ทางด้านคเชนทร์ หลังจากอุ้มเอาคนหลับลึกมาส่งถึงเตียงตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าทุกอย่างเข้าที่ จึงเดินกลับออกมาสั่งงานแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวให้ช่วยดูแล ‘แขกของแม่’ ต่อไป
“สั่งทุกคนไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้นไปข้างบน ถ้าเธอตื่นก่อนที่ผมจะกลับเข้ามา ป้าก็ช่วยแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตที่นี่ให้เธอหน่อย ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมกลับมาจัดการเอง ฝากด้วยนะครับ” นางฟางพยักหน้ารับ ก่อนจะร้องทักขึ้นเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออก
ซึ่งมันเป็นเรื่อง ที่ค่อนข้างสำคัญกับนายน้อยของนางทีเดียว
“วันนี้มีจดหมายจากอังกฤษมาส่งด้วยนะคะ ป้าวางไว้ให้ที่ห้องทำงานเหมือนเดิม” หากเป็นปกตินางจะได้เห็นเจ้านายวิ่งหายเข้าไปในห้องทำงานแล้ว แต่นี่...กลับเป็นครั้งแรกที่เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินหายออกจากบ้านไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับมัน
“หรือจะเป็นเพราะคุณข้างบนนั่น เจ้าพระคุณ! ขอให้ใช่ทีเถอะ!” หญิงชราอดบนบานขึ้นมาไม่ได้ เพราะอยากเห็นนายน้อยที่นางเลี้ยงมากับมือเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเสียที ผู้หญิงคนนั้นก็เหลือเกิน ทั้งๆ ที่แต่งงานใหม่ มีลูกมีผัวไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบส่งจดหมายรักมาให้ผู้ชายอื่นเรื่อย ไม่รู้หัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรกันแน่!
ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!
แก้วเจ้าจอมตื่นขึ้นในช่วงหนึ่งทุ่มเศษ ความตกใจที่ตัวเองเผลอหลับไปนานขนาดนี้ทำให้เธอรีบวิ่งลงมาจากชั้นบน ตั้งใจจะขอโทษเจ้าของบ้านที่ตัวเองเผลอหลับ แต่ก็ไม่พบแม้เงาของเขา...
“ตื่นแล้วเหรอคุณ หิวไหมคะ ป้ากำลังทำอาหารเย็นใกล้เสร็จแล้ว”จะมีก็แต่ป้าคนหนึ่งที่ไถ่ถามก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้กัน
“แล้วคุณราม...”
“นายออกไปไร่ค่ะ อีกเดี๋ยวคงกลับ คุณหิวไหม เดี๋ยวป้าให้เด็กมันนั่งโต๊ะให้ก่อน” คนที่ยังประมวลผลกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทันทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มไปให้ ก่อนจะเอ่ยอาสาขอเป็นลูกมือด้วยอีกคน
“ให้อ้อนช่วยนะคะ” เรื่องงานบ้านงานเรือนเธอเชื่อว่าตัวเองไม่แพ้ใครแน่นอน โชคดีที่คลุกคลีกับแม่บ่อยๆ เลยพอได้วิชามาบ้าง
“อย่าเลยค่ะ แค่นี้เองป้าทำได้ คุณเป็นแขกคุณราม ออกไปนั่งรอข้างนอกเถอะ”เมื่ออีกฝ่ายว่ามาแบบนั้นเธอเลยจำใจต้องเดินออกมานั่งรอที่ห้องรับแขก ก่อนจะใช้เวลานี้มองสำรวจไปรอบๆ บ้าน ซึ่งความหรูหราภายในของมันนั้น มองยังไงก็ไม่ใช่เรือนพักคนงานแน่นอน ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่
แทนที่จะเป็นที่ที่เธอควรอยู่
หรือไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจมีเรื่องจะตกลงด้วย เลยพาเธอมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้วค่อยให้คนไปส่ง มันคงจะเป็นแบบนั้นไม่ผิดแน่
จังหวะที่กำลังคิดกับตัวเองอยู่นั้น ร่างสูงของเจ้าของบ้านก็เดินเข้ามาพร้อมคนสนิทของเขา ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ไปรับเธอที่ท่ารถ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวที่ดูเหมือนไม่ได้ตกใจต่อการมาของเธอ
“พรุ่งนี้แปดโมง ห้ามสาย” คเชนทร์หันไปสั่งคนสนิทก่อนจะหันกลับมามองเจ้าของแก้มป่องๆ อีกหน กระนั้นเขาก็รอจนคนสนิทรับคำแล้วเดินออกไปเพื่อปล่อยให้เขาได้หันกลับมาสอบสวน ‘แขก’ คนพิเศษของมารดาต่อ
“เพิ่งตื่น...”
“ค่ะ ฉันขอโทษนะคะที่เผลอหลับ” ขอโทษอีกแล้ว พูดเป็นแค่คำเดียวรึไงแม่คุณ
หนนี้เขาทำได้แต่คิด ไม่ได้พูด หรือดุอะไรออกไป เพราะกลัวว่าจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเขา กับเด็กเส้นของแม่แย่ลงไปอีก
เท่าที่ดูเธอน่าจะเป็นคนประเภทไม่มีปากมีเสียง ออกจะสงบปากสงบคำเสียด้วยซ้ำ ซึ่งบอกตามตรงว่าเขาชอบ ไม่วุ่นวายดี
ด้วยนิสัยแบบนี้คิดว่าน่าจะอยู่ร่วมบ้านกันได้ไม่ยาก ตราบใดที่นี่ มันไม่ใช่แค่ภาพลวงตาที่หล่อนสร้างขึ้นเพื่อหวังให้เขาตายใจ
“แล้ว...ที่พักคนงานไปทางไหนเหรอคะ ฉันไปไม่ถูก” หากเขาจะกรุณาสักนิด ก็อยากให้ช่วยเรียกพี่บุญส่งให้กลับมาเพื่อพาเธอไปส่งยังที่พักหน่อย หรือถ้าไม่ ก็แค่บอกทางมาก็ได้ เธอคิดว่าคงไม่ยากอะไรเท่าไหร่ ถ้าจะพาตัวเองไปยังจุดหมายปลายทางที่ว่า
“แม่ฝากให้ฉันช่วยดูแลเธอ เพราะฉะนั้นเธออยู่ที่นี่ได้ ไม่ต้องไปไหน” เขากล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหายเข้าไปในห้องทานข้าวโดยมีเธอเดินตามไปติดๆ อย่างคนไม่มีปากมีเสียง
“จะยืนอยู่อีกนานไหม” จนเมื่ออาหารเย็นถูกยกออกมา เสียงเข้มของเจ้าของบ้าน ที่นั่งประจำที่รออยู่ก่อนแล้วถึงได้ดังขึ้น
“คะ!”
“ไม่หิวรึไง”
ความจริงแล้วก็หิว ว่าแต่เขาถามทำไมกัน...
เขาคงไม่ได้คิดจะชวนเธอนั่งกินข้าวด้วยกันหรอกใช่ไหม เพราะถ้าใช่นั่นก็ออกจะเกินไปหน่อย เธอไม่แม้แต่จะคาดหวังการต้อนรับรูปแบบนี้ ถึงจะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นเด็กเส้นของแม่เขาก็เถอะ
เพราะรู้ถึงได้เกรงใจเขามากเป็นพิเศษ ซ้ำยังบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าอย่าทำให้คุณป้าฉัตรต้องผิดหวังในตัวเธอเป็นอันขาด
“มานั่งสิ!” เป็นคเชนทร์ที่เอ่ยขึ้น เหมือนเขาจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกังวลอยู่ ซึ่งไม่นานก็ได้รับคำตอบเบาๆ กลับมา
“ดะ...เดี๋ยวฉันไปทานในครัวก็ได้ค่ะ” เพราะรู้ ว่าตัวเองมาที่นี่ในฐานะอะไร เธอจึงไม่กล้านั่งตีตนเสมอเขา ผู้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นเจ้านายตัวเองถึงได้เอ่ยบอกออกไป ไม่คิดด้วยซ้ำว่าคำตอบนี้ มันจะยิ่งทำให้เขาหัวเสียจนต้องตวาดใส่หน้ากันอีกรอบ
“นะรามลูก ถือว่าช่วยแม่สักครั้ง” เกิดร่องรอยความลำบากใจขึ้นหลังจากสิ้นคำขอร้องของ ‘ผู้เป็นมารดา’ ที่นานๆ ครั้ง จะพาตัวเองมาเยี่ยมเยียนให้พอให้พบหน้า และก็เป็นทุกครั้งที่อีกฝ่ายมักจะนำพาปัญหามาให้ ‘คเชนทร์’ ลูกชายคนโตต้องคอยแก้ไขให้ หากแต่ครั้งนี้ปัญหาที่ท่านนำติดตัวมาด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำให้รู้สึกลำบากใจไม่น้อย“ขอโทษครับ แต่ครั้งนี้ผมคงช่วยอะไรไม่ได้” หากสิ่งที่คนตรงหน้าร้องขอ เป็นเรื่อง ‘เงิน’ เหมือนทุกครั้ง เขาคงยอมช่วยเพื่อตัดปัญหา หรือความวุ่นวายที่จะตามมาไม่จบสิ้น แต่เพราะครั้งนี้คำขอร้องของท่านมันต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับปากออกไปส่งๆ โดยไม่คิดถึงสิ่งที่อาจจะตามมาในภายหลังคุณฉัตรแก้วมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อยต่อคำปฏิเสธของลูก ลูก...ที่นางไม่ค่อยจะเหลียวแลเท่าไหร่ตราบเท่าที่พอจะจำความได้ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่ดูเหมือนจะขาดหายไปนับตั้งแต่วันนั้น วันที่นางตัดสินใจหย่าขาดกับพ่อของลูก และก็เป็นผู้ชายจองหองคนนั้น ที่กักตัวลูกชายของเธอไว้ ไม่ยอมปล่อยให้คเชนทร์ไปกับนางด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า เขากลัวนางพาลูกออกไปลำบากคงเป็นการดีกว่าที่ให้ลูกอยู่กับเ
‘จำไว้นะลูกราม คนเรามีดี มีชั่วอยู่ในตัวกันทั้งนั้น ถ้าเราเลือกแต่จะเคารพแค่กับคนที่คิดว่าดี คนเลวๆ ที่พร้อมจะกลับตัวกลับใจ ก็จะไม่ได้รับโอกาสอีกเลย...’เขายึดถือคำสอนนี้ของพ่อมาโดยตลอด จึงไม่เคยคิดแบ่งแยก สำหรับเขาทุกคนเท่าเทียมกันหมด และเขาก็พร้อมช่วยเหลือ ถ้ามันไม่เหนือบากกว่าแรงตัวเองแล้วนี่..กับผู้หญิงตัวคนเดียวที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ“ผมจะไม่ยุ่งกับเขามากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าเกิดเด็กนั่นสร้างปัญหา...คุณต้องมารับเธอกลับไปทันที!” ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นแม่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดลูกชายพร้อมกับคำขอบคุณ“ขอบคุณนะลูก ขอบคุณจริงๆ”นางคิดไม่ผิดที่มาขอให้ลูกช่วย คเชนทร์เท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถทำตามคำสัญญา ที่เคยได้ให้ไว้กับเพื่อนรักที่จากไปได้“รับปากเราอย่างนะฉัตร ถ้าวันหนึ่งเรากับพี่เอสเป็นอะไรไป เราขอ...ฉัตรอย่าทิ้งยายอ้อนนะ เราไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับคนอื่น คนเดียวที่เราไว้ใจคือฉัตร” ใครเลยจะไปคิดว่านั่นจะเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่นางกับเพื่อนได้พูดคุยกัน ในวันนั้นนางยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไป เพื่อนรักก็มาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียก่อน “หลับให้สบายนะหวาน ไม่ต
“ถึงแล้วครับคุณอ้อน” เป็นเสียงของลุงชุม คนขับรถเรียกสติหญิงสาว ก่อนที่เจ้าของดวงตาเศร้าจะหันไปมอง ‘ท่ารถ’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของตนเองอย่างชั่งใจ ว่าจะลงไปดีหรือไม่ แต่หากไม่ลงไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนได้อีก เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว ญาติคนอื่นๆ ที่เหลือ ต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมด และเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ครั้นจะให้ไปอยู่กับคุณป้าฉัตรที่บ้าน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจากสามีของท่าน ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคุณลุงคนนั้นเจ้าชู้มากแค่ไหน เพราะเหตุผลนี้เองเลยทำให้เธอต้องดั้นด้นมาไกลถึงที่นี่ นั้นเป็นเพราะว่ามัน...เป็นทางเลือกเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้“ผมคงส่งได้เท่านี้นะครับคุณอ้อน” แม้ใจจะอยากส่งคนของผู้นายผู้หญิงไปให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสักแค่ไหน แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของลูกชายคนโตของท่าน เขาซึ่งเป็นแค่คนขับรถจึงไม่กล้าขัดใจ จำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด ส่วนเหตุผลนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบให้ ‘คนนอก’ เข้าไปวุ่นวายในเขตหวงห้ามของตัวเอง ไม่ว่าใครคนไหน“ไม่เป็นไรค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งอ้อน ขับรถกลับดีๆ นะคะ
‘พี่ราม’ ของคุณป้าฉัตรดูหล่อ และเด็กกว่าในรูปที่เคยเห็นอยู่มากนัก แม้เขาจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอได้รับรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่กับท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน... ‘หนูอ้อนไม่ต้องตกใจนะลูก ถ้าพี่เขาจะเย็นชาไปสักนิด ตารามก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กับป้าเองเขาทำแบบนี้เหมือนกัน’ ขนาดกับแม่แท้ๆ ยังเย็นชาใส่ ก็ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะทำแบบนั้นกับเธอ หรือคนอื่นๆ“มาถึงแล้วก็รีบขึ้นรถ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาทำเรื่องไร้สาระทั้งวัน!” ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเข้มจัดก็เอ่ยขึ้นเหมือนคล้ายว่าจะตำหนิที่เธอยังไม่ยอมพาตัวเองขึ้นมาบนรถเสียทีการทำอะไรช้าๆ ของเธอ ทำให้เขาเสียเวลาที่มีค่าไปสินะ!“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นเพียงสั้นๆ ก่อนจะรีบพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถข้างคนหน้าดุ พยายามเบียดตัวเข้าหาประตูรถให้ได้มากที่สุด ทว่าท่าทีนั้นยิ่งกลับทำให้คนเห็นถึงกลับหน้าตึง!กลัวเขา...แต่ไม่ยักกลัวไอ้บุญส่ง!ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้...ปกติแล้วผู้หญิงมักจะชอบเข้าหาเขาด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่อย่าง ไม่ให้ท่า ก็อยากลองขอ
ทางด้านคเชนทร์ หลังจากอุ้มเอาคนหลับลึกมาส่งถึงเตียงตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าทุกอย่างเข้าที่ จึงเดินกลับออกมาสั่งงานแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวให้ช่วยดูแล ‘แขกของแม่’ ต่อไป“สั่งทุกคนไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้นไปข้างบน ถ้าเธอตื่นก่อนที่ผมจะกลับเข้ามา ป้าก็ช่วยแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตที่นี่ให้เธอหน่อย ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมกลับมาจัดการเอง ฝากด้วยนะครับ” นางฟางพยักหน้ารับ ก่อนจะร้องทักขึ้นเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออกซึ่งมันเป็นเรื่อง ที่ค่อนข้างสำคัญกับนายน้อยของนางทีเดียว“วันนี้มีจดหมายจากอังกฤษมาส่งด้วยนะคะ ป้าวางไว้ให้ที่ห้องทำงานเหมือนเดิม” หากเป็นปกตินางจะได้เห็นเจ้านายวิ่งหายเข้าไปในห้องทำงานแล้ว แต่นี่...กลับเป็นครั้งแรกที่เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินหายออกจากบ้านไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับมัน“หรือจะเป็นเพราะคุณข้างบนนั่น เจ้าพระคุณ! ขอให้ใช่ทีเถอะ!” หญิงชราอดบนบานขึ้นมาไม่ได้ เพราะอยากเห็นนายน้อยที่นางเลี้ยงมากับมือเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเสียที ผู้หญิงคนนั้นก็เหลือเกิน ทั้งๆ ที่แต่งงานใหม่ มีลูกมีผัวไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบส่งจดหมายรักมาให้ผู้ชายอื่นเรื่อย ไม่รู้หัวจิตหัวใจทำด
‘พี่ราม’ ของคุณป้าฉัตรดูหล่อ และเด็กกว่าในรูปที่เคยเห็นอยู่มากนัก แม้เขาจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอได้รับรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่กับท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน... ‘หนูอ้อนไม่ต้องตกใจนะลูก ถ้าพี่เขาจะเย็นชาไปสักนิด ตารามก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กับป้าเองเขาทำแบบนี้เหมือนกัน’ ขนาดกับแม่แท้ๆ ยังเย็นชาใส่ ก็ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะทำแบบนั้นกับเธอ หรือคนอื่นๆ“มาถึงแล้วก็รีบขึ้นรถ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาทำเรื่องไร้สาระทั้งวัน!” ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเข้มจัดก็เอ่ยขึ้นเหมือนคล้ายว่าจะตำหนิที่เธอยังไม่ยอมพาตัวเองขึ้นมาบนรถเสียทีการทำอะไรช้าๆ ของเธอ ทำให้เขาเสียเวลาที่มีค่าไปสินะ!“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นเพียงสั้นๆ ก่อนจะรีบพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถข้างคนหน้าดุ พยายามเบียดตัวเข้าหาประตูรถให้ได้มากที่สุด ทว่าท่าทีนั้นยิ่งกลับทำให้คนเห็นถึงกลับหน้าตึง!กลัวเขา...แต่ไม่ยักกลัวไอ้บุญส่ง!ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้...ปกติแล้วผู้หญิงมักจะชอบเข้าหาเขาด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่อย่าง ไม่ให้ท่า ก็อยากลองขอ
“ถึงแล้วครับคุณอ้อน” เป็นเสียงของลุงชุม คนขับรถเรียกสติหญิงสาว ก่อนที่เจ้าของดวงตาเศร้าจะหันไปมอง ‘ท่ารถ’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของตนเองอย่างชั่งใจ ว่าจะลงไปดีหรือไม่ แต่หากไม่ลงไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนได้อีก เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว ญาติคนอื่นๆ ที่เหลือ ต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมด และเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ครั้นจะให้ไปอยู่กับคุณป้าฉัตรที่บ้าน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจากสามีของท่าน ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคุณลุงคนนั้นเจ้าชู้มากแค่ไหน เพราะเหตุผลนี้เองเลยทำให้เธอต้องดั้นด้นมาไกลถึงที่นี่ นั้นเป็นเพราะว่ามัน...เป็นทางเลือกเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้“ผมคงส่งได้เท่านี้นะครับคุณอ้อน” แม้ใจจะอยากส่งคนของผู้นายผู้หญิงไปให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสักแค่ไหน แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของลูกชายคนโตของท่าน เขาซึ่งเป็นแค่คนขับรถจึงไม่กล้าขัดใจ จำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด ส่วนเหตุผลนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบให้ ‘คนนอก’ เข้าไปวุ่นวายในเขตหวงห้ามของตัวเอง ไม่ว่าใครคนไหน“ไม่เป็นไรค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งอ้อน ขับรถกลับดีๆ นะคะ
‘จำไว้นะลูกราม คนเรามีดี มีชั่วอยู่ในตัวกันทั้งนั้น ถ้าเราเลือกแต่จะเคารพแค่กับคนที่คิดว่าดี คนเลวๆ ที่พร้อมจะกลับตัวกลับใจ ก็จะไม่ได้รับโอกาสอีกเลย...’เขายึดถือคำสอนนี้ของพ่อมาโดยตลอด จึงไม่เคยคิดแบ่งแยก สำหรับเขาทุกคนเท่าเทียมกันหมด และเขาก็พร้อมช่วยเหลือ ถ้ามันไม่เหนือบากกว่าแรงตัวเองแล้วนี่..กับผู้หญิงตัวคนเดียวที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ“ผมจะไม่ยุ่งกับเขามากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าเกิดเด็กนั่นสร้างปัญหา...คุณต้องมารับเธอกลับไปทันที!” ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นแม่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดลูกชายพร้อมกับคำขอบคุณ“ขอบคุณนะลูก ขอบคุณจริงๆ”นางคิดไม่ผิดที่มาขอให้ลูกช่วย คเชนทร์เท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถทำตามคำสัญญา ที่เคยได้ให้ไว้กับเพื่อนรักที่จากไปได้“รับปากเราอย่างนะฉัตร ถ้าวันหนึ่งเรากับพี่เอสเป็นอะไรไป เราขอ...ฉัตรอย่าทิ้งยายอ้อนนะ เราไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับคนอื่น คนเดียวที่เราไว้ใจคือฉัตร” ใครเลยจะไปคิดว่านั่นจะเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่นางกับเพื่อนได้พูดคุยกัน ในวันนั้นนางยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไป เพื่อนรักก็มาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียก่อน “หลับให้สบายนะหวาน ไม่ต
“นะรามลูก ถือว่าช่วยแม่สักครั้ง” เกิดร่องรอยความลำบากใจขึ้นหลังจากสิ้นคำขอร้องของ ‘ผู้เป็นมารดา’ ที่นานๆ ครั้ง จะพาตัวเองมาเยี่ยมเยียนให้พอให้พบหน้า และก็เป็นทุกครั้งที่อีกฝ่ายมักจะนำพาปัญหามาให้ ‘คเชนทร์’ ลูกชายคนโตต้องคอยแก้ไขให้ หากแต่ครั้งนี้ปัญหาที่ท่านนำติดตัวมาด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำให้รู้สึกลำบากใจไม่น้อย“ขอโทษครับ แต่ครั้งนี้ผมคงช่วยอะไรไม่ได้” หากสิ่งที่คนตรงหน้าร้องขอ เป็นเรื่อง ‘เงิน’ เหมือนทุกครั้ง เขาคงยอมช่วยเพื่อตัดปัญหา หรือความวุ่นวายที่จะตามมาไม่จบสิ้น แต่เพราะครั้งนี้คำขอร้องของท่านมันต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับปากออกไปส่งๆ โดยไม่คิดถึงสิ่งที่อาจจะตามมาในภายหลังคุณฉัตรแก้วมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อยต่อคำปฏิเสธของลูก ลูก...ที่นางไม่ค่อยจะเหลียวแลเท่าไหร่ตราบเท่าที่พอจะจำความได้ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่ดูเหมือนจะขาดหายไปนับตั้งแต่วันนั้น วันที่นางตัดสินใจหย่าขาดกับพ่อของลูก และก็เป็นผู้ชายจองหองคนนั้น ที่กักตัวลูกชายของเธอไว้ ไม่ยอมปล่อยให้คเชนทร์ไปกับนางด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า เขากลัวนางพาลูกออกไปลำบากคงเป็นการดีกว่าที่ให้ลูกอยู่กับเ