คเชนทร์เป็นคนแรกที่ตื่นขึ้น โดยมีร่างนุ่มนิ่มของคนข้างกายให้ได้กอดคลายหนาว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการแอบมองใบหน้ากระจ่างใจของคนที่ขึ้นชื่อว่า ‘เมีย’ ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินจนไม่อยากลุกไปไหน กระทั่งเมื่อเห็นว่าสายมากแล้วจึงค่อยๆ ขยับลุกก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมห่มผ้าให้คนบนเตียงเบาๆ เพราะอยากให้เธอนอนหลับไปอีกหน่อย ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าตามเขาก็ได้“ตื่นเช้าจังเลยค่ะคุณราม นี่ป้าเพิ่งจะหุงข้าวไปเอง หิวไหมคะ ถ้าหิวเดี๋ยวป้าปิ้งขนมปังให้รองท้องไปก่อน” นางฟางถามขึ้นอย่างตกใจ ด้วยไม่คิดว่านายน้อยของนางจะตื่นเช้ากว่าทุกวันเลยทำให้อะไรๆ ดูวุ่นวายไปหมดในเช้านี้“ผมรอได้ครับ ป้ามีอะไรไปทำก็ไปเถอะ” แต่เมื่อเจ้าของบ้านว่าตอบมาแบบนั้นสถานการณ์ภายในเลยค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ“ว่าแต่คุณอ้อนยังไม่ตื่นเหรอคะ” เพราะไม่เห็นคนที่มักตื่นเช้าอยู่ทุกวันเลยอดถามถึงไม่ได้ เผื่อป่วยไข้มาจะได้เรียกหมอมาดู“ครับ ยังไม่ต้องให้ใครขึ้นไปปลุกเขานะครับ ปล่อยให้นอนไปก่อน สายๆ ค่อยให้เด็กขึ้นไปดู” คำตอบที่ได้กลับมานั้นทำเอาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนถึงกลับลอยยิ้ม เห็นทีนางคงต้องจัดไข่ลวกให้คุณรามเสียหน่อย เผื่อว่าจะได้อุ
“คุณราม...” ความโกรธทำให้คเชนทร์ตัดสินใจฝังจมูกลงบนแก้มป่องไปฟอดใหญ่ผลที่ได้คือเสียงร้องตกใจของผู้เป็นเจ้าของมัน“คืนนี้จะมีแค่เรื่องของเราเท่านั้น ไม่มีนลิน ไม่มีแม่ฉัน มีแค่เรา และอย่าคิดยกฉันไปให้ใครง่ายๆ แบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นก็จะโดนแบบนี้...” เขาสาธิตวิธีลงโทษให้ดูก่อนจะการก้มลงไปจูบแรงๆ ที่เรียวปากหวานไม่สนแล้วว่าจะได้รับการยินยอมจากอีกฝ่ายรึเปล่า นาทีนี้เขาสนแค่ทำให้เธอรู้ ว่ามีเขาเป็นผัวแล้วต้องมีไปตลอด“อื้อ คุณราม” จูบ...ครั้งที่เท่าไหร่เธอเองก็จำไม่ได้ แต่มันเป็นจูบที่รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ เพราะนอกจากเขาสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามามานั้น มือไม้ยังไม่ยอมหยุดอยู่ที่ที่ควรอยู่ มันทำให้ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นฉับพลันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครที่ไหนมาก่อน แม้จะไม่ประสา แต่ก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่หยุดเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เหมือนนาทีนี้เรียวแรงที่เคยมีไม่รู้ว่าหล่นหายไปไหน อาจเป็นระหว่างที่ถูกอุ้มเข้ามาในห้องหรือที่ไหนสักที่ก็ไม่แน่ใจ...“เปิดปากให้พี่หน่อยครับ คนดี...” คำว่า ‘พี่’ ที่ดังขึ้นตามติดในนาทีต่อมา หล่อหลวมเป็นความเคลิบเคลิ้มขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ อ้อนไม่เจ็บแล้วก็ได้ค่ะ” คเชนทร์ให้รางวัลคนน่ารักด้วยการก้มลงไปหอมแก้มป่องๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อก่อนจะกล่อมคนป่วยให้หลับด้วยการลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังบอบบางเห็นทีงานวันนี้คงต้องยกเลิกทั้งหมด เพราะเขาคงไม่มีกระจิตกระใจที่จะลุกไปไหน ตราบใดที่ไข้ของคนในอ้อมกอดยังไม่ลด“หลับนะ ตื่นมาก็ไม่เจ็บแล้ว พี่จะอยู่เป็นเพื่อนอ้อนตรงนี้ ไม่ไปไหน” แก้วเจ้าจอมยิ้มรับต่อคำบอกกล่าวนั้นของสามีด้วยความรู้สึกเต็มตื้น ไม่นานก็หลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดของผู้เป็นสามีเมื่อความสัมพันธ์เปลี่ยน หลายสิ่งก็ย่อมเปลี่ยนตามเป็นเรื่องปกติ แต่มันเป็นเรื่องปกติที่คนได้รับถ่ายทอดคำสั่งมารับไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องงานที่ไม่ว่าจะพยายามพูดเท่าไหร่ คนเอาแต่ใจก็เหมือนจะไม่ยอมฟังกัน เขาเอาแต่ย้ำว่าเมียคนเดียวเขาเลี้ยงได้ ซึ่งนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายเถียงไม่ชนะเขาเลยยอมอ่อนข้อให้โดยการแบ่งงานเอกสารเล็กๆ น้อยๆ มาให้ทำที่บ้าน ส่วนเรื่องจะออกไปทำงานกลางแดดลืมไปได้เลย เพราะว่าเขาไม่อนุญาต และอะไรก็ตามที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น!คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ตามลำพังที่หน้า
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบหกสิบเก้าปีของท่านผู้ว่าประจำจังหวัด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติของท่าน ผู้คนมีหน้ามีตามากนับร้อยถูกเชิญให้มาร่วมงานในค่ำคืนนี้กันอย่างหนาหู ซึ่งพอได้มาเห็นก็ทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมคนข้างกายของเธอถึงอยากให้เธอสวมใส่เครื่องเพชรราคาแสนแพงของเขานัก เพราะเครื่องเพชรที่เธอสวมอยู่ แทบจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับคุณหญิงคุณนายบ้านอื่นที่ต่างพากันขุดเอาสมบัติของตระกูลมาใส่ หากไม่มีมือหนาจับจูงเธอไว้ข้างกาย เธอเองก็คงวางตัวไม่ถูกไม่น้อย ที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครมากมายขนาดนี้นับตั้งแต่วินาทีแรก ที่ปรากฏตัวพร้อมกันกับเขาในฐานะภรรยา“ตื่นเต้นเหรอ”“นิดหน่อยค่ะ” แม้จะเคยออกงานกับเขามาบ้าง แต่เธอก็ยังทำใจให้ชินกับบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เสียที อาจเป็นเพราะครั้งนี้ถูกจับตามองมากกว่าครั้งไหน เลยยิ่งทำให้รู้สึกกดดันในทุกย่างก้าว“ไม่ต้องกลัวนะ อยู่ข้างๆ พี่ก็พอ” คเชนทร์ส่งยิ้มให้กำลังใจภรรยา ก่อนจะพาเธอไปหาเจ้าของงานที่กำลังยืนรับแขกอยู่ไม่ไกล“สวัสดีครับท่าน”ซึ่งกว่าจะฝ่าฝูงชนของผู้คนที่ร่วมงานมาถึงตัวท่านได้ เขาก็ต้องนับหนึ่งถึงร้อยไม่ให้ตัวเอ
“ขอโทษครับ ขอผมดูหน่อย” เขาแค่อยากช่วยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง ด้วยพอจะรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนของใคร“อย่าแตะต้องเธอ!” เป็นคเชนทร์ที่ตวาดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามากระชากภรรยาไปกอดไว้อย่างหวงแหน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมถอยไปแต่โดยดีเมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว...”เธอได้รับบาดเจ็บ ผมแค่อยากจะช่วยก็เท่านั้น”“นี่เมียผม ผมดูแลเองได้!” จบคำนั้นร่างบอบบางก็ถูกช้อนอุ้มขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของผู้คนรอบข้าง แต่นาทีนี้คนที่ดึงความสนใจจากเขาไปได้มีเพียงคนเจ็บในอ้อมกอดคนนี้คนเดียวเท่านั้น ส่วนคนพวกนั้น มันก็แค่ความน่ารำคาญที่เขาอยากจะหนีไปให้พ้น!“อ้อนขอโทษค่ะที่ก่อเรื่อง”หลังจากปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันมาพักใหญ่ แก้วเจ้าจอมจึงเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้สามีต้องมาพลอยเสียหน้าไปด้วยแบบนี้ หลังจากอุ้มเธอออกมาขึ้นรถ ก็ไม่มีประโยคไหนเลยหลุดออกมาจากปากเขา นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดท่วมท้น คิดเอาเองว่าเขาคงโกรธที่เธอก่อเรื่อง ทำให้ต้องอับอายต่อหน้าคนในงาน แม้เธอจะไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่ก็ถือว่ามีส่วนผิดอยู่ดีเธอไม่ควรมางานนี้ด้วยซ้ำ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรแต่ก็ดื้อดึงจะมา!“อ้อนไม
“มะ...ไม่ได้ค่ะ พี่รามสัญญาแล้วนะคะว่าแค่จูบ ห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด ไม่งั้นอ้อนจะโกรธแล้วจริงๆ” นี่คงเป็นความผิดพลาดแรกที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดไปตลอดวันเพราะไม่ได้ทำอะไรต่อมิอะไรที่อยากทำกับเมียอย่างใจต้องการ!เพราะกลัว ‘คนโปรด’ ของป้าฟางจะเป็นโรคกระเพาะ คเชนทร์เลยเลื่อนเวลากลับบ้านเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง หวังจะกลับมาทำข้าวเย็นกินกันง่ายๆ สองคน แต่แผนที่ว่าต้องพังลงไม่เป็นท่าเพียงแค่ได้เจอ เข้ากับร่างบอบบางในชุดผ้ากันเปื้อนที่วิ่งออกมารับ“นลิน” เขาจำไม่ได้ว่านัดอีกฝ่ายมาที่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงค่อนข้างตกใจที่ได้เจอเธอในวันนี้“เรามาทันป้าฟางเข้าครัวทำอาหารเย็นพอดี ก็เลยอาสาขอเป็นลูกมือ เผื่อว่าจะได้ฝากท้องด้วยสักมื้อ เข้ามาก่อนสิคะ วันนี้มีแต่ของโปรดของรามทั้งนั้นเลยนะ”เธอบอกก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้ ทำเหมือนไม่เห็น สายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจของเขากับอีกคน“พี่มารบกวนแบบนี้น้องอ้อนคงไม่ว่าอะไรนะคะ พอดีน้องเจนแกไปค้างที่บ้านคุณตากับคุณยายน่ะค่ะ พี่อยู่เหงาๆ ไม่รู้จะไปไหน...” คำพูดนั้นตรงประเด็นเสียจนคนที่ถูกพูดด้วยไม่รู้จะตอบอะไร จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้านที่ต
ไม่ว่าเขาจะขึ้นห้องดึกแค่ไหน สิ่งแรกที่มักจะทำให้รู้สึกอุ่นซ่านไปทั่วหัวใจทุกครั้ง คือมักมีคนน่ารัก เตรียมน้ำอุ่นกับชุดนอนตัวเก่งเอาไว้ให้เสมอ วันนี้ก็เช่นกันที่ทั้งสองสิ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้เหมือนอย่างทุกวันแล้วแบบนี้...จะไม่ให้หลงยังไงไหว!เป็นอีกวันแล้วที่แก้วเจ้าจอมถูกทิ้งให้อยู่บ้าน เพราะพี่รามไม่ยอมให้เธอออกไปทำงานด้วย เขาให้เหตุผลว่าวันนี้ต้องตรวจงานกลางแดดตลอดทั้งวัน เลยขอร้องแกมบังคับให้เธอรออยู่ที่บ้านซึ่งมันไม่ใช่นิสัยของเธอเลยกับการที่ต้องมานั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บ้านแบบนี้ สุดท้ายก็ทนอยู่เฉยต่อไปไม่ไหว ขยับลุกขึ้นมาอาสาช่วยทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ แต่เอาจริงๆ หน้าที่เธอมีแค่เช็ดกระจกรอบบ้านเท่านั้น ส่วนที่เหลือคนอื่นๆ พากันแย่งทำจนหมดทำไปสักพักก็ต้องหันไปมองด้านหลัง เนื่องจากจู่ๆ ก็มีแรงสะกิดเบาๆ เกิดขึ้นที่หัวไหล่ ภาพแรกที่ได้เห็นคือผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง กระทั่งสิ่งที่เห็นในนาทีต่อมาทำให้ต้องรีบทิ้งทุกอย่างในมือลงเพื่อขยับเข้าไปประคอง ยามอีกฝ่ายโซเซคล้ายจะล้ม“คุณ...เป็นอะไรรึเปล่าคะ!” ยิ่งได้สัมผัส ก็ยิ่งตกใจถึงอุณหภูมิที่ร้อนจัดบนเนื้อตัวขาวจัด แ
แก้วเจ้าจอมที่ได้รับการไหว้วานมาอีกทีจากคนที่กำลังนั่งปวดหัวอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง เคาะประตูห้องเบาๆ สามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน พร้อมกับถาดอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ“คุณรามบอกว่าคุณผิงร้องไห้มาทั้งวันน่าจะปวดหัว อ้อนเลยเอายากับข้าวต้มร้อนๆ มาให้ค่ะ ทานอะไรสักหน่อยนะคะ จะได้มีแรง” ความจริงแล้วเขาพูดน้อยกว่านั้นมากแต่เพราะอยากให้คนตรงหน้ารู้สึกดีขึ้นหลังจากพบเจอแต่เรื่องแย่ๆ มาตลอดทั้งวัน เธอจึงดัดแปลงคำพูดของเขานิดหน่อย แม้จะทำเหมือนไม่สนใจ แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าพี่รามเองก็เป็นห่วงน้องสาวของเขาอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างงั้นคงไม่ฝากให้เธอช่วยดูแล ซ้ำยังกำชับให้อยู่เป็นเพื่อนจนกว่าอีกฝ่ายจะกินข้าวจนหมดแบบนี้ไม่เรียกว่า ‘เป็นห่วง’ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วจริงๆ“ขอบคุณนะ ชื่ออ้อนใช่ไหม อายุเท่าไหร่ จะได้เรียกถูก” พิรสากล่าวขอบคุณก่อนจะลอบมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีพิเคราะห์ เท่าที่แอบเห็น ดูท่าว่าผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนสำคัญของพี่ชายเธอ เธอแอบได้ยินแม่พูดถึงคนชื่อนี้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้เจอตัวเป็นๆ เลยสักครั้ง เพราะโอกาสไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่“ยี่สิบสองค่ะ”“
ภาพของเจ้านายที่ไม่ว่าจะไปไหนก็มักจะหอบเอาลูกสาวคนโตไปด้วยเสมอนั้นเป็นภาพที่ใครหลายคนได้เห็นจนชินตา โดยเฉพาะใบหน้าของทั้งสอง ที่ดูคล้ายกันมาก แต่ก็บางคนที่ทำเป็นมองไม่เห็นในความเหมือนนี้ด้วยเพราะถูกตาต้องใจพ่อของเด็ก “น้องสาวเหรอคะ หน้าตาน่ารักเชียว” คู่ค้ารายใหม่ที่เป็นสาววัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น ในจังหวะที่กำลังจะก้มหน้าอ่านสัญญา เหมือนอยากได้คำตอบก่อนตัดสินใจลงนาม “ลูกสาวครับ คนโต อีกคนอยู่ในท้องแม่ กำหนดคลอดสิ้นเดือนนี้แล้ว” คเชนทร์ให้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำที่สุดเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียวันนี้เขากับคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน แต่ถามว่าต้องสนไหมก็ไม่ ยังมีคนอีกมากที่อยากมายืนอยู่ในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องแคร์! “น่าเสียดายจังเลยนะคะที่เราเจอกันช้าไป จันทร์...ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ ถ้าสนใจเดี๋ยวจะให้เลขาติดต่อกลับมาอีกที” เขายิ้มรับตามคำบอกกล่าวนั้น ก่อนจะเรียกบุญส่งให้เข้ามาทำหน้าที่ส่งแขกแทน เพราะตัวเองไม่ว่างจะไปดูแลใคร นอกจากแก้วตาดวงใจที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนตัก คาดว่าคงหลับลึกไปถึงเย็น
ปลายฝนแวะเวียนมาถึงอีกหนึ่งปีให้หลัง เป็นปีที่แก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้ขึ้นมาดูทะเลหมอกกับสามี ตามที่เขาเคยให้สัญญาไว้ แม้จะรู้ดีว่าสถานที่ตรงนี้เคยมีความทรงจำกับเขากับอดีตคนรักอยู่ แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้าม เพราะอย่างที่เขาเคยว่าไว้ ‘อดีตมันเป็นสิ่งที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้’ เพราะอย่างนั้นเธอเลยเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสียใหม่ ไม่ฟูมฟายกับอดีตของเขา แม้ว่ามันจะไม่มีเธออยู่เลยก็ตาม วันเวลาทำให้เธอเติบโต และมีเหตุผลมากขึ้น และเธอยินดีให้เขาเก็บความทรงที่มีต่ออดีตคนรักไว้แบบนั้น ตราบเท่าที่มัน ไม่ได้ทำให้เขาทรมานเหมือนอย่างที่แล้วมาอีก “สวยจังเลยค่ะ” กลุ่มก้อนเล็กๆ สีขาวนวลที่จับกลุ่มกระจายอยู่รอบๆ ตัวนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน มันสวยกว่าที่คิดไว้ สวยเสียจนเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ได้ชวนคุณผิงขึ้นมาด้วยกัน แต่ถึงชวน อีกฝ่ายก็คงมาด้วยไม่ได้เพราะกำลังตั้งท้อง ซ้ำยังได้ลูกแฝด และพี่ทัดก็เหมือนจะหวงคนทั้งสามเอามากๆ ด้วย ชนิดที่ไม่ยอมให้ภรรยาหยิบจับอะไร เพราะกลัวจะสะเทือนไปถึงลูกสุดท้ายคู่นั้นก็ไม่ได้หย่ากันจริงๆ อย่างที่เคยตกลงกันไว้ในตอนแรก ซึ่งไม่มีใ
หลายเดือนต่อมา “มากันอีกแล้ว!” “โวยวายอะไรของมึงครับ พวกกูมาหาน้องอ้อน กับหลาน ไม่ได้มาหาคนหน้าเมื่อยอย่างมึงสักหน่อย! หลงตัวเองใหญ่โตนะมึงน่ะ!” ก็นั่นแหละที่ทำให้เขาโมโห มาแต่ละทีก็สร้างแต่เรื่อง นี่เรื่องหนก่อนที่พวกมันสร้างไว้กว่าเขาจะปรับความเข้าใจกับเมียได้ ก็ถูกไล่ออกมานอนตบยุงหน้าห้องเป็นเดือน ก็พวกเล่นพูดแต่เรื่องสาวๆ ที่ผ่านมาของเขาไม่หยุด ผลที่ได้คือเขาถูกเมียหึงเป็นครั้งแรกสมใจ แต่ดูเหมือนนอกจากพวกมันจะไม่พากันสลดแล้วนั้น ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยม และหาเรื่องให้เขาต้อง ‘งานเข้า’ อยู่เป็นประจำ! “ลูกกูยังไม่คลอดวันนี้พรุ่งนี้ จะรีบมากันไปไหน!” มากันทุกเดือน บางเดือนก็หลายหน ไม่รู้พวกมันไม่มีงานมีการทำกันรึไง! “แล้วไงวะ ก็คนมันคิดถึง ใช่ไหมครับน้องอ้อน ท้องใหญ่ขึ้นเยอะเลย กี่เดือนแล้วนะครับ” บุรินทร์ไม่หาความกับเพื่อนเพราะคนที่เขาอยากเจอยืนออกมารับแล้ว ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งอดตื่นเต้นไม่ได้ “แปดเดือนกว่าแล้วค่ะ” ว่าที่คุณแม่มือใหม่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม แม้จะเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็อยากออกมาต้อน
เท่านั้นเองคนที่อยากมีลูกใจจะขาดก็แทบจะอุ้มเมียขึ้นรถไปโรงพยาบาล และก็เป็นอย่างที่ใครคาดไว้ เมียเขาท้องแล้วจริงๆ“พี่ราม อ้อนเดินเองได้ค่ะ” ยิ่งรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ สามีผู้ซึ่งดีใจกว่าใครๆ ยิ่งตามติดเธอมากขึ้น เขาแทบไม่ยอมให้เธอละสายตาไปไหน ขนาดขอไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่วายเดินตามไปเฝ้า“ให้พี่อุ้มดีกว่า อ้อนจะได้ไม่เหนื่อยไง”“อ้อนไม่เหนื่อยจริงๆ ค่ะ” มากสุดเธอก็แค่หิว อยากกลับบ้านไวๆ เพราะเหมือนจะได้ยินผ่านโทรศัพท์มาว่าป้าฟางจัดมะม่วงน้ำปลาหวานกับข้าวต้มกุ้งเอาไว้รอ ซึ่งแค่ได้ยินก็เปรี้ยวปากแล้ว“อย่าดื้อกับพี่สิ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง ให้พี่อุ้มดีแล้ว” เขาว่ามาแบบนั้น เธอเลยปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็อยากทำตัวว่าง่าย เพื่อลบภาพตัวเองเมื่อสองชั่วโมงก่อนออกไป“แม่ได้ข่าว สรุปว่ายังไง!” กลับมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับคุณป้าฉัตรที่นั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน ท่าทีของท่านนั้นดูตื่นเต้นพอๆ กับพ่อของลูกไม่มีผิด ส่วนคนอื่นเธอไม่เห็น คิดว่าคงรออยู่ในบ้าน“ตามนั้นครับ อ้อนท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว!” คุณฉัตรแก้วแทบจะโผเข้ากอดลูกสะใภ้ทันทีที่ได้รับคำตอบ ดีใจเหลื
บุรินทร์และพวกเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนทันทีที่รู้ข่าวจากปากต่อปากว่าเพื่อนรักของเขาตอนนี้กำลังอินเลิฟ และคงเป็นการดีที่พวกเขาจะมากวนประสาทมันเล่น โทษฐานที่ชิงมีเมียก่อนเป็นคนแรกของกลุ่ม ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะไม่มีใครเพราะผู้หญิงก็เหมือนๆ กันหมด แต่ไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้“กูได้ข่าวมาว่านลินจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น” เขาเริ่มพุ่งประเด็นไปยังคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ และคงไม่มีโอกาสแล้วในชั่วชีวิตนี้“อืม กูรู้แล้ว...” ท่าทีของเพื่อนที่ดูเหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรต่อเรื่องที่ได้รู้นั้น ยิ่งทำให้ทั้งสามมั่นใจ ว่าตอนนี้มันคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนในอดีตแล้วอย่างที่ปากพูดจริงๆ ซึ่งพวกเขาเองก็เห็นด้วยกับการตัดขาดในครั้งนี้จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที“มึงลืมเขาได้แล้วจริงๆ”“กูไม่เคยลืมนลิน แต่กูเลือกที่จะมีความสุขกับปัจจุบัน” ก็แน่ล่ะ ปัจจุบันของมันน่ารักน่าหยอกออกขนาดนั้น เป็นเขาก็เลือก!“ไม่คิดว่ามึงจะมาลงเอยกับน้องอ้อน น้องดูไม่เหมือนนลิน” และอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ท่าทางของมันถึงได้ดูเป็นคนละคนเหมือนกับว่าตอนนี้จะดูมีความสุขมากกว่าครั้งนั้น ในอดีต“ใช่ อ้อนก
“พี่รักอ้อนขนาดนี้ พี่จะไล่อ้อนไปไหนได้ หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” เป็นอีกครั้งที่เธอส่ายหน้ากลับไปให้“อ้อนไม่กล้าคิดค่ะ เพราะอ้อนไม่มีอะไรคู่ควร...” คเชนทร์จัดการปิดกั้นคำพูดที่เหลือ ด้วยการรั้งใบหน้าอ่อนหวานขึ้นมาจูบมันเป็นจูบที่เปิดเผยทุกความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่งคนธรรมดาที่ไม่ได้วิเศษมาจากไหน แต่กลับเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ซึ่งแค่นี้มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขารักมากพอแล้วจริงๆ“อย่าดูถูกตัวเองให้พี่ได้ยินอีกนะ บอกตามตรงพี่ไม่ชอบเลย พี่รักอ้อนเพราะอ้อนเป็นอ้อน อ้อนไม่จำเป็นต้องดีพร้อมถึงจะเหมาะสมกับพี่ พี่ขอแค่อ้อนรักพี่ เหมือนที่พี่รักอ้อนเท่านั้น...พี่ขอแค่นี้ อ้อนพอจะทำให้พี่ได้ไหม” มากกว่านี้เธอจะทำให้เขาได้ ขอแค่เขารักเธออย่างที่เธอเป็นเธอ แค่นั้นก็มากพอแล้ว มากพอแล้วจริงๆ“ขออ้อนอยู่กับพี่รามนะคะ อยู่ตลอดไป...” เขายิ้มรับแทนคำตอบ ก่อนจะอาศัยจังหวะเหมาะๆ ช้อนอุ้มภรรยาขึ้นจากพื้น มุ่งตรงไปยังห้องนอนที่ชั้นสองของบ้านเพื่อปรับความเข้าใจกันสองคน“โทษฐานที่เข้าใจพี่ผิด แถมยังคิดจะยกผัวให้คนอื่น คืนนี้อ้อนต้องถูกลงโทษนะครั
เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เริ่มตั้งแต่ลืมตา ทำให้คเชนทร์มักจะกลับบ้านไม่ตรงเวลาเลยสักวัน วันนี้ก็เช่นกันที่กว่างานในมือจะเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่ม เขาเลยต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านเพราะกลัวว่าคนที่บ้านจะเป็นห่วง โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่วันนี้น่าจะกินข้าวเย็นคนเดียวเพราะเขาติดงาน ส่วนแม่กับน้องก็เพิ่งจะโทรมาบอกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เองว่าพากันไปค้างที่โรงแรมในเมือง เพราะขี้เกียจขับรถกลับ ห่วงก็แต่คนที่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียว ที่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างจะโกรธรึเปล่าที่เขากลับบ้านดึกอีกแล้ว“อ้อน เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม! นี่ดื่มเหล้าเหรอ!” ทว่าเมื่อมาถึง จากความเป็นห่วง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้นทันตา เมื่อได้กลิ่นฉุนของเหล้าบนเนื้อตัวที่เคยหอมกรุ่นด้วยกลิ่นแป้งเด็ก แต่บัดนี้กลิ่นหอมเหล่านั้นมันกลับถูกกลบไว้ด้วยกลิ่นของเหล้า“ค่ะ อ้อนดื่มเหล้า! ไม่ได้เหรอคะ!” หรือต้องทำตัวน่ารัก ว่านอนสอนง่ายเหมือนทุกครั้ง เขาถึงจะพอใจ เพราะเธอเป็นแบบนั้นใช่ไหม ใครต่อใครถึงได้ชอบทำเหมือนเธอไม่มีความรู้สึกกันนัก!“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าใครทำอะไร บอกพี่!” นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเห็นทุกวัน
“ไม่มีหรอกค่ะ ผิงก็แค่ดีใจที่แม่มาหาก็เท่านั้นเอง ครั้งนี้แม่อยู่นานไหมคะ ผิงอยากให้แม่อยู่ด้วยนานๆ” ความจริงเธออยากแม่อยู่ที่นี่ตลอดไปได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องกลับไปเจอกับการกระทำอันมักมากของพ่อที่ทำให้ต้องเจ็บปวดไม่เว้นวัน แม้เธอจะรู้ว่าแม่เข้มแข็ง แต่ก็ไม่อยากเห็นท่านต้องมาพบเจอกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี เธออยากให้แม่หักดิบด้วยการตัดใจ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่คิดว่าพ่อจะคิดได้ มีแต่จะทำร้ายกันหนักข้อมากขึ้นทุกวัน! “แม่รู้ว่าเราเป็นห่วง แต่แม่ยังไหวอยู่” นางรักพ่อของลูกมาก และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาทำร้ายจิตใจกันนางก็ยังเลือกที่จะทนอยู่เพราะหวังว่าสักวันเขาจะคิดได้ สักวันเขาจะรู้ว่าใครกันที่รักเขามาก รักจนยอมทุกอย่าง ยอมให้เขาได้มีใครอีกหลายคนเข้ามาในชีวิต และพยายามดิ้นรนเพื่อเข้ามาเป็นใหญ่ในบ้านแทนที่นาง! แต่สิ่งที่สามีของเขาไม่รู้ คือความรักที่ว่านั้นมันมีขีดจำกัด หากเมื่อไหร่นางหมดสิ้นความรักที่มีต่อแล้ว ทุกอย่างก็คงต้องจบลง“ผิงรู้ว่าแม่เข้มแข็งแล้วก็รักพ่อมาก แต่ผิงกับพี่รามอยากให้แม่รักตัวเองมากกว่า แม่เชื่อพวกเราเถ
ความตื่นเต้นทำให้มีหนึ่งคนนอนไม่หลับจนถึงเช้า กระทั่งขึ้นมาบนรถแล้ว ก็ยังไม่หายดีใจที่จะได้ไปเที่ยว ผิดกับคนอื่นๆ ที่เหมือนจะไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ อาจเพราะได้ออกไปเที่ยวบ่อย ต่างจากเธอที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะพ่อกับแม่ไม่อยากให้ไปตลอดการเดินทางไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเพราะมีพิรสากับภูมิทัดถกเถียงกันให้ได้ยินตลอดเป็นระยะๆ ถึงเส้นทางที่ต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่ามันจะเป็นทางลัดที่ใกล้ที่สุด ซึ่งหากเป็นช่วงแรกๆ เธอคงสะกิดปลุกคุณรามให้เข้าไปห้าม แต่ตอนนี้เพราะเริ่มชินแล้วถึงได้นั่งมองอย่างเงียบๆ อีกหน่อยเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดทะเลาะกันเอง“ฉันบอกแล้วว่าให้ไปอีกทาง เป็นไงหลงจนได้! สมน้ำหน้า!”“พูดมากน่าคุณ! ผมก็บอกอยู่ว่านี่มันเป็นทางลัดๆ” และทางลัดที่ว่าก็พาทุกคนมาถึงจุดหมายช้ากว่าเดิมถึงสามชั่วโมงเต็ม!แม้จะถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดการไปบ้าง แต่ความโชคดีก็ยังพอมีนั่นคือแก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นภาพที่สวยจนไม่กล้าละสายตาไปไหน กระทั่งเสียงคนข้างๆ ดังขึ้น“หนาวไหม” เขาค่อนข้างเป็นกังวลในเรื่องนี้อยู่บ้างเพราะเหมือนจะได้ยินแม่เคยพูดว่าน้องเป็นคนขี้หนาว ซ้ำยังเ