“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
[DARLA’S PART]กลิ่นหอมของน้ำทะเลลอยเข้ามาปะทะกับจมูกน้อยๆ ของฉัน ก่อนที่ฉันจะสูดดมกลิ่นอายจนเต็มปอด‘เฮ้ย...อยากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนเพื่อนจังเลย’ ฉันถอนหายใจออกมาก่อนที่จะคิดถึงหาดทรายขาวๆ บวกกับน้ำทะเลใสๆ ที่ฉันพึ่งมโนไปเมื่อกี้ใดๆร้อนๆ ‘ฉันดาหลาค่ะ หรือเรียกว่าดาเฉยๆก็ได้นะ’...เอี๊ยดดดดดดดดด!เสียงเบรคของรถยนต์ดังขึ้นจากบริเวณลานหน้าบ้าน ปลุกฉันให้ออกจากภวังค์ ก่อนที่จะพยุงตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่เพื่อที่จะเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่พึ่งมาใหม่“อึบ…ถ้ากลอนประตูจะอยู่สูงขนาดนี้อะนะ” ฉันพยายามเขย่งเท้าเพื่อที่จะเอื้อมมือน้อยๆ ของตัวเองไปปลดล็อกกลอนประตูแอ๊ดดดดดดดดดด!“สวัสดีค่ะคุณเบลซ” ฉันเอ่ยทักทายเขาอย่างสุภาพพร้อมกับยกมือไหว้เขาออกไปด้วยความนอบน้อม ก่อนที่ชายร่างใหญ่จะเดินเข้ามาทันทีที่“...”‘คุณเบลซ...’ ชายหนุ่มมาดนิ่ง ที่ทั้งหล่อ รวย เก่ง ดีกรีว่าที่ศัลยแพทย์มือหนึ่งของประเทศ นี่แค่ประวัติคร่าวๆ เขายังดูครบเครื่องขนาดนี้เลยใช่ไหมล่ะคะ ก็ใช่แหละค่ะและเพราะความเพอร์เฟคนี้ของเขาทำให้สาวน้อยสายใหญ่ต่างรุมล้อมเข้ามาขายขนมจีบซะจนหัวบันไดบ้านไม่เคยแห้ง แต่เท่าที่ฉันรู้จักกั
7.00 น.เช้าวันอาทิตย์ที่สุดแสนจะมืดมัว เพราะเมฆฝนดำทะมึนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาบดบังแสงอาทิตย์จนบริเวณนี้มืดไปหมด ฉันจึงรีบเดินจ้ำออกจากห้องพักบริเวณเรือนหลังเล็กซึ่งเป็นบ้านพักของคนงาน ไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันไม่ไกลมากนัก“แม่ค่า...มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ” ฉันเดินเข้าไปกอดแม่จากข้างหลังขณะที่ท่านกำลังง่วนกับการทำอาหารตรงหน้าอย่างขมักเขม้นฟอด!!“ทำไมรีบตื่นละลูก น่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย” ท่านละจากจานอาหารตรงหน้าแล้วหันมาหอมฉันก่อนจะเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน“ไม่นอนแล้วค่ะ...ดาอยากมาช่วยแม่มากกว่า”“งั้นหนูยกอาหารไปเสริฟคุณท่านเลยลูกปะ” หลังจากที่แม่พูดจบท่านก็จัดการจัดแจงตักอาหารข้าวต้มหมูใส่ถ้วย ก่อนจะเลื่อนมาให้เพื่อฉันจะได้ยกไปเสิร์ฟให้คุณท่านต่อไป“ค่ะแม่...” หลังจากที่ฉันเอ่ยปากรับคำแม่แล้ว จึงหยิบถ้วยอาหารว่างลงบนถาดก่อนจะเดินออกไปยังห้องรับทานอาหารข้างๆ...“อาหารมาแล้วค่ะ”“ขอบใจจ้ะ...” คุณท่านผู้หญิงเอ่ยบอกกับก่อนที่...“เอ่อหนูดาขึ้นไปปลุกตาเบลซทีฉันมีเรื่องจะคุยด้วย...” คุณท่านผู้ชายจะเอ่ยบอกกับฉัน...“ค่ะคุณท่าน”หลังจากนั้นฉันก็เดินขึ้นมาด้านบนของคฤ
[DARLA’S PART]“...”“...” เราสองคนต่างนั่งเงียบใส่กัน จนกระทั่ง...“ดาหลา!/ดาหลา!...” เสียงที่ฉันคุ้นเคยตะโกนเรียกฉันจากทางด้านหลังขวับ!“จันทร์/ดาว...” ฉันเอ่ยเรียกพวกเธอออกไปด้วยความดีใจ ก่อนจะโบกมือให้พวกเธอดวงดาวกับจันทร์จ้าวเธอสองคนเป็นฝาแฝดกัน และก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิดของฉันอีกด้วย เท่าที่ฉันจำได้เราสามคนน่าจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาลได้เลยมั้ง...“ไหนดาบอกจะมาทำธุระกับคุณท่านแต่แอบมากินข้าวกับหนุ่มหล่อที่ไหนเนี่ย” จันทร์เอ่ยอีกมาอย่างงอลๆ ก่อนจะหันไปมองคุณเบลซด้วยสายตามีเลศนัย ซึ่งต่างจากคุณเบลซที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจดวงดาวกับจันทร์จ้าวแล้วยังคงเอาแต่จ้องหน้าฉัน…นี่เขาไม่ปวดตาบ้างหรือไงเอาแต่จ้องคนอื่นอยู่แบบ“อะ...เอ่อ คุณเบลซคะนี่จันทร์กับดาวเพื่อนของดาค่ะ”“...”“ดาว จันทร์นี่คุณเบลซเจ้านายดาเอง”“0.0 สวัสดีค่ะ/0.0 สวัสดีค่ะ” สองคนนั้นทำท่าทางตกใจก่อนที่กล่าวทักทายคุณเบลซออกไป“หว่า อย่างงี้พี่ตะวันของพวกเราก็อก...อุ๊บ!” ฉันรีบเอามืออุดปากยันจันทร์เจ้าเพื่อนตัวดีของฉันทันที...ก่อนที่ยัยนี่จะหลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป“คะ คุณเบลซ เดี๋ยวดามานะคะ”“อืม”“มานี่เลย....
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
[DARLA’S PART]16.30 น.“ยายคะต่อไปดาจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้ยายเองนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับยายของตัวเองเสียงอ่อน ทันทีที่รถประจำทางจอดบริเวณหน้าทางเข้าสวนส้ม ฉันกับแม่ดาพายายไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอ เพราะท่านบ่นเวียนหัวไม่หายสักทีฉันกลัวว่าจะเป็นหนังถ้าปล่อยไว้นาน เลนพาท่านไปหาหมอให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย“…” ยายมณีมองมาทางฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับเด็กที่กับเด็กที่กำลังโดนบังคับยังไงยังงั้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ท่านก่อนจะพูดต่อ“ของมันของทอดต้องค่อยๆลดแล้วนะคะ”“จ้าหลานรัก” ยายเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเอ็นดู“งั้นเราเริ่มเลยนะคะ หนูขอยึดกล้วยทอดก่อนเลยค่ะ” ฉันดึงถุงกล้วยทอดออกจากมือของยายเบาๆ“เอ้า…เริ่มเลยเลอะยายหนู” ยายเอ่ยถามฉันออกมาเสียงอ่อน พร้อมกล้วยทอดในมือฉันตาละห้อย ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนหลอกนะเพื่อสุขภาพที่ดีของฉัน“ป้ายหายไปแล้ว สงสัยพ่อจะได้คนงานใหม่แล้วนะจ๊ะแม่” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรั้วตรงหน้าที่ปกติมันมีป้ายประกาศติดอยู่ ซึ่งฉันเป็นคนเอามาติดเองกับมือก่อนจะออกไปโรงพยาบาล“ดีแล้วลูกตาแก่จะได้มีลูกมือ กลางคืนก็จะได้มีคนช่วยเดินเวรด้วย”“ท
[BLAZ’S PART]23.00 น.@คฤหาสน์ตระกูลอัครหิรัญ“อือ...” ผมครางออกมาเบาๆ ไอ้ดีนกับไอ้จีหิ้วแขนทั้งสองข้างของบนไว้บนบ่าหนาของพวกมัน พร้อมกับเดินตามป๊าเข้าไปในบ้าน “...” ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมทันทีที่เดินเข้ามายังห้องนั่งเล่น อยู่กันครบเลยทุกคนคงจะอยู่รอผมกลับมาสินะ เพราะตั้งวันนั้นที่น้าดาราหายตัวไปผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย “ตาเบลซ” ม๊าของผมร้องเรียกผมด้วยความตกใจ ท่านเดินเข้ามาหาผมก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าของผม ก็อย่าที่ผมเคยบอกผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครเห็นมาก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ม๊าผมจะตกใจ “ดีน จี วางตาเบลซตรงนี้ลูก” ม๊าผมหันไปบอกกับไอ้ดีนและไอ้จีให้วางผมลงบนโซฟาที่ห่างไปไม่ไกล ก่อนที่ท่านจะลงมานั่งข้างๆผม “เล่ามาว่ามันเกินเรื่องอะไรขึ้น” ถามผมถามขึ้นเสียงแข็ง “...”“ดีน”“ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับ...ผมรู้แค่ว่าไอ้มาร์คัสพาดาหลาหนีไปครับ” ไอ้ดีนเอ่ยตอบคุณตาของผมเสียงเรียบ“แล้วจีรู้อะไรบ้างไหมลูก” คุณตาหันไปถามจีซัสอีกคน“จีรู้เท่าเฮียดีนครับตา”“เจ้าเบลซล่ะอะไรจะสารภาพไหม” คุณตาหันกลับมาถามผมเสียงเรียบ พร้อ
[DARLA’S PART]19.00 น.@สวนส้มตาทอง “แม่คะ ที่นี่คือที่ไหนหรอคะ” ฉันเอ่ยถามแม่ออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับรถหรูของมาร์คัสเลี้ยวเข้ามาในบริเวณของ ‘สวนส้มตาทอง’ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน “บ้านเราน่ะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับสายตาของท่านที่มองออกไปยังบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า “ถึงแล้วครับ” มาร์คัสเอ่ยบอกฉันกับแม่ พร้อมกับรถหรูของเขาที่หยุดลงบริเวณหน้าบ้านทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ตรงหน้า “วันนี้ผมส่งตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่” ร่างสูงเอ่ยบอกกับพวกเราทั้งสองเสียงเรียบ “น้าขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้มาร์คัสเราสองคนคงแย่” “ผมยินดีครับคุณน้า แต่ว่าอย่าลืมที่ผมบอกนะครับ” มาร์คัสย้ำกับแม่ของฉันอีกครั้ง ซึ่งเขาทั้งสองคนคุยอะไรกันฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน “น้าไม่ลืมค่ะ” แม่ตอบกลับร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่ท่านจะลงจากรถหรูคันนี้ไป “ดาขอบคุณพี่มาร์คัสมากนะคะ ช่วยดาไว้ตั้งหลายครั้ง” ฉันเอ่ยขอบคุณร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่
@เพนท์เฮ้าส์มาร์คัส“เชิญครับลูกสาวของคุณน้าอยู่ด้านใน” มาร์โคบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า “…” เธอพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องตรงหน้าตามคำเชิญของเขา ตลอดเวลาที่เดินเข้ามายังเพนท์เฮ้าส์หรูหลังนี้ ในหัวเธอเต็มไปด้วยคำถาม ‘ลูกสาวของเธอรู้จักกับคนพวกนี้ได้อย่างไร’ ถึงพวกเขาจะแต่งกายดูดี ของที่เขาใช้แต่ละอย่างราคาก็แพงแสนแพง แต่ถึงอย่างงั้นกูเถอะเขาก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่“ดาหลา” ดาราร้องเรียกร่างบางที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง เธอวิ่งเข้าไปหาลูกสาวของเธอทันที ก่อนที่จะชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นผู้ชายอีกคนหน้าตาคล้ายกับผู้ชายคนเดิมที่ไปรับเธอ เดินออกมาจากประตูบานใหญ่ข้างๆ “คุณ!” “สวัสดีครับคุณน้าผมมาร์คัสเป็นฝาแฝดกับมัน” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะชี้ไปยังชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ด้านหลังของเธอ“ค่ะ ฉันดาราเป็นแม่ของเธอนะคะ” ดาราเอ่ยบอกกับมาร์คัสก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างร่างบางที่นอนหลับไหล มือบางของเธอลูบลงไล้ไปตามใบหน้าของลูกสาวอย่างอ่อนโยนด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงร่างบางตรงหน้าจับใจ อุณหภูมิจากร่างบางที่ส่งมายังฝ่ามือของเธอทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีว่าร่