“กันย์ต้องการถอนหมั้นค่ะ”
กันยกรเอ่ยในไม่กี่วันถัดมาที่นัดภพดนัยทานอาหารค่ำด้วยกัน ความจริงเธออยากนัดเจอเขาทันทีทันใดด้วยซ้ำทว่าชายหนุ่มบอกว่าไม่ว่างผัดมาพักหนึ่งจนเธอบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพูดอีกฝ่ายจึงยอมรับนัด
หญิงสาวมาในชุดราตรีสั้นสีน้ำเงินโชว์ท่อนขาสวยได้รูปกับแขนเรียว ผิวขาวผ่องตัดกับสีเข้มของชุดยิ่งทำให้โดดเด่นสะดุดตา แถมวันนี้เธอยังใส่คอนแทกเลนส์เหมือนเช่นตอนที่ไปผับคืนนั้น ตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากนี้จะทำเลสิก ทรงผมถูกเกล้าขึ้นโชว์ลำคอระหง ดูสวยสง่าชนิดที่เดินผ่านผู้ชายหรือผู้หญิงต่างก็หันมอง แม้กระทั่งเวลานี้นั่งอยู่กับภพดนัยก็ยังมีผู้ชายเหล่มองตลอดเวลาอย่างไม่เกรงใจจนชายหนุ่มหงุดหงิด
ภพดนัยนิ่งงันไปกับคำบอกของคู่หมั้นสาว สิ่งที่คาดไว้ในใจนั้นผิดไปหลายขุม เขาเห็นครั้งแรกที่กันยกรเดินเข้ามาก็ถึงกับตะลึงลมหายใจสะดุดกับลุกใหม่ที่ไม่เคยเห็นจากเจ้าตัวมาก่อน ยังคิดเลยว่าคู่หมั้นสาวต้องการจะมัดใจตนในคืนนี้
“หมายความว่ายังไง อยู่ดีๆ ทำไมคุณถึง...”
กันยกรไม่พูดพร่ำ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปที่แอบถ่ายไว้ได้ แม้เพียงไม่กี่วินาทีเพราะทนมองได้ไม่นาน หากมันก็ชัดเจน เมื่อวางลงตรงหน้าและภพดนัยก้มลงมองก่อนจะหน้าเสีย
“ฉันไม่อยากพูดถึง และไม่อยากมองให้เสียสายตา คุณดูไปแล้วฉันก็จะลบ”
เธอพูดเสียงแข็ง
“ในเมื่อคุณมีคนที่พอใจอยู่แล้ว เราก็ควรยุติความสัมพันธ์ที่เราไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรกลงเสีย พวกคุณจะได้คบกันอย่างเปิดเผย”
หญิงสาวบังคับสายตาและน้ำเสียงของตนได้อย่างดี ใบหน้าเรียวมนเมื่อเกล้าผมอย่างสวยงามมีปอยผมเคลียไล้ยิ่งทำให้เผยดวงหน้างามได้รูปเป็นพิเศษ เจ้าตัวเชิดหน้านิดๆ ราวนางหงส์ผู้ทะนงตนทำให้ดูเลอค่ามากกว่าจะน่าหมั่นไส้
“คุณกันย์ เรื่องของผมกับน้องเก๋ คือ...”
“ไตร่ตรองสิ่งที่ตัวเองจะพูดดีๆ นะคะ”
เธอจ้องอีกฝ่ายนิ่งขณะย้ำ
“ฉันยังไม่อยากเห็น คุณพ่อของฉัน ถ้าได้เห็นก็คงไม่ชอบนัก”
ชายหนุ่มชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด คิ้วเข้มขมวดทั้งสีหน้าก็ดูวุ่นวายใจ แน่นอนหากเขาปฏิเสธเกวลิน คลิปที่เห็นก็เหมือนหลอกน้องสาวเธอ ‘ฟันแล้วทิ้ง’ ผู้ใหญ่รับรู้คงไม่พอใจนัก แม้ว่าเรื่องเธอกับชายหนุ่มจะเกิดจากการตัดสินใจของผู้ใหญ่ บิดาของเธอกับบิดา ชายหนุ่มเป็นเพื่อนและร่วมลงทุนธุรกิจด้วยกันจึงอยากให้ลูกๆ ลงเอยเป็นทองแผ่นเดียวกัน และตกลงเรื่องหมั้นหมายของเธอกับภพดนัยไว้หลังจากที่เธอเรียนจบปริญญาตรี
กันยกรไม่อาจปฏิเสธได้ เธอพยายามจะเป็นลูกสาวคนดีของบิดาเสมอมา ทั้งตั้งใจเรียน ทั้งเชื่อฟัง ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ด้วยความจริงแล้วเธอเป็นลูกสาวคนโตที่ไม่มีมารดาดูแลแล้ว หญิงสาวเป็นลูกติดภรรยาเก่าที่เสียชีวิตไปก่อนบิดาจะแต่งงานใหม่ในห้าปีต่อมา เธออยู่ในบ้านอย่างไร้ความสำคัญมานับแต่นั้น หากต้องการมีความหมายต่อบิดา เธอก็ต้องเป็นเด็กดีและเรียนเก่ง
“เอ่อ เราคุยกันถูกคอกว่าคุณหน่อยนึง”
ชายหนุ่มยอมเอ่ยออกมา หากก็ไม่ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ
“ค่ะ ฉันเข้าใจ ฉันเป็นคนพูดน้อย ค่อนข้างน่าเบื่อ ยายเก๋เขาน่ารัก คุยเก่ง ใครๆ ได้คุยด้วยก็ชอบทั้งนั้น”
เธอพูดไปก็หยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้น
“ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ เรื่องของเราฉันจะบอกคุณพ่อเองว่าฉันอยากไปเรียนต่อมากกว่า ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร ก็เลยคิดว่าไม่อยากให้คุณต้องมารออย่างไร้จุดหมาย”
“คุณจะไปเรียนต่อเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันอยากเรียนต่อปริญญาเอก คิดมาตั้งนานแล้ว”
กันยกรระบายยิ้มบาง
“เรื่องของคุณกับยายเก๋คงลงเอยได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่มีฉันสักคน คุณพ่อของฉันกับคุณพ่อคุณก็คงพอใจ เพราะแค่เปลี่ยนจากฉันเป็นยายเก๋เท่านั้นเอง ทองก็ยังเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่”
“คุณกันย์ ผมว่า...”
“ลาก่อนค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไร เพราะฉันกำลังทำเรื่องไปเรียนต่อ ถือโอกาสลากันตรงนี้เลยก็แล้วกันนะคะ”
เธอสะบัดหน้าก้าวฉับๆ เดินจากมาโดยไม่หันกลับไปมอง ชายหนุ่มซ้ำอีก สายตาอีกฝ่ายที่มองตนอย่างตะลึงงันและแววแสนเสียดายที่ได้เห็นทำให้กันยกรสะใจไม่น้อยเลย
สามปีต่อมา
“แกมัวทำอะไรอยู่ ถึงมาเอาป่านนี้”
เมื่อพบหน้าบิดากันยกรก็ถูกดุทันควัน เธอขับรถมาที่นี่ด้วยตัวเองเพราะเพิ่งแยกออกไปอยู่คอนโดของตน หญิงสาวขายคอนโดเก่าไปแล้วตั้งแต่สามปีก่อน เมื่อกลับมาจากต่างประเทศตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนเธอก็อยู่ที่บ้านและหาที่อยู่ใหม่ ไม่ใช่เพียงเพราะเกวลินแต่งงานกับภพดนัยและชายหนุ่มจะย้ายมาอยู่ในบ้านเดียวกัน แม้จะเป็นการสร้างเรือนหออีกหลังภายใต้รั้วเดียวกัน เธอก็ไม่รู้สึกใด ทว่าเพราะความไม่ลงรอยของตนกับแม่เลี้ยงและน้องสาวทำให้แยกออกมาอยู่คอนโดนับแต่เรียนมหาวิทยาลัย และเกวลินก็อ้อนบิดามารดาอยากมีคอนโดเป็นของตัวเองเหมือนเธอ อ้างว่าขับรถไปกลับบ้านกับมหาวิทยาลัยทุกวันไม่ไหว แถมที่น่ารำคาญคือเจ้าตัวเลือกมาอยู่ใกล้กับเธอราวต้องการกวนใจ
“รถติดน่ะค่ะ”
เธอบอกไปง่ายๆ
“อาบอกให้พักที่บ้านวันนี้ก็ไม่เชื่อ จะได้ไม่ต้องขับรถไปเปลี่ยนชุดให้ยุ่งยาก”
ภัสสรแม่เลี้ยงของเธอเอ่ยเสียงหวานราวหวังดี หากแววตากลับเยาะเย้ยชัดเจน
งานช่วงเช้าเป็นรดน้ำสังข์ที่บ้านซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่กับคนใหญ่คนโตที่ทั้งสองครอบครัวรู้จักนับถือ และมีงานเลี้ยงช่วงกลางคืนในโรงแรมชื่อดัง
กันยกรไม่อยากต่อความมากมายเพียงขอโทษบิดาแล้วเลี่ยงไปช่วยดูแลความเรียบร้อยในเรื่องอาหาร รู้ดีว่าแม่เลี้ยงไม่ได้อยากให้ตนเป็นที่สนใจในงาน ไม่ต้องการให้เข้าไปต้อนรับแขกเหรื่ออยู่แล้ว หากไม่รู้จักกันมานานคนอื่นๆ ก็แทบจะเข้าใจว่าบิดาของเธอมีลูกสาวคนเดียวเพราะเวลาไปไหนมาไหนหรือออกงานในฐานะครอบครัวก็มีเพียงพ่อแม่ลูกที่ปราศจากเธอ
หลังจากคุยกับผู้จัดการที่ดูแลอีเวนต์ครั้งนี้เรื่องอาหารแล้วก็หมุนตัวจะกลับไปตักอะไรกินสักหน่อย เพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากกาแฟกับขนมปังปิ้งในตอนเช้า ทว่ากลับชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่กำลังคุยโทรศัพท์และเดินพรวดพราดมาพอดี
“อุ๊ย”
ร่างอรชรเซค่อนข้างเยอะเพราะชายหนุ่มตัวสูงกว่าเธอ หากเขาก็ช่วยดึงแขนรั้งไว้
“ขอโทษครับ”
ใจกันยกรกระตุกกับเสียงของเขา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นขณะที่อีกฝ่ายก้มลงมา แล้วทั้งสองก็ต่างชะงัก
‘เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?’
=====
กลับมาจ๊ะเอ๋กันแล้ว จะเป็นยังไงต่อไปน้า ^^
‘เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?’“เมฆ”เสียงเรียกทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง และกันยกรก็ถือโอกาสดึงแขนตนออกจากมือเขา ผู้ชายที่มาใหม่วางโทรศัพท์ลงหลังพบเป้าหมายแล้วสายตาก็เหลือบมองเธออย่างสนใจก่อนหันไปยังคนข้างๆ เธอด้วยสายตาแทนคำถาม ขณะคนที่ยืนข้างเธอเก็บโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเรียบเฉยและถามกลับ“ว่าจะหาอะไรกินหน่อยน่ะ มึงหิวไหม”“อ้อ อืม”ผู้มาใหม่มีสีหน้าแปลกใจและสงสัยแต่ก็พยักหน้ารับ เมื่อ ชายหนุ่มข้างเธอก้าวไปหาพลางตบไหล่แล้วพาเดินไปยังโต๊ะบุฟเฟต์ทันที‘บังเอิญเจอกันก็ไม่ต้องทักทาย’เสียงของตนแว่วขึ้นมาในหัว ทว่ากันยกรกลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าวที่ถูกเมินเสียอย่างนั้น รู้ตัวว่าตนต้องวางเฉยเช่นกันจึงเดินหนีไปทางอื่นหากหูยังแว่วได้ยินผู้ชายสองคนคุยกัน“ใครวะ สวยอย่างกับนางฟ้า ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จักเลยเหรอ”“บังเอิญเดินชน ไม่รู้จัก”“โธ่ งั้นก็น่าจะทำความรู้จักสิวะ”“ตกลงมึงหิวหรือไม่หิว ชวนคุยอยู่ได้”คนที่กำลังหิวเม้มริมฝีปากขณะจำต้องเลี่ยงไป แต่บ่อยครั้งสายตาก็อดมองไปยังร่างสูงกำยำที่ก้มๆ เงยๆ อยู่แถวโต๊ะบุฟเฟ่ต์ เดินวนเวียนไม่ยอมห่างไปไหนจนทำเอาเธอหงุดหงิด‘หมอนั่นไม่รู้จักอิ่มหรือไงนะ’สุด
ลางสงหรณ์ของกันยกรปรากฏชัดเจนในวันที่เธอเริ่มทำงานอาทิตย์ถัดมา นับแต่เห็นร่างสูงกำยำก้าวเข้ามาในห้องทำงานของตนที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเพิ่งพามา“นี่นภณต์ครับคุณกันย์ นภณต์เป็นคนคุมหัวหน้าทีมสร้างสรรค์และพัฒนาโปรแกรมทั้งหมดในบริษัทครับ เขาจะเป็นผู้ช่วยคุณกันย์”“สวัสดีครับ”ชายหนุ่มมีท่าทางสงบเสงี่ยมด้านหน้าโต๊ะใกล้กับผู้จัดการฝ่ายบุคคลและเอ่ยทักสั้นๆ“สวัสดีค่ะ ฉันเพิ่งมาใหม่ มีอะไรแนะนำได้นะคะ”กันยกรเองก็ตอบกลับเสียงเรียบทั้งที่หัวใจเต้นเร็วขึ้นเสียอย่างนั้น“ต่อจากนี้นภณต์จะเป็นคนรายงานเนื้อหางานของแผนกกับคุณกันย์นะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”ผู้จัดการเอ่ยอย่างนอบน้อมแม้จะอายุมากกว่าเธอแล้วออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลงความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทันใด กันยกรใจหวิวประหลาดหากก็พยายามข่มใจตัวเองให้ตีสีหน้านิ่ง“สิบเอ็ดโมงจะมีประชุมแนะนำคุณให้คนในแผนกของเรารู้จักครับ ตอนนี้ผมจะบอกโครงสร้างแผนกเราคร่าวๆ ก่อนว่ามีกี่ทีม และแต่ละทีมกำลังทำอะไรกันอยู่”อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาไม่ไหวติง สีหน้าไม่แปรเปลี่ยนสักนิดนับแต่อยู่กันตามลำพัง หญิงสาวรู้สึกว่าคงมีเพียงเธอที่จิตใจกำลั
“เป็นบ้าอะไรยายกันย์”เธอบ่นตัวเองก่อนจะสตาร์ตรถ แต่กลับสตาร์ตไม่ติด สตาร์ตซ้ำเท่าไรก็ไม่มีปฏิกิริยาทำเอาหญิงสาวทิ้งตัวลงกระแทกเบาะด้วยความเซ็ง“เป็นอะไรเนี่ย”ดูนาฬิกาก็เห็นว่าสองทุ่มครึ่งแล้ว หากจะโทรหาลุงคนขับรถของที่บ้านก็คงดึกเกินไป กันยกรไม่เคยดูแลเรื่องรถด้วยตัวเอง เธอแค่ขับได้ตามประสาลูกสาวคนมีเงินทั่วไป แม้บิดาจะไม่ใส่ใจกระนั้นก็ไม่เคยต้องลำบาก“ไว้โทรพรุ่งนี้แล้วกัน”ก๊อกๆๆหญิงสาวตกใจสะดุ้งโหยงที่อยู่ๆ กระจกด้านข้างก็มีคนมาเคาะ เมื่อหันมองก็เห็นว่าเป็นคนที่เพิกเฉยกันและกันมาตลอดทั้งอาทิตย์“รถสตาร์ตไม่ติดเหรอครับ”เธอได้ยินเขาถามแว่วๆ กันยกรหยิบของตนเองก่อนจะเปิดประตูลงไป ร่างสูงกำยำก็ขยับไปยืนห่างอย่างเว้นระยะ“ใช่ค่ะ สตาร์ตไม่ติด”“ผมช่วยดูให้ไหมครับ”คำถามดูง่ายและมีน้ำใจแต่อดไม่ได้เลยที่เธอจะสังเกตแววตาของเขา หากก็ดูไร้แววใดๆ“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันให้คนที่บ้านมาจัดการ”“อ้อ ครับ”ชายหนุ่มยิ้มบางรับพร้อมกับมองกระเป๋าของเธอ“จะลงไปชั้นหนึ่งเหรอครับ ติดรถผมลงไปก็ได้ จะได้ไม่ต้องลงลิฟต์ให้เสียเวลา”หญิงสาวอึกอักและดูไม่สบายใจขึ้นมาชัดเจน เธอเม้มริมฝีปากพลางส่ายหน้า
แม้จะค่อนข้างกังวลใจเรื่องของนภณต์ ทว่าเอาเข้าจริงกันยกรก็แทบจะไม่เจอหน้าชายหนุ่ม เพราะพูดคุยเรื่องงานโดยผ่านเลขาเป็นคนประสานนอกจากต้องประชุมทีม และอีกฝ่ายก็ออกไปพบลูกค้ากับทีมเพื่อนำเสนองานเสมอ ดูเหมือนนภณต์จะเป็นหัวใจหลักของแผนกก็ว่าได้ พวกเขาทั้งรับงานว่าจ้างจากข้างนอกและออกแบบกับพัฒนางานของบริษัทเอง แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่มีงานที่ดูคล้ายหรือซ้ำกันให้เป็นที่ครหา ได้รับความไว้ใจจากบริษัทอื่นอีกถึงห้าบริษัท“คุณนภณต์ขอพบค่ะคุณกันย์”ปากกาในมือซึ่งกำลังจะเซนต์เอกสารที่พึ่งอ่านทำความเข้าใจเนื้อหาเสร็จหล่นลง อยู่ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาขอเข้าพบเธอในห้องนับจากวันที่มาแนะนำตัว“เชิญค่ะ”หญิงสาวตอบรับแล้ววางสีหน้าให้นิ่ง ผ่านไปสามอาทิตย์นับแต่ชายหนุ่มไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ แล้วจากนั้นเขาก็ดูจะยุ่งตลอดเวลา มีเพียงประชุมดูงานที่แก้ไปเท่านั้นที่เธอเจอเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทางล้ำเส้นใดๆ ขณะที่กันยกรระวังตัวแจจนมากเกินไป“ขอโทษที่รบกวนครับ พอดีผมมีเรื่องด่วนต้องแจ้งให้ทราบ”เมื่อพิมพ์พรรณซึ่งเดินนำชายหนุ่มเข้ามาออกไปนภณต์ก็เอ่ยทันที เขาถือแฟ้มติดมือมาด้วย
ครู่ใหญ่ผ่านไป ภายในรถมีเพียงความเงียบ กระทั่งมาถึงถนนเส้นที่บริษัทลูกค้าตั้งอยู่แต่นภณต์ก็หักเลี้ยวเข้าไปจอดร้านริมถนนซึ่งมีพื้นที่จอดรถค่อนข้างแคบ“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณร้านนี้ดังมากเลยนะครับ อร่อย ราคาดีไม่แพง ร้านอาจจะเล็กไปหน่อยเพราะขายมาหลายรุ่นแล้ว ว่าแต่เจ้านายสะดวกไหมครับ หรือไม่ถูกใจผมพาไปร้านในห้างใกล้ๆ นี่ก็ได้”“ฉันยังไงก็ได้ เลี้ยวเข้ามาแล้วยังจะถามอีก”เธอบ่นให้ได้ยิน หากชายหนุ่มก็เพียงยักไหล่“ถ้าโอเคงั้นก็เชิญครับ”กันยกรไม่เรื่องมากในการกิน ร้านริมทางทั่วไปเธอก็นั่งมาบ่อยแล้วสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนไปเรียนต่างประเทศเธอต้องใช้เงินอย่างประหยัดกินง่ายกว่าอยู่เมืองไทยมากภายในร้านเป็นพัดลม ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทไว้ในรถ ทว่า หญิงสาวเพิ่งมาถอดในตอนที่กินก๋วยเตี๋ยวไปได้ไม่นานก็เริ่มเหงื่อซึม เธอซับเหงื่อตลอดเวลาจนทิชชูกองโต แต่ก๋วยเตี๋ยวอร่อยถูกปากมากจึงเป็นที่พอใจของกันยกรมากกว่าจะบ่น นภณต์เป็นคนจ่ายเงินโดยเธอเองก็ไม่เรื่องมากดึงดันจ่ายเองกลับมาขึ้นรถอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ขอแวะซื้อกาแฟและเผื่อเธอด้วย กันยกรมองลาเต้ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ด้วยสายตาแปลกใจ“ลาเต้ครับ”“คุณไม่ได้ถามฉ
กันยกรกัดฟันและพยายามฝืนยิ้มหวาน ทว่าสายตาแอบเหล่ไปมองว่าภพดนัยยังอยู่หรือไม่ เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายเธอก็ทุบอกหนาอย่างแรง“บ้าน่ะสิ ใครคิดถึงคุณ”เอ่ยเสียงเข้มแล้วก็ผลักเขา หากชายหนุ่มยังกอดเธออยู่“อ้อ ใช้ผมเป็นไม้กันหมานี่เอง”“ย่ะ รู้แล้วก็ปล่อยได้แล้ว”เธอไม่ปฏิเสธอีกฝ่ายจึงลดแขนลง ร่างอรชรรีบถอยห่างพลางสูดหายใจเข้าลึกดึงสติของตัวเอง พร้อมเรียกกำลังที่อ่อนลงไปก่อนหน้านี้ แล้วสะบัดหน้าเดินหนีนภณต์กลับไปที่ห้องวีไอพี ตั้งใจว่านั่งต่ออีกสักครึ่งชั่วโมงก็จะขอตัวกลับ ไม่สนใจว่าชายหนุ่มมองตามตนด้วยสายตาแบบไหน“ขึ้นแท็กซี่ไปด้วยกันนะคะพี่เมฆ จะกลับไปเอารถที่บริษัทใช่ไหมคะ น้องต้องผ่านทางนั้นเหมือนกันค่ะ”เพราะนั่งอยู่ข้างนภณต์กันยกรจึงได้ยินที่หญิงสาวซึ่งนั่งถัดจากเขาคุยด้วย วันนี้นภณต์มากับทีม ส่วนเธอขับรถมาเองเพราะรู้เส้นทางที่มาบริษัทลูกค้าแล้ว หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรมากกระทั่งขอตัวกลับ ในทีมมีผู้หญิงสองคน อีกคนขอตัวออกมาพร้อมกับเธอโดยมีแฟนมารับ กันยกรยืนรอเป็นเพื่อนอีกฝ่ายอยู่บริเวณด้านหน้าพักหนึ่งกระทั่งแฟนเจ้าตัวขับรถมาถึง“ขอบคุณกันย์มากค่ะ”เธอพยักหน้ารับพลางบอกว่าไม่เป็นไรอีกฝ่ายก็ขึ้
“เฮ้อ ใช้เราเป็นเครื่องมือ สมใจก็ถีบหัวส่ง ใจร้ายจังเลยนะครับเจ้านาย”ดวงตาคู่เรียวงามค้อนขวับ อีกฝ่ายก็เหลือบมองพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างยียวนชวนโมโห“ไม่พอใจคุณก็ปฏิเสธได้นี่ มาจูบตอบทำไม หรือคิดจะไปบอกคุณโดมว่าไม่มีอะไร ฉันมันผู้หญิงมักง่ายจูบคนไปทั่วเองก็ได้ ฉันไม่แคร์หรอก”เธอเสียงแข็ง แล้วภายในรถก็เงียบไปชั่วอึดใจก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ย“คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกครับเจ้านาย”“หึ คุณจะรู้อะไร ฉันไปเรียนเมืองนอกตั้งสามปี อาจจะผ่านอะไรต่อมิอะไรมาตั้งเยอะก็ได้”“พิสูจน์กันไหมครับ”กันยกรถึงกับอึ้งกับคำท้าของเขาแล้วกอดอกเมินหน้าหนี“ทำไมฉันต้องทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นด้วย”“คุณไม่กล้าล่ะสิ กลัวผมรู้ว่าคุณไม่เคยมีใคร นอกจากผม”“ไม่จริงสักหน่อย”เธอหันไปเถียงเสียงขุ่น ทว่าอีกฝ่ายยิ้มนิดๆ แล้วหันไปมองถนนด้านหน้าแล้วหักเลี้ยว กันยกรสูดหายใจเข้าออกแรงอย่างหงุดหงิด“คุณติดใจผม ลืมผมไม่ลง ไม่งั้นคงไม่โสดมาถึงตอนนี้หรอก”“จอดเลยนะ ฉันไม่อนุญาตให้คุณไปส่งฉัน จอดเดี๋ยวนี้”กันยกรขึ้นเสียงยิ่งกว่าเดิมและครั้งนี้ชายหนุ่มยอมหยุดรถชิดริมทาง ทว่าเขายังไม่ลงจากรถโดยง่าย“อ้อ หรือว่า ที่คุณยังไม่มีใครเพราะหวั
“เราจะทำให้เต็มที่ครับ”เป็นอีกครั้งที่นภณต์เป็นคนพรีเซนต์และตอบคำถามผู้บริหารทุกอย่างแทนเธอเกี่ยวกับเกมใหม่ที่แผนกคิดขึ้นมา เธอกับชายหนุ่มรวมถึงหัวหน้าของทีมเป็นตัวแทนแผนกเข้าประชุมตั้งแต่นำเสนอ จนถึงตอนนี้ผ่านขั้นตอนการดีไซน์ภาพมาถึงสร้างแอนิเมชันตัวละครและเอฟเฟกต์ และการเขียนโปรแกรมของเกมก็ดำเนินไปบางส่วนแล้ว ซึ่งเป็นเกมที่จำลองสถานการณ์เสมือนจริงในแบบอิงประวัติศาสตร์ไทยที่ทางบริษัทคาดหวังไว้มาก“ครับ ผมเชื่อใจนภณต์กับทีมงาน ถ้ามีปัญหาอะไรติดขัด หรือต้องการอะไรเพิ่มแจ้งผ่านคุณกันย์ได้เลยนะครับ”ภพดนัยฝากฝัง เขาเชื่อใจนภณต์ในเรื่องงานมากเพราะ อีกฝ่ายมีฝีมือจริงๆ ทั้งหมดเป็นทีมงานเดิม ทำงานมาตั้งแต่ผู้บริหารคนก่อน แม้ว่าประธานบริษัทจะเป็นชื่อบิดาของชายหนุ่มทว่างานในบริษัทนี้เขาเป็นคนดูและมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนอย่างเต็มที่ ยกเว้นประชุมบอร์ดบริหารบิดาของชายหนุ่มจึงเป็นผู้เข้าประชุม“แล้วก็มีอีกเรื่องที่ต้องรบกวนคุณกันย์”ผู้เป็นท่านรองพูดขึ้นหลังจบเนื้อหาการประชุม“เราจะมีสัมมนากันเดือนหน้า ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ อยากให้คุณกันย์ช่วยเลือกดูว่าเราจะไปที่ไหนดี แล้วบอกกับเลขาผมได้เลยครับ”“ได
ร่างสูงกำยำเคลื่อนขึ้นมามอบจูบสุดดื่มด่ำ ก่อนจะขยับกายขึ้นนั่ง กันยกรคิดว่าบทรักที่แท้จริงกำลังจะตามมาจึงเกร็งตัวรอทว่า อีกฝ่ายกลับจับเธอให้พลิกคว่ำหน้าลง กายแกร่งแนบลงมาชิดเสียดสีอกแกร่งกับแผ่นหลังบางพร้อมกัดใบหูของเธอเบาๆ หยอกเอิน“ผิวคุณเนียนนุ่มอย่างกับกำมะหยี่แน่ะ ได้เบียดแบบนี้แล้วผมแข็งไปหมด”ความกร้าวเบียดถูไถกับสะโพกเธอทำเอากันยกรขนลุกไปทั้งแผ่นหลัง หากก็กัดฟันต่อว่าเขาออกไป“ลามก”“แหงล่ะ ไม่ลามกจะทำให้คุณเสร็จได้ไง”“ทะลึ่ง”“หึๆๆ”ชายหนุ่มหัวเราะพอใจที่ได้ยั่วให้เธอโมโห แต่กันยกรกลับไม่ได้โกรธเคืองอีกฝ่าย กลับรู้สึกเร้าใจเร้าอารมณ์กับการกระตุ้นด้วยคำพูดของนภณต์ริมฝีปากอุ่นซุกไซ้ข้างซอกคอ พร้อมมือหนาก็สอดมาเคล้นหน้าอก ยิ่งเขาจูบเม้มคอกับบ่าเธอยิ่งตัวสั่น ครวญครางเสียงเบาด้วยความรัญจวนใจ รอยประทับค่อยๆ ต่ำลงไปตามสันหลังกันยกรก็เหมือนถูกไฟโหมท่วมกาย อาการร้อนรนมาพร้อมความซาบซ่านจนขยับสะโพกไล้กับชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังในลำคอหนาราวพอใจ“คุณกันย์ใจร้อนหรือครับ”“คุณนี่”หญิงสาวขุ่นใจกับคนช่างหยอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ออกว่าเธอกำลังเร่าร้อนสุดๆ โหยหารสรักที่ได้
“คุณไม่ได้น่ารังเกียจอะไรหรอก”กันยกรบอกเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา“แค่ระหว่างเราเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ไม่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น ถึงฉันจะไม่ได้ยึดติดเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่คนรักสนุกจนไม่แคร์อะไร”“ผมเองก็ไม่ได้นอนกับใครง่ายๆ แต่กับคุณ ผมอยากลบความทรงจำแย่ๆ”‘มันไม่ได้แย่’เธอเกือบจะหลุดปากบอกไปแล้วแต่ก็นึกอายที่จะพูด“เรามาสร้างความทรงจำที่ดีใหม่กันนะครับ”อยู่ๆ กันยกรก็รู้สึกเขินขึ้นมา หญิงสาวกัดริมฝีปากที่เกือบจะหลุดยิ้มของตนขณะร่างสูงกำยำโน้มมาอยู่เหนือร่างตน ปลายนิ้วอุ่นไล้กรอบใบหน้าพาให้ขนลุกไปจนถึงลำคอ ก่อนใบหน้าคมคายจะลดมาชิด“อยากให้ผมบริการแบบไหนครับเจ้านาย”เขาเอ่ยเย้า“ถ้าไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ก็ไม่ต้องทำ”เธอตอบเสียงขุ่นเพราะหน้าร้อนจัดกับคำถามของชายหนุ่ม แล้วก็ได้ยินเขาหัวเราะในลำคอราวนึกสนุกก่อนริมฝีปากได้รูปจะแตะไล้ปากเธอผะแผ่วก่อนค่อยๆ เม้มกลีบปากจูบซับ กันยกรหลับตาลงปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยไปกับปากอุ่นและปลายนิ้วแกร่งที่เริ่มลูบไล้ทุกสัดส่วนทั่วกายสาวหญิงสาวผ่อนลมหายใจยาว รับรู้ถึงเรือนกายแกร่งแนบชิดและขยับไล้กับร่างตน มือหนาข้างหนึ่งสอดเข้ามาเกาะกุมทรวงอวบเคล้าคลึงทั้ง
“คุณ”ร่างสูงกำยำรีบเข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น แม้จะไม่ได้เจ็บมากแต่กันยกรก็รู้สึกแปลบๆ ที่หัวเข่า“อยู่ๆ โผล่มาได้ยังไงเนี่ย”“ผมมาเดินดูไร่ชา แล้วฝนตกก็เลยจะรีบวิ่งกลับน่ะสิ”นภณต์ตอบ ฝนตกหนักทำเอาทั้งคู่เปียกโชกในเวลาไม่นาน“ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณพอดี เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“เจ็บเข่าน่ะ”กันยกรตอบด้วยความเซ็ง“งั้นผมขี่ไปส่งคุณที่บ้านพักแล้วกัน”ชายหนุ่มบอกแล้วยกจักรยานขึ้น กันยกรเห็นว่าฝนตกหนักมาก เธอจึงไม่ปฏิเสธ เมื่ออีกฝ่ายประจำที่ด้านหน้าเธอก็นั่งซ้อนด้านหลังโดยง่ายในตอนแรกที่นภณต์ขี่จักรยานนั้นเธอพยายามจับที่ท้ายเบาะเท่านั้น ทว่าเพราะถนนลื่นทั้งยังเป็นเนินขึ้นลงทำให้ทรงตัวได้ยาก เพื่อไม่ให้ตกลงไปสุดท้ายแขนเรียวก็จำต้องกอดเอวหนา แม้จะรู้สึกแปลกๆ หากก็ไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด“คุณพักหลังนี้ใช่ไหมครับ”“ใช่”อีกฝ่ายมาหยุดลงหน้าบ้านพักของเธอ ทว่าแทนที่เขาจะแยกไปบ้านพักตัวเองกลับขยับเข้ามาโอบไหล่เธอ“อะไรของคุณ”กันยกรจะสะบัดตัว หากเสียงทุ้มดังชิดข้างหู ดูเผินๆ เหมือนชายหนุ่มก้มลงจุมพิตศีรษะของเธอ“ท่านรองเปิดม่านหน้าต่างมองอยู่”เพราะบ้านพักของเธออยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักของภพดนั
“เราจะทำให้เต็มที่ครับ”เป็นอีกครั้งที่นภณต์เป็นคนพรีเซนต์และตอบคำถามผู้บริหารทุกอย่างแทนเธอเกี่ยวกับเกมใหม่ที่แผนกคิดขึ้นมา เธอกับชายหนุ่มรวมถึงหัวหน้าของทีมเป็นตัวแทนแผนกเข้าประชุมตั้งแต่นำเสนอ จนถึงตอนนี้ผ่านขั้นตอนการดีไซน์ภาพมาถึงสร้างแอนิเมชันตัวละครและเอฟเฟกต์ และการเขียนโปรแกรมของเกมก็ดำเนินไปบางส่วนแล้ว ซึ่งเป็นเกมที่จำลองสถานการณ์เสมือนจริงในแบบอิงประวัติศาสตร์ไทยที่ทางบริษัทคาดหวังไว้มาก“ครับ ผมเชื่อใจนภณต์กับทีมงาน ถ้ามีปัญหาอะไรติดขัด หรือต้องการอะไรเพิ่มแจ้งผ่านคุณกันย์ได้เลยนะครับ”ภพดนัยฝากฝัง เขาเชื่อใจนภณต์ในเรื่องงานมากเพราะ อีกฝ่ายมีฝีมือจริงๆ ทั้งหมดเป็นทีมงานเดิม ทำงานมาตั้งแต่ผู้บริหารคนก่อน แม้ว่าประธานบริษัทจะเป็นชื่อบิดาของชายหนุ่มทว่างานในบริษัทนี้เขาเป็นคนดูและมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนอย่างเต็มที่ ยกเว้นประชุมบอร์ดบริหารบิดาของชายหนุ่มจึงเป็นผู้เข้าประชุม“แล้วก็มีอีกเรื่องที่ต้องรบกวนคุณกันย์”ผู้เป็นท่านรองพูดขึ้นหลังจบเนื้อหาการประชุม“เราจะมีสัมมนากันเดือนหน้า ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ อยากให้คุณกันย์ช่วยเลือกดูว่าเราจะไปที่ไหนดี แล้วบอกกับเลขาผมได้เลยครับ”“ได
“เฮ้อ ใช้เราเป็นเครื่องมือ สมใจก็ถีบหัวส่ง ใจร้ายจังเลยนะครับเจ้านาย”ดวงตาคู่เรียวงามค้อนขวับ อีกฝ่ายก็เหลือบมองพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างยียวนชวนโมโห“ไม่พอใจคุณก็ปฏิเสธได้นี่ มาจูบตอบทำไม หรือคิดจะไปบอกคุณโดมว่าไม่มีอะไร ฉันมันผู้หญิงมักง่ายจูบคนไปทั่วเองก็ได้ ฉันไม่แคร์หรอก”เธอเสียงแข็ง แล้วภายในรถก็เงียบไปชั่วอึดใจก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ย“คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกครับเจ้านาย”“หึ คุณจะรู้อะไร ฉันไปเรียนเมืองนอกตั้งสามปี อาจจะผ่านอะไรต่อมิอะไรมาตั้งเยอะก็ได้”“พิสูจน์กันไหมครับ”กันยกรถึงกับอึ้งกับคำท้าของเขาแล้วกอดอกเมินหน้าหนี“ทำไมฉันต้องทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นด้วย”“คุณไม่กล้าล่ะสิ กลัวผมรู้ว่าคุณไม่เคยมีใคร นอกจากผม”“ไม่จริงสักหน่อย”เธอหันไปเถียงเสียงขุ่น ทว่าอีกฝ่ายยิ้มนิดๆ แล้วหันไปมองถนนด้านหน้าแล้วหักเลี้ยว กันยกรสูดหายใจเข้าออกแรงอย่างหงุดหงิด“คุณติดใจผม ลืมผมไม่ลง ไม่งั้นคงไม่โสดมาถึงตอนนี้หรอก”“จอดเลยนะ ฉันไม่อนุญาตให้คุณไปส่งฉัน จอดเดี๋ยวนี้”กันยกรขึ้นเสียงยิ่งกว่าเดิมและครั้งนี้ชายหนุ่มยอมหยุดรถชิดริมทาง ทว่าเขายังไม่ลงจากรถโดยง่าย“อ้อ หรือว่า ที่คุณยังไม่มีใครเพราะหวั
กันยกรกัดฟันและพยายามฝืนยิ้มหวาน ทว่าสายตาแอบเหล่ไปมองว่าภพดนัยยังอยู่หรือไม่ เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายเธอก็ทุบอกหนาอย่างแรง“บ้าน่ะสิ ใครคิดถึงคุณ”เอ่ยเสียงเข้มแล้วก็ผลักเขา หากชายหนุ่มยังกอดเธออยู่“อ้อ ใช้ผมเป็นไม้กันหมานี่เอง”“ย่ะ รู้แล้วก็ปล่อยได้แล้ว”เธอไม่ปฏิเสธอีกฝ่ายจึงลดแขนลง ร่างอรชรรีบถอยห่างพลางสูดหายใจเข้าลึกดึงสติของตัวเอง พร้อมเรียกกำลังที่อ่อนลงไปก่อนหน้านี้ แล้วสะบัดหน้าเดินหนีนภณต์กลับไปที่ห้องวีไอพี ตั้งใจว่านั่งต่ออีกสักครึ่งชั่วโมงก็จะขอตัวกลับ ไม่สนใจว่าชายหนุ่มมองตามตนด้วยสายตาแบบไหน“ขึ้นแท็กซี่ไปด้วยกันนะคะพี่เมฆ จะกลับไปเอารถที่บริษัทใช่ไหมคะ น้องต้องผ่านทางนั้นเหมือนกันค่ะ”เพราะนั่งอยู่ข้างนภณต์กันยกรจึงได้ยินที่หญิงสาวซึ่งนั่งถัดจากเขาคุยด้วย วันนี้นภณต์มากับทีม ส่วนเธอขับรถมาเองเพราะรู้เส้นทางที่มาบริษัทลูกค้าแล้ว หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรมากกระทั่งขอตัวกลับ ในทีมมีผู้หญิงสองคน อีกคนขอตัวออกมาพร้อมกับเธอโดยมีแฟนมารับ กันยกรยืนรอเป็นเพื่อนอีกฝ่ายอยู่บริเวณด้านหน้าพักหนึ่งกระทั่งแฟนเจ้าตัวขับรถมาถึง“ขอบคุณกันย์มากค่ะ”เธอพยักหน้ารับพลางบอกว่าไม่เป็นไรอีกฝ่ายก็ขึ้
ครู่ใหญ่ผ่านไป ภายในรถมีเพียงความเงียบ กระทั่งมาถึงถนนเส้นที่บริษัทลูกค้าตั้งอยู่แต่นภณต์ก็หักเลี้ยวเข้าไปจอดร้านริมถนนซึ่งมีพื้นที่จอดรถค่อนข้างแคบ“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณร้านนี้ดังมากเลยนะครับ อร่อย ราคาดีไม่แพง ร้านอาจจะเล็กไปหน่อยเพราะขายมาหลายรุ่นแล้ว ว่าแต่เจ้านายสะดวกไหมครับ หรือไม่ถูกใจผมพาไปร้านในห้างใกล้ๆ นี่ก็ได้”“ฉันยังไงก็ได้ เลี้ยวเข้ามาแล้วยังจะถามอีก”เธอบ่นให้ได้ยิน หากชายหนุ่มก็เพียงยักไหล่“ถ้าโอเคงั้นก็เชิญครับ”กันยกรไม่เรื่องมากในการกิน ร้านริมทางทั่วไปเธอก็นั่งมาบ่อยแล้วสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนไปเรียนต่างประเทศเธอต้องใช้เงินอย่างประหยัดกินง่ายกว่าอยู่เมืองไทยมากภายในร้านเป็นพัดลม ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทไว้ในรถ ทว่า หญิงสาวเพิ่งมาถอดในตอนที่กินก๋วยเตี๋ยวไปได้ไม่นานก็เริ่มเหงื่อซึม เธอซับเหงื่อตลอดเวลาจนทิชชูกองโต แต่ก๋วยเตี๋ยวอร่อยถูกปากมากจึงเป็นที่พอใจของกันยกรมากกว่าจะบ่น นภณต์เป็นคนจ่ายเงินโดยเธอเองก็ไม่เรื่องมากดึงดันจ่ายเองกลับมาขึ้นรถอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ขอแวะซื้อกาแฟและเผื่อเธอด้วย กันยกรมองลาเต้ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ด้วยสายตาแปลกใจ“ลาเต้ครับ”“คุณไม่ได้ถามฉ
แม้จะค่อนข้างกังวลใจเรื่องของนภณต์ ทว่าเอาเข้าจริงกันยกรก็แทบจะไม่เจอหน้าชายหนุ่ม เพราะพูดคุยเรื่องงานโดยผ่านเลขาเป็นคนประสานนอกจากต้องประชุมทีม และอีกฝ่ายก็ออกไปพบลูกค้ากับทีมเพื่อนำเสนองานเสมอ ดูเหมือนนภณต์จะเป็นหัวใจหลักของแผนกก็ว่าได้ พวกเขาทั้งรับงานว่าจ้างจากข้างนอกและออกแบบกับพัฒนางานของบริษัทเอง แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่มีงานที่ดูคล้ายหรือซ้ำกันให้เป็นที่ครหา ได้รับความไว้ใจจากบริษัทอื่นอีกถึงห้าบริษัท“คุณนภณต์ขอพบค่ะคุณกันย์”ปากกาในมือซึ่งกำลังจะเซนต์เอกสารที่พึ่งอ่านทำความเข้าใจเนื้อหาเสร็จหล่นลง อยู่ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาขอเข้าพบเธอในห้องนับจากวันที่มาแนะนำตัว“เชิญค่ะ”หญิงสาวตอบรับแล้ววางสีหน้าให้นิ่ง ผ่านไปสามอาทิตย์นับแต่ชายหนุ่มไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ แล้วจากนั้นเขาก็ดูจะยุ่งตลอดเวลา มีเพียงประชุมดูงานที่แก้ไปเท่านั้นที่เธอเจอเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทางล้ำเส้นใดๆ ขณะที่กันยกรระวังตัวแจจนมากเกินไป“ขอโทษที่รบกวนครับ พอดีผมมีเรื่องด่วนต้องแจ้งให้ทราบ”เมื่อพิมพ์พรรณซึ่งเดินนำชายหนุ่มเข้ามาออกไปนภณต์ก็เอ่ยทันที เขาถือแฟ้มติดมือมาด้วย
“เป็นบ้าอะไรยายกันย์”เธอบ่นตัวเองก่อนจะสตาร์ตรถ แต่กลับสตาร์ตไม่ติด สตาร์ตซ้ำเท่าไรก็ไม่มีปฏิกิริยาทำเอาหญิงสาวทิ้งตัวลงกระแทกเบาะด้วยความเซ็ง“เป็นอะไรเนี่ย”ดูนาฬิกาก็เห็นว่าสองทุ่มครึ่งแล้ว หากจะโทรหาลุงคนขับรถของที่บ้านก็คงดึกเกินไป กันยกรไม่เคยดูแลเรื่องรถด้วยตัวเอง เธอแค่ขับได้ตามประสาลูกสาวคนมีเงินทั่วไป แม้บิดาจะไม่ใส่ใจกระนั้นก็ไม่เคยต้องลำบาก“ไว้โทรพรุ่งนี้แล้วกัน”ก๊อกๆๆหญิงสาวตกใจสะดุ้งโหยงที่อยู่ๆ กระจกด้านข้างก็มีคนมาเคาะ เมื่อหันมองก็เห็นว่าเป็นคนที่เพิกเฉยกันและกันมาตลอดทั้งอาทิตย์“รถสตาร์ตไม่ติดเหรอครับ”เธอได้ยินเขาถามแว่วๆ กันยกรหยิบของตนเองก่อนจะเปิดประตูลงไป ร่างสูงกำยำก็ขยับไปยืนห่างอย่างเว้นระยะ“ใช่ค่ะ สตาร์ตไม่ติด”“ผมช่วยดูให้ไหมครับ”คำถามดูง่ายและมีน้ำใจแต่อดไม่ได้เลยที่เธอจะสังเกตแววตาของเขา หากก็ดูไร้แววใดๆ“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันให้คนที่บ้านมาจัดการ”“อ้อ ครับ”ชายหนุ่มยิ้มบางรับพร้อมกับมองกระเป๋าของเธอ“จะลงไปชั้นหนึ่งเหรอครับ ติดรถผมลงไปก็ได้ จะได้ไม่ต้องลงลิฟต์ให้เสียเวลา”หญิงสาวอึกอักและดูไม่สบายใจขึ้นมาชัดเจน เธอเม้มริมฝีปากพลางส่ายหน้า