือนนี้ไปเครื่องประดับที่เป็นของคุณชายก็ถูกแย่งไปอย่างหน้าด้านๆถ้ามิใช่ฮูหยินผู้เฒ่ายกร้านน้ำชาให้คุณชาย ป่านนี้พวกเราคงไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะใส่"เสี่ยวถงพูดอย่างเจ็บแค้น

"เสี่ยวถง" ฟ่านลู่อี่ดุ

"ขออภัยขอรับคุณชาย ข้าเจ็บแค้นแทนท่านนัก นี่คงหาทางผลักไสไล่ส่งท่านอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สมใจ" เสี่ยวถงค้อนลมไปทางเรือนใหญ่

"พอเถอะ เจ้าไปนำน้ำชาและขนมมาต้อนรับท่านโจวหงเจิน เอ่อไม่ทราบว่าท่านนี้คือ.." ลู่อี่ถามอย่างสุภาพ

"ข้าน้อยชื่อซือเย่าเป็นทหารคนสนิทของท่านรองแม่ทัพขอรับ" คนพูดตะกุกตะกัก

"ยินดีที่ได้รู้จักท่านซือเย่า ข้าช่างเสียมารยาทนัก เชิญท่านมานั่งจิบชาทางนี้เถิดรอเสี่ยวถงนำของว่างมาให้ ลองชิมขนมของแคว้นเสิ่งดูบ้าง" ลู่อี่พูดอย่างนุ่มนวลมิได้ถือตัวแม้แต่น้อย เพิ่มความนิยมในตัวเขามากขึ้นอีกแม้แต่ทหารติดตามที่มีสายตาเย็นชายังอ่อนลงหลายส่วน

"แล้วร้านน้ำชาของท่านจะทำเยี่ยงไร ท่านต้องเดินทางไปแคว้นเจี๋ยผู้ใดจะคอยดูแลกิจการให้ท่าน" ซือเย่าถาม

"ข้ายกร้านให้เถ้าแก่ไปแล้ว เขาดูแลร้านมานาน ส่วนคนงานในร้านข้าก็ให้เป็นส่วนแบ่งจากกำไรในร้าน ข้าคงมิอาจดูแลพวกเขาได้อีกแล้ว" ฟ่านลู่อี่หน้าเศร้า

"แล้วฮูหยินผู้เฒ่าคือใครหรือกระหม่อม"

"ท่านย่าของข้าเอง มารดาข้าเสียไปตั้งแต่เล็ก ท่านย่าเลี้ยงดูข้ามาแต่ท่านก็มาเสียไปเมื่อสามปีก่อน" ฟ่านลู่อี่หน้าหมองเศร้าแต่มีบางคนลอบโล่งใจ

"แล้วหลังจากนั้นว่าที่พระชายาทำอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินถามบ้าง

"ตอนนั้นข้าอายุสิบสามกำลังศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาเพื่อเตรียมสอบจอหงวน ก็ได้ร้านน้ำชาที่ท่านย่ายกให้ทำให้มีเงินทองพอจับจ่าย แต่ข้าก็ไม่สนใจจะไปสอบจอหงวนอีกแล้ว ที่เคยตั้งใจจะสอบเพื่อให้ท่านย่าดีใจเพียงแค่นั้น"

เสี่ยวถงยกขนมหลากชนิดมาวางเรียงกันจนเต็มโต๊ะแทบไม่มีที่วางป้านน้ำชา

"ปกติว่าที่พระชายาเสวยขนมมากเพียงนี้หรือกระหม่อม" ซือเย่ามองร่างอันบอบบางของคนตรงหน้าแล้วไม่อยากเชื่อ

"ไม่หรอก เพียงแต่พวกคนที่ร้านเห็นว่าข้าจะอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายจึงส่งขนมมามากมาย หวังให้ข้าจดจำรสชาตินี้แม้ไปอยู่ต่างแคว้นแล้ว" ลู่อี่คีบขนมส่งให้โจวหงเจินก่อน ซือเย่าทำหน้าเหี้ยมจนคนไม่กล้าหยิบเข้าปาก แต่เมื่อลู่อี่คีบขนมส่งมาให้ก็เปลี่ยนสีหน้าผ่อนคลายได้เร็วนัก

"พยัคฆ์ของท่านรับประทานสิ่งใดข้าจะให้เสี่ยวถงไปนำมาให้"

"อาหลานชอบเนื้อสด ถ้าไม่มีไก่ย่างก็ได้กระหม่อม" ซือเย่าตอบ

"เนื้อสดหรือ ในครัวน่าจะมีนะ อาหลานคงต้องคอยซักหน่อย เสี่ยวถงไปจัดมานะ"

อาหลานเหมือนทราบว่าคนงามพูดถึง สายตาเหลือบมองแต่หางแกว่งอย่างถูกใจ ทำเอาลู่อี่ยิ้มกว้างจนซือเย่ามองอย่างเคลิบเคลิ้ม

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   4

    ลู่อี่บังคับให้เสี่ยวถงนั่งลงร่วมรับประทานน้ำชาด้วย ทั้ง 4 คนคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนเย็น ส่วนพยัคฆ์ดำได้เนื้อสดก้อนใหญ่ที่เสี่ยวถงไปนำมาให้นอนพุงป่องอยู่ด้านข้าง"นี่ก็ใกล้เวลาเริ่มงานเลี้ยงแล้วพระชายามิต้องไปเตรียมตัวก่อนหรือกระหม่อม" โจวหงเจินรู้สึกตัวก่อนว่าใกล้ถึงเวลางานเลี้ยง"ข้าไม่อยากไป" ฟ่านลู่อี่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด"งั้นก็ไม่ต้องไป เรากลับแคว้นเจี๋ยกันเลยเถอะ" ซือเย่ามองฟ่านลู่อี่"นั่นอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้ งานเลี้ยงนั่นพวกเขาจัดกันก็ให้เขาสนุกกันเองก็แล้วกัน" ฟ่านลู่อี่ยิ้มออกมาได้"ให้ข้าไปช่วยพระชายาขนสัมภาระเถิดกระหม่อม" ซือเย่าออกปาก"รบกวนท่านแล้ว" ฟ่านลู่อี่พยักหน้า"ข้าจะไปช่วยเสี่ยวถง" โจวหงเจินแยกไปกับเสี่ยวถง ปล่อยให้ซือเย่าตามลู่อี่ไปลู่อี่กวาดตามองรอบๆห้องนอน เขาผ่านอะไรมามากเหลือเกินจนรู้สึกว่าตัวเองแก่ชรากว่าอายุจริง ถึงแม้ไม่มีเรื่องดีๆให้จดจำมากนักแต่พอจะไปจริงๆก็อดอาลัยมิได้ซือเย่ากวาดตามองไปรอบๆ ทั้งที่เห็นห้องนี้แล้วเมื่อครั้งที่ลอบเข้ามา แต่เมื่อดูอย่างเปิดเผยอีกครั้งก็พบว่าห้องนี้แทบไม่มีอะไรเลย"เราไปกันเถอะ" เสียงลู่อี่ปลุกซือเย่าจากภวังค์ เขาถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   5

    "เหตุใดพระชายาจึงมิต่อต้าน ทั้งที่รู้ว่าต้องไปแต่งงานต่างแคว้นแถมยังแต่งงานกับบุรุษ" ซือเย่าถามคนงามหลังรับประทานอาหารเสร็จ"ต่อต้านแล้วอย่างไรไม่ต่อต้านแล้วอย่างไร ฮ่องเต้มีพระราชโองการมาเยี่ยงนั้นข้าต่อต้านได้หรือ เมื่อทำสิ่งใดมิได้ก็ย่อมต้องทำใจ หากข้าหักใจหนีไปอาจโดนประหารทั้งตระกูลบ่าวไพร่ที่ไม่มีความผิดจะเดือดร้อนไปด้วย ข้าฟังข่าวลือเรื่องท่านอ๋องพยัคฆ์จากนักเดินทางที่แวะมาที่ร้านน้ำชาของข้ามามากมาย แต่ข้ายังไม่เคยได้ยินว่าท่านอ๋องเป็นผู้นิยมบุรุษ ข้าจึงคิดว่าถึงแต่งไปก็คงไม่เป็นไรต่างคนต่างอยู่ก็คงได้กระมัง" คนงามพูดด้วยความไม่แน่ใจในตอนท้ายซือเย่าแอบยกนิ้วให้ในใจ พระชายาช่างมีความคิดอ่านเยือกเย็นนัก แต่มีเรื่องจริงเพียงแค่ส่วนเดียวว่าท่านอ๋องไม่เคยนิยมบุรุษแต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่นิยมบุรุษอาหลานเดินออกมาจากเงามืด ปากคาบกระต่ายป่าสีขาวมาตัวหนึ่ง มันวางกระต่ายลงหน้าลู่อี่"ให้ข้าหรือขอบใจเจ้ามากนะ" ฟ่านลู่อี่ตบหัวมันเบาๆ ในรถม้าเกิดเหตุใดขึ้นกันแน่ ปกติอาหลานที่แสนเย่อหยิ่งมิยอมให้ผู้ใดลูบศีรษะนอกจากท่านอ๋องลู่อี่หยิบกระต่ายโชคร้ายขึ้นมาดู มันนอนนิ่งเหมือนตายแล้วดูจากภา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   6

    ซือเย่านำลู่อี่มาถึงจวนเจ้าเมือง เป็นหมู่ตึกที่ดูโออ่ามิใช่น้อย"คืนนี้เราจะพักกันที่นี่พ่ะย่ะค่ะ"ลู่อี่มองชายวัยกลางคนร่างท้วมที่ยืนหัวแถวรวมกับผู้คนรออยู่หน้าจวนอย่างกระวนกระวายใจ พอเขาเห็นลู่อี่ก็ทำความเคารพและแนะนำตัวอย่างนอบน้อม"เชิญองค์ชายด้านในพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเจ้าเมืองกังได้เตรียมที่พักและงานเลี้ยงพร้อมทั้งอาหารรสเลิศไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ""ต้องลำบากท่านแล้ว รบกวนส่งอาหารมาที่เรือนพักของข้าด้วย ข้าเหนื่อยต้องการพักผ่อน และรบกวนท่านจัดหาสุราอาหารให้ทหารของข้าด้วย" ลู่อี่กล่าวแล้วเดินตามซือเย่าไปอย่างไม่แยแสงานเลี้ยงที่เจ้าเมืองเตรียมไว้ บรรดาสาวงามที่แต่งตัวมารอต้อนรับหน้าบึ้งไปตามๆกัน เพราะนางหวังจะแสดงความงดงามโดดเด่นจับใจชายหนุ่มที่มาร่วมงานเลี้ยงแต่งานกลับถูกยกเลิก แถมเมื่อองค์ชายผู้งดงามมาถึงยังมีสายตาผู้ใดเหลือมาเหลือบแลพวกนางเล่า"ขอบคุณท่าน เชิญท่านไปพักผ่อนเถิด" ลู่อี่ออกปาก ซือเย่าจึงจำต้องถอยออกมา สวนกับบ่าวที่ยกอ่างน้ำเข้าไปในห้อง เขารอจนบ่าวออกมาให้แน่ใจว่ามีเพียงเสี่ยวถงคอยปรนนิบัติลู่อี่จึงวางใจได้ แต่ก็ยังมีองครักษ์เงาถึงสี่คนคอยอารักขา ส่วนอาหลานเข้าห้องไปรอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   7

    ฟ่านลู่อี่เรียกโจวหงเจินมาถามถึงเส้นทางข้างหน้าได้ความว่าจากนี้จะเร่งเดินทาง โดยปกติแล้วระยะทางระหว่างเมืองหลวงของแคว้นเสิ่งไปถึงชายแดนแคว้นเจี๋ยต้องใช้เวลาเดินทางถึง 1 เดือน แต่ขบวนของพวกเขาจะเดินทางออกจากทางหลวงเป็นบางช่วงเพื่อตัดตรงทะลุป่าเขาบ้างจะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น ทำให้จากนี้ไปอาจจะต้องนอนกลางป่ากันบ้างเป็นบางคืน"ท่านอ๋องอยากให้พระชายาเดินทางถึงแคว้นเจี๋ยให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" ซือเย่าบอก "เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ" ฟ่านลู่อี่ถาม"ฤดูเหมันต์ของแคว้นเจี๋ยจะมาถึงก่อนแคว้นเสิ่งหนึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะและกินระยะเวลายาวนานถึงหกเดือน โหรหลวงทำนายว่าปีนี้จะหนาวรุนแรงที่สุดในรอบยี่สิบปีและอาจยาวนานถึงแปดเดือน ท่านอ๋องเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาจึงอยากให้เร่งเดินทาง" ซือเย่าลอบร้องย่ำแย่ในใจ พระชายาเอ่ยปากก็ถามได้ตรงจุด แคว้นเสิ่งช่างโง่จริงๆที่ปล่อยเพชรเม็ดนี้มาให้แคว้นเจี๋ย"งั้นหรือ แต่อย่าได้หักโหมจนเกินไปทุกคนย่อมมีครอบครัวรออยู่" ฟ่านลู่อี่บอก เขาไม่ใส่ใจว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าใดทั้งสี่คนรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันบนรถม้าจากนั้นโจวหงเจินและซือเย่าก็ออกไปขี่ม้านำขบวนเหมือนเดิมยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   8

    ฟ่านลู่อี่หมดอารมณ์จะชมเมืองเขานั่งนิ่งอยู่บนรถม้าโดยไม่เอ่ยคำใดแม้แต่เสี่ยวถงยังมิกล้าเปิดปาก อาหลานพยายามเอาหัวมาดุนมือคนงามแบบที่เคยใช้ได้ผลแต่ยังไม่ได้รับความสนใจจากฟ่านลู่อี่ รถม้าหยุดยั้งลงประตูถูกเปิดออกโดยอ๋องพยัคฆ์ ฟ่านลู่อี่มีสีหน้าเรียบเฉย ก้าวลงมาจากรถม้าโดยไม่รับมือของท่านอ๋องที่ส่งมาให้ "คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา" ทหารและชาวเมืองที่ออกมาต้อนรับส่งเสียงดังกระหึ่มพร้อมกันทุกคนทราบข่าวตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนว่าท่านอ๋องได้รับองค์ชายสันติสุขเป็นพระชายาเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีและสงบศึกเหล่าชาวเมืองที่เผชิญสงครามมาหลายปีย่อมยินดียิ่งถึงแม้ทางแคว้นเสิ่งจะแพ้สงครามแต่นอกจากส่งทหารมาควบคุมความเรียบร้อยแล้วก็มิได้มีการทารุณชาวเมืองแต่อย่างใดคนจึงไม่ต่อต้านมากนักแถมทหารที่มาส่งข่าวเฝ้าโม้ถึงความงามของพระชายาฟ่านลู่อี่จนเลิศเลอจึงมีคนมารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ฟ่านลู่อี่คลี่ยิ้มไปรอบๆ ผงกศีรษะเป็นเชิงทักทายทำเอาหลายคนตะลึง บ้างถูกความงามมอมเมาจนเผลอจส่งสายตาเคลิ้มฝันมาให้ "เชิญท่านอ๋องกับพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" จ้าวอี้หานรีบเชิญเสด็จก่อนที่จะมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นเมื่อดูจา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   9

    ฟ่านลู่อี่ตื่นมาก็ไม่เห็นอาหลานแล้ว นอกจากที่นอนที่ยังอุ่นอยู่บ่งบอกว่ามันนอนกับเขาตลอดคืน หารู้ไม่ว่าเมื่อคืนมีเหตุใดเกิดขึ้นบ้างเมื่อคืน"จับมุสิกได้กี่ตัว" อ๋องพยัคฆ์เดินช้าๆมาดูคนชุดดำที่ถูกจับมัดดังสุกรกลิ้งอยู่ที่พื้น"ห้าพ่ะย่ะค่ะ ช่างมีขวัญเทียมฟ้ากล้าบุกจวนทั้งที่รู้ว่าอยู่ในความดูแลของเรา" จ้าวอี้หานเตะนักฆ่าผู้หนึ่งกระเด็นไปอัดต้นไม้แน่นิ่ง เพราะเห็นมันทำท่าจะสลัดอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในรองเท้า"เจ้าจงรีดความจริงว่าใครส่งมันมา ข้าคาดว่าพวกมันคงมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่พระชายาเจ้าจงวางกำลังให้รัดกุม" อ๋องพยัคฆ์สั่งแล้วหมุนกายกลับไปหาลู่อี่ไปถึงก็เขี่ยอาหลานลงจากเตียง มันส่งเสียงหงุดหงิดแต่ยอมกระโดดลงจากเตียงไปนอนที่พรมกลางห้องฟ่านลู่อี่ขดกายเข้าหากันเพราะเริ่มหนาว อ๋องพยัคฆ์รีบเข้าไปนอนแทนที่อาหลานกอดคนงามเข้ามาในวงแขน เมื่อความอบอุ่นกลับมาลู่อี่ก็ขยับกายหาที่เหมาะๆ แล้วหลับอย่างสบายอารมณ์ ใบหน้างดงามยิ้มน้อยๆ"ข้าจะทนจนถึงพิธีสยุมพรไม่ไหวถ้าเจ้ายั่วกันแบบนี้" คนจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาเนิ่นนานก่อนจะหลับตามไปอ๋องพยัคฆ์ตื่นก่อนฟ่านลู่อี่แล้วออกไปฝึกซ้อมตอนเช้า เขารู้ดีว่าถ้าคนงามตื่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   10

    ลู่อี่ทราบว่าท่านอ๋องทิ้งอาหลานไว้เฝ้าเชลยศึกเพราะมีข่าวว่าจะมีการชิงตัวนักโทษจึงทิ้งเจ้าพยัคฆ์ดำไว้ที่ค่าย โดยที่คนงามไม่ทราบความจริงว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของท่านอ๋องที่จะกีดกันเจ้าพยัคฆ์ดำออกจากตนเอง"ข้าขอไปเยี่ยมนักโทษเหล่านั้นได้หรือไม่" คนงามออกปากเผลอใช้แววตาออดอ้อนจนท่านอ๋องใจอ่อน"ก็ได้ แต่หงเจินต้องไปกับเจ้าด้วยห้ามอยู่ห่างจากเขา ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า ห้ามฯลฯ" อ๋องพยัคฆ์สั่งห้ามยาวเหยียดเหมือนฟ่านลู่อี่เป็นเด็กไม่ถึงสิบหนาวกว่าจะสั่งจบก็ผ่านไปสองเค่อ หลังจากส่งท่านอ๋องล่วงหน้าไปที่ค่ายทหารแล้ว คนงามก็รีบไปสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารจำนวนมากสำหรับไปให้เชลยสงคราม เน้นอาหารที่รับประทานง่ายเช่นซาลาเปาหลากไส้ พร้อมผลไม้ที่พอหาได้ ตัวเขาทำขนมโก๋กลิ่นดอกโมลี่พอเสร็จก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปรอโจวหงเจินที่หน้าจวน โดยมีเสี่ยวถงและบ่าวถืออาหารทั้งหมดเดินตัวเอียงตามมารองแม่ทัพรีบเข้าไปรับตะกร้าอาหารมาถือ พร้อมส่งสองนายบ่าวขึ้นรถม้าตัวเองขึ้นม้าขี่ตีคู่ไปเดินทางเพียงสามเค่อก็ถึงประตูค่าย"เชิญพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินเดินนำสองนายบ่าวไปส่วนลึกของค่าย มีโรงเรือนปลูกสร้างอย่างหยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   11

    อ๋องพยัคฆ์เรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมรอบสุดท้าย ทุกอย่างจะต้องรัดกุมมากที่สุด เพราะเขาเคลื่อนกำลังเกินครึ่งกลับแคว้นเจี๋ย ทิ้งให้กองทัพอินทรีของแม่ทัพติงดูแลรักษาเมือง ซึ่งจะต้องรีดเสบียงจากแคว้นเสิ่งให้มาก เนื่องจากใกล้เข้าฤดูเหมันต์แล้ว หลังเลิกประชุมเขายังคงนั่งจัดการเอกสารต่างๆ ใจย้อนคิดไปถึงสมัยที่เป็นองค์ชายแปด ก่อนที่จะได้นามอ๋องพยัคฆ์มา ชื่อเสียงโหดเหี้ยมยาวนานจนผู้คนพากันลืมชื่อจริงไปหมดสิ้น มารดาของเขาเป็นสนมของฮ่องเต้ในรัชกาลก่อน นางเป็นน้องสาวของฮองเฮา เขาและองค์ชายรองโอรสของฮองเฮาจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันและยังมีองค์ชายห้าอีกผู้หนึ่งที่เสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก มารดาของเขาจึงรับมาเลี้ยงดูคู่กับเขาเพราะอายุไล่เลี่ยกัน พระบิดานิยมสะสมหญิงงามไว้ในวังหลังเหมือนท่านปู่ทำให้มีโอรสธิดามากมาย ระดับอ๋องที่เป็นพี่น้องกับพระบิดาก็มีหลายคนทำให้เกิดหลายขั้วอำนาจในวังหลวง เมื่ออายุได้สิบเอ็ดปีพระบิดาล้มป่วยลงโดยที่หมอหลวงหาสาเหตุไม่ได้ พระองค์อ่อนแอลงจึงมีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทซึ่งตกเป็นขององค์ชายรองที่ตอนนั้นอายุสิบเจ็ดปีตามคาด เนื่องจากโอรสองค์แรกเป็นบุตรที่กำเนิดจากนางกำนัลต่อใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09

บทล่าสุด

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   15

    ขบวนของอ๋องพยัคฆ์เร่งเดินทาง โชคดีที่ตอนนี้เดินทางเข้ามาเกินกึ่งกลางของแคว้นเจี๋ยแล้ว ทำให้มีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ทั่วไป แต่ยังต้องแข่งกับเวลาอยู่ดี วันหนึ่งพยายามเดินทางให้ไกลที่สุดเท่าที่กำลังของม้าจะไปได้ อ๋องพยัคฆ์ถึงกับให้เปลี่ยนม้าในบางเมืองที่มีค่ายทหาร โดยฝากม้าศึกไว้ให้กลับกับขบวนกองทัพที่จะตามมา ผ่านมาสามวันพวกเขาก็เข้าใกล้เมืองหลวงแล้ว และควรจะถึงเมืองหลวงก่อนค่ำวันรุ่งขึ้น ด้วยปราณของอ๋องพยัคฆ์ที่ถ่ายทอดสู่ฟ่านลู่อี่ทุกวันไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ พระชายานอนนานขึ้นทุกที อ๋องพยัคฆ์ถึงกับตื่นมาตรวจดูอาการของของเขาทุกครึ่งชั่วยาม จนตนเองตาแดงก่ำใบหน้าซูบตอบ "เทียนเฉิน นี่มิใช่ความผิดของท่าน อย่าได้ทรมานตัวเองเช่นนี้" ฟ่านลู่อี่นอนอยู่ในวงแขนของท่านอ๋อง มือที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงสัมผัสใบหน้าของเขา ไม่กล้าบอกว่าตอนนี้มองอะไรแทบไม่เห็น กลัวเหลือเกินที่จะไม่ได้อยู่กับคนตรงหน้าอีก "ข้ามิได้ทรมานเลยสักนิด เจ้าอดทนอีกคืนเดียว พรุ่งนี้เราจะถึงวังหลวงแล้ว เจ้าจะหายดีแล้วเราจะเข้าพิธีสยุมพรกัน" น้ำตาลูกผู้ชายหล่นโดนแก้มไร้สีเลือดของฟ่านลู่อี่ "ท่านเปิดลิ้นชักล่างให้ข้าหน่อย" ฟ่านลู่

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   14

    "ทำไมข้าจึงต้องรีบกลับวัง" อ๋องพยัคฆ์ถามเสียงเยือกเย็น เป็นที่รู้กันว่าถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจหมอผู้นี้คงถูกหามออกไปแบบไร้ลมหายใจเป็นแน่ "เนื่องจากพิษนิทราเหมันต์เป็นพิษเย็น ท่านต้องอาศัยตัวยาร้อนผนวกกับความร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนพ่ะย่ะค่ะ" "บ่อน้ำพุร้อนที่อื่นใช้ไม่ได้หรือ" โจวหงเจินแย่งถาม "บ่อที่ร้อนมากหน่อยย่อมใช้ได้ แต่ส่วนผสมของยาแก้จำเป็นต้องใช้ผลมังกรอัคคีพ่ะย่ะค่ะ" คนจากแคว้นเจี๋ยได้ฟังก็ถอนหายใจ แต่ชาวแคว้นเสิ่งย่อมไม่รู้จักผลมังกรอัคคี ฟ่านลู่อี่มองท่านอ๋องเป็นเชิงถาม "ผลมังกรอัคคีขึ้นอยู่ในน้ำพุร้อนลำธารเดือดอยู่ในวังหลวง นับว่าเป็นของหาไม่ได้ง่ายแต่ไม่ยากสำหรับข้า วางใจเถอะ" อ๋องพยัคฆ์จูบหน้าผากมนเนิ่นนานแล้วประคองฟ่านลู่อี่ขึ้นไปพักบนรถม้า ห่มผ้าให้จนคนงามกลายเป็นขนมจ้างลูกใหญ่แล้ว จึงวางใจปล่อยให้พักออกมาหารือกับคนอื่นๆ "เจ้าเขียนจดหมายบอกอาการของลู่อี่ให้อี้หานส่งนกพิราบไปยังวังหลวง ให้เขาปรุงยาไว้รอ ข้าจะพาลู่อี่กลับไปให้เร็วที่สุด" อ๋องพยัคฆ์สั่ง จ้าวอี้หานรับคำแล้วพาหมอแยกไป "ลู่อี่ต้องโดนพิษก่อนที่ข้าจะไปรับมา เสี่ยวถงเจ้าสงสัยใครหรือไม่" "อาหารของคุณชายถูกส่งม

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   13

    พวกเขาเดินทางมาสิบวันได้ครึ่งทางไปเมืองหลวงของแคว้นเจี๋ยแล้ว ยิ่งเดินทางลึกเข้าไปอากาศก็เริ่มหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางมีกลุ่มนักฆ่าไม่กลัวตายบุกมาพยายามเอาชีวิตฟ่านลู่อี่อยู่ตลอดจนเจ้าตัวเห็นเป็นเรื่องตลกไปแล้ว "ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ข้ามียังไม่พอจ่ายให้บรรดานักฆ่าเลย ถ้าเขาเอาเงินมาให้ข้าเสียก็หมดเรื่อง" เรื่องคงจบแค่นี้ถ้าไม่ใช่ท่านอ๋องได้ยินเข้าฟ่านลู่อี่จึงถูกทำโทษจนปากบวมเจ่อ ซินเกาเล่อจึงตัดสินใจให้ฟ่านลู่อี่ฝึกการต่อสู้เผื่อยามจวนตัวจะได้เอาตัวรอดได้ ท่านอ๋องแม้เป็นห่วงแต่จำต้องยอมจำนนกับเหตุผลจึงได้แต่ไปยืนตีหน้าเหี้ยมยามฟ่านลู่อี่ซ้อม ผู้ใดจึงอยากให้มือน้อยนั้นมีรอยช้ำกันเล่า "บิดาเจ้าสอนได้อะไรบ้างหรือไม่ ไยเจ้าจึงปวกเปียกเช่นนี้" ซินเกาเล่อกอดอกถาม ฟ่านลู่อี่ที่ใช้กระบี่ไม้ฟาดลมอยู่ยิ้มแหย "ท่านก็ทราบว่าตระกูลข้าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ท่านพ่อไม่เห็นความสำคัญของการต่อสู้" "ข้าจะฝึกเจ้าจนสังหารอ๋องพยัคฆ์ได้เลย" ซินเกาเล่อประชด "ถ้าข้าสามารถตายคาอกลู่อี่ได้ข้าย่อมยินดี" อ๋องพยัคฆ์พูดหน้าตายแต่คนถูกเอ่ยถึงหน้าแดงก่ำฟาดลมผิดๆ ถูกๆ อ๋องพยัคฆ์คนโหดหายไปไหนแค่ไม่กี่วันเป

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   12

    ฟ่านลู่อี่เดินหน้านิ่งมาขึ้นรถม้า เมื่อคืนนอนเขาไม่สบายตัวอย่างยิ่งด้วยถูกเจ้าแมวหื่นกอดรัดไว้ทั้งคืนจะพลิกตัวก็ไม่ได้ทำเอาหงุดหงิด ส่วนตัวต้นเหตุหาได้รู้สึกไม่ร่าเริงออกไปตรวจกองทัพตั้งแต่เช้ามืด พอกลับมาก็อ้อนให้หวีผมให้บ้างละ คีบอาหารให้บ้างละ เขายอมรับว่ารู้สึกดีอยู่บ้างแต่ตนต้องการนอน หวังว่าเมื่อออกเดินทางแล้วเขาจะได้ใช้เวลาสงบๆ อยู่บนรถม้าเสียที จื่อเฉิงถูกปล่อยออกมาจากคุกแล้ว เนื่องจากแม่ทัพติงต้องการคนช่วยดูแลเมืองจึงได้มายืนเข้าแถวรอส่งฟ่านลู่อี่ ส่วนอดีตแม่ทัพซินและลูกน้องทั้งสี่คนถูกมอบหมายให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของฟ่านลู่อี่ นับว่าอ๋องพยัคฆ์ใจกว้างมิใช่น้อย ทั้งสี่คนได้ม้าคนละตัวพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าของแคว้นเจี๋ยแต่มิใช่เครื่องแบบทหาร ทั้งหมดพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งโจวหงเจินก็มาเชิญฟ่านลู่อี่ไปขึ้นรถม้าบอกว่าได้เวลาออกเดินทางแล้ว พวกเขาจึงร่ำลาจื่อเฉิง อาหลานโดดขึ้นยืนบนหลังคารถม้า องครักษ์ทั้งสี่ขึ้นม้าแยกประกบรถม้าของฟ่านลู่อี่จากนั้นโจวหงเจินก็ให้สัญญาณออกเดินทาง อ๋องพยัคฆ์ก็ได้ตรึกตรองไว้แล้วว่าต้องให้รองแม่ทัพทั้งสองดูแลกองทัพ การได้อดีตแม่ทัพซินและพวกมาคอยดูแลพระชา

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   11

    อ๋องพยัคฆ์เรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมรอบสุดท้าย ทุกอย่างจะต้องรัดกุมมากที่สุด เพราะเขาเคลื่อนกำลังเกินครึ่งกลับแคว้นเจี๋ย ทิ้งให้กองทัพอินทรีของแม่ทัพติงดูแลรักษาเมือง ซึ่งจะต้องรีดเสบียงจากแคว้นเสิ่งให้มาก เนื่องจากใกล้เข้าฤดูเหมันต์แล้ว หลังเลิกประชุมเขายังคงนั่งจัดการเอกสารต่างๆ ใจย้อนคิดไปถึงสมัยที่เป็นองค์ชายแปด ก่อนที่จะได้นามอ๋องพยัคฆ์มา ชื่อเสียงโหดเหี้ยมยาวนานจนผู้คนพากันลืมชื่อจริงไปหมดสิ้น มารดาของเขาเป็นสนมของฮ่องเต้ในรัชกาลก่อน นางเป็นน้องสาวของฮองเฮา เขาและองค์ชายรองโอรสของฮองเฮาจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันและยังมีองค์ชายห้าอีกผู้หนึ่งที่เสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก มารดาของเขาจึงรับมาเลี้ยงดูคู่กับเขาเพราะอายุไล่เลี่ยกัน พระบิดานิยมสะสมหญิงงามไว้ในวังหลังเหมือนท่านปู่ทำให้มีโอรสธิดามากมาย ระดับอ๋องที่เป็นพี่น้องกับพระบิดาก็มีหลายคนทำให้เกิดหลายขั้วอำนาจในวังหลวง เมื่ออายุได้สิบเอ็ดปีพระบิดาล้มป่วยลงโดยที่หมอหลวงหาสาเหตุไม่ได้ พระองค์อ่อนแอลงจึงมีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทซึ่งตกเป็นขององค์ชายรองที่ตอนนั้นอายุสิบเจ็ดปีตามคาด เนื่องจากโอรสองค์แรกเป็นบุตรที่กำเนิดจากนางกำนัลต่อใ

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   10

    ลู่อี่ทราบว่าท่านอ๋องทิ้งอาหลานไว้เฝ้าเชลยศึกเพราะมีข่าวว่าจะมีการชิงตัวนักโทษจึงทิ้งเจ้าพยัคฆ์ดำไว้ที่ค่าย โดยที่คนงามไม่ทราบความจริงว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของท่านอ๋องที่จะกีดกันเจ้าพยัคฆ์ดำออกจากตนเอง"ข้าขอไปเยี่ยมนักโทษเหล่านั้นได้หรือไม่" คนงามออกปากเผลอใช้แววตาออดอ้อนจนท่านอ๋องใจอ่อน"ก็ได้ แต่หงเจินต้องไปกับเจ้าด้วยห้ามอยู่ห่างจากเขา ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า ห้ามฯลฯ" อ๋องพยัคฆ์สั่งห้ามยาวเหยียดเหมือนฟ่านลู่อี่เป็นเด็กไม่ถึงสิบหนาวกว่าจะสั่งจบก็ผ่านไปสองเค่อ หลังจากส่งท่านอ๋องล่วงหน้าไปที่ค่ายทหารแล้ว คนงามก็รีบไปสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารจำนวนมากสำหรับไปให้เชลยสงคราม เน้นอาหารที่รับประทานง่ายเช่นซาลาเปาหลากไส้ พร้อมผลไม้ที่พอหาได้ ตัวเขาทำขนมโก๋กลิ่นดอกโมลี่พอเสร็จก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปรอโจวหงเจินที่หน้าจวน โดยมีเสี่ยวถงและบ่าวถืออาหารทั้งหมดเดินตัวเอียงตามมารองแม่ทัพรีบเข้าไปรับตะกร้าอาหารมาถือ พร้อมส่งสองนายบ่าวขึ้นรถม้าตัวเองขึ้นม้าขี่ตีคู่ไปเดินทางเพียงสามเค่อก็ถึงประตูค่าย"เชิญพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินเดินนำสองนายบ่าวไปส่วนลึกของค่าย มีโรงเรือนปลูกสร้างอย่างหยา

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   9

    ฟ่านลู่อี่ตื่นมาก็ไม่เห็นอาหลานแล้ว นอกจากที่นอนที่ยังอุ่นอยู่บ่งบอกว่ามันนอนกับเขาตลอดคืน หารู้ไม่ว่าเมื่อคืนมีเหตุใดเกิดขึ้นบ้างเมื่อคืน"จับมุสิกได้กี่ตัว" อ๋องพยัคฆ์เดินช้าๆมาดูคนชุดดำที่ถูกจับมัดดังสุกรกลิ้งอยู่ที่พื้น"ห้าพ่ะย่ะค่ะ ช่างมีขวัญเทียมฟ้ากล้าบุกจวนทั้งที่รู้ว่าอยู่ในความดูแลของเรา" จ้าวอี้หานเตะนักฆ่าผู้หนึ่งกระเด็นไปอัดต้นไม้แน่นิ่ง เพราะเห็นมันทำท่าจะสลัดอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในรองเท้า"เจ้าจงรีดความจริงว่าใครส่งมันมา ข้าคาดว่าพวกมันคงมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่พระชายาเจ้าจงวางกำลังให้รัดกุม" อ๋องพยัคฆ์สั่งแล้วหมุนกายกลับไปหาลู่อี่ไปถึงก็เขี่ยอาหลานลงจากเตียง มันส่งเสียงหงุดหงิดแต่ยอมกระโดดลงจากเตียงไปนอนที่พรมกลางห้องฟ่านลู่อี่ขดกายเข้าหากันเพราะเริ่มหนาว อ๋องพยัคฆ์รีบเข้าไปนอนแทนที่อาหลานกอดคนงามเข้ามาในวงแขน เมื่อความอบอุ่นกลับมาลู่อี่ก็ขยับกายหาที่เหมาะๆ แล้วหลับอย่างสบายอารมณ์ ใบหน้างดงามยิ้มน้อยๆ"ข้าจะทนจนถึงพิธีสยุมพรไม่ไหวถ้าเจ้ายั่วกันแบบนี้" คนจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาเนิ่นนานก่อนจะหลับตามไปอ๋องพยัคฆ์ตื่นก่อนฟ่านลู่อี่แล้วออกไปฝึกซ้อมตอนเช้า เขารู้ดีว่าถ้าคนงามตื่น

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   8

    ฟ่านลู่อี่หมดอารมณ์จะชมเมืองเขานั่งนิ่งอยู่บนรถม้าโดยไม่เอ่ยคำใดแม้แต่เสี่ยวถงยังมิกล้าเปิดปาก อาหลานพยายามเอาหัวมาดุนมือคนงามแบบที่เคยใช้ได้ผลแต่ยังไม่ได้รับความสนใจจากฟ่านลู่อี่ รถม้าหยุดยั้งลงประตูถูกเปิดออกโดยอ๋องพยัคฆ์ ฟ่านลู่อี่มีสีหน้าเรียบเฉย ก้าวลงมาจากรถม้าโดยไม่รับมือของท่านอ๋องที่ส่งมาให้ "คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา" ทหารและชาวเมืองที่ออกมาต้อนรับส่งเสียงดังกระหึ่มพร้อมกันทุกคนทราบข่าวตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนว่าท่านอ๋องได้รับองค์ชายสันติสุขเป็นพระชายาเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีและสงบศึกเหล่าชาวเมืองที่เผชิญสงครามมาหลายปีย่อมยินดียิ่งถึงแม้ทางแคว้นเสิ่งจะแพ้สงครามแต่นอกจากส่งทหารมาควบคุมความเรียบร้อยแล้วก็มิได้มีการทารุณชาวเมืองแต่อย่างใดคนจึงไม่ต่อต้านมากนักแถมทหารที่มาส่งข่าวเฝ้าโม้ถึงความงามของพระชายาฟ่านลู่อี่จนเลิศเลอจึงมีคนมารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ฟ่านลู่อี่คลี่ยิ้มไปรอบๆ ผงกศีรษะเป็นเชิงทักทายทำเอาหลายคนตะลึง บ้างถูกความงามมอมเมาจนเผลอจส่งสายตาเคลิ้มฝันมาให้ "เชิญท่านอ๋องกับพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" จ้าวอี้หานรีบเชิญเสด็จก่อนที่จะมีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นเมื่อดูจา

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   7

    ฟ่านลู่อี่เรียกโจวหงเจินมาถามถึงเส้นทางข้างหน้าได้ความว่าจากนี้จะเร่งเดินทาง โดยปกติแล้วระยะทางระหว่างเมืองหลวงของแคว้นเสิ่งไปถึงชายแดนแคว้นเจี๋ยต้องใช้เวลาเดินทางถึง 1 เดือน แต่ขบวนของพวกเขาจะเดินทางออกจากทางหลวงเป็นบางช่วงเพื่อตัดตรงทะลุป่าเขาบ้างจะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น ทำให้จากนี้ไปอาจจะต้องนอนกลางป่ากันบ้างเป็นบางคืน"ท่านอ๋องอยากให้พระชายาเดินทางถึงแคว้นเจี๋ยให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" ซือเย่าบอก "เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ" ฟ่านลู่อี่ถาม"ฤดูเหมันต์ของแคว้นเจี๋ยจะมาถึงก่อนแคว้นเสิ่งหนึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะและกินระยะเวลายาวนานถึงหกเดือน โหรหลวงทำนายว่าปีนี้จะหนาวรุนแรงที่สุดในรอบยี่สิบปีและอาจยาวนานถึงแปดเดือน ท่านอ๋องเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาจึงอยากให้เร่งเดินทาง" ซือเย่าลอบร้องย่ำแย่ในใจ พระชายาเอ่ยปากก็ถามได้ตรงจุด แคว้นเสิ่งช่างโง่จริงๆที่ปล่อยเพชรเม็ดนี้มาให้แคว้นเจี๋ย"งั้นหรือ แต่อย่าได้หักโหมจนเกินไปทุกคนย่อมมีครอบครัวรออยู่" ฟ่านลู่อี่บอก เขาไม่ใส่ใจว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าใดทั้งสี่คนรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันบนรถม้าจากนั้นโจวหงเจินและซือเย่าก็ออกไปขี่ม้านำขบวนเหมือนเดิมยา

DMCA.com Protection Status