“เฮ้อ ใช้เราเป็นเครื่องมือ สมใจก็ถีบหัวส่ง ใจร้ายจังเลยนะครับเจ้านาย”
ดวงตาคู่เรียวงามค้อนขวับ อีกฝ่ายก็เหลือบมองพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างยียวนชวนโมโห
“ไม่พอใจคุณก็ปฏิเสธได้นี่ มาจูบตอบทำไม หรือคิดจะไปบอกคุณโดมว่าไม่มีอะไร ฉันมันผู้หญิงมักง่ายจูบคนไปทั่วเองก็ได้ ฉันไม่แคร์หรอก”
เธอเสียงแข็ง แล้วภายในรถก็เงียบไปชั่วอึดใจก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ย
“คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกครับเจ้านาย”
“หึ คุณจะรู้อะไร ฉันไปเรียนเมืองนอกตั้งสามปี อาจจะผ่านอะไรต่อมิอะไรมาตั้งเยอะก็ได้”
“พิสูจน์กันไหมครับ”
กันยกรถึงกับอึ้งกับคำท้าของเขาแล้วกอดอกเมินหน้าหนี
“ทำไมฉันต้องทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นด้วย”
“คุณไม่กล้าล่ะสิ กลัวผมรู้ว่าคุณไม่เคยมีใคร นอกจากผม”
“ไม่จริงสักหน่อย”
เธอหันไปเถียงเสียงขุ่น ทว่าอีกฝ่ายยิ้มนิดๆ แล้วหันไปมองถนนด้านหน้าแล้วหักเลี้ยว กันยกรสูดหายใจเข้าออกแรงอย่างหงุดหงิด
“คุณติดใจผม ลืมผมไม่ลง ไม่งั้นคงไม่โสดมาถึงตอนนี้หรอก”
“จอดเลยนะ ฉันไม่อนุญาตให้คุณไปส่งฉัน จอดเดี๋ยวนี้”
กันยกรขึ้นเสียงยิ่งกว่าเดิมและครั้งนี้ชายหนุ่มยอมหยุดรถชิดริมทาง ทว่าเขายังไม่ลงจากรถโดยง่าย
“อ้อ หรือว่า ที่คุณยังไม่มีใครเพราะหวังว่าท่านรองอาจเปลี่ยนใจก่อนแต่ง...”
เพียะ!
“อย่ามาดูถูกฉัน”
หญิงสาวกัดฟันพูด เสียงของเธอสั่นเพราะพยายามสะกดความโมโห มือบางกำแน่นอย่างเจ็บใจไม่ได้เจ็บปวดเพราะน้องสาวกับภพดนัยหักหลังอีกแล้ว
“การที่ฉันให้คุณช่วยไม่ได้หมายความว่าคุณจะดูถูกฉันยังไงก็ได้”
“ผมปากเสียไปหน่อย ขอโทษ”
เมื่อหันหน้ากลับมานภณต์ก็ยอมขอโทษเสียงทุ้มทั้งยังจ้องเธอด้วยแววตาอ่อนแสง
“ยังไงก็เถอะ ให้ผมขับไปส่งดีกว่า คุณกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่าขับรถเองเลย”
“เพราะใครล่ะ”
“คุณเมาด้วย”
“ฉันเนี่ยนะ คุณยังดื่มเยอะกว่าฉันเสียอีก”
“ผมขับให้นั่งสบายๆ ดีกว่า นะครับ”
ชายหนุ่มสรุปเอาเองพร้อมกับยักคิ้วให้แล้วกลับไปออกรถอีกครั้ง
“คอนโดคุณ คอนโดอะไรครับ”
กันยกรมองอีกฝ่ายอย่างระแวงว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก แล้วก็ถอนหายใจแรงก่อนบอกชื่อคอนโด
“แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ จอดรถแค่หน้าคอนโด แล้วคุณก็ขึ้นแท็กซี่กลับไป”
“แล้วแต่เจ้านายจะบัญชาครับ”
ถึงนภณต์จะตอบอย่างนี้แต่หญิงสาวก็ยังไม่เชื่อนักว่าเขาจะทำตาม
ครู่หนึ่งรถก็มาหยุดก่อนจะถึงทางเข้าคอนโดของเธอ กันยกร ลอบถอนหายใจเมื่อชายหนุ่มลงจากรถโดยไม่หาเรื่องให้ปวดหัวอีก คืนนี้เธอดื่มมาไม่เยอะทว่ากลับมึนจนรู้สึกหนักศีรษะเพราะนภณต์ หญิงสาวลงไปอีกฝ่ายก็อ้อมขึ้นมาบนฟุตบาตรใกล้ประตูรถ
“ยังไงก็ขอบคุณที่ขับรถมาให้ฉันนะคะ”
“แค่คำขอบคุณอย่างเดียวเหรอครับ”
ร่างสูงกำยำก้าวมาชิดเธอจึงขยับหลบ ทว่าชายหนุ่มวางมือสองข้างบนหลังรถกักตัวเธอเอาไว้
“นี่คุณ”
กันยกรเงยหน้ามองคนที่สูงกว่าตาขุ่น นี่เขาจะไม่หยุดก่อกวนเธอง่ายๆ ใช่ไหม
“โอกาสสุดท้ายแล้วนะครับ”
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น แม้จะรู้สึกราวแพ้สายตาคมเข้มที่ติดหวานของอีกฝ่ายหากก็ไม่ยอมหลบให้เขามองออกว่าเธอแอบหวั่นใจลึกๆ
“ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า แล้วแต่เจ้านายจะบัญชา”
นภณต์ขยับใบหน้าคมคายลงไปใกล้ดวงหน้าเรียวสวยอีกนิด ราวต้องการกวาดมองความงดงามให้เต็มตา
“ถ้าคุณยังยืนยันว่าไม่ต้องการผม ไม่เคยคิดถึงสัมผัสของผม ผมจะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน ต่างคนต่างอยู่ เป็นเจ้านายกับลูกน้องที่รู้จักกันเพียงผิวเผินนับจากนี้เป็นต้นไป และผมก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของคุณกับท่านรอง”
“คุณขู่ฉันเหรอ”
กันยกรพึมพำ เพราะเขายกเรื่องภพดนัยมาอ้าง
“ในเมื่อผมไม่เคยมีความหมาย ผมก็ไม่อยากเป็นแค่เครื่องมือของคุณ”
เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึกโมโหอีกฝ่ายติดหมัด แต่ถึงตบไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกฝ่ายไม่สำนึกอยู่ดี เจ็บมือเปล่าๆ
“คุณต้องการอะไรกันแน่ แค่อยากนอนกับฉันงั้นเหรอ หรืออยากให้ฉันบอกว่าคุณเจ๋งแค่ไหน เก่งจนฉันลืมไม่ลงอย่างนั้นเหรอ คุณเอาเรื่องที่จบไปแล้วมาพูดมันก็เท่ากับแบล็กเมล์ฉัน ทั้งที่ฉันจ่ายเงินคุณครบทันทีที่จบเรื่อง”
“ผมไม่ได้คิดจะแบล็กเมล์ อีกอย่าง...ถ้าคุณอยากได้เงินคืนผมก็ยินดีคืนให้ ตอนนั้นผมลำบากจริงๆ ก็เลยรับไว้”
น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนลง
“บอกตามตรงว่าเรื่องตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกผิดต่อคุณ ผมได้ทั้งความบริสุทธิ์ ได้ทั้งเงินของคุณ”
“แต่คุณก็ยังขุดขึ้นมาพูดให้ฉันอายน่ะเหรอ”
“เปล่าเลยครับ ผมมันคนปากไม่ดี ถึงจะอยากคุยกับคุณจริงจัง แต่ปากผมมันก็คอยจะพูดกวนโมโหอยู่ดี ผมคิดทบทวนเรื่องคืนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกได้ว่าคุณต้องการก้าวผ่านบางอย่าง มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของคุณ แต่กลับมีแค่ผมที่ได้ประโยชน์”
กันยกรใจเย็นลงเมื่อชายหนุ่มเลิกใช้คำกวนอารมณ์ให้ขุ่น
“ผมคิดว่าตัวเองสร้างแผลในใจให้คุณด้วยซ้ำ เห็นคุณยังโสด ผมก็เลย...”
“ฉันแค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ”
เธอสวนขึ้นเสียงเรียบไม่ให้เขาเข้าข้างตัวเองหรือเข้าใจผิดไปถึงภพดนัย แล้วนภณต์ก็พยักหน้ายิ้มบาง
“โอเคครับ ผมเชื่อก็ได้”
คำพูดราวจำใจของอีกฝ่ายทำให้เธอส่งสายตาดุกลับไป
“ผมอยากชดใช้ให้คุณ”
“ไม่จำเป็น ฉันเป็นคนจ้างคุณเอง เงินนั่นฉันพร้อมจ่าย”
หญิงสาวปฏิเสธพร้อมกับเมินหน้าหนีสายตาเขาราวไม่สนใจพลางตัดบท
“คุณกลับได้แล้ว ฉันง่วง”
“ถ้าไม่ต้องการเงินก็ให้ผมชดใช้เรื่องอื่นสิครับ เรื่องท่านรอง ผมยินดีให้ความร่วมมือ แค่บอกว่าต้องการให้ผมช่วย เลิกปฏิเสธผม”
กันยกรหันกลับมาสบตาอีกฝ่าย พยายามมองหาแววเจ้าเล่ห์ในนั้น หากแววตาคมก็นิ่งลึกจนเธอเดาความคิดเขาไม่ออก ทว่าตนเป็นคนดึงเขามาทำให้ภพดนัยเข้าใจผิด อย่างน้อยถ้าเข้าใจว่าเธอคบกับนภณต์อีกฝ่ายก็คงวุ่นวายกับเธอน้อยลง
“ได้”
ในที่สุดเธอก็ตอบรับ
“ฉันต้องการให้คุณช่วยกันคุณโดมเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่น”
เพราะรู้ว่าชายหนุ่มเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเธอจึงพูดกันไว้ก่อน หากอีกฝ่ายกลับยิ้มกว้าง แล้วคำตอบของเขาก็ทำเอาเธออดแยกเขี้ยวใส่ไม่ได้
“ครับผม แต่สำหรับผมแล้ว ยินดีบริการเจ้านายทุกเรื่อง ทุกความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจ”
ใบหน้าคมคายเลื่อนลงมากระซิบใกล้หูเธอเสียงพร่า
“ขอแค่กระดิกนิ้วผมก็พร้อมทำตามบัญชาเจ้านาย อึก...”
มือบางทุบลงบนอกอีกฝ่าย พร้อมมองตาดุแล้วผลักให้เขาถอยออกไปพลางย้ำชัดเจน
“ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”
ชายหนุ่มเพียงหัวเราะในลำคอแล้วถอยห่างโดยดี ก่อนจะหันไปโบกมือให้แท็กซี่คันหนึ่งแล้วผายมือให้เธอ กันยกรก้าวฉับๆ อย่างหงุดหงิดพลางคิดในใจว่าตนคิดผิดหรือไม่ที่ให้เขาช่วยกันภพดนัย ขณะนภณต์รีบอ้อมไปเปิดประตูให้เธอขึ้นรถก่อน
“กู๊ดไนท์ครับเจ้านาย”
สิ่งหนึ่งที่เธอรับรู้ได้จากชายหนุ่มก็คือ แม้เขามักจะพูดกวนโมโหแค่ไหน ทว่านภณต์ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการดูแลผู้หญิงในแบบที่สุภาพบุรุษพึงมี
=====
เมฆดูพร้อมรับทุกสถานการณ์มาก แต่ในที่ทำงานแอ๊บทำเป็นไม่รู้จักได้เนียนเลย ตกลงกันย์ยังต้องกังวลอยู่หรือเปล่า ^^"
“เราจะทำให้เต็มที่ครับ”เป็นอีกครั้งที่นภณต์เป็นคนพรีเซนต์และตอบคำถามผู้บริหารทุกอย่างแทนเธอเกี่ยวกับเกมใหม่ที่แผนกคิดขึ้นมา เธอกับชายหนุ่มรวมถึงหัวหน้าของทีมเป็นตัวแทนแผนกเข้าประชุมตั้งแต่นำเสนอ จนถึงตอนนี้ผ่านขั้นตอนการดีไซน์ภาพมาถึงสร้างแอนิเมชันตัวละครและเอฟเฟกต์ และการเขียนโปรแกรมของเกมก็ดำเนินไปบางส่วนแล้ว ซึ่งเป็นเกมที่จำลองสถานการณ์เสมือนจริงในแบบอิงประวัติศาสตร์ไทยที่ทางบริษัทคาดหวังไว้มาก“ครับ ผมเชื่อใจนภณต์กับทีมงาน ถ้ามีปัญหาอะไรติดขัด หรือต้องการอะไรเพิ่มแจ้งผ่านคุณกันย์ได้เลยนะครับ”ภพดนัยฝากฝัง เขาเชื่อใจนภณต์ในเรื่องงานมากเพราะ อีกฝ่ายมีฝีมือจริงๆ ทั้งหมดเป็นทีมงานเดิม ทำงานมาตั้งแต่ผู้บริหารคนก่อน แม้ว่าประธานบริษัทจะเป็นชื่อบิดาของชายหนุ่มทว่างานในบริษัทนี้เขาเป็นคนดูและมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนอย่างเต็มที่ ยกเว้นประชุมบอร์ดบริหารบิดาของชายหนุ่มจึงเป็นผู้เข้าประชุม“แล้วก็มีอีกเรื่องที่ต้องรบกวนคุณกันย์”ผู้เป็นท่านรองพูดขึ้นหลังจบเนื้อหาการประชุม“เราจะมีสัมมนากันเดือนหน้า ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ อยากให้คุณกันย์ช่วยเลือกดูว่าเราจะไปที่ไหนดี แล้วบอกกับเลขาผมได้เลยครับ”“ได
“คุณ”ร่างสูงกำยำรีบเข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น แม้จะไม่ได้เจ็บมากแต่กันยกรก็รู้สึกแปลบๆ ที่หัวเข่า“อยู่ๆ โผล่มาได้ยังไงเนี่ย”“ผมมาเดินดูไร่ชา แล้วฝนตกก็เลยจะรีบวิ่งกลับน่ะสิ”นภณต์ตอบ ฝนตกหนักทำเอาทั้งคู่เปียกโชกในเวลาไม่นาน“ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณพอดี เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“เจ็บเข่าน่ะ”กันยกรตอบด้วยความเซ็ง“งั้นผมขี่ไปส่งคุณที่บ้านพักแล้วกัน”ชายหนุ่มบอกแล้วยกจักรยานขึ้น กันยกรเห็นว่าฝนตกหนักมาก เธอจึงไม่ปฏิเสธ เมื่ออีกฝ่ายประจำที่ด้านหน้าเธอก็นั่งซ้อนด้านหลังโดยง่ายในตอนแรกที่นภณต์ขี่จักรยานนั้นเธอพยายามจับที่ท้ายเบาะเท่านั้น ทว่าเพราะถนนลื่นทั้งยังเป็นเนินขึ้นลงทำให้ทรงตัวได้ยาก เพื่อไม่ให้ตกลงไปสุดท้ายแขนเรียวก็จำต้องกอดเอวหนา แม้จะรู้สึกแปลกๆ หากก็ไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด“คุณพักหลังนี้ใช่ไหมครับ”“ใช่”อีกฝ่ายมาหยุดลงหน้าบ้านพักของเธอ ทว่าแทนที่เขาจะแยกไปบ้านพักตัวเองกลับขยับเข้ามาโอบไหล่เธอ“อะไรของคุณ”กันยกรจะสะบัดตัว หากเสียงทุ้มดังชิดข้างหู ดูเผินๆ เหมือนชายหนุ่มก้มลงจุมพิตศีรษะของเธอ“ท่านรองเปิดม่านหน้าต่างมองอยู่”เพราะบ้านพักของเธออยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักของภพดนั
“คุณไม่ได้น่ารังเกียจอะไรหรอก”กันยกรบอกเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา“แค่ระหว่างเราเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ไม่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น ถึงฉันจะไม่ได้ยึดติดเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่คนรักสนุกจนไม่แคร์อะไร”“ผมเองก็ไม่ได้นอนกับใครง่ายๆ แต่กับคุณ ผมอยากลบความทรงจำแย่ๆ”‘มันไม่ได้แย่’เธอเกือบจะหลุดปากบอกไปแล้วแต่ก็นึกอายที่จะพูด“เรามาสร้างความทรงจำที่ดีใหม่กันนะครับ”อยู่ๆ กันยกรก็รู้สึกเขินขึ้นมา หญิงสาวกัดริมฝีปากที่เกือบจะหลุดยิ้มของตนขณะร่างสูงกำยำโน้มมาอยู่เหนือร่างตน ปลายนิ้วอุ่นไล้กรอบใบหน้าพาให้ขนลุกไปจนถึงลำคอ ก่อนใบหน้าคมคายจะลดมาชิด“อยากให้ผมบริการแบบไหนครับเจ้านาย”เขาเอ่ยเย้า“ถ้าไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ก็ไม่ต้องทำ”เธอตอบเสียงขุ่นเพราะหน้าร้อนจัดกับคำถามของชายหนุ่ม แล้วก็ได้ยินเขาหัวเราะในลำคอราวนึกสนุกก่อนริมฝีปากได้รูปจะแตะไล้ปากเธอผะแผ่วก่อนค่อยๆ เม้มกลีบปากจูบซับ กันยกรหลับตาลงปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยไปกับปากอุ่นและปลายนิ้วแกร่งที่เริ่มลูบไล้ทุกสัดส่วนทั่วกายสาวหญิงสาวผ่อนลมหายใจยาว รับรู้ถึงเรือนกายแกร่งแนบชิดและขยับไล้กับร่างตน มือหนาข้างหนึ่งสอดเข้ามาเกาะกุมทรวงอวบเคล้าคลึงทั้ง
ร่างสูงกำยำเคลื่อนขึ้นมามอบจูบสุดดื่มด่ำ ก่อนจะขยับกายขึ้นนั่ง กันยกรคิดว่าบทรักที่แท้จริงกำลังจะตามมาจึงเกร็งตัวรอทว่า อีกฝ่ายกลับจับเธอให้พลิกคว่ำหน้าลง กายแกร่งแนบลงมาชิดเสียดสีอกแกร่งกับแผ่นหลังบางพร้อมกัดใบหูของเธอเบาๆ หยอกเอิน“ผิวคุณเนียนนุ่มอย่างกับกำมะหยี่แน่ะ ได้เบียดแบบนี้แล้วผมแข็งไปหมด”ความกร้าวเบียดถูไถกับสะโพกเธอทำเอากันยกรขนลุกไปทั้งแผ่นหลัง หากก็กัดฟันต่อว่าเขาออกไป“ลามก”“แหงล่ะ ไม่ลามกจะทำให้คุณเสร็จได้ไง”“ทะลึ่ง”“หึๆๆ”ชายหนุ่มหัวเราะพอใจที่ได้ยั่วให้เธอโมโห แต่กันยกรกลับไม่ได้โกรธเคืองอีกฝ่าย กลับรู้สึกเร้าใจเร้าอารมณ์กับการกระตุ้นด้วยคำพูดของนภณต์ริมฝีปากอุ่นซุกไซ้ข้างซอกคอ พร้อมมือหนาก็สอดมาเคล้นหน้าอก ยิ่งเขาจูบเม้มคอกับบ่าเธอยิ่งตัวสั่น ครวญครางเสียงเบาด้วยความรัญจวนใจ รอยประทับค่อยๆ ต่ำลงไปตามสันหลังกันยกรก็เหมือนถูกไฟโหมท่วมกาย อาการร้อนรนมาพร้อมความซาบซ่านจนขยับสะโพกไล้กับชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังในลำคอหนาราวพอใจ“คุณกันย์ใจร้อนหรือครับ”“คุณนี่”หญิงสาวขุ่นใจกับคนช่างหยอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ออกว่าเธอกำลังเร่าร้อนสุดๆ โหยหารสรักที่ได้
“ห้าหมื่น หนึ่งคืนแล้วจบกัน ไม่มีพันธะผูกพัน บังเอิญเจอกันก็ไม่ต้องทักทาย”นี่คือข้อเสนอที่เอ่ยจากเจ้าของริมฝีปากอิ่มสวยสีแดงกระชากใจ และชายหนุ่มที่นั่งดื่มข้างๆ ตนตรงเคาน์เตอร์บาร์มาเกือบสองชั่วโมงก็พยักหน้าตกลงหลังจากครุ่นคิดไม่กี่อึดใจร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดลูกไม้สีครีมเข้ารูปลุกขึ้นคว้ากระเป๋าสะพายพร้อมเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้มเข้ากันที่ถอดไว้ก่อนหน้านี้ ร่างสูงกำยำจึงลุกตามหญิงสาวเดินนำหน้าอีกฝ่ายผ่านกลุ่มคนที่กำลังยกย้ายส่ายสะโพกอย่างเมามัน เธอไม่ได้ดื่มจนเมามายและมีสติดีครบถ้วนจึงก้าวเดินได้อย่างมั่นคง เมื่อมีผู้ชายซึ่งเมาและเต้นสนุกสนานเข้ามาชนราวอยากทำความรู้จักแขนกำยำก็ขยับมาโอบไหล่บาง ดวงตาคู่เรียวเหลือบมองคนที่เข้ามาประชิดอย่างไม่พอใจ แต่เห็นว่าเป็นชายหนุ่มที่ตนออกปากซื้อเขาจึงเดินต่อ ทว่าเมื่อออกมาด้านนอกก็สะบัดไหล่ตนออก“คุณมีรถไหม”ชายหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ามองเธอนิ่งพยักหน้า“ขับรถตามมาก็แล้วกัน”บอกสั้นๆ หญิงสาวก็ตรงไปยังที่จอดรถของตน ไม่ได้หันกลับไปมองอีกฝ่ายว่าตามมาหรือไม่ แต่คิดว่าหากอยากได้เงินเขาย่อมตามเธอมา‘ขอเวลาหน่อยเถอะครับ ผมจะรีบเคลียร์ให้ภายในอาทิตย์หน้า’เธอได
ประตูห้องพักในโรงแรมถูกเปิดโดยพนักงานบริการ กันยกรเดินเข้ามาก่อนตามด้วยเจ้าของร่างสูงกำยำ“ฉันเข้าห้องน้ำก่อน”เมื่อพนักงานออกไปเธอก็จับประตูห้องน้ำเปิดเข้าไปทันที รู้สึกใจเต้นแรงจนต้องพิงประตูแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกไม่เสียใจ กันยกรบอกตัวเอง สิ่งที่ตนกำลังจะทำเหมือนคนโง่ ทว่าเธอต้องการความแข็งแกร่ง อยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงแกร่งที่สวย เชิด เลิศ ไม่แคร์สิ่งใด‘แกมันดูเหนียมไปหน่อยยายกันย์ ผู้หญิงที่ไม่เคยอย่างแกน่ะ มันขาดเสน่ห์ ไร้เซ็กซ์แอพพีลก็ตรงนี้แหละ’ภาวินีเพื่อนสนิทบอกเธอในตอนที่ถูกแฟนบอกเลิกเป็นคนที่สาม นับแต่เรียนมหาวิทยาลัย กันยกรก็คบหากับคนที่เข้ามาจีบตนเพราะคิดว่าตนเองโตพอที่จะทำความรู้จักความรัก แต่กลับถูกคนที่คบด้วยบอกเลิกหลังจากเวลาผ่านไปพักหนึ่งเสมอ‘ฉันยังไม่พร้อมนี่นา’‘แล้วแกจะพร้อมเมื่อไร สมัยนี้เขาไม่ถือเรื่องพวกนี้กันแล้ว ของแบบนี้มันต้องลองก่อนว่าไปกันรอดไหม เจอหน้าก็ชวนนอนก่อนเลยย่ะ’‘แหม พูดเหมือนตัวเองเจอหน้าคนที่ชอบแล้วชวนนอนก่อนงั้นแหละยายนีนี่’‘ว่าไม่ได้นะจ๊ะ ถ้าโดนจริงๆ ก็อาจจะขอลองก่อนว่าเด็ดไหม’เพื่อนรักกระซิบข้างหูแล้วขยิบตาให้เธอจึงตีไหล่อีกฝ่า
“อ๋อ หรืออยากให้ผมทำให้ก่อน”ใบหน้าเรียวมนที่สวยลงตัวพยักรับ อย่างน้อยประวิงเวลาให้ตัวเองได้หายใจหายคอสักหน่อยก็ยังดีและชายหนุ่มเหมือนไม่อยากให้เสียเวลา เขาจับร่างอรชรพลิกอีกครั้งให้หันมาเผชิญหน้า ทว่าซุกใบหน้าลงจูบเม้มลำคอขาว มือยังวนเวียนอยู่บนทรวงอวบอิ่ม กระทั่งข้างหนึ่งเปลี่ยนเป้าหมายต่ำลงไปลูบกลางร่างตรงๆ ทำเอากันยกรสะดุ้งกับความไม่คุ้นเคยแม้มีซับในชิ้นบางเป็นปราการป้องกันก็รับรู้ถึงความแกร่งกล้าจากปลายนิ้วที่ลากไล้ไปมาหญิงสาวอุทานในลำคอเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยข้างหู“เกาะผมสิครับ”บอกแล้วชายหนุ่มก็ยกขาเธอขึ้นให้เกาะสะโพกของเขา กันยกรโอบแขนเรียวรอบลำคออีกฝ่าย ไม่มั่นใจว่าเขาจะทำอะไร แต่ขาของเธอไร้เรี่ยวแรงจึงทำได้เพียงเกาะเกี่ยวร่างสูงกำยำตามที่เขาบอก รับรู้ได้ว่าเขาอุ้มเธอมาจนถึงเตียงเพราะถูกวางลงบนเตียงนุ่มเมื่อร่างสูงกำยำขยับคุกเข่า เขาก็เกี่ยวชุดแสกลูกไม้ของเธอออกจากสะโพก กันยกรจับมือหนาห้ามไว้อย่างลืมตัวและสบตาคมเข้มที่เหลือบมามองแล้วก็ต้องรีบกอดอกเปล่าเปลือยของตนเพราะสังเกตเห็นว่าเขาหลุบตาลงมอง แล้วก็เป็นโอกาสให้ชายหนุ่มรั้งซับในตัวน้อยตามไปกับชุดแสกด้วย“เอ่อ...”
“กันย์ต้องการถอนหมั้นค่ะ”กันยกรเอ่ยในไม่กี่วันถัดมาที่นัดภพดนัยทานอาหารค่ำด้วยกัน ความจริงเธออยากนัดเจอเขาทันทีทันใดด้วยซ้ำทว่าชายหนุ่มบอกว่าไม่ว่างผัดมาพักหนึ่งจนเธอบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพูดอีกฝ่ายจึงยอมรับนัดหญิงสาวมาในชุดราตรีสั้นสีน้ำเงินโชว์ท่อนขาสวยได้รูปกับแขนเรียว ผิวขาวผ่องตัดกับสีเข้มของชุดยิ่งทำให้โดดเด่นสะดุดตา แถมวันนี้เธอยังใส่คอนแทกเลนส์เหมือนเช่นตอนที่ไปผับคืนนั้น ตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากนี้จะทำเลสิก ทรงผมถูกเกล้าขึ้นโชว์ลำคอระหง ดูสวยสง่าชนิดที่เดินผ่านผู้ชายหรือผู้หญิงต่างก็หันมอง แม้กระทั่งเวลานี้นั่งอยู่กับภพดนัยก็ยังมีผู้ชายเหล่มองตลอดเวลาอย่างไม่เกรงใจจนชายหนุ่มหงุดหงิดภพดนัยนิ่งงันไปกับคำบอกของคู่หมั้นสาว สิ่งที่คาดไว้ในใจนั้นผิดไปหลายขุม เขาเห็นครั้งแรกที่กันยกรเดินเข้ามาก็ถึงกับตะลึงลมหายใจสะดุดกับลุกใหม่ที่ไม่เคยเห็นจากเจ้าตัวมาก่อน ยังคิดเลยว่าคู่หมั้นสาวต้องการจะมัดใจตนในคืนนี้“หมายความว่ายังไง อยู่ดีๆ ทำไมคุณถึง...”กันยกรไม่พูดพร่ำ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปที่แอบถ่ายไว้ได้ แม้เพียงไม่กี่วินาทีเพราะทนมองได้ไม่นาน หากมันก็ชัดเจน เมื่อวางล
ร่างสูงกำยำเคลื่อนขึ้นมามอบจูบสุดดื่มด่ำ ก่อนจะขยับกายขึ้นนั่ง กันยกรคิดว่าบทรักที่แท้จริงกำลังจะตามมาจึงเกร็งตัวรอทว่า อีกฝ่ายกลับจับเธอให้พลิกคว่ำหน้าลง กายแกร่งแนบลงมาชิดเสียดสีอกแกร่งกับแผ่นหลังบางพร้อมกัดใบหูของเธอเบาๆ หยอกเอิน“ผิวคุณเนียนนุ่มอย่างกับกำมะหยี่แน่ะ ได้เบียดแบบนี้แล้วผมแข็งไปหมด”ความกร้าวเบียดถูไถกับสะโพกเธอทำเอากันยกรขนลุกไปทั้งแผ่นหลัง หากก็กัดฟันต่อว่าเขาออกไป“ลามก”“แหงล่ะ ไม่ลามกจะทำให้คุณเสร็จได้ไง”“ทะลึ่ง”“หึๆๆ”ชายหนุ่มหัวเราะพอใจที่ได้ยั่วให้เธอโมโห แต่กันยกรกลับไม่ได้โกรธเคืองอีกฝ่าย กลับรู้สึกเร้าใจเร้าอารมณ์กับการกระตุ้นด้วยคำพูดของนภณต์ริมฝีปากอุ่นซุกไซ้ข้างซอกคอ พร้อมมือหนาก็สอดมาเคล้นหน้าอก ยิ่งเขาจูบเม้มคอกับบ่าเธอยิ่งตัวสั่น ครวญครางเสียงเบาด้วยความรัญจวนใจ รอยประทับค่อยๆ ต่ำลงไปตามสันหลังกันยกรก็เหมือนถูกไฟโหมท่วมกาย อาการร้อนรนมาพร้อมความซาบซ่านจนขยับสะโพกไล้กับชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังในลำคอหนาราวพอใจ“คุณกันย์ใจร้อนหรือครับ”“คุณนี่”หญิงสาวขุ่นใจกับคนช่างหยอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ออกว่าเธอกำลังเร่าร้อนสุดๆ โหยหารสรักที่ได้
“คุณไม่ได้น่ารังเกียจอะไรหรอก”กันยกรบอกเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา“แค่ระหว่างเราเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ไม่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น ถึงฉันจะไม่ได้ยึดติดเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่คนรักสนุกจนไม่แคร์อะไร”“ผมเองก็ไม่ได้นอนกับใครง่ายๆ แต่กับคุณ ผมอยากลบความทรงจำแย่ๆ”‘มันไม่ได้แย่’เธอเกือบจะหลุดปากบอกไปแล้วแต่ก็นึกอายที่จะพูด“เรามาสร้างความทรงจำที่ดีใหม่กันนะครับ”อยู่ๆ กันยกรก็รู้สึกเขินขึ้นมา หญิงสาวกัดริมฝีปากที่เกือบจะหลุดยิ้มของตนขณะร่างสูงกำยำโน้มมาอยู่เหนือร่างตน ปลายนิ้วอุ่นไล้กรอบใบหน้าพาให้ขนลุกไปจนถึงลำคอ ก่อนใบหน้าคมคายจะลดมาชิด“อยากให้ผมบริการแบบไหนครับเจ้านาย”เขาเอ่ยเย้า“ถ้าไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ก็ไม่ต้องทำ”เธอตอบเสียงขุ่นเพราะหน้าร้อนจัดกับคำถามของชายหนุ่ม แล้วก็ได้ยินเขาหัวเราะในลำคอราวนึกสนุกก่อนริมฝีปากได้รูปจะแตะไล้ปากเธอผะแผ่วก่อนค่อยๆ เม้มกลีบปากจูบซับ กันยกรหลับตาลงปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยไปกับปากอุ่นและปลายนิ้วแกร่งที่เริ่มลูบไล้ทุกสัดส่วนทั่วกายสาวหญิงสาวผ่อนลมหายใจยาว รับรู้ถึงเรือนกายแกร่งแนบชิดและขยับไล้กับร่างตน มือหนาข้างหนึ่งสอดเข้ามาเกาะกุมทรวงอวบเคล้าคลึงทั้ง
“คุณ”ร่างสูงกำยำรีบเข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น แม้จะไม่ได้เจ็บมากแต่กันยกรก็รู้สึกแปลบๆ ที่หัวเข่า“อยู่ๆ โผล่มาได้ยังไงเนี่ย”“ผมมาเดินดูไร่ชา แล้วฝนตกก็เลยจะรีบวิ่งกลับน่ะสิ”นภณต์ตอบ ฝนตกหนักทำเอาทั้งคู่เปียกโชกในเวลาไม่นาน“ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณพอดี เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“เจ็บเข่าน่ะ”กันยกรตอบด้วยความเซ็ง“งั้นผมขี่ไปส่งคุณที่บ้านพักแล้วกัน”ชายหนุ่มบอกแล้วยกจักรยานขึ้น กันยกรเห็นว่าฝนตกหนักมาก เธอจึงไม่ปฏิเสธ เมื่ออีกฝ่ายประจำที่ด้านหน้าเธอก็นั่งซ้อนด้านหลังโดยง่ายในตอนแรกที่นภณต์ขี่จักรยานนั้นเธอพยายามจับที่ท้ายเบาะเท่านั้น ทว่าเพราะถนนลื่นทั้งยังเป็นเนินขึ้นลงทำให้ทรงตัวได้ยาก เพื่อไม่ให้ตกลงไปสุดท้ายแขนเรียวก็จำต้องกอดเอวหนา แม้จะรู้สึกแปลกๆ หากก็ไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด“คุณพักหลังนี้ใช่ไหมครับ”“ใช่”อีกฝ่ายมาหยุดลงหน้าบ้านพักของเธอ ทว่าแทนที่เขาจะแยกไปบ้านพักตัวเองกลับขยับเข้ามาโอบไหล่เธอ“อะไรของคุณ”กันยกรจะสะบัดตัว หากเสียงทุ้มดังชิดข้างหู ดูเผินๆ เหมือนชายหนุ่มก้มลงจุมพิตศีรษะของเธอ“ท่านรองเปิดม่านหน้าต่างมองอยู่”เพราะบ้านพักของเธออยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักของภพดนั
“เราจะทำให้เต็มที่ครับ”เป็นอีกครั้งที่นภณต์เป็นคนพรีเซนต์และตอบคำถามผู้บริหารทุกอย่างแทนเธอเกี่ยวกับเกมใหม่ที่แผนกคิดขึ้นมา เธอกับชายหนุ่มรวมถึงหัวหน้าของทีมเป็นตัวแทนแผนกเข้าประชุมตั้งแต่นำเสนอ จนถึงตอนนี้ผ่านขั้นตอนการดีไซน์ภาพมาถึงสร้างแอนิเมชันตัวละครและเอฟเฟกต์ และการเขียนโปรแกรมของเกมก็ดำเนินไปบางส่วนแล้ว ซึ่งเป็นเกมที่จำลองสถานการณ์เสมือนจริงในแบบอิงประวัติศาสตร์ไทยที่ทางบริษัทคาดหวังไว้มาก“ครับ ผมเชื่อใจนภณต์กับทีมงาน ถ้ามีปัญหาอะไรติดขัด หรือต้องการอะไรเพิ่มแจ้งผ่านคุณกันย์ได้เลยนะครับ”ภพดนัยฝากฝัง เขาเชื่อใจนภณต์ในเรื่องงานมากเพราะ อีกฝ่ายมีฝีมือจริงๆ ทั้งหมดเป็นทีมงานเดิม ทำงานมาตั้งแต่ผู้บริหารคนก่อน แม้ว่าประธานบริษัทจะเป็นชื่อบิดาของชายหนุ่มทว่างานในบริษัทนี้เขาเป็นคนดูและมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนอย่างเต็มที่ ยกเว้นประชุมบอร์ดบริหารบิดาของชายหนุ่มจึงเป็นผู้เข้าประชุม“แล้วก็มีอีกเรื่องที่ต้องรบกวนคุณกันย์”ผู้เป็นท่านรองพูดขึ้นหลังจบเนื้อหาการประชุม“เราจะมีสัมมนากันเดือนหน้า ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ อยากให้คุณกันย์ช่วยเลือกดูว่าเราจะไปที่ไหนดี แล้วบอกกับเลขาผมได้เลยครับ”“ได
“เฮ้อ ใช้เราเป็นเครื่องมือ สมใจก็ถีบหัวส่ง ใจร้ายจังเลยนะครับเจ้านาย”ดวงตาคู่เรียวงามค้อนขวับ อีกฝ่ายก็เหลือบมองพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างยียวนชวนโมโห“ไม่พอใจคุณก็ปฏิเสธได้นี่ มาจูบตอบทำไม หรือคิดจะไปบอกคุณโดมว่าไม่มีอะไร ฉันมันผู้หญิงมักง่ายจูบคนไปทั่วเองก็ได้ ฉันไม่แคร์หรอก”เธอเสียงแข็ง แล้วภายในรถก็เงียบไปชั่วอึดใจก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ย“คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกครับเจ้านาย”“หึ คุณจะรู้อะไร ฉันไปเรียนเมืองนอกตั้งสามปี อาจจะผ่านอะไรต่อมิอะไรมาตั้งเยอะก็ได้”“พิสูจน์กันไหมครับ”กันยกรถึงกับอึ้งกับคำท้าของเขาแล้วกอดอกเมินหน้าหนี“ทำไมฉันต้องทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นด้วย”“คุณไม่กล้าล่ะสิ กลัวผมรู้ว่าคุณไม่เคยมีใคร นอกจากผม”“ไม่จริงสักหน่อย”เธอหันไปเถียงเสียงขุ่น ทว่าอีกฝ่ายยิ้มนิดๆ แล้วหันไปมองถนนด้านหน้าแล้วหักเลี้ยว กันยกรสูดหายใจเข้าออกแรงอย่างหงุดหงิด“คุณติดใจผม ลืมผมไม่ลง ไม่งั้นคงไม่โสดมาถึงตอนนี้หรอก”“จอดเลยนะ ฉันไม่อนุญาตให้คุณไปส่งฉัน จอดเดี๋ยวนี้”กันยกรขึ้นเสียงยิ่งกว่าเดิมและครั้งนี้ชายหนุ่มยอมหยุดรถชิดริมทาง ทว่าเขายังไม่ลงจากรถโดยง่าย“อ้อ หรือว่า ที่คุณยังไม่มีใครเพราะหวั
กันยกรกัดฟันและพยายามฝืนยิ้มหวาน ทว่าสายตาแอบเหล่ไปมองว่าภพดนัยยังอยู่หรือไม่ เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายเธอก็ทุบอกหนาอย่างแรง“บ้าน่ะสิ ใครคิดถึงคุณ”เอ่ยเสียงเข้มแล้วก็ผลักเขา หากชายหนุ่มยังกอดเธออยู่“อ้อ ใช้ผมเป็นไม้กันหมานี่เอง”“ย่ะ รู้แล้วก็ปล่อยได้แล้ว”เธอไม่ปฏิเสธอีกฝ่ายจึงลดแขนลง ร่างอรชรรีบถอยห่างพลางสูดหายใจเข้าลึกดึงสติของตัวเอง พร้อมเรียกกำลังที่อ่อนลงไปก่อนหน้านี้ แล้วสะบัดหน้าเดินหนีนภณต์กลับไปที่ห้องวีไอพี ตั้งใจว่านั่งต่ออีกสักครึ่งชั่วโมงก็จะขอตัวกลับ ไม่สนใจว่าชายหนุ่มมองตามตนด้วยสายตาแบบไหน“ขึ้นแท็กซี่ไปด้วยกันนะคะพี่เมฆ จะกลับไปเอารถที่บริษัทใช่ไหมคะ น้องต้องผ่านทางนั้นเหมือนกันค่ะ”เพราะนั่งอยู่ข้างนภณต์กันยกรจึงได้ยินที่หญิงสาวซึ่งนั่งถัดจากเขาคุยด้วย วันนี้นภณต์มากับทีม ส่วนเธอขับรถมาเองเพราะรู้เส้นทางที่มาบริษัทลูกค้าแล้ว หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรมากกระทั่งขอตัวกลับ ในทีมมีผู้หญิงสองคน อีกคนขอตัวออกมาพร้อมกับเธอโดยมีแฟนมารับ กันยกรยืนรอเป็นเพื่อนอีกฝ่ายอยู่บริเวณด้านหน้าพักหนึ่งกระทั่งแฟนเจ้าตัวขับรถมาถึง“ขอบคุณกันย์มากค่ะ”เธอพยักหน้ารับพลางบอกว่าไม่เป็นไรอีกฝ่ายก็ขึ้
ครู่ใหญ่ผ่านไป ภายในรถมีเพียงความเงียบ กระทั่งมาถึงถนนเส้นที่บริษัทลูกค้าตั้งอยู่แต่นภณต์ก็หักเลี้ยวเข้าไปจอดร้านริมถนนซึ่งมีพื้นที่จอดรถค่อนข้างแคบ“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณร้านนี้ดังมากเลยนะครับ อร่อย ราคาดีไม่แพง ร้านอาจจะเล็กไปหน่อยเพราะขายมาหลายรุ่นแล้ว ว่าแต่เจ้านายสะดวกไหมครับ หรือไม่ถูกใจผมพาไปร้านในห้างใกล้ๆ นี่ก็ได้”“ฉันยังไงก็ได้ เลี้ยวเข้ามาแล้วยังจะถามอีก”เธอบ่นให้ได้ยิน หากชายหนุ่มก็เพียงยักไหล่“ถ้าโอเคงั้นก็เชิญครับ”กันยกรไม่เรื่องมากในการกิน ร้านริมทางทั่วไปเธอก็นั่งมาบ่อยแล้วสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนไปเรียนต่างประเทศเธอต้องใช้เงินอย่างประหยัดกินง่ายกว่าอยู่เมืองไทยมากภายในร้านเป็นพัดลม ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทไว้ในรถ ทว่า หญิงสาวเพิ่งมาถอดในตอนที่กินก๋วยเตี๋ยวไปได้ไม่นานก็เริ่มเหงื่อซึม เธอซับเหงื่อตลอดเวลาจนทิชชูกองโต แต่ก๋วยเตี๋ยวอร่อยถูกปากมากจึงเป็นที่พอใจของกันยกรมากกว่าจะบ่น นภณต์เป็นคนจ่ายเงินโดยเธอเองก็ไม่เรื่องมากดึงดันจ่ายเองกลับมาขึ้นรถอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ขอแวะซื้อกาแฟและเผื่อเธอด้วย กันยกรมองลาเต้ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ด้วยสายตาแปลกใจ“ลาเต้ครับ”“คุณไม่ได้ถามฉ
แม้จะค่อนข้างกังวลใจเรื่องของนภณต์ ทว่าเอาเข้าจริงกันยกรก็แทบจะไม่เจอหน้าชายหนุ่ม เพราะพูดคุยเรื่องงานโดยผ่านเลขาเป็นคนประสานนอกจากต้องประชุมทีม และอีกฝ่ายก็ออกไปพบลูกค้ากับทีมเพื่อนำเสนองานเสมอ ดูเหมือนนภณต์จะเป็นหัวใจหลักของแผนกก็ว่าได้ พวกเขาทั้งรับงานว่าจ้างจากข้างนอกและออกแบบกับพัฒนางานของบริษัทเอง แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่มีงานที่ดูคล้ายหรือซ้ำกันให้เป็นที่ครหา ได้รับความไว้ใจจากบริษัทอื่นอีกถึงห้าบริษัท“คุณนภณต์ขอพบค่ะคุณกันย์”ปากกาในมือซึ่งกำลังจะเซนต์เอกสารที่พึ่งอ่านทำความเข้าใจเนื้อหาเสร็จหล่นลง อยู่ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาขอเข้าพบเธอในห้องนับจากวันที่มาแนะนำตัว“เชิญค่ะ”หญิงสาวตอบรับแล้ววางสีหน้าให้นิ่ง ผ่านไปสามอาทิตย์นับแต่ชายหนุ่มไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ แล้วจากนั้นเขาก็ดูจะยุ่งตลอดเวลา มีเพียงประชุมดูงานที่แก้ไปเท่านั้นที่เธอเจอเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทางล้ำเส้นใดๆ ขณะที่กันยกรระวังตัวแจจนมากเกินไป“ขอโทษที่รบกวนครับ พอดีผมมีเรื่องด่วนต้องแจ้งให้ทราบ”เมื่อพิมพ์พรรณซึ่งเดินนำชายหนุ่มเข้ามาออกไปนภณต์ก็เอ่ยทันที เขาถือแฟ้มติดมือมาด้วย
“เป็นบ้าอะไรยายกันย์”เธอบ่นตัวเองก่อนจะสตาร์ตรถ แต่กลับสตาร์ตไม่ติด สตาร์ตซ้ำเท่าไรก็ไม่มีปฏิกิริยาทำเอาหญิงสาวทิ้งตัวลงกระแทกเบาะด้วยความเซ็ง“เป็นอะไรเนี่ย”ดูนาฬิกาก็เห็นว่าสองทุ่มครึ่งแล้ว หากจะโทรหาลุงคนขับรถของที่บ้านก็คงดึกเกินไป กันยกรไม่เคยดูแลเรื่องรถด้วยตัวเอง เธอแค่ขับได้ตามประสาลูกสาวคนมีเงินทั่วไป แม้บิดาจะไม่ใส่ใจกระนั้นก็ไม่เคยต้องลำบาก“ไว้โทรพรุ่งนี้แล้วกัน”ก๊อกๆๆหญิงสาวตกใจสะดุ้งโหยงที่อยู่ๆ กระจกด้านข้างก็มีคนมาเคาะ เมื่อหันมองก็เห็นว่าเป็นคนที่เพิกเฉยกันและกันมาตลอดทั้งอาทิตย์“รถสตาร์ตไม่ติดเหรอครับ”เธอได้ยินเขาถามแว่วๆ กันยกรหยิบของตนเองก่อนจะเปิดประตูลงไป ร่างสูงกำยำก็ขยับไปยืนห่างอย่างเว้นระยะ“ใช่ค่ะ สตาร์ตไม่ติด”“ผมช่วยดูให้ไหมครับ”คำถามดูง่ายและมีน้ำใจแต่อดไม่ได้เลยที่เธอจะสังเกตแววตาของเขา หากก็ดูไร้แววใดๆ“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันให้คนที่บ้านมาจัดการ”“อ้อ ครับ”ชายหนุ่มยิ้มบางรับพร้อมกับมองกระเป๋าของเธอ“จะลงไปชั้นหนึ่งเหรอครับ ติดรถผมลงไปก็ได้ จะได้ไม่ต้องลงลิฟต์ให้เสียเวลา”หญิงสาวอึกอักและดูไม่สบายใจขึ้นมาชัดเจน เธอเม้มริมฝีปากพลางส่ายหน้า