แก้วเจ้าจอมเลือกทางเลือกที่สองนั่นคือย้ายมาทำงานกับภูมิทัดส่วนทางแรกเธอไม่มีสิทธิ์เลือกเพราะเจ้าของบ้านไม่ยอมให้ทำ เธอเริ่มงานใหม่ด้วยความรู้สึกวูบโหวงในอก ยิ่งคิดถึงภาพของใครบางคนที่ทิ้งเธอไว้ที่บ้านเมื่อเช้า ยิ่งรู้สึกเจ็บ ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้เริ่มรู้สึกว่าไม่แน่บางทีเธออาจคิดผิด ไม่ก็แก้ปัญหาไม่ตรงจุด“ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าครับน้องอ้อน ไอ้รามมันถึงได้ส่งเรามาทำงานกับพี่ได้”เดือดร้อนภูมิทัดที่ต้องถามเพราะเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ ปกติมันหวงน้องอย่างกับอะไรดี ใครเข้าใกล้ได้ที่ไหนแล้วนี่เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!จะว่ามันเบื่อน้องก็น่าจะใช่ เพราะที่เห็นไม่เป็นแบบนั้นเลย“เรื่องข่าวลือนั่นน่ะค่ะ...อ้อนไม่สบายใจเลยขอคุณรามย้ายมาทำงานกับพี่ทัด อ้อนผิดเหรอคะ...ที่ตัดสินใจแบบนี้” แก้วเจ้าจอมเลือกที่จะตอบกลับไปตรงๆ และถามกลับ ไม่รู้จะปิดไปทำไม อีกอย่างคนตรงหน้า ก็ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายที่เธอให้ความเคารพรัก อีกอย่างเขารู้จักคุณรามมานาน น่าจะช่วยหาทางออกให้ได้“อ้อนไม่ผิดหรอก ไม่ต้องคิดมากนะ คนมีปากมันก็พูดไปเรื่อย ลองเราทำเป็นไม่สนใจ อีกสักพักเดี๋ยวก็เลิกพูดกันไปเอง” เสียงเข้มตอบก่
“โตแล้วยังไง ถ้าตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่ กินเงินเดือนฉันอยู่ ฉันไม่อนุญาตให้เธอคบใครทั้งนั้น! นี่เป็นคำสั่ง!” ถ้าอยากคบก็มีแค่คนเดียวที่เขาจะอนุญาต ซึ่งคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหนแต่เป็นเขาเอง ความรู้สึกอยากครอบครองที่เกิดขึ้นหลัง จูบ ทำให้ยิ่งรู้สึกมั่นใจว่านี่มันไม่ใช่ความรู้สึกเรื่อยเปื่อย ที่จะเกิดขึ้นกับใครได้ง่ายๆ ที่แม่ของเขาเคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้คงจะเกิดขึ้นจริงก็คราวนี้’ตอนนี้เขา...หลงเด็กน้อยหลงทางของท่าน’ เข้าแล้วจริงๆอย่าว่าแต่แก้วเจ้าจอมเลยที่ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น คเชนทร์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นลงไป ซ้ำยังกระทำในที่สาธารณะอีก เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้ายแค่ไหนก็ตอนที่ได้เห็นริมฝีปากบวมช้ำของ‘น้อง’ หลังจากอุ้มอีกฝ่ายลงจากหลังม้าท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของใครหลายคนที่กำลังมองมา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาห้ามไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้“คุยกันก่อน...” เพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบและตั้งท่าจะเดินหนีกันท่าเดียวเขาเลยต้องรั้งต้นแขนเธอเอาไว้ อย่างไรก็ต้องคุยกัน“เพราะอ้อนไม่มีใครใช่ไหมคะ! คุณรามถึงคิดจะทำยังไงกับอ้อน
“ใครกันล่ะ ที่เป็นคนตัดสินว่าอะไรควรหรือไม่ควร ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ทำไมต้องกลัว” นั่น...มันก็ถูกของเขา แต่ถึงยังไง เธอก็ไม่อยากทำให้เขาดูไม่ดีในสายตาของใครต่อใครอยู่ดีเธอเป็นแค่คนเดินดินธรรมดา ส่วนเขาเป็นถึงเจ้าของไร่ ความแตกต่างนี้เองคือเหตุผลที่ว่า ทำไมเธอกับเขาถึงไม่ควรใกล้ชิด“หรืออ้อนรังเกียจที่จะเดินข้างฉัน”“มะ...ไม่ใช่นะคะ อ้อนไม่ได้...” พูดได้เท่านี้เธอก็ต้องก้มหน้านิ่ง เพราะคิดไม่ออกแล้วว่าควรตัดสินใจอย่างไรดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น“ถ้าความต้องใกล้ชิดกันของเราทำให้อ้อนลำบากใจ ต่อไปฉันจะไม่เข้าใกล้อ้อนอีก” คเชนทร์ตัดสินใจเลือกให้เพราะไม่อยากทำให้คนตรงหน้ารู้สึกอึดอัดถึงแม้ว่านี่มันจะไม่ใช่ในแบบที่คิดเอาไว้แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อมันเป็นความต้องการของน้องความเงียบที่เกิดขึ้นมาตลอดทางทำให้แก้วเจ้าจอมเริ่มรู้สึกผิดจนอยากจะร้องออกมาดังๆ สุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวถึงได้เอ่ยขึ้น“คุณรามโกรธอ้อนเหรอคะ”เธอไม่ชอบความรู้สึกในตอนนี้ แต่ก็ไม่รู้อีกว่าควรทำแบบไหน ยังไงถึงจะดีต่อทุกคน โดยเฉพาะเขา ที่เธอแคร์มากกว่าใครๆ “ฉันไม่ได้โกรธ” แต่ก็ไม่ได้พอใจมากนัก ท
“สีเดิมมันเก่าแล้ว ทาใหม่ก็ดี ว่าแต่ช่วยคิดหน่อยสิ ทาสีอะไรดี” หนนี้เขาร้องขอความคิดเห็น เพราะลำพังตัวเองคงไม่สันทัดในเรื่องพวกนี้ จึงปล่อยให้คนที่มีพรสวรรค์มากกว่าตัดสินใจแทน“เอาเป็นสีเดียวกับวัวดีไหมคะ น่ารักดี ขาวหรือดำก็ได้ ว่าแต่.. คุณรามชอบสีไหนมากกว่ากันคะ ดำหรือขาว” หญิงสาวเสนอความคิด ก่อนจะหันไปถามความชอบของเขาเพื่อนำมาตัดสินใจ“ดำค่ะ...” แม้จะเป็นคำตอบที่ถูก แต่นั่นมันกลับไม่ใช่เสียงของเขาแต่อย่างใด...”รามชอบสีดำ” กระทั่งเจ้าของเสียงเอ่ยขึ้นอีกครั้งเขาถึงได้หันไปมองก่อนจะพบเข้ากับภาพที่ไม่คาดฝันจะได้เห็น นับแต่วันนั้นวันที่เธอทิ้งกันไปเพื่อแต่งงานกับผู้ชายอีกคน คนที่คิดว่าดีพร้อมมากกว่า ซึ่งเขาก็ยอมรับการตัดสินใจในครั้งนั้น ยอมปล่อยมือแต่โดยดี เพื่อให้เธอได้ไปเจอคนที่คิดว่าดีว่า ส่วนตัวเองก็ทุรนทุรายอยู่เกือบขวบปี มาตั้งสติได้ก็ตอนที่พ่อ จากไปอย่างไม่มีวันกลับ“นลิน...”หลังจากหายตกใจ คเชนทร์ถึงได้พาทั้งสองสาวขึ้นรถมาที่ห้องอาหารของภูวเดชเพื่อนสนิท โดยปล่อยให้เลขารอที่รถเพราะไม่ต้องการให้แก้วเจ้าจอมมานั่งฟัง เรื่องที่เขากับอดีตคนรักคุยกันซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่
“แค่นี้สบายมากค่ะ เรากลับไร่เถอะค่ะ อ้อนตื่นเต้นอยากเห็นสีใหม่คอกวัวแล้ว คุณรามสัญญาแล้วนะคะว่าจะให้อ้อนเป็นคนเลือกสี ห้ามผิดคำพูดนะคะ” สีหน้าตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ของคนตรงหน้าทำให้คเชนทร์คลายความกังวลในใจไปได้มากเหมือนทุกครั้ง เพราะอย่างนี้ไงถึงไม่อยากปล่อยไปไหนไกลสายตาไม่ชอบใจทุกครั้งที่เห็นเธอเที่ยวไปส่งยิ้มให้ใครต่อใคร จะว่าหวงก็ไม่เถียง เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ และนับวันมันยิ่งจะหนักมากขึ้นเขาหวงแหนทุกสิ่งที่เป็นเธอ ไม่อยากให้ไปไหนไกลสายตา อยากให้อยู่ใกล้ อยู่เป็นความสบายใจของเขาแค่คนเดียวตกเย็น“คุณนลินกลับมาแล้ว แถมยังหย่ากับผัวด้วยอีก ฉันล่ะกลัวใจคุณรามเธอจริงๆ นะป้า! โบราณเขาว่าวัวเคยค้าม้าเคยขี่ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ!” คำพูดนั้นทำให้คนที่ตั้งใจจะลงครัวช่วยทุกคนทำอาหารเย็นชะงัก เมื่อบทสนทนามีคนที่เธอเพิ่งจะได้พบอยู่“เรื่องของนาย เรามันก็แค่บ่าวจะไปทำอะไรได้วะ!” นางฟางคงพูดได้เท่านี้ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่มีหน้าที่ตัดสินใจก็คือคุณรามซึ่งไม่ว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจแบบไหน นางกับคนอื่นๆ ก็น้อมรับ ถึงแม้ใจจะไม่อยากต้อนรับคนที่เคยทำให้เจ้านายเจ็
สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ต่างฝ่ายจะพากันวิ่งเข้าไปดูคนของตัวเองที่พากันวิ่งสะดุดล้ม แต่ดูเหมือนคนเจ็บจะมีแค่แก้วเจ้าจอมคนเดียว โชคดีที่เธอพอมีสติ ถึงได้คว้าตัวหนูน้อยเจนนี่เข้ามากอดได้ทัน ในจังหวะที่สะดุดกอหญ้าพากันล้มกลิ้งลงไปทั้งคู่“อ้อนขอโทษค่ะ น้องเจ็บตรงไหนไหมคะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่คนในปกครองเลือกที่จะแสดงความห่วงใยคนอื่นก่อนตัวเองให้เห็น“ไม่ค่ะ น้องไม่เจ็บ ขอบคุณนะคะน้องอ้อน” นลินจำต้องขอบคุณอย่างเสียไม่ได้ โชคดีที่อีกฝ่ายคว้าตัวลูกเธอไปกอดไว้ เลยทำให้แม่ตัวจอมซนไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ“เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันนะครับนลิน ผมขอพาคนของผมไปหาหมอก่อน”เป็นคเชนทร์ที่เอ่ยขึ้นก่อนจะช้อนอุ้มคนเจ็บขึ้นแนบอก“คุณราม! แผลแค่นี้ทำเองที่บ้านก็ได้ค่ะ ไม่ไปหาหมอนะคะ” เธอไม่ชอบโรงพยาบาล ไม่ชอบกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ลอยคละไปทั่วมันทำให้เธอคิดถึงวันที่ต้องเสียทั้งพ่อและแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอไม่อยากกลับไปยังสถานที่ที่มีบรรยากาศแบบนั้นอีก!“ไม่ได้! เกิดแผลติดเชื้อขึ้นมาว่าจะว่าไง! ไปให้หมอดูก่อน...” อาจเพราะเสียงดุๆ ของเขา หรือเพราะสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็น
คำพูดที่คุณป้าฉัตรทิ้งไว้สร้างความกดดันแก่แก้วเจ้าจอมไม่น้อย กระทั่งเมื่อ ‘เขา’ เดินมาบอกถึงการตัดสินใจเธอถึงได้ถามกลับ“แบบนี้จะดีแน่เหรอคะ อ้อนว่า...” การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะตัดสินใจในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะนี่มันเป็นทั้งชีวิต!“เธอรู้นิสัยแม่ฉันดี ถ้าเราไม่ทำ แม่จะไม่ยอมหยุดราวีนลินกับลูกจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ...” คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นทำให้คนฟังหัวใจสลาย เพราะทั้งหมดนี้เขาไม่ได้ทำเพื่อใครเลยเขายอมทำทั้งหมดนี้...เพื่ออยากให้คุณลนินกับลูกปลอดภัยเท่านั้นเองสินะ...ส่วนเธอก็แค่หมากในเกมที่เผลอมาอยู่ผิดทางผิดทางก็เท่านั้น และเพื่อตอบแทนเขากับคุณป้าที่เคยช่วยเธอไว้ เธอจะทำ!“อ้อน...ตกลงค่ะ!” เธอตอบรับก่อนจะก้มหน้านิ่งเพื่อหลบซ่อนความปวดร้าวที่อาจเผลอแสดงออกไปให้เขาได้เห็น ใครเลยจะรู้ว่าลับหลังนั้นมีใครบางคนซ่อนรอยยิ้มอยู่ ด้วยความรู้สึกพอใจ...เมื่อตัดสินใจแบบนั้น วันต่อมาคเชนทร์ก็พาเธอขึ้นรถไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภอตามความต้องการของมารดา เขาทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง เหมือนเป็นแค่อีกวันที่ไม่ได้พิเศษอะไร ต่างจากเธอ ที่ใจเต้นแรงจนเกือบทะลุอก ในเสี้ยววินาท
คเชนทร์เป็นคนแรกที่ตื่นขึ้น โดยมีร่างนุ่มนิ่มของคนข้างกายให้ได้กอดคลายหนาว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการแอบมองใบหน้ากระจ่างใจของคนที่ขึ้นชื่อว่า ‘เมีย’ ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินจนไม่อยากลุกไปไหน กระทั่งเมื่อเห็นว่าสายมากแล้วจึงค่อยๆ ขยับลุกก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมห่มผ้าให้คนบนเตียงเบาๆ เพราะอยากให้เธอนอนหลับไปอีกหน่อย ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าตามเขาก็ได้“ตื่นเช้าจังเลยค่ะคุณราม นี่ป้าเพิ่งจะหุงข้าวไปเอง หิวไหมคะ ถ้าหิวเดี๋ยวป้าปิ้งขนมปังให้รองท้องไปก่อน” นางฟางถามขึ้นอย่างตกใจ ด้วยไม่คิดว่านายน้อยของนางจะตื่นเช้ากว่าทุกวันเลยทำให้อะไรๆ ดูวุ่นวายไปหมดในเช้านี้“ผมรอได้ครับ ป้ามีอะไรไปทำก็ไปเถอะ” แต่เมื่อเจ้าของบ้านว่าตอบมาแบบนั้นสถานการณ์ภายในเลยค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ“ว่าแต่คุณอ้อนยังไม่ตื่นเหรอคะ” เพราะไม่เห็นคนที่มักตื่นเช้าอยู่ทุกวันเลยอดถามถึงไม่ได้ เผื่อป่วยไข้มาจะได้เรียกหมอมาดู“ครับ ยังไม่ต้องให้ใครขึ้นไปปลุกเขานะครับ ปล่อยให้นอนไปก่อน สายๆ ค่อยให้เด็กขึ้นไปดู” คำตอบที่ได้กลับมานั้นทำเอาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนถึงกลับลอยยิ้ม เห็นทีนางคงต้องจัดไข่ลวกให้คุณรามเสียหน่อย เผื่อว่าจะได้อุ
ภาพของเจ้านายที่ไม่ว่าจะไปไหนก็มักจะหอบเอาลูกสาวคนโตไปด้วยเสมอนั้นเป็นภาพที่ใครหลายคนได้เห็นจนชินตา โดยเฉพาะใบหน้าของทั้งสอง ที่ดูคล้ายกันมาก แต่ก็บางคนที่ทำเป็นมองไม่เห็นในความเหมือนนี้ด้วยเพราะถูกตาต้องใจพ่อของเด็ก “น้องสาวเหรอคะ หน้าตาน่ารักเชียว” คู่ค้ารายใหม่ที่เป็นสาววัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น ในจังหวะที่กำลังจะก้มหน้าอ่านสัญญา เหมือนอยากได้คำตอบก่อนตัดสินใจลงนาม “ลูกสาวครับ คนโต อีกคนอยู่ในท้องแม่ กำหนดคลอดสิ้นเดือนนี้แล้ว” คเชนทร์ให้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำที่สุดเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียวันนี้เขากับคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน แต่ถามว่าต้องสนไหมก็ไม่ ยังมีคนอีกมากที่อยากมายืนอยู่ในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องแคร์! “น่าเสียดายจังเลยนะคะที่เราเจอกันช้าไป จันทร์...ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ ถ้าสนใจเดี๋ยวจะให้เลขาติดต่อกลับมาอีกที” เขายิ้มรับตามคำบอกกล่าวนั้น ก่อนจะเรียกบุญส่งให้เข้ามาทำหน้าที่ส่งแขกแทน เพราะตัวเองไม่ว่างจะไปดูแลใคร นอกจากแก้วตาดวงใจที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนตัก คาดว่าคงหลับลึกไปถึงเย็น
ปลายฝนแวะเวียนมาถึงอีกหนึ่งปีให้หลัง เป็นปีที่แก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้ขึ้นมาดูทะเลหมอกกับสามี ตามที่เขาเคยให้สัญญาไว้ แม้จะรู้ดีว่าสถานที่ตรงนี้เคยมีความทรงจำกับเขากับอดีตคนรักอยู่ แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้าม เพราะอย่างที่เขาเคยว่าไว้ ‘อดีตมันเป็นสิ่งที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้’ เพราะอย่างนั้นเธอเลยเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสียใหม่ ไม่ฟูมฟายกับอดีตของเขา แม้ว่ามันจะไม่มีเธออยู่เลยก็ตาม วันเวลาทำให้เธอเติบโต และมีเหตุผลมากขึ้น และเธอยินดีให้เขาเก็บความทรงที่มีต่ออดีตคนรักไว้แบบนั้น ตราบเท่าที่มัน ไม่ได้ทำให้เขาทรมานเหมือนอย่างที่แล้วมาอีก “สวยจังเลยค่ะ” กลุ่มก้อนเล็กๆ สีขาวนวลที่จับกลุ่มกระจายอยู่รอบๆ ตัวนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน มันสวยกว่าที่คิดไว้ สวยเสียจนเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ได้ชวนคุณผิงขึ้นมาด้วยกัน แต่ถึงชวน อีกฝ่ายก็คงมาด้วยไม่ได้เพราะกำลังตั้งท้อง ซ้ำยังได้ลูกแฝด และพี่ทัดก็เหมือนจะหวงคนทั้งสามเอามากๆ ด้วย ชนิดที่ไม่ยอมให้ภรรยาหยิบจับอะไร เพราะกลัวจะสะเทือนไปถึงลูกสุดท้ายคู่นั้นก็ไม่ได้หย่ากันจริงๆ อย่างที่เคยตกลงกันไว้ในตอนแรก ซึ่งไม่มีใ
หลายเดือนต่อมา “มากันอีกแล้ว!” “โวยวายอะไรของมึงครับ พวกกูมาหาน้องอ้อน กับหลาน ไม่ได้มาหาคนหน้าเมื่อยอย่างมึงสักหน่อย! หลงตัวเองใหญ่โตนะมึงน่ะ!” ก็นั่นแหละที่ทำให้เขาโมโห มาแต่ละทีก็สร้างแต่เรื่อง นี่เรื่องหนก่อนที่พวกมันสร้างไว้กว่าเขาจะปรับความเข้าใจกับเมียได้ ก็ถูกไล่ออกมานอนตบยุงหน้าห้องเป็นเดือน ก็พวกเล่นพูดแต่เรื่องสาวๆ ที่ผ่านมาของเขาไม่หยุด ผลที่ได้คือเขาถูกเมียหึงเป็นครั้งแรกสมใจ แต่ดูเหมือนนอกจากพวกมันจะไม่พากันสลดแล้วนั้น ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยม และหาเรื่องให้เขาต้อง ‘งานเข้า’ อยู่เป็นประจำ! “ลูกกูยังไม่คลอดวันนี้พรุ่งนี้ จะรีบมากันไปไหน!” มากันทุกเดือน บางเดือนก็หลายหน ไม่รู้พวกมันไม่มีงานมีการทำกันรึไง! “แล้วไงวะ ก็คนมันคิดถึง ใช่ไหมครับน้องอ้อน ท้องใหญ่ขึ้นเยอะเลย กี่เดือนแล้วนะครับ” บุรินทร์ไม่หาความกับเพื่อนเพราะคนที่เขาอยากเจอยืนออกมารับแล้ว ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งอดตื่นเต้นไม่ได้ “แปดเดือนกว่าแล้วค่ะ” ว่าที่คุณแม่มือใหม่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม แม้จะเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็อยากออกมาต้อน
เท่านั้นเองคนที่อยากมีลูกใจจะขาดก็แทบจะอุ้มเมียขึ้นรถไปโรงพยาบาล และก็เป็นอย่างที่ใครคาดไว้ เมียเขาท้องแล้วจริงๆ“พี่ราม อ้อนเดินเองได้ค่ะ” ยิ่งรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ สามีผู้ซึ่งดีใจกว่าใครๆ ยิ่งตามติดเธอมากขึ้น เขาแทบไม่ยอมให้เธอละสายตาไปไหน ขนาดขอไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่วายเดินตามไปเฝ้า“ให้พี่อุ้มดีกว่า อ้อนจะได้ไม่เหนื่อยไง”“อ้อนไม่เหนื่อยจริงๆ ค่ะ” มากสุดเธอก็แค่หิว อยากกลับบ้านไวๆ เพราะเหมือนจะได้ยินผ่านโทรศัพท์มาว่าป้าฟางจัดมะม่วงน้ำปลาหวานกับข้าวต้มกุ้งเอาไว้รอ ซึ่งแค่ได้ยินก็เปรี้ยวปากแล้ว“อย่าดื้อกับพี่สิ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง ให้พี่อุ้มดีแล้ว” เขาว่ามาแบบนั้น เธอเลยปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็อยากทำตัวว่าง่าย เพื่อลบภาพตัวเองเมื่อสองชั่วโมงก่อนออกไป“แม่ได้ข่าว สรุปว่ายังไง!” กลับมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับคุณป้าฉัตรที่นั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน ท่าทีของท่านนั้นดูตื่นเต้นพอๆ กับพ่อของลูกไม่มีผิด ส่วนคนอื่นเธอไม่เห็น คิดว่าคงรออยู่ในบ้าน“ตามนั้นครับ อ้อนท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว!” คุณฉัตรแก้วแทบจะโผเข้ากอดลูกสะใภ้ทันทีที่ได้รับคำตอบ ดีใจเหลื
บุรินทร์และพวกเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนทันทีที่รู้ข่าวจากปากต่อปากว่าเพื่อนรักของเขาตอนนี้กำลังอินเลิฟ และคงเป็นการดีที่พวกเขาจะมากวนประสาทมันเล่น โทษฐานที่ชิงมีเมียก่อนเป็นคนแรกของกลุ่ม ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะไม่มีใครเพราะผู้หญิงก็เหมือนๆ กันหมด แต่ไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้“กูได้ข่าวมาว่านลินจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น” เขาเริ่มพุ่งประเด็นไปยังคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ และคงไม่มีโอกาสแล้วในชั่วชีวิตนี้“อืม กูรู้แล้ว...” ท่าทีของเพื่อนที่ดูเหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรต่อเรื่องที่ได้รู้นั้น ยิ่งทำให้ทั้งสามมั่นใจ ว่าตอนนี้มันคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนในอดีตแล้วอย่างที่ปากพูดจริงๆ ซึ่งพวกเขาเองก็เห็นด้วยกับการตัดขาดในครั้งนี้จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที“มึงลืมเขาได้แล้วจริงๆ”“กูไม่เคยลืมนลิน แต่กูเลือกที่จะมีความสุขกับปัจจุบัน” ก็แน่ล่ะ ปัจจุบันของมันน่ารักน่าหยอกออกขนาดนั้น เป็นเขาก็เลือก!“ไม่คิดว่ามึงจะมาลงเอยกับน้องอ้อน น้องดูไม่เหมือนนลิน” และอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ท่าทางของมันถึงได้ดูเป็นคนละคนเหมือนกับว่าตอนนี้จะดูมีความสุขมากกว่าครั้งนั้น ในอดีต“ใช่ อ้อนก
“พี่รักอ้อนขนาดนี้ พี่จะไล่อ้อนไปไหนได้ หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” เป็นอีกครั้งที่เธอส่ายหน้ากลับไปให้“อ้อนไม่กล้าคิดค่ะ เพราะอ้อนไม่มีอะไรคู่ควร...” คเชนทร์จัดการปิดกั้นคำพูดที่เหลือ ด้วยการรั้งใบหน้าอ่อนหวานขึ้นมาจูบมันเป็นจูบที่เปิดเผยทุกความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่งคนธรรมดาที่ไม่ได้วิเศษมาจากไหน แต่กลับเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ซึ่งแค่นี้มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขารักมากพอแล้วจริงๆ“อย่าดูถูกตัวเองให้พี่ได้ยินอีกนะ บอกตามตรงพี่ไม่ชอบเลย พี่รักอ้อนเพราะอ้อนเป็นอ้อน อ้อนไม่จำเป็นต้องดีพร้อมถึงจะเหมาะสมกับพี่ พี่ขอแค่อ้อนรักพี่ เหมือนที่พี่รักอ้อนเท่านั้น...พี่ขอแค่นี้ อ้อนพอจะทำให้พี่ได้ไหม” มากกว่านี้เธอจะทำให้เขาได้ ขอแค่เขารักเธออย่างที่เธอเป็นเธอ แค่นั้นก็มากพอแล้ว มากพอแล้วจริงๆ“ขออ้อนอยู่กับพี่รามนะคะ อยู่ตลอดไป...” เขายิ้มรับแทนคำตอบ ก่อนจะอาศัยจังหวะเหมาะๆ ช้อนอุ้มภรรยาขึ้นจากพื้น มุ่งตรงไปยังห้องนอนที่ชั้นสองของบ้านเพื่อปรับความเข้าใจกันสองคน“โทษฐานที่เข้าใจพี่ผิด แถมยังคิดจะยกผัวให้คนอื่น คืนนี้อ้อนต้องถูกลงโทษนะครั
เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เริ่มตั้งแต่ลืมตา ทำให้คเชนทร์มักจะกลับบ้านไม่ตรงเวลาเลยสักวัน วันนี้ก็เช่นกันที่กว่างานในมือจะเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่ม เขาเลยต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านเพราะกลัวว่าคนที่บ้านจะเป็นห่วง โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่วันนี้น่าจะกินข้าวเย็นคนเดียวเพราะเขาติดงาน ส่วนแม่กับน้องก็เพิ่งจะโทรมาบอกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เองว่าพากันไปค้างที่โรงแรมในเมือง เพราะขี้เกียจขับรถกลับ ห่วงก็แต่คนที่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียว ที่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างจะโกรธรึเปล่าที่เขากลับบ้านดึกอีกแล้ว“อ้อน เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม! นี่ดื่มเหล้าเหรอ!” ทว่าเมื่อมาถึง จากความเป็นห่วง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้นทันตา เมื่อได้กลิ่นฉุนของเหล้าบนเนื้อตัวที่เคยหอมกรุ่นด้วยกลิ่นแป้งเด็ก แต่บัดนี้กลิ่นหอมเหล่านั้นมันกลับถูกกลบไว้ด้วยกลิ่นของเหล้า“ค่ะ อ้อนดื่มเหล้า! ไม่ได้เหรอคะ!” หรือต้องทำตัวน่ารัก ว่านอนสอนง่ายเหมือนทุกครั้ง เขาถึงจะพอใจ เพราะเธอเป็นแบบนั้นใช่ไหม ใครต่อใครถึงได้ชอบทำเหมือนเธอไม่มีความรู้สึกกันนัก!“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าใครทำอะไร บอกพี่!” นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเห็นทุกวัน
“ไม่มีหรอกค่ะ ผิงก็แค่ดีใจที่แม่มาหาก็เท่านั้นเอง ครั้งนี้แม่อยู่นานไหมคะ ผิงอยากให้แม่อยู่ด้วยนานๆ” ความจริงเธออยากแม่อยู่ที่นี่ตลอดไปได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องกลับไปเจอกับการกระทำอันมักมากของพ่อที่ทำให้ต้องเจ็บปวดไม่เว้นวัน แม้เธอจะรู้ว่าแม่เข้มแข็ง แต่ก็ไม่อยากเห็นท่านต้องมาพบเจอกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี เธออยากให้แม่หักดิบด้วยการตัดใจ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่คิดว่าพ่อจะคิดได้ มีแต่จะทำร้ายกันหนักข้อมากขึ้นทุกวัน! “แม่รู้ว่าเราเป็นห่วง แต่แม่ยังไหวอยู่” นางรักพ่อของลูกมาก และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาทำร้ายจิตใจกันนางก็ยังเลือกที่จะทนอยู่เพราะหวังว่าสักวันเขาจะคิดได้ สักวันเขาจะรู้ว่าใครกันที่รักเขามาก รักจนยอมทุกอย่าง ยอมให้เขาได้มีใครอีกหลายคนเข้ามาในชีวิต และพยายามดิ้นรนเพื่อเข้ามาเป็นใหญ่ในบ้านแทนที่นาง! แต่สิ่งที่สามีของเขาไม่รู้ คือความรักที่ว่านั้นมันมีขีดจำกัด หากเมื่อไหร่นางหมดสิ้นความรักที่มีต่อแล้ว ทุกอย่างก็คงต้องจบลง“ผิงรู้ว่าแม่เข้มแข็งแล้วก็รักพ่อมาก แต่ผิงกับพี่รามอยากให้แม่รักตัวเองมากกว่า แม่เชื่อพวกเราเถ
ความตื่นเต้นทำให้มีหนึ่งคนนอนไม่หลับจนถึงเช้า กระทั่งขึ้นมาบนรถแล้ว ก็ยังไม่หายดีใจที่จะได้ไปเที่ยว ผิดกับคนอื่นๆ ที่เหมือนจะไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ อาจเพราะได้ออกไปเที่ยวบ่อย ต่างจากเธอที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะพ่อกับแม่ไม่อยากให้ไปตลอดการเดินทางไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเพราะมีพิรสากับภูมิทัดถกเถียงกันให้ได้ยินตลอดเป็นระยะๆ ถึงเส้นทางที่ต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่ามันจะเป็นทางลัดที่ใกล้ที่สุด ซึ่งหากเป็นช่วงแรกๆ เธอคงสะกิดปลุกคุณรามให้เข้าไปห้าม แต่ตอนนี้เพราะเริ่มชินแล้วถึงได้นั่งมองอย่างเงียบๆ อีกหน่อยเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดทะเลาะกันเอง“ฉันบอกแล้วว่าให้ไปอีกทาง เป็นไงหลงจนได้! สมน้ำหน้า!”“พูดมากน่าคุณ! ผมก็บอกอยู่ว่านี่มันเป็นทางลัดๆ” และทางลัดที่ว่าก็พาทุกคนมาถึงจุดหมายช้ากว่าเดิมถึงสามชั่วโมงเต็ม!แม้จะถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดการไปบ้าง แต่ความโชคดีก็ยังพอมีนั่นคือแก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นภาพที่สวยจนไม่กล้าละสายตาไปไหน กระทั่งเสียงคนข้างๆ ดังขึ้น“หนาวไหม” เขาค่อนข้างเป็นกังวลในเรื่องนี้อยู่บ้างเพราะเหมือนจะได้ยินแม่เคยพูดว่าน้องเป็นคนขี้หนาว ซ้ำยังเ