‘พี่ราม’ ของคุณป้าฉัตรดูหล่อ และเด็กกว่าในรูปที่เคยเห็นอยู่มากนัก แม้เขาจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอได้รับรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่กับท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน... ‘หนูอ้อนไม่ต้องตกใจนะลูก ถ้าพี่เขาจะเย็นชาไปสักนิด ตารามก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กับป้าเองเขาทำแบบนี้เหมือนกัน’ ขนาดกับแม่แท้ๆ ยังเย็นชาใส่ ก็ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะทำแบบนั้นกับเธอ หรือคนอื่นๆ
“มาถึงแล้วก็รีบขึ้นรถ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาทำเรื่องไร้สาระทั้งวัน!” ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเข้มจัดก็เอ่ยขึ้นเหมือนคล้ายว่าจะตำหนิที่เธอยังไม่ยอมพาตัวเองขึ้นมาบนรถเสียที
การทำอะไรช้าๆ ของเธอ ทำให้เขาเสียเวลาที่มีค่าไปสินะ!
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นเพียงสั้นๆ ก่อนจะรีบพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถข้างคนหน้าดุ พยายามเบียดตัวเข้าหาประตูรถให้ได้มากที่สุด ทว่าท่าทีนั้นยิ่งกลับทำให้คนเห็นถึงกลับหน้าตึง!
กลัวเขา...แต่ไม่ยักกลัวไอ้บุญส่ง!
ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้...
ปกติแล้วผู้หญิงมักจะชอบเข้าหาเขาด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่อย่าง ไม่ให้ท่า ก็อยากลองของ แต่กับคนตรงหน้ากลับแปลกออกไป หล่อนดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ จะเป็นเพราะมารยาหรืออะไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่รู้คือเขาไม่พอใจที่เห็น!
“จะขยับหนีไปไหนนักหนา นั่งดีๆ ไม่เป็นรึไง!”
เป็นเขาที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอีกครั้ง ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้คนขี้วิตก แต่วินาทีต่อมาก็ต้องชะงักเมื่อพบเข้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากช่อผมสวย ซึ่งแม้จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ถึงความผิดปกตินี้ของตัวเอง
ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้นที่หอม
ผู้หญิงคนนี้หอมไปทั้งตัว! กลิ่นเธอเหมือนเด็กทารกที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ซึ่งมันแปลกจากผู้หญิงทั่วไปที่ชอบฉีดน้ำหอมจนหอมฟุ่งไปทั่วทั้งตัว ถ้าถามซึ่งไม่มีใครถาม เขาชอบกลิ่นแบบนี้มากกว่า
“ขอโทษค่ะ...คุณราม”
แก้วเจ้าจอมกล่าวขอโทษออกไปอีกครั้ง ก่อนจะพยายามนั่งนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหนอีก ราวกลัวคนข้างกายจะรู้สึกรำคาญไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้จะไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเอง ‘เผลอ’ ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่กล้าพอจะเอ่ยปากถาม พยายามสงบปากสงบคำจนกระทั่งรถคันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากท่ารถ
ส่วนจุดหมายของมันจะเป็นที่ไหนนั้น
ก็สุดแล้วแต่เขาจะพาไปเลย...
คนที่นั่งเกร็งมาตลอดทางเผลอหลับไปตอนที่รถกำลังเลี้ยวเข้ามาในไร่ ทำให้พลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้เห็นภาพอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า ซึ่งมันเป็นภาพที่ผู้เป็นเจ้าของตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะอวด หลุมที่เกิดจากฝนที่ตกอย่างหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมาทำให้หัวของหล่อนโยกไปมาจนน่าหวาดเสียว เดือดร้อนคนที่ทนมองมาพักใหญ่ต้องขยับไปประคองก่อนจะกดร่างบอบบางให้ค่อยๆ นอนบนตักตัวเอง เพื่อตัดปัญหาเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น
คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเกิดเด็กเส้นของแม่จะหัวแตกตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เขาไม่อยากมีปัญหากับทางนั้น เพราะดูยังไงก็เหมือนจะทั้งรักและเอ็นดู ‘เด็กนี่’ ไม่น้อย ซึ่งพอได้มาเห็นหน้าก็พอจะเข้าใจได้
เธอดูเหมือนเด็ก ทั้งๆ ที่ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว...
เขาพอรู้ประวัติเธอมาบ้างว่าเรียนจบแล้ว ซ้ำเกรดเฉลี่ยที่มารดายกมาอวดนั้นก็ไม่เลวทีเดียว มันบอกให้รู้ว่าเด็กของท่านเก่ง
“จะให้ผมแวะไปส่งคุณอ้อนที่บ้านพักคนงานก่อนดีไหมครับนาย” เป็นบุญส่งที่จำต้องร้องถามขึ้นทำลายความเงียบเพราะนึกสงสารคนบนตักนาย บอบบางไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนั้นไม่รู้ว่าจะทนลำบากทำงานที่นี่ไปได้สักกี่น้ำ เขาพนันเอาว่าไม่น่าจะเกินสามวัน
ที่ทำให้ต้องคิดแบบนั้นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้หญิงมาสมัครงานกับเจ้านายของเขา ซึ่งเจตนาของคนพวกนั้นก็ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ได้มีความตั้งใจอยากทำงานในสวนในไร่อย่างปากว่า แต่มาเพราะอยากตกถังข้าวสารเป็นนายหญิงของไร่ ซึ่งเขาก็ได้แต่ภาวนากับตัวเองขอให้คนบนตักของนายต่างจากคนพวกนั้น
สักนิดก็ยังดี...
คงดีไม่น้อยถ้าได้เห็นนายตกลงปลงใจกับใครสักคนในช่วงชีวิตนี้ และไม่ว่าคนนั้นที่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน ขอเพียงแค่เธอคือคนที่นายรัก เขาและทุกคนที่นี่ก็พร้อมที่จะรักและให้ความเคารพ
“ไปทำไมบ้านพักคนงาน” คเชนทร์ถามกลับด้วยน้ำเสียงดุ ก่อนที่จะลดฝ่ามือไปลูบเบาๆที่แก้มป่องเมื่อเจ้าของมันทำท่าจะตื่น
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำ รู้ก็แต่ว่ายิ่งทำก็ยิ่งเพลินจนหยุดมือไม่อยู่ ก็ใครใช้ให้มีแก้มเยอะ ใช่ความผิดเขาที่ไหน!
“กะ...ก็นายสั่งให้เตรียมห้อง...”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว กลับบ้าน” ตัวเล็กๆ แค่นี้จะกินจุสักแค่ไหนกันเชียว เขาเชื่อว่าเขาเลี้ยงเธอได้สบาย อีกอย่างเขารับปากแม่ไว้แล้วว่าจะดูแลเด็กของท่านให้ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น!
เขาไม่อยากผิดคำพูด!
เมื่อมาถึงบ้านคเชนทร์ก็ทำในสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆ คนต้องตาค้างด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ภาพของเจ้านายที่อุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากรถก็ปรากฎต่อสายตา ซ้ำเจ้าตัวยังดูเหมือนจะไม่สนใจภาพลักษณ์ ‘ชายผู้มีรักเดียว’ ที่สะสมมาครึ่งชีวิตเลยสักนิด
“นั่นนายมึงไปขโมยลูกใครมาวะไอ้ส่ง!” นางฟาง แม่บ้านคนเก่าแก่อดไม่ได้เลยต้องหันไปถาม คนที่น่าจะตอบคำถามให้นางกับคนอื่นๆ ได้ดีกว่าใครๆ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคนสนิท น่าจะพอรู้อะไรดีๆมาบ้างไม่มากก็น้อย ต่างจากนางที่วันๆอยู่แต่บ้านไม่รู้อะไร
“เธอชื่อคุณอ้อน เด็กของนายแม่ เห็นว่าฝากให้มาทำงานที่นี่” ซึ่งอีกฝ่ายก็บอกไปตามที่รู้ ส่วนเรื่องต่อจากนี้ก็คงสุดแล้วแต่เจ้านายแล้ว ว่าจะให้ ‘คนในอ้อมแขน’ นั้นอยู่ในสถานะไหนกันแน่
“แล้วทำไมนายต้องอุ้มเข้าไปในบ้านแบบนั้นด้วยวะ!” ด้วยกลัวว่านั่นอาจเป็นมารยาหญิง เลยต้องถามต่อด้วยความเป็นห่วง
“คุณอ้อนเธอเพลียจากการเดินทางเลยเผลอหลับไป นายแกไม่อยากปลุกก็เลยอุ้มลงจากรถ ที่เหลือถ้าป้าอยากรู้อะไรก็รอถามนายเองแล้วกัน” ใครมันจะไปกล้าถาม พูดอย่างกับไม่รู้ว่า ‘คุณราม’ ของนางเป็นพวกปากหนักใจแข็งแค่ไหน ถามไปก็เท่านั้นอยู่ดี
เพราะลองถ้าพ่อไม่อยากเล่า
ใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะได้คำตอบ!
ทางด้านคเชนทร์ หลังจากอุ้มเอาคนหลับลึกมาส่งถึงเตียงตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าทุกอย่างเข้าที่ จึงเดินกลับออกมาสั่งงานแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวให้ช่วยดูแล ‘แขกของแม่’ ต่อไป“สั่งทุกคนไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้นไปข้างบน ถ้าเธอตื่นก่อนที่ผมจะกลับเข้ามา ป้าก็ช่วยแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตที่นี่ให้เธอหน่อย ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมกลับมาจัดการเอง ฝากด้วยนะครับ” นางฟางพยักหน้ารับ ก่อนจะร้องทักขึ้นเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออกซึ่งมันเป็นเรื่อง ที่ค่อนข้างสำคัญกับนายน้อยของนางทีเดียว“วันนี้มีจดหมายจากอังกฤษมาส่งด้วยนะคะ ป้าวางไว้ให้ที่ห้องทำงานเหมือนเดิม” หากเป็นปกตินางจะได้เห็นเจ้านายวิ่งหายเข้าไปในห้องทำงานแล้ว แต่นี่...กลับเป็นครั้งแรกที่เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินหายออกจากบ้านไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับมัน“หรือจะเป็นเพราะคุณข้างบนนั่น เจ้าพระคุณ! ขอให้ใช่ทีเถอะ!” หญิงชราอดบนบานขึ้นมาไม่ได้ เพราะอยากเห็นนายน้อยที่นางเลี้ยงมากับมือเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเสียที ผู้หญิงคนนั้นก็เหลือเกิน ทั้งๆ ที่แต่งงานใหม่ มีลูกมีผัวไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบส่งจดหมายรักมาให้ผู้ชายอื่นเรื่อย ไม่รู้หัวจิตหัวใจทำด
“นั่งลงเดี๋ยวนี้แก้วเจ้าจอม!” คำสั่งนั้นเองทำให้เธอต้องรีบทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้คุณป้าแม่บ้านที่ได้แต่ส่งยิ้มมาให้เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเป็นกำลังใจ ให้เธอผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ หลังจากช่วงเวลาอาหารเย็นผ่านพ้น แก้วเจ้าจอมก็อาสาช่วยป้าฟางล้างจาน ซึ่งหนนี้อีกฝ่ายไม่ได้บอกปัดเหมือนในตอนแรกเพราะเถียงไม่ชนะ ส่วนเรื่องที่จะย้ายไปอยู่ที่เรือนพักคนงานลืมไปได้เลยเพราะเจ้าของบ้านไม่อนุญาต ไม่มีเหตุผล แค่เขาไม่ให้ไป! “ที่เหลือเดี๋ยวป้าทำต่อเองได้ค่ะ ดึกแล้วคุณขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” เธอยิ้มรับในคำบอกเล่านั้นก่อนจะพาตัวเองกลับขึ้นไปอาบน้ำ และคงจะเข้านอนในเวลาปกติเหมือนทุกวันไปแล้ว หากประตูห้องไม่ถูกเคาะขึ้นเบาๆ เสียก่อน“มีคนจะคุยด้วย”เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเจ้าของบ้าน เขาก็รีบบอกถึงการมาของตัวเอง ก่อนที่โทรศัพท์เครื่องหรูจะถูกยื่นมาให้ ซึ่งหญิงสาวก็กล่าวขอบคุณ ก่อนจะรับมันมาพร้อมรอยยิ้ม“ค่ะคุณป้า ถึงแล้วค่ะ...โทรศัพท์ของอ้อนเหรอคะ น่าจะแบตหมดค่ะ...” จังหวะที่อีกฝ่ายหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนั้น คเชนทร
แก้วเจ้าจอมเริ่มงานในอีกสามวันให้หลัง แม้จะจบบัญชีมาแต่เพราะตำแหน่งที่ว่านั้นตอนนี้เต็มหมดแล้ว และทางไร่เองก็ยังไม่มีนโยบายรับคนเพิ่มในช่วงนี้ ‘คุณราม’ เลยให้เธอมาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของเขาไปก่อน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เธอได้แอบรู้มาว่าไม่เคยมีมาก่อนจนกระทั่งวันนี้ หน้าที่หลักๆ ของเธอก็ไม่มีอะไรมากนอกจากทำตามที่เขาสั่งอย่างเคร่งครัด และคอยตามเขาไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในไร่เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย บางครั้งหากมีงานสำคัญที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษก็ต้องไปกับเขาด้วย ในฐานะคู่ควงหญิงสาวไม่ได้ติดขัดอะไรในเรื่องพวกนี้เพราะพอจะรู้มาบ้าง ว่าเจ้านายของเธอไม่ชอบให้ผู้หญิงที่ไหนมาวุ่นวายกับเขาเกินความจำเป็น และที่เขาเลือกเธอนั้น ก็คงเพราะเธอเป็นเด็กเส้นของแม่เขา ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงให้ต้องรู้สึกใจสั่น ซึ่งเธอไม่คิดไกลเกินไปกว่านั้นอยู่แล้ว ไม่สักนิด!เหตุผลที่ทำให้ต้องคิดแบบนั้น มีแค่อย่างเดียวคือความต่าง!เขากับเธอต่างกันราวฟ้ากับเหว คนอย่างเขาย่อมต้องอยากได้ภรรยาที่ดี คนที่พร้อมมาเชิดหน้าชูตาอยู่แล้ว ในขณะที่เธอก็พยายามท่องจำอยู่ในใจทุกวันว่าอย่าฝันสูง คิดไกลเกินตัว แค่ที่เขาให้งาน ให้ที่พ
“ไม่ได้ นี่เด็กแม่กู ห้ามยุ่ง!” แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกหวงอยู่ดี ยิ่งได้เห็นเจ้าตัวเที่ยวส่งยิ้มไปให้ใครต่อใครยิ่งไม่ชอบ เห็นทีเย็นนี้คงต้องกลับไปจัดการขั้นเด็ดขาด จะได้มาเสียระบบปกครองทีหลัง!“อย่าให้กูรู้แล้วกัน! ว่าที่มึงหวง เพราะอยากเก็บเด็กมันเอาไว้เอง!” ภูมิทัดตะโกนไล่ตามหลัง ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเพื่อนหันมาอวยพรด้วยถ้อยคำหยาบคาย ที่มักชอบใช้กันบ่อยๆ ภายในกลุ่มพาไปไหนด้วยก็มีแต่คนขอ!นี่เขากลายเป็นผู้ปกครองหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือตอนไหนกัน! นั่นคือคำถามที่ดังขึ้น พร้อมกับคำพูดที่ถูกสวนออกไปทันควัน“ทีหน้าทีหลังไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้เวลาไปไหนมาไหนกับฉัน!” น้ำเสียงดุดันนั้นแม้จะทำให้ตกใจ แต่ก็ไม่มากจนทำให้ขวัญหนีดีฝ่อ อาจเพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ เธอได้ยินมันอยู่บ่อยๆ ยามที่ทำงานผิดพลาด จึงเริ่มชินกับนิสัยนี้ของเขาบ้างแล้ว“เสื้อผ้าพวกนี้ก็ด้วย ไม่ต้องแต่งสวยให้มันมาก เอาแค่ทะมัดทะแมงก็พอ ทำงานกับดินกับหญ้าตลอดทั้งวัน จะแต่งสวยไปให้ใครดู!” คำกล่าวหานั้นทำให้คนถูกว่าต้องก้มมองดูตัวเองก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้น มันไม่ได้สวยอะไรเลยสักนิด ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำในความรู้สึก
ความหนาวทำให้จิตใจเหมือนจะล่องลอยออกไปไกล ก่อนที่ความอบอุ่นจะเรียกสติของกลับคืนมาอีกครั้ง ความอับอายเป็นสิ่งแรกที่พลักดันให้ขยับหนี แต่ก็เป็นเขาที่ฉุดรั้งแขนเธอเอาไว้“จะขยับไปไหน!”“อะ..อ้อนไปนั่งอีกฝั่งดีกว่าค่ะ” เธออายที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้พร้อมกับเขา แม้ทุกอย่างมันจะมืดจนมองอะไรไม่เห็น แต่จิตสำนึกกลับบอกให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกับเขาไม่มีอะไรติดกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอกลัวกลัวทั้งเขา กลัวทั้งใจตัวเอง!“ไม่ไว้ใจฉัน...” คิดไปในทางอื่นไม่ได้จริงๆ เลยต้องถามไปตรงๆ ซ้ำยังรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยกับท่าทีหวาดกลัวของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาให้ได้เห็น แม้เธอจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ก็เหมือนพูด“ไม่ใช่นะคะ อ้อนไม่ได้...”“ช่างเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ!” ในเมื่อไม่อยากใกล้ เขาก็จะไม่เข้าใกล้ แล้วอย่ามาร้องขอความอบอุ่นจากเขาทีหลังก็แล้วกัน!เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วไม่อาจทราบได้ แต่ฟ้าฝนก็ยังไม่หยุดตกง่ายๆ คนที่หลบไปนั่งอยู่อีกฝั่งของกระท่อมก็เงียบจนผิดปกติ ความเป็นห่วงทำให้คนที่ก่อนหน้านี้เคยตั้งใจว่าจะ ‘ไม่เข้าใกล้’ พาตัวเองขยับเข้าไปหา ก่อนจะพบกับความเย็นจา
“รีบใส่เสื้อผ้าซะ ก่อนที่จะมีใครโผล่เข้ามา” กระทั่งเขาทิ้งทวนไว้อย่างนั้น เธอจึงขยับไปหาเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกถอดกองไว้“คะ...คุณรามหันไปก่อนสิคะ! อ้อนจะได้ใส่เสื้อผ้า!” ก่อนจะไปกำชับบอกเพราะไม่อยากอวดเรือนร่างให้เขาได้เห็นเป็นหนที่สอง“เรื่องมากจริง!” ทั้งเมื่อวานและเมื่อครู่ก็เห็นหมดแล้ว ยังจะมาอายอะไรอีกถึงจะคิดแบบนั้นแต่สุดท้ายคเชนทร์ก็ยอมหันหลังให้ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ก่อนจะจูงมือเธอออกมาจากกระท่อม ถึงได้รู้ว่าเมื่อวานป้าฟางไม่ค่อยสบาย เลยเข้านอนแต่หัววันทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขากับแก้วเจ้าจอมติดฝนอยู่ที่นี่ กว่าทุกคนจะรู้เรื่อง และพากันออกตามหาก็เกือบเช้า ซึ่งเขาไม่เอาผิดใครในเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นตัวเองที่ไม่รอบคอบ ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน เลยทำให้ติดต่อใครไม่ได้“โถแม่คุณของป้า ขวัญเอ้ยขวัญมานะคะ ไปค่ะขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวป้าทำข้าวต้มร้อนๆ ขึ้นไปให้ คุณรามด้วยนะคะ” เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบกับนางฟางที่ยืนรออยู่ด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนคนที่นางห่วงมากที่สุด มันจะไม่ใช่เขาเหมือนทุกที!“ขอบคุณค่ะป้าฟาง” แก้วเจ้าจอมรับคำพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินตามเจ้าของบ้านขึ้นมายังชั้นบน และ
เกือบสองเดือนแล้วที่แก้วเจ้าจอมเข้ามาทำงานที่ไร่ คเชนทร์ มันเป็นเวลาสองเดือนที่ชีวิตเธอถึงจุดเปลี่ยนมากมาย ไม่ว่าจะงานที่นับวันก็เหมือนจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แต่นั่นมันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกหนักใจเท่ากับ ‘ข่าวลือ’ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอเพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง“ถ้าพี่ถามตรงๆ นะคะ ในฐานะที่เราสนิทกับพอสมควร แต่น้องอ้อนต้องสัญญามาก่อน ว่าจะไม่โกรธพวกพี่หรือเอาเรื่องนี้ไปบอกนาย” ตอนที่ได้ยินนั้นเธอตกใจพอสมควรเพราะน้ำเสียงของ พี่นิดที่ใช้ถามนั้นดูเคร่งเครียดต่างไปจากครั้งที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น บ่อยครั้งที่เธอสังเกตเห็นคนงานหญิงจับกลุ่มพูดคุยกันแล้วมองมาที่เธอบ่อยๆ ไหนจะคนที่เคยพูดคุยกันอย่างสนิทสนมก็เริ่มทยอยถอยห่างไปทีละคน ทั้งหมดนี้เธอเพิ่งหายสงสัยก็วันนี้นี่เอง“เรื่องอะไรเหรอคะ”“อ้อนกับนาย สรุปแล้วเป็นอะไรกันแน่ พวกพี่จะได้วางตัวให้ถูก” จะคนรัก นางบำเรอ หรือเด็กเส้นก็ควรเลือกมาสักอย่าง ไม่ใช่ทำแบบนี้ บอกตามตรงว่านางกับพวกทำตัวไม่ถูกไปหมดแล้วน้องน่ารัก แถมยังเป็นกันเองมากด้วย นางกลัวว่าถ้าเผลอไปทำตัวสนิทมากเข้ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หากอีกฝ่ายถูกจองไว้ด้วยสถานะที่สูงกว่านั้น
“อ้อนไม่อยากให้ใครมองคุณรามไม่ดีค่ะ” ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้เธอกลัวใจตัวเองที่นับวันยิ่งเต้นแรง และคงเตลิดไปไกลกว่านี้แล้วถ้าข่าวลือ ที่เกิดขึ้นไม่รู้มาถึงหูเธอเข้าเสียก่อนในวันนี้ความเป็นจริงทำให้เธอถึงขั้นตาสว่างไปจนถึงได้สติ ว่าคนอย่างเขาคงไม่มีวันลดตัวมาสนใจผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างเธอแน่ ความไม่เหมาะสมนี้เองที่ทำให้รู้ตัวเอง ว่าไม่ควรปล่อยใจไปกับสิ่งดีๆ ที่เขามอบให้ตรงหน้า เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่จะเจ็บปวดเจียนตายถ้าเผลอเกิดรักเขาขึ้นมา จะไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากตัวเธอเองชีวิตที่ผ่านมาเธอเคยมีแฟนนับครั้งได้ แต่นั่นมันก็เป็นช่วงก่อนเข้ามหาลัย ซึ่งในตอนนั้นเธอเด็กมากเกินกว่าจะเข้าใจความรักอีกอย่างพ่อแม่ของเธอเองก็อยากให้เธอทุ่มเทกับการเรียนมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งเธอเชื่อพวกท่าน สี่ปีในรั้วมหาลัยของเธอจึงเต็มไปด้วยการเรียน และเรียน เธอแทบไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนไหนเข้าถึงตัวอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้ การได้มาอยู่ที่นี่ ซ้ำยังมีโอกาสใกล้ชิดกับเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยจนบางครั้งก็เกือบจะลืมไปว่าเขาเป็นใคร และตัวเธอเป็นใครด้วยสถานะที่เป็นอยู่เลยทำให้ได้สติ ที่สำคัญไปมากกว่านั้น ถ้าวันหน
ภาพของเจ้านายที่ไม่ว่าจะไปไหนก็มักจะหอบเอาลูกสาวคนโตไปด้วยเสมอนั้นเป็นภาพที่ใครหลายคนได้เห็นจนชินตา โดยเฉพาะใบหน้าของทั้งสอง ที่ดูคล้ายกันมาก แต่ก็บางคนที่ทำเป็นมองไม่เห็นในความเหมือนนี้ด้วยเพราะถูกตาต้องใจพ่อของเด็ก “น้องสาวเหรอคะ หน้าตาน่ารักเชียว” คู่ค้ารายใหม่ที่เป็นสาววัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น ในจังหวะที่กำลังจะก้มหน้าอ่านสัญญา เหมือนอยากได้คำตอบก่อนตัดสินใจลงนาม “ลูกสาวครับ คนโต อีกคนอยู่ในท้องแม่ กำหนดคลอดสิ้นเดือนนี้แล้ว” คเชนทร์ให้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำที่สุดเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียวันนี้เขากับคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน แต่ถามว่าต้องสนไหมก็ไม่ ยังมีคนอีกมากที่อยากมายืนอยู่ในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องแคร์! “น่าเสียดายจังเลยนะคะที่เราเจอกันช้าไป จันทร์...ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ ถ้าสนใจเดี๋ยวจะให้เลขาติดต่อกลับมาอีกที” เขายิ้มรับตามคำบอกกล่าวนั้น ก่อนจะเรียกบุญส่งให้เข้ามาทำหน้าที่ส่งแขกแทน เพราะตัวเองไม่ว่างจะไปดูแลใคร นอกจากแก้วตาดวงใจที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนตัก คาดว่าคงหลับลึกไปถึงเย็น
ปลายฝนแวะเวียนมาถึงอีกหนึ่งปีให้หลัง เป็นปีที่แก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้ขึ้นมาดูทะเลหมอกกับสามี ตามที่เขาเคยให้สัญญาไว้ แม้จะรู้ดีว่าสถานที่ตรงนี้เคยมีความทรงจำกับเขากับอดีตคนรักอยู่ แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้าม เพราะอย่างที่เขาเคยว่าไว้ ‘อดีตมันเป็นสิ่งที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้’ เพราะอย่างนั้นเธอเลยเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสียใหม่ ไม่ฟูมฟายกับอดีตของเขา แม้ว่ามันจะไม่มีเธออยู่เลยก็ตาม วันเวลาทำให้เธอเติบโต และมีเหตุผลมากขึ้น และเธอยินดีให้เขาเก็บความทรงที่มีต่ออดีตคนรักไว้แบบนั้น ตราบเท่าที่มัน ไม่ได้ทำให้เขาทรมานเหมือนอย่างที่แล้วมาอีก “สวยจังเลยค่ะ” กลุ่มก้อนเล็กๆ สีขาวนวลที่จับกลุ่มกระจายอยู่รอบๆ ตัวนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน มันสวยกว่าที่คิดไว้ สวยเสียจนเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ได้ชวนคุณผิงขึ้นมาด้วยกัน แต่ถึงชวน อีกฝ่ายก็คงมาด้วยไม่ได้เพราะกำลังตั้งท้อง ซ้ำยังได้ลูกแฝด และพี่ทัดก็เหมือนจะหวงคนทั้งสามเอามากๆ ด้วย ชนิดที่ไม่ยอมให้ภรรยาหยิบจับอะไร เพราะกลัวจะสะเทือนไปถึงลูกสุดท้ายคู่นั้นก็ไม่ได้หย่ากันจริงๆ อย่างที่เคยตกลงกันไว้ในตอนแรก ซึ่งไม่มีใ
หลายเดือนต่อมา “มากันอีกแล้ว!” “โวยวายอะไรของมึงครับ พวกกูมาหาน้องอ้อน กับหลาน ไม่ได้มาหาคนหน้าเมื่อยอย่างมึงสักหน่อย! หลงตัวเองใหญ่โตนะมึงน่ะ!” ก็นั่นแหละที่ทำให้เขาโมโห มาแต่ละทีก็สร้างแต่เรื่อง นี่เรื่องหนก่อนที่พวกมันสร้างไว้กว่าเขาจะปรับความเข้าใจกับเมียได้ ก็ถูกไล่ออกมานอนตบยุงหน้าห้องเป็นเดือน ก็พวกเล่นพูดแต่เรื่องสาวๆ ที่ผ่านมาของเขาไม่หยุด ผลที่ได้คือเขาถูกเมียหึงเป็นครั้งแรกสมใจ แต่ดูเหมือนนอกจากพวกมันจะไม่พากันสลดแล้วนั้น ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยม และหาเรื่องให้เขาต้อง ‘งานเข้า’ อยู่เป็นประจำ! “ลูกกูยังไม่คลอดวันนี้พรุ่งนี้ จะรีบมากันไปไหน!” มากันทุกเดือน บางเดือนก็หลายหน ไม่รู้พวกมันไม่มีงานมีการทำกันรึไง! “แล้วไงวะ ก็คนมันคิดถึง ใช่ไหมครับน้องอ้อน ท้องใหญ่ขึ้นเยอะเลย กี่เดือนแล้วนะครับ” บุรินทร์ไม่หาความกับเพื่อนเพราะคนที่เขาอยากเจอยืนออกมารับแล้ว ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งอดตื่นเต้นไม่ได้ “แปดเดือนกว่าแล้วค่ะ” ว่าที่คุณแม่มือใหม่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม แม้จะเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็อยากออกมาต้อน
เท่านั้นเองคนที่อยากมีลูกใจจะขาดก็แทบจะอุ้มเมียขึ้นรถไปโรงพยาบาล และก็เป็นอย่างที่ใครคาดไว้ เมียเขาท้องแล้วจริงๆ“พี่ราม อ้อนเดินเองได้ค่ะ” ยิ่งรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ สามีผู้ซึ่งดีใจกว่าใครๆ ยิ่งตามติดเธอมากขึ้น เขาแทบไม่ยอมให้เธอละสายตาไปไหน ขนาดขอไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่วายเดินตามไปเฝ้า“ให้พี่อุ้มดีกว่า อ้อนจะได้ไม่เหนื่อยไง”“อ้อนไม่เหนื่อยจริงๆ ค่ะ” มากสุดเธอก็แค่หิว อยากกลับบ้านไวๆ เพราะเหมือนจะได้ยินผ่านโทรศัพท์มาว่าป้าฟางจัดมะม่วงน้ำปลาหวานกับข้าวต้มกุ้งเอาไว้รอ ซึ่งแค่ได้ยินก็เปรี้ยวปากแล้ว“อย่าดื้อกับพี่สิ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง ให้พี่อุ้มดีแล้ว” เขาว่ามาแบบนั้น เธอเลยปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็อยากทำตัวว่าง่าย เพื่อลบภาพตัวเองเมื่อสองชั่วโมงก่อนออกไป“แม่ได้ข่าว สรุปว่ายังไง!” กลับมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับคุณป้าฉัตรที่นั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน ท่าทีของท่านนั้นดูตื่นเต้นพอๆ กับพ่อของลูกไม่มีผิด ส่วนคนอื่นเธอไม่เห็น คิดว่าคงรออยู่ในบ้าน“ตามนั้นครับ อ้อนท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว!” คุณฉัตรแก้วแทบจะโผเข้ากอดลูกสะใภ้ทันทีที่ได้รับคำตอบ ดีใจเหลื
บุรินทร์และพวกเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนทันทีที่รู้ข่าวจากปากต่อปากว่าเพื่อนรักของเขาตอนนี้กำลังอินเลิฟ และคงเป็นการดีที่พวกเขาจะมากวนประสาทมันเล่น โทษฐานที่ชิงมีเมียก่อนเป็นคนแรกของกลุ่ม ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะไม่มีใครเพราะผู้หญิงก็เหมือนๆ กันหมด แต่ไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้“กูได้ข่าวมาว่านลินจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น” เขาเริ่มพุ่งประเด็นไปยังคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ และคงไม่มีโอกาสแล้วในชั่วชีวิตนี้“อืม กูรู้แล้ว...” ท่าทีของเพื่อนที่ดูเหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรต่อเรื่องที่ได้รู้นั้น ยิ่งทำให้ทั้งสามมั่นใจ ว่าตอนนี้มันคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนในอดีตแล้วอย่างที่ปากพูดจริงๆ ซึ่งพวกเขาเองก็เห็นด้วยกับการตัดขาดในครั้งนี้จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที“มึงลืมเขาได้แล้วจริงๆ”“กูไม่เคยลืมนลิน แต่กูเลือกที่จะมีความสุขกับปัจจุบัน” ก็แน่ล่ะ ปัจจุบันของมันน่ารักน่าหยอกออกขนาดนั้น เป็นเขาก็เลือก!“ไม่คิดว่ามึงจะมาลงเอยกับน้องอ้อน น้องดูไม่เหมือนนลิน” และอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ท่าทางของมันถึงได้ดูเป็นคนละคนเหมือนกับว่าตอนนี้จะดูมีความสุขมากกว่าครั้งนั้น ในอดีต“ใช่ อ้อนก
“พี่รักอ้อนขนาดนี้ พี่จะไล่อ้อนไปไหนได้ หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” เป็นอีกครั้งที่เธอส่ายหน้ากลับไปให้“อ้อนไม่กล้าคิดค่ะ เพราะอ้อนไม่มีอะไรคู่ควร...” คเชนทร์จัดการปิดกั้นคำพูดที่เหลือ ด้วยการรั้งใบหน้าอ่อนหวานขึ้นมาจูบมันเป็นจูบที่เปิดเผยทุกความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่งคนธรรมดาที่ไม่ได้วิเศษมาจากไหน แต่กลับเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ซึ่งแค่นี้มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขารักมากพอแล้วจริงๆ“อย่าดูถูกตัวเองให้พี่ได้ยินอีกนะ บอกตามตรงพี่ไม่ชอบเลย พี่รักอ้อนเพราะอ้อนเป็นอ้อน อ้อนไม่จำเป็นต้องดีพร้อมถึงจะเหมาะสมกับพี่ พี่ขอแค่อ้อนรักพี่ เหมือนที่พี่รักอ้อนเท่านั้น...พี่ขอแค่นี้ อ้อนพอจะทำให้พี่ได้ไหม” มากกว่านี้เธอจะทำให้เขาได้ ขอแค่เขารักเธออย่างที่เธอเป็นเธอ แค่นั้นก็มากพอแล้ว มากพอแล้วจริงๆ“ขออ้อนอยู่กับพี่รามนะคะ อยู่ตลอดไป...” เขายิ้มรับแทนคำตอบ ก่อนจะอาศัยจังหวะเหมาะๆ ช้อนอุ้มภรรยาขึ้นจากพื้น มุ่งตรงไปยังห้องนอนที่ชั้นสองของบ้านเพื่อปรับความเข้าใจกันสองคน“โทษฐานที่เข้าใจพี่ผิด แถมยังคิดจะยกผัวให้คนอื่น คืนนี้อ้อนต้องถูกลงโทษนะครั
เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เริ่มตั้งแต่ลืมตา ทำให้คเชนทร์มักจะกลับบ้านไม่ตรงเวลาเลยสักวัน วันนี้ก็เช่นกันที่กว่างานในมือจะเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่ม เขาเลยต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านเพราะกลัวว่าคนที่บ้านจะเป็นห่วง โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่วันนี้น่าจะกินข้าวเย็นคนเดียวเพราะเขาติดงาน ส่วนแม่กับน้องก็เพิ่งจะโทรมาบอกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เองว่าพากันไปค้างที่โรงแรมในเมือง เพราะขี้เกียจขับรถกลับ ห่วงก็แต่คนที่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียว ที่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างจะโกรธรึเปล่าที่เขากลับบ้านดึกอีกแล้ว“อ้อน เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม! นี่ดื่มเหล้าเหรอ!” ทว่าเมื่อมาถึง จากความเป็นห่วง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้นทันตา เมื่อได้กลิ่นฉุนของเหล้าบนเนื้อตัวที่เคยหอมกรุ่นด้วยกลิ่นแป้งเด็ก แต่บัดนี้กลิ่นหอมเหล่านั้นมันกลับถูกกลบไว้ด้วยกลิ่นของเหล้า“ค่ะ อ้อนดื่มเหล้า! ไม่ได้เหรอคะ!” หรือต้องทำตัวน่ารัก ว่านอนสอนง่ายเหมือนทุกครั้ง เขาถึงจะพอใจ เพราะเธอเป็นแบบนั้นใช่ไหม ใครต่อใครถึงได้ชอบทำเหมือนเธอไม่มีความรู้สึกกันนัก!“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าใครทำอะไร บอกพี่!” นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเห็นทุกวัน
“ไม่มีหรอกค่ะ ผิงก็แค่ดีใจที่แม่มาหาก็เท่านั้นเอง ครั้งนี้แม่อยู่นานไหมคะ ผิงอยากให้แม่อยู่ด้วยนานๆ” ความจริงเธออยากแม่อยู่ที่นี่ตลอดไปได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องกลับไปเจอกับการกระทำอันมักมากของพ่อที่ทำให้ต้องเจ็บปวดไม่เว้นวัน แม้เธอจะรู้ว่าแม่เข้มแข็ง แต่ก็ไม่อยากเห็นท่านต้องมาพบเจอกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี เธออยากให้แม่หักดิบด้วยการตัดใจ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่คิดว่าพ่อจะคิดได้ มีแต่จะทำร้ายกันหนักข้อมากขึ้นทุกวัน! “แม่รู้ว่าเราเป็นห่วง แต่แม่ยังไหวอยู่” นางรักพ่อของลูกมาก และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาทำร้ายจิตใจกันนางก็ยังเลือกที่จะทนอยู่เพราะหวังว่าสักวันเขาจะคิดได้ สักวันเขาจะรู้ว่าใครกันที่รักเขามาก รักจนยอมทุกอย่าง ยอมให้เขาได้มีใครอีกหลายคนเข้ามาในชีวิต และพยายามดิ้นรนเพื่อเข้ามาเป็นใหญ่ในบ้านแทนที่นาง! แต่สิ่งที่สามีของเขาไม่รู้ คือความรักที่ว่านั้นมันมีขีดจำกัด หากเมื่อไหร่นางหมดสิ้นความรักที่มีต่อแล้ว ทุกอย่างก็คงต้องจบลง“ผิงรู้ว่าแม่เข้มแข็งแล้วก็รักพ่อมาก แต่ผิงกับพี่รามอยากให้แม่รักตัวเองมากกว่า แม่เชื่อพวกเราเถ
ความตื่นเต้นทำให้มีหนึ่งคนนอนไม่หลับจนถึงเช้า กระทั่งขึ้นมาบนรถแล้ว ก็ยังไม่หายดีใจที่จะได้ไปเที่ยว ผิดกับคนอื่นๆ ที่เหมือนจะไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ อาจเพราะได้ออกไปเที่ยวบ่อย ต่างจากเธอที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะพ่อกับแม่ไม่อยากให้ไปตลอดการเดินทางไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเพราะมีพิรสากับภูมิทัดถกเถียงกันให้ได้ยินตลอดเป็นระยะๆ ถึงเส้นทางที่ต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่ามันจะเป็นทางลัดที่ใกล้ที่สุด ซึ่งหากเป็นช่วงแรกๆ เธอคงสะกิดปลุกคุณรามให้เข้าไปห้าม แต่ตอนนี้เพราะเริ่มชินแล้วถึงได้นั่งมองอย่างเงียบๆ อีกหน่อยเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดทะเลาะกันเอง“ฉันบอกแล้วว่าให้ไปอีกทาง เป็นไงหลงจนได้! สมน้ำหน้า!”“พูดมากน่าคุณ! ผมก็บอกอยู่ว่านี่มันเป็นทางลัดๆ” และทางลัดที่ว่าก็พาทุกคนมาถึงจุดหมายช้ากว่าเดิมถึงสามชั่วโมงเต็ม!แม้จะถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดการไปบ้าง แต่ความโชคดีก็ยังพอมีนั่นคือแก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นภาพที่สวยจนไม่กล้าละสายตาไปไหน กระทั่งเสียงคนข้างๆ ดังขึ้น“หนาวไหม” เขาค่อนข้างเป็นกังวลในเรื่องนี้อยู่บ้างเพราะเหมือนจะได้ยินแม่เคยพูดว่าน้องเป็นคนขี้หนาว ซ้ำยังเ