“ถึงแล้วครับคุณอ้อน” เป็นเสียงของลุงชุม คนขับรถเรียกสติหญิงสาว ก่อนที่เจ้าของดวงตาเศร้าจะหันไปมอง ‘ท่ารถ’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของตนเองอย่างชั่งใจ ว่าจะลงไปดีหรือไม่ แต่หากไม่ลงไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนได้อีก เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว ญาติคนอื่นๆ ที่เหลือ ต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมด และเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ครั้นจะให้ไปอยู่กับคุณป้าฉัตรที่บ้าน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจากสามีของท่าน ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคุณลุงคนนั้นเจ้าชู้มากแค่ไหน เพราะเหตุผลนี้เองเลยทำให้เธอต้องดั้นด้นมาไกลถึงที่นี่
นั้นเป็นเพราะว่ามัน...เป็นทางเลือกเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้
“ผมคงส่งได้เท่านี้นะครับคุณอ้อน” แม้ใจจะอยากส่งคนของผู้นายผู้หญิงไปให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสักแค่ไหน แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของลูกชายคนโตของท่าน เขาซึ่งเป็นแค่คนขับรถจึงไม่กล้าขัดใจ จำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด ส่วนเหตุผลนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบให้ ‘คนนอก’ เข้าไปวุ่นวายในเขตหวงห้ามของตัวเอง ไม่ว่าใครคนไหน
“ไม่เป็นไรค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งอ้อน ขับรถกลับดีๆ นะคะ ฝากบอกคุณป้าฉัตรด้วยว่าถ้าถึงแล้วอ้อนจะโทรหาค่ะ” แก้วเจ้าจอมยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะพาตัวเองลงจากรถพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่า ที่นอกจากรูปถ่ายของครอบครัวกับเงินติดตัวไม่กี่พันบาทแล้ว เธอก็ไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมามากนัก
แม้แต่บ้านที่เคยเป็นจุดกำเนิดความสุข ก็ต้องปล่อยขายไปเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่พ่อไปกู้ยืมมาส่งเสียเธอเรียน คราแรกคุณป้าฉัตรเสนอจะปิดหนี้ก้อนนั้นให้ เป็นเธอที่อยากจัดการมันด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็อยากยืนด้วยขาตัวเองดูสักครั้ง แค่สักครั้งเดียวก็ยังดี...
หญิงสาวมองหาสักพักก็พบกับม้านั่งสีแดงที่ ‘ลูกชายคุณป้าฉัตร’ บอกไว้ว่าจะมารับ เมื่อมาถึงที่หมายแล้วให้ไปนั่งรอ ถึงได้เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง ภาวนาต่ออะไรก็ตามที่พอจะนึกออก ให้เขาไม่ลืมกัน
“คุณอ้อนใช่ไหมครับ” สักพักใหญ่เห็นจะได้ว่าจะมีชายร่างท้วมคนหนึ่งวิ่งหอบตรงเข้ามาหา ซึ่งมองแล้วเขาไม่น่าใช่คนที่เธอกำลังรออยู่ หญิงสาวจ้องมองเจ้าของน้ำเสียงดุดันนั้นไม่วางตา จนเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งจะขานชื่อเธอถึงได้ส่งยิ้มกลับไปให้
“ใช่ค่ะ” หากเป็นคนนอกคงไม่มีทางรู้ชื่อเธอแน่ ถึงได้วางใจ
“เชิญครับ รถจอดอยู่ทางนั้น นายรออยู่ในรถแล้วครับ” หญิงสาวยิ้มรับอย่างเข้าใจต่อคำอธิบายเมื่อครู่ เธอรู้จักกับคุณป้าฉัตรมานาน นานพอจะได้ยินชื่อเสียงของ ‘นาย’ ที่ว่าของเขามาพอสมควรว่าเป็นคนแบบไหน คุณ ‘ราม’ ชอบทำงานเป็นชีวิตจิตใจ เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ดูยุ่งตลอด จนบางครั้งก็ไม่มีแม้แต่เวลาหาแฟน ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทำให้ป้าฉัตรต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปเพราะกลัวอีกฝ่ายโกรธ สุดท้ายท่านก็ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ซึ่งเธอเห็นด้วยกับทางออกนี้ที่ท่านเลือก
การที่เราจะรักหรือตกลงปลงใจกับใครสักคนอย่างมีความสุขนั้น...สิ่งแรกที่ควรเกิดขึ้นคือความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน
ซึ่งลูกชายของป้าฉัตรจะรักชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี
แค่เขายอมมารับด้วยตัวเองถึงที่หมายแบบนี้ ก็ถือว่าเกินความคาดหมายมากแล้ว เธอไม่หวังว่า เขา จะเดินมารับด้วยตัวเอง
จะใครมารับ มันก็คงไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตของเธอมากนัก
เพราะสุดท้าย... เธอก็กลายเป็นคนไม่เหลือใครในชีวิตอยู่ดี
และนั่นต่างหากคือความจริงที่ทำให้เจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึง แต่ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นเรื่องธรรมชาติ
ที่ต้องพบเจอกันทุกคน แค่ว่าจะเมื่อไหร่ก็เท่านั้น...
คเชนทร์จ้องมองใบหน้าอ่อนหวานของคนที่กำลังเดินตามหลังคนของเขามาอย่างไม่วางตา ความสวยของหล่อนเป็นที่แปลกตาสำหรับผู้คนรอบข้างอยู่พอสมควร จึงไม่แปลกที่ เธอ จะตกเป็นเป้าสนใจทันทีที่ปรากฎตัวขึ้น แต่ดูเหมือนแม่คุณจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะเอาแต่เดินก้มหน้า ทำให้มองเห็นแต่แก้มป่องๆ ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เห็นคนประเภทนี้
ตัวบาง ทว่ามีแก้ม!
‘น้องน่ารัก เรียบร้อย แถมยังว่านอนสอนง่าย แล้วรามจะหลงน้องเหมือนที่แม่หลง!’ ครั้งก่อนที่ได้ยินเขาเถียงกลับไปว่าไม่มีวันที่จะนึกหลงใครคนไหนได้อีก เพราะทั้งใจยกให้ผู้หญิงที่เป็นหนึ่งเดียวในใจ ’คนนั้น’ ไปหมดแล้ว แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่ความผูกพันที่เคยมีต่อกันนั้นยังคงอยู่ มันคงไม่ง่ายที่จะลบหรือทำใจให้ลืม สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น คิดเสียว่าเขากับอีกฝ่ายไม่ได้เกิดมาคู่กัน เหลือไว้เพียงภาพความทรงจำแสนหวานระหว่างกันก็พอ
ตัดภาพมาที่คนตรงหน้า ซึ่งพอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็ต้องยอมรับว่า ‘เด็กของมารดา’ น่ารัก ตามที่ท่านเคยได้บอกไว้จริง หล่อนดูบอบบางตามคำบอกเล่าไม่ผิดเพี้ยน แต่ก็ไม่ได้ผอมบางจนดูน่าเกียจ สิ่งที่ขัดต่ออารมณ์เห็นจะหนีไม่พ้นท่าทีที่ดูแล้วคงหัวอ่อนไม่เบา เพราะคงไม่มีคนโง่ที่ไหนยอมเดินตามคนที่ตัวเองไม่รู้จักมาง่ายๆ แบบนี้ หากหล่อน ‘ฉลาด’ สักนิดคงรู้จักสอบถามอะไรเพิ่มเติม ไม่ใช่เดินตามผู้ชายหน้าโหดหุ่นโจรต้อยๆ เป็นลูกแบบนี้
“นี่คุณรามครับ” กระทั่งเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถ แก้วเจ้าจอมก็จำต้องรีบยกมือขึ้นไหว้ ‘คุณราม’ ของพี่บุญส่ง พร้อมรอยยิ้มหลังจบคำแนะนำ แต่เขากลับทำเพียงพยักหน้ากลับมาให้กันเท่านั้น
เหมือนไม่ได้ยินดียินร้าย ต่อการปรากฏตัวของเธอเท่าไหร่
‘พี่ราม’ ของคุณป้าฉัตรดูหล่อ และเด็กกว่าในรูปที่เคยเห็นอยู่มากนัก แม้เขาจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอได้รับรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่กับท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน... ‘หนูอ้อนไม่ต้องตกใจนะลูก ถ้าพี่เขาจะเย็นชาไปสักนิด ตารามก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กับป้าเองเขาทำแบบนี้เหมือนกัน’ ขนาดกับแม่แท้ๆ ยังเย็นชาใส่ ก็ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะทำแบบนั้นกับเธอ หรือคนอื่นๆ“มาถึงแล้วก็รีบขึ้นรถ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาทำเรื่องไร้สาระทั้งวัน!” ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเข้มจัดก็เอ่ยขึ้นเหมือนคล้ายว่าจะตำหนิที่เธอยังไม่ยอมพาตัวเองขึ้นมาบนรถเสียทีการทำอะไรช้าๆ ของเธอ ทำให้เขาเสียเวลาที่มีค่าไปสินะ!“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นเพียงสั้นๆ ก่อนจะรีบพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถข้างคนหน้าดุ พยายามเบียดตัวเข้าหาประตูรถให้ได้มากที่สุด ทว่าท่าทีนั้นยิ่งกลับทำให้คนเห็นถึงกลับหน้าตึง!กลัวเขา...แต่ไม่ยักกลัวไอ้บุญส่ง!ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้...ปกติแล้วผู้หญิงมักจะชอบเข้าหาเขาด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่อย่าง ไม่ให้ท่า ก็อยากลองขอ
ทางด้านคเชนทร์ หลังจากอุ้มเอาคนหลับลึกมาส่งถึงเตียงตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าทุกอย่างเข้าที่ จึงเดินกลับออกมาสั่งงานแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวให้ช่วยดูแล ‘แขกของแม่’ ต่อไป“สั่งทุกคนไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้นไปข้างบน ถ้าเธอตื่นก่อนที่ผมจะกลับเข้ามา ป้าก็ช่วยแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตที่นี่ให้เธอหน่อย ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมกลับมาจัดการเอง ฝากด้วยนะครับ” นางฟางพยักหน้ารับ ก่อนจะร้องทักขึ้นเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออกซึ่งมันเป็นเรื่อง ที่ค่อนข้างสำคัญกับนายน้อยของนางทีเดียว“วันนี้มีจดหมายจากอังกฤษมาส่งด้วยนะคะ ป้าวางไว้ให้ที่ห้องทำงานเหมือนเดิม” หากเป็นปกตินางจะได้เห็นเจ้านายวิ่งหายเข้าไปในห้องทำงานแล้ว แต่นี่...กลับเป็นครั้งแรกที่เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินหายออกจากบ้านไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับมัน“หรือจะเป็นเพราะคุณข้างบนนั่น เจ้าพระคุณ! ขอให้ใช่ทีเถอะ!” หญิงชราอดบนบานขึ้นมาไม่ได้ เพราะอยากเห็นนายน้อยที่นางเลี้ยงมากับมือเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเสียที ผู้หญิงคนนั้นก็เหลือเกิน ทั้งๆ ที่แต่งงานใหม่ มีลูกมีผัวไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบส่งจดหมายรักมาให้ผู้ชายอื่นเรื่อย ไม่รู้หัวจิตหัวใจทำด
“นะรามลูก ถือว่าช่วยแม่สักครั้ง” เกิดร่องรอยความลำบากใจขึ้นหลังจากสิ้นคำขอร้องของ ‘ผู้เป็นมารดา’ ที่นานๆ ครั้ง จะพาตัวเองมาเยี่ยมเยียนให้พอให้พบหน้า และก็เป็นทุกครั้งที่อีกฝ่ายมักจะนำพาปัญหามาให้ ‘คเชนทร์’ ลูกชายคนโตต้องคอยแก้ไขให้ หากแต่ครั้งนี้ปัญหาที่ท่านนำติดตัวมาด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำให้รู้สึกลำบากใจไม่น้อย“ขอโทษครับ แต่ครั้งนี้ผมคงช่วยอะไรไม่ได้” หากสิ่งที่คนตรงหน้าร้องขอ เป็นเรื่อง ‘เงิน’ เหมือนทุกครั้ง เขาคงยอมช่วยเพื่อตัดปัญหา หรือความวุ่นวายที่จะตามมาไม่จบสิ้น แต่เพราะครั้งนี้คำขอร้องของท่านมันต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับปากออกไปส่งๆ โดยไม่คิดถึงสิ่งที่อาจจะตามมาในภายหลังคุณฉัตรแก้วมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อยต่อคำปฏิเสธของลูก ลูก...ที่นางไม่ค่อยจะเหลียวแลเท่าไหร่ตราบเท่าที่พอจะจำความได้ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่ดูเหมือนจะขาดหายไปนับตั้งแต่วันนั้น วันที่นางตัดสินใจหย่าขาดกับพ่อของลูก และก็เป็นผู้ชายจองหองคนนั้น ที่กักตัวลูกชายของเธอไว้ ไม่ยอมปล่อยให้คเชนทร์ไปกับนางด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า เขากลัวนางพาลูกออกไปลำบากคงเป็นการดีกว่าที่ให้ลูกอยู่กับเ
‘จำไว้นะลูกราม คนเรามีดี มีชั่วอยู่ในตัวกันทั้งนั้น ถ้าเราเลือกแต่จะเคารพแค่กับคนที่คิดว่าดี คนเลวๆ ที่พร้อมจะกลับตัวกลับใจ ก็จะไม่ได้รับโอกาสอีกเลย...’เขายึดถือคำสอนนี้ของพ่อมาโดยตลอด จึงไม่เคยคิดแบ่งแยก สำหรับเขาทุกคนเท่าเทียมกันหมด และเขาก็พร้อมช่วยเหลือ ถ้ามันไม่เหนือบากกว่าแรงตัวเองแล้วนี่..กับผู้หญิงตัวคนเดียวที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ“ผมจะไม่ยุ่งกับเขามากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าเกิดเด็กนั่นสร้างปัญหา...คุณต้องมารับเธอกลับไปทันที!” ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นแม่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดลูกชายพร้อมกับคำขอบคุณ“ขอบคุณนะลูก ขอบคุณจริงๆ”นางคิดไม่ผิดที่มาขอให้ลูกช่วย คเชนทร์เท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถทำตามคำสัญญา ที่เคยได้ให้ไว้กับเพื่อนรักที่จากไปได้“รับปากเราอย่างนะฉัตร ถ้าวันหนึ่งเรากับพี่เอสเป็นอะไรไป เราขอ...ฉัตรอย่าทิ้งยายอ้อนนะ เราไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับคนอื่น คนเดียวที่เราไว้ใจคือฉัตร” ใครเลยจะไปคิดว่านั่นจะเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่นางกับเพื่อนได้พูดคุยกัน ในวันนั้นนางยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไป เพื่อนรักก็มาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียก่อน “หลับให้สบายนะหวาน ไม่ต
ทางด้านคเชนทร์ หลังจากอุ้มเอาคนหลับลึกมาส่งถึงเตียงตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าทุกอย่างเข้าที่ จึงเดินกลับออกมาสั่งงานแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวให้ช่วยดูแล ‘แขกของแม่’ ต่อไป“สั่งทุกคนไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้นไปข้างบน ถ้าเธอตื่นก่อนที่ผมจะกลับเข้ามา ป้าก็ช่วยแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตที่นี่ให้เธอหน่อย ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมกลับมาจัดการเอง ฝากด้วยนะครับ” นางฟางพยักหน้ารับ ก่อนจะร้องทักขึ้นเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรออกซึ่งมันเป็นเรื่อง ที่ค่อนข้างสำคัญกับนายน้อยของนางทีเดียว“วันนี้มีจดหมายจากอังกฤษมาส่งด้วยนะคะ ป้าวางไว้ให้ที่ห้องทำงานเหมือนเดิม” หากเป็นปกตินางจะได้เห็นเจ้านายวิ่งหายเข้าไปในห้องทำงานแล้ว แต่นี่...กลับเป็นครั้งแรกที่เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินหายออกจากบ้านไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับมัน“หรือจะเป็นเพราะคุณข้างบนนั่น เจ้าพระคุณ! ขอให้ใช่ทีเถอะ!” หญิงชราอดบนบานขึ้นมาไม่ได้ เพราะอยากเห็นนายน้อยที่นางเลี้ยงมากับมือเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเสียที ผู้หญิงคนนั้นก็เหลือเกิน ทั้งๆ ที่แต่งงานใหม่ มีลูกมีผัวไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบส่งจดหมายรักมาให้ผู้ชายอื่นเรื่อย ไม่รู้หัวจิตหัวใจทำด
‘พี่ราม’ ของคุณป้าฉัตรดูหล่อ และเด็กกว่าในรูปที่เคยเห็นอยู่มากนัก แม้เขาจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอได้รับรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่กับท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน... ‘หนูอ้อนไม่ต้องตกใจนะลูก ถ้าพี่เขาจะเย็นชาไปสักนิด ตารามก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กับป้าเองเขาทำแบบนี้เหมือนกัน’ ขนาดกับแม่แท้ๆ ยังเย็นชาใส่ ก็ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะทำแบบนั้นกับเธอ หรือคนอื่นๆ“มาถึงแล้วก็รีบขึ้นรถ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาทำเรื่องไร้สาระทั้งวัน!” ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเข้มจัดก็เอ่ยขึ้นเหมือนคล้ายว่าจะตำหนิที่เธอยังไม่ยอมพาตัวเองขึ้นมาบนรถเสียทีการทำอะไรช้าๆ ของเธอ ทำให้เขาเสียเวลาที่มีค่าไปสินะ!“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นเพียงสั้นๆ ก่อนจะรีบพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถข้างคนหน้าดุ พยายามเบียดตัวเข้าหาประตูรถให้ได้มากที่สุด ทว่าท่าทีนั้นยิ่งกลับทำให้คนเห็นถึงกลับหน้าตึง!กลัวเขา...แต่ไม่ยักกลัวไอ้บุญส่ง!ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้...ปกติแล้วผู้หญิงมักจะชอบเข้าหาเขาด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่อย่าง ไม่ให้ท่า ก็อยากลองขอ
“ถึงแล้วครับคุณอ้อน” เป็นเสียงของลุงชุม คนขับรถเรียกสติหญิงสาว ก่อนที่เจ้าของดวงตาเศร้าจะหันไปมอง ‘ท่ารถ’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของตนเองอย่างชั่งใจ ว่าจะลงไปดีหรือไม่ แต่หากไม่ลงไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนได้อีก เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว ญาติคนอื่นๆ ที่เหลือ ต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมด และเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ครั้นจะให้ไปอยู่กับคุณป้าฉัตรที่บ้าน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจากสามีของท่าน ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคุณลุงคนนั้นเจ้าชู้มากแค่ไหน เพราะเหตุผลนี้เองเลยทำให้เธอต้องดั้นด้นมาไกลถึงที่นี่ นั้นเป็นเพราะว่ามัน...เป็นทางเลือกเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้“ผมคงส่งได้เท่านี้นะครับคุณอ้อน” แม้ใจจะอยากส่งคนของผู้นายผู้หญิงไปให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสักแค่ไหน แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของลูกชายคนโตของท่าน เขาซึ่งเป็นแค่คนขับรถจึงไม่กล้าขัดใจ จำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด ส่วนเหตุผลนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบให้ ‘คนนอก’ เข้าไปวุ่นวายในเขตหวงห้ามของตัวเอง ไม่ว่าใครคนไหน“ไม่เป็นไรค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งอ้อน ขับรถกลับดีๆ นะคะ
‘จำไว้นะลูกราม คนเรามีดี มีชั่วอยู่ในตัวกันทั้งนั้น ถ้าเราเลือกแต่จะเคารพแค่กับคนที่คิดว่าดี คนเลวๆ ที่พร้อมจะกลับตัวกลับใจ ก็จะไม่ได้รับโอกาสอีกเลย...’เขายึดถือคำสอนนี้ของพ่อมาโดยตลอด จึงไม่เคยคิดแบ่งแยก สำหรับเขาทุกคนเท่าเทียมกันหมด และเขาก็พร้อมช่วยเหลือ ถ้ามันไม่เหนือบากกว่าแรงตัวเองแล้วนี่..กับผู้หญิงตัวคนเดียวที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ“ผมจะไม่ยุ่งกับเขามากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าเกิดเด็กนั่นสร้างปัญหา...คุณต้องมารับเธอกลับไปทันที!” ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นแม่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดลูกชายพร้อมกับคำขอบคุณ“ขอบคุณนะลูก ขอบคุณจริงๆ”นางคิดไม่ผิดที่มาขอให้ลูกช่วย คเชนทร์เท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถทำตามคำสัญญา ที่เคยได้ให้ไว้กับเพื่อนรักที่จากไปได้“รับปากเราอย่างนะฉัตร ถ้าวันหนึ่งเรากับพี่เอสเป็นอะไรไป เราขอ...ฉัตรอย่าทิ้งยายอ้อนนะ เราไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับคนอื่น คนเดียวที่เราไว้ใจคือฉัตร” ใครเลยจะไปคิดว่านั่นจะเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่นางกับเพื่อนได้พูดคุยกัน ในวันนั้นนางยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไป เพื่อนรักก็มาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียก่อน “หลับให้สบายนะหวาน ไม่ต
“นะรามลูก ถือว่าช่วยแม่สักครั้ง” เกิดร่องรอยความลำบากใจขึ้นหลังจากสิ้นคำขอร้องของ ‘ผู้เป็นมารดา’ ที่นานๆ ครั้ง จะพาตัวเองมาเยี่ยมเยียนให้พอให้พบหน้า และก็เป็นทุกครั้งที่อีกฝ่ายมักจะนำพาปัญหามาให้ ‘คเชนทร์’ ลูกชายคนโตต้องคอยแก้ไขให้ หากแต่ครั้งนี้ปัญหาที่ท่านนำติดตัวมาด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำให้รู้สึกลำบากใจไม่น้อย“ขอโทษครับ แต่ครั้งนี้ผมคงช่วยอะไรไม่ได้” หากสิ่งที่คนตรงหน้าร้องขอ เป็นเรื่อง ‘เงิน’ เหมือนทุกครั้ง เขาคงยอมช่วยเพื่อตัดปัญหา หรือความวุ่นวายที่จะตามมาไม่จบสิ้น แต่เพราะครั้งนี้คำขอร้องของท่านมันต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับปากออกไปส่งๆ โดยไม่คิดถึงสิ่งที่อาจจะตามมาในภายหลังคุณฉัตรแก้วมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อยต่อคำปฏิเสธของลูก ลูก...ที่นางไม่ค่อยจะเหลียวแลเท่าไหร่ตราบเท่าที่พอจะจำความได้ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่ดูเหมือนจะขาดหายไปนับตั้งแต่วันนั้น วันที่นางตัดสินใจหย่าขาดกับพ่อของลูก และก็เป็นผู้ชายจองหองคนนั้น ที่กักตัวลูกชายของเธอไว้ ไม่ยอมปล่อยให้คเชนทร์ไปกับนางด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า เขากลัวนางพาลูกออกไปลำบากคงเป็นการดีกว่าที่ให้ลูกอยู่กับเ