หน้าหลัก / รักโบราณ / ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา / เรื่องนี้มีผู้ใดรู้หรือไม่

แชร์

เรื่องนี้มีผู้ใดรู้หรือไม่

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-23 16:10:49

บิดาของนางฉลาดไม่น้อย เพียงแค่ฟังเรื่องที่มารดาเล่าก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว ผิดกับมารดาเป็นเวลานานกว่านางจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น

“ข้าคิดว่าใช่เจ้าค่ะ” จิ่วเม่ยเล่าเรื่องที่ไห่กวงจะลอบเข้ามาในเรือน แต่โดนผึ้งต่อยเสียก่อน จนตอนนี้ใบหน้าบางส่วนของเขายังไม่สามารถนำเหล็กในของผึ้งออกได้เลย

“ช่างกล้านัก” ซูเต๋อถึงกับคำรามออกมา ความคิดเช่นนี้คงเป็นของนางไห่ซื่ออย่างแน่นอน

หากไม่ได้สหายของบุตรสาวเขาช่วยไว้ ไม่รู้ว่านางแม่ลูกจะมีชะตาชีวิตเช่นไร

“ท่านพี่อย่าได้มีโทสะ อย่างที่ท่านเห็น หากนางไห่ซื่อมาหาเรื่องอีก ข้าคิดว่าสหายของเจินเออร์คงไม่ปล่อยนางไว้แน่” จิ่วเม่ยบีบมือสามีเพื่อให้เขาคลายโทสะ

“หากมีอีกครั้งก็ลองดู ว่าข้าจะจัดการนางเช่นไร” เขาผ่านความเป็นความตายมาไม่น้อย จิตใจของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย หากมีคนคิดจะรังแกครอบครัวของเขา เขาย่อมต้องจัดการอย่างเด็ดขาดแน่นอน

“ข้าว่าท่านลองไปดูโรงเก็บข้าวก่อนเถิดเจ้าค่ะ” 

ซูเต๋ออุ้มซูเจิน เดินตามจิ่วเม่ยไปโรงเก็บข้าวเปลือกที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นข้าวที่เต็มโรงเก็บไปหมด เขาก็ไม่อยากเชื่อสายตา หากไม่รู้ว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะสหายของบุตรสาว คงได้คิดว่าจิ่วเม่ยนางหาวิธีทำให้พวกนก หนู ไม่เข้ามากินข้าวได้อย่างแน่นอน

“วันนี้ท่านพี่อยากกินอันใด ในเรือนยังมีเนื้อแห้งอยู่อีกมาก หากท่านอยากกินอย่างอื่น ข้าจะไปซื้อเดี๋ยวนี้”

“ไม่ต้อง ข้ากินอันใดก็ได้” ในสนามรบแทบจะกินดินอยู่แล้ว เขาไม่ได้เลือกกินขนาดนั้น

“ต่าย” ซูเจินเอ่ยออกมา

เพียงแค่นางพูด เสี่ยวเตี๋ยก็บินออกไปทันที จิ่วเม่ยได้แต่ส่ายหัวให้บุตรสาว ซูเต๋อยังมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ จิ่วเม่ยไม่คิดจะบอกเขา อยากให้เขาได้เห็นกลับตาตัวเอง

แต่เพียงจิบถ้วยชา (ประมาณ 15 นาที) ผ่านไปก็มีกระต่ายตัวอวบอ้วนที่กระโดดเข้ามาในเรือนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

ซูเจินดิ้นลงจากตัวของซูเต๋อ ก่อนจะเดินเข้าไปหากระต่ายแล้วนั่งลูบหัวพวกมัน

“ขอบคุณพวกเจ้ามาก”

กระต่ายทั้งสองตัวค่อยๆ หลับตาลง สิ้นใจต่อหน้านาง

“นี่ นี่” ซูเต๋อชี้นิ้วที่สั่นเทาของเขาไปที่กระต่ายตรงหน้าบุตรสาว

“ข้าบอกท่านแล้ว เห็นหรือไม่ หากเจินเออร์ นางอยากกินอันใด ก็จะมาตายต่อหน้านางเช่นนี้”

“เรื่องนี้มีผู้ใดรู้หรือไม่” ซูเต๋อเอ่ยถามอย่างกังวล

“ท่านลุงหวง ท่านป้าหวง พวกเขารู้เพียงว่าเรือนข้าโชคดี ที่มีสัตว์ป่าเดินมาตาย แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่พวกเขารู้ เพียงครั้งเดียวตอนที่กวางเดินมาตาย เพราะข้าไม่อาจจัดการได้ด้วยตนเอง”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”

ซูเต๋อเหมือนจะนึกเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับเขาในสนามรบได้ ในตอนที่เขาจวนตัว ได้มีนกกลุ่มหนึ่งบินมาล้อมรอบตัวของเขาไว้ เพื่อให้พ้นจากคมดาบ

และตลอดเวลาที่อยู่ในสนามรบครั้งที่ตัดสิ้นผลแพ้ชนะ ตัวเขาโดนปกป้องไว้ตลอด จนไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด

แม่ทัพจ้าวที่อยู่ไม่ห่างจากเขา เห็นความผิดปกตินี้เช่นกัน เมื่อตอนที่เขากำลังจะจวนตัว ซูเต๋อตัดสินใจพุ่งเข้าไปบังลูกธนูให้แม่ทัพจ้าว

เพราะเขาคิดว่า หากกองทัพที่ไร้แม่ทัพควบคุม พวกเขาที่เป็นเพียงพลทหารคงไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้เช่นกัน จึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น

แต่ฝูงนกยังติดตามเขาไป ทั้งยังพุ่งเข้าจิกกัดมือธนูฝ่ายตรงข้ามที่กำลังเล็งมาทางทิศที่เขาอยู่ ทำให้ทั้งเขาและแม่ทัพจ้าวรอดชีวิตมาได้

หลังจากแคว้นต้าเยี่ยนเป็นฝ่ายชนะ แม่ทัพจ้าวได้เรียกซูเต๋อเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวในกระโจม แล้วเอ่ยถามเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น

“เจ้าทำได้อย่างไร”

“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ ตอนที่หลับตาเพื่อรอรับความตาย ฝูงนกก็เข้ามาช่วยข้อน้อยไว้แล้ว” ซูเต๋อก็ไม่เข้าใจในเรื่องนี้เช่นกัน

เขายังได้รับป้ายจากแม่ทัพจ้าว หากมีเรื่องที่เขาต้องการความช่วยเหลือให้นำป้ายที่เขาให้มาที่จวนแม่ทัพได้ตลอดเวลา

พอฟังเรื่องจากภรรยาแล้ว เขาจึงได้รู้ว่าคงเป็นเพราะบุตรสาวของเขา จึงได้รอดชีวิตกลับมาได้อย่างปลอดภัย คนที่เดินทางไปพร้อมเขาไม่น้อยที่ต้องจบชีวิตลงในสนามรบที่โหดร้าย

เมื่อซูเต๋อเดินเข้าไปสำรวจกระต่ายทั้งสองตัวก็พบว่าพวกมันอายุมากแล้ว

“แก่ แล้ว” ซูเจินเอ่ยบอกเขา นางอยากจะบอกว่ามันสิ้นอายุขัย แต่เพราะประโยคมันยาวเกินไป

“เจ้าหมายถึงมันใกล้ตายแล้วใช่หรือไม่” ซูเต๋อเอ่ยถามบุตรสาว

“ใช่ ใช่” นางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“เช่นนั้น สัตว์ที่เดินมาตายที่เรือน พวกมันใกล้ตายแล้วอย่างนั้นรึ” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย

“เจ้าค่ะ” ซูเจินยกนิ้วโป้งให้บิดาของนาง ฉลาดนัก เช่นนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย

ซูเต๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก ในตอนแรกเขากลัวว่าหากเรื่องนี้ผู้อื่นรู้จะคิดว่าบุตรสาวของตนเป็นปีศาจ แต่หากเป็นเช่นนี้ก็ดี นางช่างเป็นเด็กวาสนาดีนัก

“แล้ววันนี้เจินเออร์อยากกินอันใด” จิ่วเม่ยเอ่ยถามบุตรสาวอย่างเช่นทุกครั้ง

“ย่าง” ซูเจินเลียปากน้อยๆ ของนาง เมื่อนึกถึงรสชาติของกระต่ายที่มารดาเคยย่างให้กิน

“เจ้าตัวตะกละ” จิ่วเม่ยจิ้มจมูกบุตรสาว ก่อนจะถือกระต่ายสองตัวเข้าครัวไป

“อยู่คนเดียวได้หรือไม่” ซูเต๋อจะไปช่วยจิ่วเม่ยในครัว จึงได้ถามบุตรสาว

“อืม” นางพยักหน้าให้เขาวางใจ ก่อนจะเดินไปเล่นที่ใต้ต้นไม้ที่มีแค่ไม้วางไว้อยู่ ซูเต๋ออุ้มนางขึ้นไปนั่ง แล้วเข้าไปในครัวเพื่อช่วยจิ่วเม่ยอีกแรง

จิ่วเม่ยเห็นเนื้อกระต่ายที่มีมาก แม้จะย่างไปแล้วหนึ่งตัว ต้มทำน้ำแกงอีกตัว หากพวกเขาสามคนคงกินกันไม่หมด จึงได้ให้ซูเต๋อไปชวนท่านลุงหวงและท่านป้าหวงมากินข้าวที่เรือน

เมื่อทั้งสองมาถึง จิ่วเม่ยนางก็ยกของขึ้นตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ป้าหวงที่เห็นเนื้อกระต่ายมากมายจึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“อาเม่ยเจ้าไปเอาเนื้อกระต่ายมากมายมาจากที่ใด”

“ข้าออกไปจับมาขอรับ” เป็นซูเต๋อที่เอ่ยตอบ

ชาวบ้านไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าเขามีฝีมือเรื่องจับสัตว์ป่าไม่น้อย หากมีเวลาว่าง นางไห่ซื่อไม่เคยจะคิดให้เขาได้พัก นางให้เขาเข้าป่ามาตั้งแต่เด็ก

วันใดที่ไม่สามารถหาของติดไม้ติดมือมาได้ เขาจะถูกนางลงโทษไม่น้อย

“เช่นนั้นหรือ ดีแล้ว ต่อไปเจินเออร์ของข้าคงมีเนื้อกินทุกมื้อ” ป้าหวงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

แต่ซูเต๋อได้แต่ยิ้มแห้ง หากเขาไม่กลับมา เขาก็เชื่อว่าบุตรสาวตัวน้อยของเขานางจะต้องมีเนื้อกินทุกมื้ออย่างแน่นอน

เมื่อมีคนมาเพิ่มอีกสองปาก อาหารที่จิ่วเม่ยทำมากมายก็หมดลงจนไม่มีเหลือ ซูเจินลูบท้องของนางอย่างพอใจ กระต่ายย่างกว่าครึ่งถูกบิดาแกะวางในชามของนางอย่างใส่ใจ

นางก็ไม่ปฏิเสธกินทั้งหมดลงไปอย่างเชื่อฟัง จนผู้ใหญ่ทั้งสี่อดจะส่ายหน้าไม่ได้ ลุงหวงถือสุราติดมือมาด้วย จึงได้นั่งดื่มพร้อมทั้งเอ่ยถามเรื่องในกองทัพกับซูเต๋อ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   หลันฮวา

    ซูเจินนางนั่งเท้าคางฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็ไม่อาจต้านทานหนังตาที่จะปิดลงมาให้ได้อยู่ตลอด จิ่วเม่ยหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนจะอุ้มนางไปล้างหน้าแล้วพาเข้านอน“นอน” ซูเจินนางชี้มือไปที่ห้องข้างที่อยู่ติดกับห้องของบิดามารดา“เจินเออร์ จะนอนห้องข้างหรือลูก”“อืม” นางพยักหน้าอย่างงัวเงีย“ไม่ได้ เจ้ายังเล็กนัก”“นอน นอน” ครั้งนี้ซูเจินงอแงอย่างเห็นได้น้อย ป้าหวงที่ได้ยินเสียงของนางโวยวายจึงได้เดินเข้ามาดู“เกิดอันใดขึ้น”“เจินเออร์ นางจะนอนห้องนี้ผู้เดียวเจ้าค่ะ”“เพ้ย เจ้าเด็กดื้อ เหตุใดถึงได้งอแงในวันที่บิดาเจ้ากลับมาเล่า” ป้าหวงเอ่ยตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก“น้อง” นางตบไปที่ท้องของมารดาแล้วพูดออกมา“ฮ่า ฮ่า เจ้าเด็กแสบ” ป้าหวงหัวเราะลั่นลุงหวงกับซูเต๋อต้องเดินเข้ามาดูว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่ก็เห็นป้าหวงที่หัวเราะไม่หยุด และจิ่วเม่ยที่ยืนอุ้มซูเจินที่ใกล้จะหลับหน้าแดงก่ำ“เกิดอันใดขึ้นขอรับ”“เจินเออร์ เจ้าเด็กแสบ จะไปนอนห้องข้าง นางอยากจะมีน้อง ฮ่า ฮ่า” ป้าหวงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างชอบใจกลายเป็นซูเต๋ออีกคนที่หน้าแดง ลุงหวงก็หัวเราะไปด้วยกับภรรยา เขาอดที่จะมองซูเจินอย่างชื่นชมในความรู้งานของนาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-24
  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ถ้ำกลางป่า

    ภาพตรงหน้าของซูเจินแปลกไป นางมองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก แต่ตัวนางยังเป็นเด็กอยู่เช่นเดิม เพียงแต่นางสามารถเดินไปอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังพูดได้ชัดเจนแต่ก่อนที่นางจะสงสัยไปมากกว่านี้ ก็มีทูตตัวน้อยปรากฏตรงหน้านาง“คารวะนายหญิงแห่งมิติ”“ข้ารึ” ซูเจินชี้ไปที่ตัวนาง“เจ้าค่ะ ข้าคือทูตที่ดึงตัวท่านมาที่มิตินี่”“เจ้าจะบอกว่า เจ้าคือดอกไม้ดอกนั้นรึ”“เจ้าค่ะ”“แล้วเจ้าพาข้ามาเพื่ออันใด”“อีกไม่กี่ปีข้างหน้า แคว้นต้าเยี่ยนจะเกิดภัยแล้ง ต้นไม้เกือบทั้งหมดจะตายลง สัตว์ป่าไม่มีที่อยู่อาศัย ต่างล้มตาย สูญพันธุ์ จนสิ้น มีเพียงท่านที่มองเห็นข้า ข้าจึงได้พาท่านมาช่วยเจ้าค่ะ”“แล้ว แล้วข้าจะทำได้หรือ”“มือของท่านมีความลับมากกว่าที่ท่านรู้ ท่านไม่เพียงสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิดได้ แต่มือของท่านจะช่วยฟื้นต้นไม้ที่ตายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง”“สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ซูเจินก้มลงมองมือของนาง“ท่านมี เสี่ยวเตี๋ย เสี่ยวมี่ เสี่ยวอี่อยู่ข้างกายท่าน ข้าจะอยู่ดูแลมิติของท่านให้เจ้าค่ะ”“แล้วในมิติ คือสิ่งใด” ซูเจินยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ทูตน้อยบอกนาง“ด้านในจะมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อท่าน ตอนนี้ท่านอาจจะยังไม่เข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-24
  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   เข้าเมืองครั้งแรกของซูเจิน

    ทั้งสามกลับลงมาจากป่าในเวลาไม่นาน ทั้งยังได้ไก่ป่ากับกระต่ายป่าที่สิ้นอายุขัยแล้วเดินมาตายก่อนที่ซูเจินนางจะออกจากป่าอีกสามตัวชาวบ้านเมื่อเห็นว่าซูเต๋อเข้าไปในป่าไม่นานก็ได้สัตว์ป่าออกมาด้วย ต่างก็อดจะชื่นชมเขาไม่ได้ ซูเต๋อได้แต่ยิ้มแห้งให้พวกเขา เพราะเขายังไม่ได้ลงมือทำอันใดสักอย่างซูเจินเมื่อกลับมาถึงเรือนนางก็นำเห็ดทั้งหมดออกมาให้บิดามารดาของนาง“ข้าจะนำไปขายเพียงสามดอกเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าจะขายได้เท่าใด เจินเออร์ เจ้าเก็บไว้เสียก่อน” ซูเจินนางจึงเก็บทั้งหมดเข้าไปในมิติตอนนี้นางอ่อนเพลียยิ่งนัก ปกติมารดาจะให้นางนอนพักในตอนกลางวัน แต่เพราะขึ้นเขาวันนี้นางจึงไม่ได้นอนกลางวัน“เจินเออร์คงง่วงแล้ว ท่านพี่ข้าพานางไปพักก่อนนะเจ้าค่ะ” จิ่วเม่ยเห็นเปลือกตาบุตรสาวที่ใกล้จะปิดลง จึงได้พานางไปนอนพักเสียก่อนสองสามีภรรยาช่วยกันจัดการเห็ดและสัตว์ป่าที่ได้กลับมา ซูเต๋อยังนำไก่ป่าไปแบ่งให้เรือนตระกูลหวงอีกหนึ่งตัว ป้าหวงในตอนแรกก็จะไม่รับ แต่เมื่อรู้ว่าที่เรือนของซูเต๋อยังมีไก่ป่ากับกระต่ายป่าอีกก็ยินยอมรับมาแต่โดยดีก่อนที่ซูเต๋อจะกลับมาซูเจินนางก็ตื่นขึ้นมาเพราะท้องของนางส่งเสียงร้องประท้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-25
  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   เท่าใดถึงเหมาะสม

    อยู่มาจนจะห้าสิบหนาวแล้วยังไม่เคยพบเห็นเห็ดหลินจือที่สมบูรณ์และใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน จึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ซูเจินเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ และเอ่ยพูดกับนางอย่างเมตตาจึงได้ส่งยิ้มหวานให้เขาไปหนึ่งที ในตอนแรกสหายทั้งสามของซูเจินตื่นตัวขึ้นมาทันที คิดว่าจะเกิดอันตรายกับนาง แต่พอเห็นซูเจินนางยิ้มออกมาจึงได้กลับไปอยู่ที่ไหล่ของนางเช่นเดิม“เห็ดหลินจือพันปี” เขาพึมพำออกมาอย่างเลื่อนลอย“เอ่อ ท่านหมอ ท่านจะซื้อหรือไม่ขอรับ” ซูเต๋อทนรอไม่ไหว เพราะหมอกู้ลูบคลำเห็นหลินจือ ของเขามาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว“ซื้อ ซื้อ เจ้าใจร้อนเสียจริง” เขามองค้อนซูเต๋อที่ขัดขวางช่วงเวลาที่เขาชื่นชมเห็ดหลินจืออยู่“หิว” ซูเจินลูบท้องน้อยๆ ของนาง นางอยากจะเร่งให้เขารีบจ่ายเงินจะได้ไปหาของอร่อยกินเสียที“โอ้ เด็กน้อยหิวเสียแล้ว” เขามองซูเจินอย่างชื่นชม เด็กน้อยตรงหน้าคงไม่เกินหนึ่งขวบปีอย่างแน่นอน กลับพูดออกมาตอนที่บิดาของนางกำลังลำบากใจได้หมอกู้ให้หลงจู๊อู๋ไปจัดการหาอาหารมาให้ทั้งสามคนได้กิน เพราะเขาคิดว่าคงอีกนานที่จะพูดคุยเรื่องราคากันเรียบร้อยรอไม่นานหลงจู๊อู๋ก็ยกอาหารเข้ามาด้านใน ซูเต๋อให้จิ่วเม่ยพาบุตรสาวไปนั่งก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-25
  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   พี่ชายเจ้ามิใช่รึ

    นางรู้มาจากเสี่ยวเตี๋ยว่าม้าตัวเมียที่นอนอยู่ในคอกกำลังตั้งท้อง และม้าสองตัวยังเป็นม้าที่เกิดในทุ่งหญ้าแข็งแรงไม่น้อย คงเพราะถูกจับมาตอนที่แม่ม้ากำลังตั้งท้อง จึงทำให้พ่อม้าถูกจับมาด้วย“นายท่าน ม้าสองตัวนี้พยศนัก ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ได้เลยขอรับ” เขาเอ่ยออกมาอย่างกังวลที่เห็นเด็กน้อยต้องการไปดูใกล้ๆ ด้วยกลัวว่านางจะเกิดอันตรายได้แต่ซูเจินนางไม่ยอม ซูเต๋อจำต้องพานางเดินเข้าไปใกล้ เพราะรู้เรื่องความลับของบุตรสาวดี นายหน้าค้าสัตว์อยากจะเอ่ยห้าม แต่เมื่อเห็นบิดาของนางตามใจเช่นนี้ เขาจึงได้ถอยห่างออกมา เพื่อรอดูเรื่องสนุกแทนม้าทั้งสองตัว เมื่อเห็นซูเต๋ออุ้มซูเจินเดินเข้ามาทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินมาหานางอย่างช้าๆ ทั้งยังยอมให้นางจับตัวอย่างว่าง่ายอีก“คิก คิก” ซูเจินหัวเราะอย่างชอบใจ เมื่อม้าตัวเมียดันจมูกของมันกับแก้มของนางนายหน้าค้าสัตว์อ้าปากค้างมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจ แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องประหลาดที่เขาพบเจอ เสียงสัตว์ที่อยู่ในความดูแลทั้งหมดของเขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความอิจฉา เมื่อเห็นม้าทั้งสองตัวได้คลอเคลียกับนายหญิงแห่งมิติพฤกษาซูเจินนางไม่รู้เลยว่าการที่นางซื้อม้าทั้งสองตัวและวัวอีกสอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-26
  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ซื้อที่ภูเขา

    ซูเจินมองเห็นความหวังดีที่สื่อออกมาจากแววตาของคนทั้งคู่ นางดึงชายเสื้อของบิดา“ห้อง” “จะเข้าห้องอย่างนั้นหรือ” เขาเอ่ยถามบุตรสาวอย่างไม่เข้าใจ หรือนางจะอ่อนเพลียจากการเดินทาง จึงได้อุ้มนาง พร้อมทั้งขอตัวให้ภรรยาอยู่รับฟังเสียงบ่นจากป้าหวงต่อไป“มีอันใดรึ” ซูเต๋อเอ่ยถามอย่างรู้ทัน เมื่อพาซูเจินน้อยเข้ามาในห้องแล้วนางยิ้มให้บิดาอย่างชื่นชมก่อนจะบอกให้หลันฮวาส่งเห็ดหลินจอที่ดอกเล็กที่สุดออกมาให้นาง“นี่” ซูเจินยื่นเห็ดหลินจือไปให้บิดา“ให้” นางชี้มือน้อยๆ ออกไปที่ด้านนอกห้อง“เข้าใจแล้ว” ซูเต๋อลูบหัวบุตรสาว พร้อมทั้งจูบที่หน้าผากของนางอย่างรักใคร่“เจินเออร์ของพ่อ รู้จักกตัญญูแล้ว” เขากอดนางไว้แนบอก ก่อนที่จะพากันเดินออกจากห้องไปหาทั้งสามที่ห้องโถงอีกครั้ง“อ้าว เจินเอออร์ มิได้เข้าไปนอนหรอกรึ” จิ่วเม่ยเมื่อเห็นซูเต๋ออุ้มบุตรสาวออกมาอีกครั้งก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“ไม่ นางให้ข้านำสิ่งนี้มาให้ท่านลุงหวงและท่านป้าหวง” ซูเต๋อวางเห็ดหลินจือลงบนโต๊ะต่อหน้าคนทั้งสาม“สวรรค์” ป้าหวงยกมือขึ้นปิดปาก“นี่ นี่” ลุงหวงตกตะลึงจนไม่อาจจะเอ่ยคำใดออกมาได้“เจินเออร์ นางให้พวกท่านขอรับ”“จะได้อย่างไร ของล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-26
  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   มากถึงเพียงนี้

    ในตอนแรกซูเต๋อคิดจะให้ลุงหวงยืมรถม้าของเขาไปจัดการเรื่องที่ดินในเมือง แต่พอรู้จากซูเจินว่าแม่ม้ากำลังตั้งท้องจึงไม่ได้เอ่ยปากให้ยืมไปจะให้ยืมเกวียนวัวที่เพิ่งนำมาส่งก็ไม่ค่อยจะถูกนัก เพราะเรือนของลุงหวงก็มีเกวียนวัวอยู่แล้วลุงหวงเมื่อออกจากเรือนตระกูลซูก็เดินทางเข้าเมืองทันที เขาแวะไปที่ว่าการเพื่อจัดการเรื่องโฉนดให้อาเต๋อก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นการขายที่ดินภูเขาก็ไม่คิดอันใด จัดการให้ลุงหวงทันที เพราะไม่ต้องเดินทางไปทำรังวัด แถมยังได้ค่านำชาจากท่านลุงหวงอีกสิบตำลึงเงินอีกด้วยลุงหวงเดินทางไปโรงหมอของหมอกู้ เพื่อนำเห็ดหลินจือไปขาย เมื่ออ้างชื่อของซูเต๋อตามที่เขาบอกไว้ ท่านหมอกู้ก็มอบเงินให้เขาถึงสองพันตำลึงทอง ลุงหวงเดินออกมาจากโรงหมอด้วยท่าทางที่ไร้สติหมอกู้ก็ถือว่าให้ราคาอย่างยุติธรรม เห็ดหลินจือที่ลุงหวงนำมามีขนาดเล็กกว่าของซูเต๋อมากนัก แต่ก็เป็นดอกที่สมบูรณ์เหมือนเพิ่งเก็บมาใหม่ เขาจึงไม่ได้สอบถามว่าเป็นของซูเต๋อหรือไม่ และมอบเงินให้ลุงหวงทันทียังดีที่หวงไฉเดินทางมากับบิดาด้วยไม่เช่นนั้นลุงหวงคงมิอาจบังคับเกวียนวัวเพื่อกลับเรือนได้“ท่านพ่อ ขายได้หรือไม่ ขอรับ” หวงไฉเด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-27
  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ต้าซือชรา

    พอใกล้จะถึง ต้าซือก็เดินออกมารับทั้งสามคนด้วยตนเอง“ท่านมาแล้ว” เขามองมาที่ซูเจินน้อยด้วยแววตาที่เปล่งประกายอย่างยินดี“เอ่อ ท่านหมายถึงบุตรสาวข้าน้อยหรือขอรับ”“ใช่แล้ว” ต้าซือเดินนำทุกคนเข้าไปนั่งในศาลา“บุตรสาวของเจ้าต่อไปจะช่วยเหลือแคว้นต้าเยี่ยนไว้ได้จากเคราะห์ร้าย” ต้าซือมองซูเจิน“เอ่อ นางเป็นเพียงสตรี จะทำเรื่องอย่างที่ท่านว่าได้อย่างไร” ซูเต๋อขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ“อาตมาคิดว่าเรื่องนี้เจ้าคงรู้ดีอยู่แล้ว นางแตกต่างจากสตรีอื่น เมื่อนางเติบใหญ่ขึ้นเจ้าจะรับรู้ได้เอง”“นายหญิงแห่งพฤกษา ท่านคงรู้เรื่องที่อาตมาบอกกล่าว” ต้าซือยิ้มอย่างเมตตาให้ซูเจินยิ่งเห็นสหายที่อยู่บนไหล่ของซูเจิน ต้าซือก็พยักหน้าเหมือนจะทักทายพวกเขาเล็กน้อยซูเจินนางเบิกตากว้างที่ต้าซือที่ดูแสนจะธรรมดาตรงหน้าล่วงรู้ความลับของนาง“หึหึ แผ่นดินต้าเยี่ยนต้องฝากไว้ในมือของท่านแล้ว” เมื่อต้าซือกล่าวจบก็โบกมือให้เณรน้อยที่รออยู่นอกศาลาพาคนทั้งสามออกไป ซูเต๋อจำต้องกลับไปทั้งที่ไม่เข้าใจเรื่องที่ต้าซื่อชราพูดออกมาสักนิด“นายหญิงแห่งพฤกษา ท่านพี่ ที่ต้าซือหมายถึงคือเจินเออร์ของข้ารึ” จิ่วเม่ยเอ่ยถาม เมื่อทั้งสามลงมาจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-27

บทล่าสุด

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ขุดหาตาน้ำ

    ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี ซูเต๋อและหวงไฉก็พาชาวบ้านจำนวนหนึ่งไปที่หมู่บ้านหูต้า เมื่อมาถึงที่ทางเข้าหมู่บ้านก็พบว่าท่านเจ้าเมืองมารอพวกเขาอยู่แล้ว“อาเต๋อเจ้ามาแล้ว” ท่านเจ้าเมืองเดินเข้ามารับซูเต๋อที่รถม้าอย่างยินดี“คารวะท่านเจ้าเมืองขอรับ” ซูเต๋อยังคงนอบน้อมเช่นเดิม“เพ้ย ไปไป เข้าไปในหมู่บ้านกันเถิด ข้าอยากจะเห็นแล้วว่าเจ้าหาตาน้ำเช่นไร” ซูเต๋อเดินตามท่านเจ้าเมืองเข้าไปในหมู่บ้าน เขาไม่ได้รีบไปที่ตาน้ำตามที่ซูเจินนางบอก เสี่ยวอี่ยังติดตามเขามาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นหัวหน้าหมู่บ้านลองทำตามวิธีของซูเต๋อก่อนที่เขาจะมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีไอน้ำขึ้นมาจากดินเช่นที่ดินของซูเต๋อเลยสักนิด“ข้าสำรวจแล้วหนึ่งรอบ แต่ไม่พบไอน้ำอย่างที่เจ้าว่า” เขาเอ่ยออกมาอย่างกังวลหากที่หมู่บ้านหูต้าไม่มีตาน้ำ ก็คงต้องรบกวนหมู่บ้านตงหยานต่อไป“เรื่องนี้ท่านอย่าเพิ่งกังวล ตอนที่ท่านสำรวจฟ้าคงยังมืดอยู่จึงไม่อาจเห็นได้ชัด” ซูเต๋อก็ไม่รู้เช่นกันว่าสิ่งที่เขาพูดจะถูกต้องหรือไม่ แต่ก็ไม่อยากให้หัวหน้าหมู่บ้านกังวลใจพอฟ้าใกล้สาง ซูเต๋อก็เดินนำไปตามเส้นทางที่สอบถามซูเจินมาก่อนหน้านี้แล้วทันที เส

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ต้องหาแหล่งน้ำเพิ่ม

    ห้าเดือนต่อมาจิ่วเม่ยก็คลอดบุตรชายอวบอ้วนออกมาให้ซูเต๋อได้เชยชม ซูเจินนางยังเฝ้าน้องชายของนางอยู่ไม่ห่างข่าวของหวงจือที่อยู่ในเมืองหลวงก็ถูกส่งกลับมาที่หมู่บ้าน เขาสอบซิ่วไฉผ่านในวัยเพียงสิบเจ็ดหนาว และปีหน้าจะสอบจวี่เหรินอีกด้วยคนตระกูลหวงจึงคิดจะเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อไปดูความเป็นอยู่ของเขา“เจินเออร์ เจ้าอยากไปกับยายหรือไม่” ป้าหวงเอ่ยถามซูเจิน“ไม่เจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ดูน้องชาย” นางไม่รู้ว่าจะไปทำอันใดที่เมืองหลวง อยากจะรอให้น้องชายโตเสียก่อนค่อยคิดจะเดินทางไปเที่ยวเมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนั้น ป้าหวงจึงไม่คิดจะบังคับนางต่อ นางกลับเรือนของตนเพื่อไปจัดการเก็บข้าวของ ทั้งยังบอกจะซื้อของมาฝากซูเจินอีกด้วยลุงหวงมิได้ทำหน้าที่ผู้นำหมู่บ้านแล้ว เป็นหวงไฉที่ทำหน้าที่แทนเขา หวงไฉจึงไม่ได้ออกเดินทางไปด้วย เพราะเป็นห่วงทางหมู่บ้านที่ปีนี้ดูจะแล้งกว่าปีที่แล้วมากนักซูเจินเอ่ยถามเรื่องตาน้ำกับสหายทั้งสามของนาง ถึงแม้ในหมู่บ้านตงหยานจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่หมู่บ้านหูต้าที่อยู่ติดกันได้รับผลกระทบไม่น้อยผู้นำหมู่บ้านหูต้าต้องเดินทางมาคุยกับหวงไฉ เพื่อขอให้ชาวบ้านเดินทางมาตักน้ำที่ยังมีอีกมากในหมู่

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ส่งฉู่จิ้งไปเรียน

    สิบห้าวันให้หลังขบวนรถม้าที่ยาวถึงหกคันรถก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านตงหยาน ชาวบ้านต่างออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างยินดีซูเจินก็ถูกจิ่วเม่ยจูงมือมารอรับท่านพ่อของนางที่หน้าหมู่บ้านด้วย“ตาเฒ่ามาแล้ว” ป้าหวงร้องลั่นอย่างยินดี“เพ้ย ยายแก่ ข้าได้ยินเสียงของเจ้ามาแต่ไกล” ลุงหวงอดจะหยอกเมียของเขาไม่ได้เมื่อซูเต๋อเดินลงมาจากรถม้าก็รีบเดินเข้ามาอุ้มซูเจินน้อยไปกอดทันที“เพราะเจ้า พ่อถึงมีวาสนาเช่นนี้” ซูเต๋อหอมแก้มบุตรสาวฟอดใหญ่“มีเรื่องดีอันใดเจ้าคะ” จิ่วเม่ยอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้“ข้ากับอาเต๋อ ได้รับพระราชทานตำแหน่งขุนนางขั้นแปด” ลุงหวงเป็นผู้ที่ไขข้อสงสัย เขายืดอกขึ้นอย่างภูมิใจเสียงฮือฮาจากชาวบ้านดังไม่ขาดสาย พวกเขาต่างเข้ามาแสดงความยินดี แม้ไม่เข้าใจว่าขุนนางขั้นแปดคืออันใด แต่ก็พอจะรู้ว่าการเป็นขุนนางนั่นมีอำนาจอยู่ไม่น้อย“อาจือเล่า เขาอยู่ที่ใด” ป้าหวงเมื่อยินดีกับตำแหน่งใหม่ของสามีแล้วก็อดจะมองหาหลานชายไม่ได้“อาจืออยู่ที่เมืองหลวงต่อ ใต้เท้าหานจัดการเรื่องเรียนของเขาให้เรียบร้อยแล้ว ที่อยู่ของเขาข้ากับอาเต๋อก็ซื้อเรือนและบ่าวให้เขาแล้ว เจ้าอย่าได้กังวลใจ” เพราะหลานชายก็อายุสิบหกหนาวแล้ว เข

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ขุนนางขั้นแปด

    ซูเต๋อและลุงหวงจำต้องยืนรออยู่ที่หน้าท้องพระโรงเพราะยังไม่มีคำสั่งเรียกตัวให้เข้าเฝ้า เหงื่อของทั้งคู่ซึมออกมาตามแผ่นหลังอย่างกระวนกระวายใจ เพราะไม่รู้ว่าจะถูกสอบถามด้วยเรื่องอันใดแม้จะพอรู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับกังหันลมที่เขาได้ส่งแบบร่างให้กับใต้เท้าหาน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็กังวลใจอยู่ไม่น้อย“ซูเต๋อ หวงกุ้ยถัง ฝ่าบาทเรียกตัวให้เข้าเฝ้า” กงกงร้องเรียกทั้งสองที่หน้าท้องพระโรงซูเต๋อหันไปมองลุงหวงที่ตัวเริ่มจะสั่นอย่างเห็นได้ชัด จนเขาต้องบีบที่ไหล่เพื่อให้กำลังใจ“ท่านลุงหวง ท่านมิต้องกังวล ข้าจะเป็นผู้เอ่ยตอบสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสถามเองขอรับ”“ข้าเข้าใจแล้ว” ลุงหวงพยักหน้าราวกับไก่จิก ก่อนที่จะเดินตามกงกง ที่มาพาทั้งคู่เข้าไปหยุดอยู่ที่กลางท้องพระโรงท่ามกลางขุนนางนับร้อยที่มองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว“กระหม่อมซูเต๋อ ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมหวงกุ้ยถัง ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งสองคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ ตามที่ท่านใต้เท้าหานได้สอนมาก่อนหน้านี้แล้ว ด้านในมีท่านเจ้าเมืองอยู่กลางท้องพระโรงด้วยอีกคน“เจิ้นเรียกตัวพวกเจ้าทั้งสองเข้าวัง คงตกใจไม่น้อย” ฮ่องเต้เยี่ยนเฟยฉีตรัสอย่างเป็

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   หาคนช่วยงานมารดา

    ซูเจินอาสาไปที่เรือนของป้าหวง เพื่อขอให้เขาช่วยเรื่องนี้ และบอกข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์ของมารดาด้วย“เพ้ย จะหาคนไปไย ยายจะไปช่วยเอง”“ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้ท่านยายเหนื่อย” ซูเจินถูหน้าน้อยๆ กับแขนของป้าหวง ทำให้นางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“ได้ ได้ ยายไม่ไปทำแล้ว มีแม่หม้ายฉู่ นางอยู่กับบุตรชายวัยสิบสามหนาว ยายจะไปถามนางให้ว่าอยากทำงานที่เรือนของเจ้าหรือไม่”“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หวงหลินอดจะส่ายหัวไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางเอาอกเอาใจท่านย่าของนางจากซูเจินน้อยทั้งสามออกจากเรือนตระกูลหวงไปที่เรือนของแม่หม้าย แม้จะมีความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยจะดี แต่สองแม่ลูกก็เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ลานเรือนก็เป็นระเบียบเรียบร้อย“อาฉู่ อาเม่ยนางตั้งครรภ์ในเรือนก็มีเพียงเจินเออร์ห้าหนาวเท่านั้น อยากจะหาคนไปช่วยทำงานเรือน เจ้าอยากจะทำหรือไม่”“อยากเจ้าค่ะ” นางฉู่เอ่ยออกมาอย่างยินดี นาง ทุกวันนี้สองแม่ลูกรับจ้างทำงานในไร่กับหาของป่าไปขายเพื่อประทังชีพเท่านั้น“เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ไปที่เรือนตระกูลซูได้เลย” ป้าหวงพูดคุยอีกไม่กี่ประโยคจึงจะขอตัวกลับเพื่อไปดูจิ่วเม่ยที่เรือน“พี่จิ้ง ท่านก็ไปด้วย ข้าจะจ้างท่านอีกคน” ซูเจิ

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   เรียกตัวเข้าเมืองหลวง

    เรื่องที่ชาวบ้านตงหยานแจกจ่ายข้าว และนำข้าวออกมาขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดถูกเลื่องลือออกไปหลายหัวเมือง จนถึงเมืองหลวง ทำให้ฮ่องเต้ยกย่องชาวบ้านหูหนานทั้งเจ้าเมืองที่จัดการเรื่องนี้อย่างดีแม้จะไม่ได้รับรางวัล เพราะเป็นช่วงที่ท้องพระคลังใช้เงินมากเพื่อเยียวยาชาวบ้านหลายหัวเมือง ถึงจะเป็นเพียงคำชมจากฮ่องเต้ก็นับว่าสร้างความปลาบปลื้มให้ทุกคนได้มากมายแล้วซูเจินให้หลันฮวาใช้พื้นที่ทั้งหมดในมิติ เพื่อปลูกข้าว นางต้องการที่จะกักตุนให้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าในปีต่อไปผลกระทบจะร้ายแรงหรือไม่ใต้เท้าหานเมื่อเดินทางกลับถึงเมืองหลวงก็รีบนำแบบจำลองกังหันวิดน้ำขึ้นทูลถวายให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรทันที“ตระกูลซูที่หมู่บ้านหูหนาน เป็นเพียงชาวบ้านเช่นนั้นรึ” ฮ่องเต้อดจะแปลกพระทัยไม่ได้“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ทั้งยังเห็นการทำงานของกังหันลมกับตาตนเอง น่าอัศจรรย์นักพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นหรือ” ใต้เท้าหานทดลองให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรทันที ทั้งยังบอกว่ากังหันลมวิดน้ำที่หมู่บ้านตงหยานมีขนาดใหญ่กว่าแบบจำลองมากเพียงใด“ใต้เท้าหาน เจ้าเร่งจัดการเรื่องนี้เสีย หากผ่านพ้นภัยแล้งไปได้ เจิ้นจะตกรางวัลให้เจ้าก

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   แจกจ่ายข้าว

    เมื่อเห็นผักที่ปลูกอยู่ข้างเรือนของซูเต๋อก็ยิ่งแปลกใจ เพราะแทบไม่มีร่องรอยจากการถูกแมลงกัดกิน และยังอวบอิ่มราวกับได้น้ำอย่างมากมายซูเต๋อมิได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เขาจะบอกได้อย่างไรว่ามีพวกแมลงสหายของบุตรสาวคอยช่วยดูแลแปลงผักของเขา“นี่คือสิ่งใด” ใต้เท้าหานอดที่จะเอ่ยถามถึงโรงเก็บของขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาหลายหลังมิได้“ข้าน้อยกังวลเรื่องภัยแล้ง ตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วขอรับ จึงได้สร้างโรงเก็บข้าวเปลือกขึ้น โดยให้ชาวบ้านนำมาฝากเก็บไว้ เผื่อยามฉุกเฉินขอรับ” เป็นลุงหวงที่เอ่ยตอบเรื่องนี้ก็เป็นความคิดของซูเจิน ที่ให้สร้างโกดังทั้งยังใช้หลักการเดียวกับโรงรับฝากเงิน ข้าวที่ชาวบ้านนำมาฝาก ถูกเขียนสัญญาอย่างชัดเจน หากคิดจะขายทางซูเต๋อก็รับซื้อไว้ในราคาที่พวกเขาขาย หรือจะฝากไว้ยามฉุกเฉินก็จะเสียค่าฝากเพียงไม่กี่สิบอิแปะเท่านั้นน่าแปลกที่เก็บไว้ที่เรือนของตนย่อมถูกแมลงกัดกิน แต่เมื่อเทียบกับข้าวเปลือก ธัญพืชที่นำมาฝากที่โรงเก็บของส่วนกลางของหมู่บ้าน แทบจะไม่มีร่องรอยของแมลง นก หนู มาทำให้ข้าวของเสียหายเลยชาวบ้านจำนวนไม่น้อย เมื่อมีข้าวเปลือก ธัญพืชเหลือกินและเหลือจากขายแล้ว พวกเขาส่

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   เจ้าหน้าที่กรมโยธา

    พอเขานำไปใช้ที่สำนักศึกษา ท่านอาจารย์ก็อดที่จะสอบถามเรื่องนี้ไม่ได้“เอ่อ เจ้าว่าเป็นเด็กน้อยนางหนึ่งอย่างนั้นรึ” ท่านอาจารย์เฉียวเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“ขอรับ” หวงฉือในวัยสิบห้าหนาวเอ่ยตอบอย่างภูมิใจ เขาไม่อายผู้ใดหากจะบอกว่าความรู้ของเขากว่าครึ่งเป็นนางที่สอนเขาเพราะเขาฟังสิ่งที่อาจารย์ในสำนักศึกษาสั่งสอนไม่ค่อยเข้าใจ เมื่อนำไปให้ซูเจินนางสอน นางอธิบายให้เขาเข้าใจได้อย่างง่ายดาย“เช่นนั้นหรือ หากข้าต้องการจะพบนาง เจ้าช่วยจัดการให้ได้หรือไม่”“เรื่องนี้ศิษย์จะไปสอบถามนางให้ขอรับ” วันนั้นหวงฉือจึงต้องเดินทางกลับหมู่บ้าน เมื่อมาถึงคนตระกูลหวงต่างตกใจไม่น้อย เพราะไม่ใช่วันหยุดของเขา“เกิดเรื่องใดที่สำนักศึกษาหรือไม่” หวงไฉเอ่ยถามบุตรชายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่ขอรับ ท่านอาจารย์เพียงอยากพบเจินเออร์จึงให้ข้ามาสอบถามนาง”“เพราะอันใด เจ้าพูดเรื่องใดของนางออกไป” ลุงหวงเอ่ยถามเสียงดัง“ปะ เปล่าขอรับ” หวงฉือไม่เห็นท่าทีที่โกรธเกรี้ยวของท่านปู่เช่นนี้มาก่อน จึงอดที่จะตกใจไม่ได้เขาเล่าเรื่องที่เขานำการคำนวณที่ซูเจินสอนไปใช้ที่สำนักศึกษา ท่านอาจารย์เฉียวเห็นเข้าจึงได้เรียกตัวเขาไปสอบถาม“เช

  • ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา   ผักตระกูลซู

    ซูเจินนางไม่คิดจะปิดบังเรื่องมิติของนางกับบิดามารดาตั้งแต่แรก เมื่อคิดอยากจะเข้าหรือออก นางก็มักจะหายตัวเข้าไปต่อหน้าทั้งสองอยู่ตลอด ในช่วงแรกซูเต๋อและจิ่วเม่ยก็ตกใจไม่น้อย หลังๆ จึงได้เลิกกังวล เพราะรู้ว่านางเข้าไปไม่นานก็กลับออกมาเช่นเดิมซูเต๋อมาซูเจินเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อตำราตามที่นางต้องการ ภายในร้านเขาปล่อยให้บุตรสาวเดินเลือกตามความสนใจของนาง เจ้าของร้านมองมาที่สองพ่อลูกอย่างสนใจ เพราะไม่เคยเห็นสตรีที่เข้ามาในร้านตำราและยังมีอายุเพียงสองหนาวเท่านั้นซูเจินนางพอจะเข้าใจตัวอักษรโบราณอยู่ไม่น้อยหลังจากที่ถามมาจากหวงฉือ เรื่องการเลือกซื้อตำราของนางจึงไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านคงจะมีเพียงแค่ขอให้ท่านพ่อช่วยหยิบเล่มที่นางเอื้อมไม่ถึงเท่านั้น“เจ้าจะซื้อทั้งหมดเลยรึ” ซูเต๋อมองกองตำราที่บุตรสาวเลือกซื้ออย่างตกใจในตอนแรกเขาคิดว่านางจะหาซื้อเพียงไม่กี่เล่ม ตอนนี้ด้านหน้าของเขามีหลายสิบเล่มเลยทีเดียว“จะได้ไม่ต้องหาซื้อบ่อยๆ เจ้าค่ะ ท่านพ่อซื้อกระดาษ พู่กัน หมึกให้ลูกด้วย”“ได้” ซูเต๋อต้องนำตำราไปให้เจ้าของร้านห่อให้ถึงสามรอบกว่าจะแล้วเสร็จ“เอ่อ นังหนูเจ้าจะอ่านเองรึ” เจ้าของร

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status