“โอ๊ย! ทำไมปวดหัวจัง” เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวจี๊ดที่แทบจะระเบิด
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่ฉันยังไม่ตาย? ฉันขับรถชนตอหม้อตายแล้วนี่น่า ทำไมยังมีเนื้อหนังเหมือนคนปกติแบบนี้ล่ะ”
ก่อนจะมีภาพความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอผุดเข้ามายิ่งกว่าการฉายภาพยนตร์ เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าเธอทะลุมิติเข้ามาในร่างของชุยเหมยฮวา ร่างนี้แต่งงานแล้วสามีชื่อเซียวหย่งเสียน แต่งงานเมื่อสามเดือนก่อน เพราะความผิดพลาดบางอย่างจนทำให้ต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก
มีพ่อสามีชื่อเซียวจ้ายซวน และแม่สามีชื่อหลินหลาน ทั้งสองท่านแม้จะรู้ว่าชุยเหมยฮวาร้ายกาจแค่ไหน แต่เมื่อแต่งเข้ามาแล้วก็คือลูกสะใภ้คนหนึ่ง พ่อและแม่สามีจึงดีด้วยไม่น้อย
แต่เพราะความเลวของร่างเดิม พ่อและแม่สามีจึงค่อย ๆ หมดใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ ขนาดว่าบ้านแทบ ไม่มีกินลูกสะใภ้เอาของกลับไปให้แม่เลี้ยงที่บ้านเดิม ท่านทั้งสองคนก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ยอมกินน้ำข้าวต้มแทน เพราะว่าลูกสะใภ้คนนี้คือลูกสาวของสหายรุ่นน้องที่สนิทและรักไม่ต่างคนในครอบครัว
ส่วนเซียวหย่งเสียนเองก็ไม่พูดอะไร ต่อให้ไม่รักแต่แต่งมาแล้วเขาจึงพยายามทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เลว เลวมาก ฉันไม่เคยเห็นใครเลวขนาดนี้มาก่อน มีสามีแต่กลับยังเล่นหูเล่นตากับน้องสามี หากร่างนี้ถึงขั้นนอนแบให้อีตานั่นย่ำยีร่างกาย ฉันจะปาดคอตัวเองตายเสียตอนนี้เลย สรุปแล้วฉันต้องเข้ามาอยู่ในร่างของเธอ ใช่ไหม ชุยเหมยฮวา”
เธอพูดอย่างปลงตกกับตัวเอง ยังดีที่ต่อให้ร่างนี้ร้ายกาจแค่ไหน แต่ไม่เสียตัวให้คนอื่น ไม่งั้นเธอจะขอ ปาดคอตัวเองตายอีกครั้งแน่เพราะรับไม่ได้
เมื่อปรับความคิดและได้ความทรงจำมาครบแล้ว ชุยเหมยฮวาที่มีวิญญาณของสุมิตาจึงเดินออกมาสำรวจบ้าน
“โอ้โห นี่ถ้าเข้าหน้าหนาวแล้วหิมะตกหนัก หลังคาจะตกลงมาทับหัวตายอีกรอบแน่ นี่อะไร ข้าวสาร กรอกหม้อก็แทบไม่มี อาหารอย่างอื่นก็ไม่เหลือ เฮ้อ...เวรกรรมจริง ๆ ที่มีลูกสะใภ้เช่นนี้ เอาว่ะ ในเมื่อมาใช้ร่างนี้แล้วก็ต้องสู้ต่อไป”
เมื่อปรับความคิดและอารมณ์ตัวเองแล้ว จึงคิดว่าควรจะทำอะไรกินดีเพราะทั้งบ้านไม่มีวัตถุดิบให้เธอเลย ก่อนจะเห็นดอกเหมยที่ฝ่ามือ ทำให้เธอคิดว่าตัวเองน่าจะมีมิติเหมือนในนิยายที่เคยอ่านหรือเปล่า จึงหลับตาและตั้งสมาธิเพ่งมอง และแล้วเธอก็เห็นร้านอาหารของตัวเอง มีห้องเก็บของและห้องเย็นด้านหลังร้าน รวมถึงชั้นบนยังเป็นห้องนอนที่เธอใช้ในยุคก่อน
“ดีหน่อยที่มีมิติติดตัวมาด้วย แค่นี้ก็ไม่อดตายแล้ว”
เธอพูดอย่างดีใจ แม้ว่าจะจนหากมีสองมือสองเท้าและไม่ขี้เกียจเธอก็สามารถทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้นได้ ตอนนี้อย่างไรก็ไม่อดตายแล้ว ดีหน่อยที่ยังเช้าทุกคนยังไม่มีใครกลับมาจากไร่นาในที่ดินทำกิน เธอจึงกล้าที่จะเอาอาหารและข้าวสารรวมทั้งเครื่องปรุงต่าง ๆ ออกมาไว้ หากใครถาม ก็ค่อยบอกว่าซื้อมาจากอำเภอตอนที่ทุกคนไปทำงานก็แล้วกัน
จากนั้นจึงก่อไฟตั้งหม้อหุงข้าว วันนี้เธอตั้งใจจะทำอาหารเพียงสองสามอย่าง ในเมื่อพ่อแม่และสามีไปทำงานที่ไร่คงจะเหนื่อยไม่น้อย เธอจึงตั้งใจทำอาหารดี ๆ ให้กิน
เธอหยิบหมูสามชั้นออกมาและตุ๋นด้วยซีอิ๋ว ก่อนจะใส่เครื่องเทศลงไปเรียกง่าย ๆ คือสามชั้นตุ๋นพะโล้ จากนั้นจึงหยิบไก่ออกมาสับและทำแกงไก่อีกหนึ่งอย่าง สุดท้ายคือผัดกระหล่ำปลีใส่กุนเชียง คิดว่าสามอย่างคงพอให้ทั้งสามคนได้กินจนอิ่ม
หลังจากที่ทำทุกอย่างจนเสร็จชุยเหมยฮวาจึงเข้ามิติไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อที่จะเอาอาหารไปหาสามีและพ่อแม่สามีที่ไร่ในที่ดินทำกินอันน้อยนิดที่ทางรัฐแบ่งให้ เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะขอเช่าซื้อที่ดินเพิ่ม
ชุยเหมยฮวาเอากับข้าวทุกอย่างใส่ถ้วยและนำไปใส่ไว้ในตะกร้า พร้อมกับตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่หม้อใบเล็ก จากนั้นจึงเดินออกจากบ้านและปิดประตูอย่างแน่นหนาก่อนจะเดินไปในหมู่บ้านเพื่อไปหาสามีและทุกคน
ระหว่างเดินเธอไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ในเมื่อนี่คือชีวิตเธอขอแค่ใครอย่ามาหาเรื่องก็พอ แม้ว่า ชุยเหมยฮวาคนนี้จะไม่ร้ายและกลับตัวกลับใจเป็นคนดีเพื่อสามีและครอบครัว แต่ใช่ว่าจะร้ายไม่เป็น
ชาวบ้านหลายคนเห็นชุยเหมยฮวาถือตะกร้าคล้ายกับอาหารเดินไปทางที่ดินทำกินของบ้านใหญ่เซียวซึ่งเป็นบ้านของสามี แต่ละคนจึงทำได้เพียงแต่แปลกใจ คิดว่าวันนี้ตะวันขึ้นผิดฝั่งหรือไม่ที่เธอเดินไปทางนั้น โดยปกติหากไม่ไปทางบ้านเดิม ก็ต้องไปบ้านรองเซียวเพื่อไปมองหาอดีตคนรักไม่ใช่หรือ“สะใภ้เซียว นั่นหล่อนจะไปไหนหรือ” นางหวั่นซื่ออดใจที่จะถามออกมาไม่ไหว วันนี้สะใภ้บ้านใหญ่เซียวผิดแปลกไปจากเดิม“เอาอาหารไปให้พี่หย่งเสียนและพ่อแม่สามีค่ะ ป้าถามฉันทำไม” ในเมื่อถามมา ชุยเหมยฮวาพร้อมที่จะตอบ แต่ถ้าด่ามาเธอด่ากลับด้วยเช่นกันนางหวั่นซื่อรวมถึงชาวบ้านได้แต่ทำหน้าเหมือนเห็นผีและมองหน้ากันเลิ่กลั่ก วันนี้คงจะตะวันขึ้นผิดฝั่งแน่ๆ ที่ชุยเหมยฮวาเอาอาหารไปให้สามีและครอบครัวสามี หากเป็นบ้านชุยหรือบ้านรองเซียวพวกเธอคงจะเชื่อ“ปะ...เปล่า ปกติเห็นไม่เคยเดินมาไปทางนั้น ฉันเลยถามดู ไม่มีอะไรหรอกนะ ไปเถอะ” นางหวั่นซื่อรีบปฏิเสธ เพราะคิดว่านี่คือความฝัน เธอคิดว่าตัวเองคงต้องไปพักผ่อน อาจจะเหนื่อยจนเกินไปจนเกิดภาพหลอน“มีใครจะถามอะไรฉันอีกไหม”เธอถามและกวาดสายตามองบรรดาป้าว่างงานทั้งหลาย ที่มักจะนั่งจับกลุ่มแทะเมล็ดฟักทองน
“เอ้า...แล้วทำไมจะทำให้ไม่ได้ ในเมื่อพี่หย่งเสียนเป็นสามีฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องเกลียดสามีตัวเอง ด้วยล่ะ”ชุยเหมยฮวาย้อนกลับ อีตาบ้านี่โดนถีบไปสองครั้งคงจะสมองกลับ ถึงได้ถามคำถามโง่ ๆ กับเธอ ไม่เพียงเซียวเจี้ยนซูที่ตกใจกับคำตอบของหญิงสาว แม้แต่คนที่ยืนแอบอยู่อย่างเซียวหย่งเสียนยังมองเธออย่างไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขากันแน่ หรือว่าเมื่อวานที่เธอล้มจนหมดสติจะทำให้เธอคิดได้แล้วว่าเขาเป็นสามีของเธอ“ไม่ได้อย่างไรก็ไม่ได้ เธอจะต้องกลับมาชอบฉันเหมือนเดิม และอาหารนั่นจะต้องเป็นของฉันเช่นกัน”เซียวเจี้ยนซูไม่ยินยอม เขาเหมือนคนกำลังโดนแย่งของเล่นตัวเองไป จากนั้นจึงเตรียมที่จะคว้าร่างของ ชุยเหมยฮวา แต่หญิงสาวหลับถอยหลังและวิ่งไปข้างหน้าแทน แต่เมื่อเห็นร่างอันคุยเคยของสามีเธอจึงร้องเรียก เสียงดัง“พี่หย่งเสียนช่วยด้วย ไอ้บ้านี่จะปล้นอาหารของฉัน ดูท่าแล้วเขาจะสติไม่ดีด้วยนะพี่”ชุยเหมยฮวาวิ่งมาหลบหลังของสามีและมือข้างหนึ่งกุมเสื้อเขาไม่ปล่อย หากไม่มีอาหารมาด้วยเธอคงซัด ไอ้บ้านี่หมอบไปแล้ว วิ่งแค่นี้เหนื่อยชะมัด หรือว่าร่างนี้จะไม่เคยออกกำลังกายเลย จากนี้ไปเธอต้องหาวิธี
เมื่อมาถึงเซียวจ้ายซวนและนางหลินหลันตกใจตาแทบถลนเมื่อเห็นลูกชายเดินมาพร้อมกับลูกสะใภ้ ไม่ใช่แค่บ้านใหญ่เซียวเท่านั้นที่ตกใจ บ้านชุยที่ทำไร่อยู่ไม่ไกลก็มองมาเช่นกัน“พ่อคะ แม่คะ ฉันทำอาหารมาให้ ล้างมือมากินกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวอาหารจะเย็นเสียก่อน” ชุยเหมยฮวา เรียกพ่อและแม่สามีมากินอาหาร คนอื่นจะมองอย่างไรเธอไม่สน หากกล้ามาแย่งอาหารไปเธอตบหน้าคว่ำจริง ๆ“เหมยฮวาทำเองหรือ”นางหลินหลันถามย้ำอีกครั้ง ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านมาเธอไม่เคยเห็นลูกสะใภ้หยิบจับงานบ้านเลยสักอย่าง แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ทำอาหารเองล่ะ หรือว่าที่ล้มหัวฟาดเมื่อวานสมองได้รับความกระทบกระเทือน ยิ่งเห็นลูกสะใภ้หยิบถ้วยอาหารออกมาจากตะกร้าที่มีผ้าปิดอยู่ ทำให้เธอจะหัวใจวายตาม อาหารทุกอย่างเต็มไปด้วยเนื้อทั้งนั้น“เนื้อทั้งนั้นเลย!”พ่อเซียวกับแม่เซียวร้องเสียงดัง นานแค่ไหนแล้วที่บ้านใหญ่เซียวไม่ได้กินเนื้อหมูชิ้นใหญ่แบบนี้ นอกเสียจากหย่งเสียนจะเข้าป่าล่าสัตว์ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังได้กิน ที่สำคัญหากได้เนื้อมาลูกสะใภ้คนนี้จะแย่งชิงไปให้แม่เลี้ยง“ใช่ค่ะ พอดีเมื่อเช้าฉันไปในอำเภอเลยซื้ออาหารมาเติมเพราะเห็นในครัวอาหารหม
เซียวหย่งเสียนมองหน้าภรรยาด้วยสายตาที่ล้ำลึก ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ชุยเหมยฮวาและพ่อเซียวรวมทั้งแม่เซียวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ทั้งสามคนตั้งตั้งหน้ากินอาหารกันอย่างอร่อย “ไม่รู้เลยนะว่าเหมยฮวานั้นจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้ แต่ว่าอาหารมื้อหน้าไม่ต้องมีเนื้อแล้วก็ได้นะ แม่เสียดายเงิน” นางหลินหลันหรือแม่เซียวบอกกล่าวอย่างเกรงใจ เธอไม่อยากใช้เงินลูกสะใภ้เพื่อปากท้องของครอบครัวตัวเอง “แม่คะ แม่ฟังฉันนะ ฉันแต่งงานกับพี่หย่งเสียนแล้วตายไปก็ต้องเป็นคนของพี่หย่งเสียนอยู่ดี แม้ว่าฉันจะใช้เงินตัวเองซื้อหาอาหารมาบำรุงคนในครอบครัว ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่คะ พ่อกับแม่เป็นพ่อแม่สามี ฉันก็เหมือนกับเป็นพ่อแม่ฉันเช่นกัน ในอดีตฉันอาจจะเลวร้ายและทำนิสัยไม่ดี แต่ตอนนี้ฉันสำนึกผิดแล้วค่ะ ถ้าพี่หย่งเสียนไม่เจอผู้หญิงที่รักและอยากจะใช้ชีวิตด้วย ฉันไม่ยอมหย่าและจากทุกคนไปแน่นอน แม่กับพ่อให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม”ในเมื่อมีครอบครัวแล้วต่อให้เป็นครอบครัวของสามี พ่อเซียวและแม่เซียวนั้นดีกับร่างเดิมมาก ดังนั้นเธอจะคิดจะชดใช้แทนเอง ถ้าสามีเธอไม่เจอหญิงสาวที่เขารักเส
“พี่สาว ทำไมถึงพูดกับแม่แบบนั้นล่ะ” ชุยเผยหรานถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเจือไปด้วยความอ่อนโยน พร้อมส่งสายตาให้เซียวหย่งเสียน“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่สาว คำ ๆ นี้มันคือคำของเมียน้อยพูดกับเมียหลวง และพี่หย่งเสียนสามีของฉันมีเมีย คนเดียว ส่วนเรื่องแม่ ตอนนี้ฉันมีแค่แม่สามี แม่ฉันจริง ๆ ท่านไปอยู่บนสวรรค์นานแล้ว อีกเรื่องลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกมา ฉันชุยเหมยฮวาแต่งงานกับพี่หย่งเสียน เป็นทรัพย์สินของตระกูลเซียว ตายไปก็เป็นผีตระกูลเซียว”“นี่หล่อนเป็นอะไรไปเหมยฮวา หรือว่าบ้านเซียวทำอะไร หล่อนจึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”นางเมิ่งเสียไม่เข้าใจกับการเปลี่ยนไปแบบหุนหันพลันแล่นของลูกเลี้ยง จึงคิดว่าบ้านเซียวต้องหาหมอผีมาทำอะไรกับลูกเลี้ยงเธอแน่นอน “อ้าวป้า อยู่ไม่สวยยังปากเสียอีก ทำไมบ้านเซียวต้องทำอะไรฉันด้วย ฉันเพียงแค่ตาสว่างแล้วเท่านั้นว่าใครดีกับฉันจริง ๆ หรือว่าคนอย่างฉันต้องจนดินโคลนอยู่ตลอดเวลา” “แต่...แต่พี่รองบอกว่าไม่ชอบพี่หย่งเสียน เพราะบ้านพี่หย่งเสียนจน แต่ชอบพี่เจี้ยนซู อยากแต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอ” “ไม่คิดนะว่าเธอเป็นพยาธิในท้องฉัน รู้
หลังจากกินมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ชุยเหมยฮวายังไม่คิดที่จะกลับบ้านเธอคงช่วยครอบครัวของสามีพลิกหน้าดิน เพื่อปลูกผลผลิตกันต่อ แม้ว่าครอบครัวจะปลูกถั่ว แต่เธอกลับค้านเพื่อจะให้ปลูกผักและปลูกข้าวโพดแทน“รอบนี้เราแบ่งกันปลูกข้าวโพดสักส่วน และปลูกผักสักส่วนดีไหม?” แปลงนานั้นเธอไม่ห้าม เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องมิติ แต่ข้าวโพดนั้นนอกจากปลูกง่าย รวมเวลาที่จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ก็แค่แปดสิบห้าถึงเก้าสิบวันเท่านั้นสามคนพ่อลูกมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ แม้ว่าการปลูกข้าวโพดจะไม่ยุ่งยาก แต่ปลูกธัญพืชอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ ก่อนจะหันมามองหน้าชุยเหมยฮวาเหมือนเป็นคำถาม“การที่หนูให้ปลูกข้าวโพดนั้น หนูมีวิธีแปรรูปให้เป็นทั้งอาหารและขนมหลายชนิด หนูตั้งใจจะทำอาหารขาย หมู่บ้านใกล้ ๆ มีตลาดนัด และหากวันไหนไม่มี เราสามารถขายที่ทางเข้าหมู่บ้านได้ไม่ใช่เหรอคะ ทางเข้าหมู่บ้านแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอ แต่ก็เป็นถนนเส้นหลักที่ชาวบ้านสัญจรผ่าน หนูว่าน่าจะขายได้นะ”เธอมองว่าหมู่บ้านแห่งนี้แม้จะเป็นชนบท แต่ทางเข้าหมู่บ้านนั้นเป็นถนนหลังของอีกหลายหมู่บ้าน ซึ่งหากจะค้าขายเล็กๆ ไม่ใช่ปัญหา เมื่อไหร่ที่เก็บ
“มัวแต่ชมกันไปมาวันนี้คงไม่ได้ขึ้นเขาแน่ อาหลานน้องและลูกสะใภ้กลับไปรอที่บ้านก่อน พี่ขึ้นเขาไปกับเจ้าใหญ่เอง” เซียวจ้ายซวนรีบบอก ตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว หากมัวลีลาคงกลับมาค่ำแน่“ค่ะพ่อ หนูกับแม่จะทำอาหารรออยู่ที่บ้านนะคะ เย็นนี้จะได้กินผัดไทย รับรองว่าอร่อยค่ะ” ชุยเหมยฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม สามคนพ่อแม่ลูกได้แต่สงสัยกับคำว่าผัดไทย นี่คือชื่ออาหารใช่ไหมสองพ่อลูกบ้านใหญ่เซียวจึงแยกตัวขึ้นเขาเพื่อไปตัดไม้ ดีที่วันนี้มีมีดพร้ามาด้วยจะได้ไม่ต้องกลับไปเอาที่บ้านอีก ส่วนแม่เซียวและลูกสะใภ้เมื่อเก็บของเสร็จทั้งสองจึงเดินกลับบ้านพร้อมกัน“เจ้าใหญ่ เมียลูกเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม” ระหว่างเดินขึ้นเขาเซียวจ้ายซวนเอ่ยถามลูกชายเหมือนคุยเรื่องทั่วไป“คิดว่าใช่นะครับพ่อ เหมยฮวาแววตาของเธอที่ผมเห็นไม่เหมือนคนเก่า เธอคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ขอเพียงเธออย่ากลับไปเหมือนเดิมก็พอ”“แล้วเรื่องของเจี้ยนซูลูกชายบ้านรองล่ะ เธอตัดใจแล้วจริง ๆ ใช่ไหม” พ่อเซียวไม่ใช่อยากเปิดประเด็นเรื่องนี้ แต่เรื่องของลูกสะใภ้กับเซียวเจี้ยนซูมีใครบ้างไม่รู้“เธอคงไม่แล้วล่ะครับพ่อ ตอนที่ผมจะไปหาอาหาร ผมเป็นเธอคุยกับเจี้ยนซู ไม่คุยเปล่านะ
“อ้าวเหมยฮวา ไม่รู้เลยนะว่าเธออยู่ด้วย เจี้ยนซูบ่นหาเธออยู่ตลอดเลย” นางซูพูดเหมือนเพิ่งจะเห็น ชุยเหมยฮวา คำสุดท้ายพูดเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าลูกชายของเธอและชุยเหมยฮวานั้นมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ทำให้หญิงสาวต้องมองบน “ปลอมมากป้า เห็น ๆ อยู่ว่าฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ และที่สำคัญฉันแต่งงานแล้ว สามีฉันชื่อเซียวหย่งเสียน ฉันว่าเรื่องนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้นะว่าฉันเป็นลูกสะใภ้บ้านใหญ่เซียวไม่ใช่บ้านรอง หากป้ายังพูดแบบนี้ไม่เลิก ระวังเถอะฉันจะแจ้งเจ้าหน้าที่ข้อหาหมิ่นประมาท”ชุยเหมยฮวาย้อนกลับอย่างเจ็บแสบ กล้าดีอย่างไรมาพูดว่าเธอมีใจให้เซียนเจี้ยนซูเจ้าบ้านั่น สามีเธอทั้งหล่อทั้งกำยำ หากเธอยังมองชายอื่นก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว คนเราก็คิดได้นะ ‘เมื่อก่อนเจ้าของร่างนี้อาจจะโง่ แต่ฉันไม่โง่นะจ๊ะป้า’ จากนั้นจึงหันมาพูดกับแม่สามีตัวเอง“แม่คะ เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า ฉันซื้อเนื้อไว้หลายชิ้น เย็นนี้นอกจากผัดไทยแล้วฉันตั้งใจจะทอดหมูไว้ให้พี่หย่งเสียนและทุกคนกินเพื่อบำรุงร่างกายด้วย ยังมีผลไม้อีกหลายอย่างด้วยค่ะ”“รีบบำรุงสามีแบบนี้ เพราะอยากมีเจ้าตัวเล็กแล้วใช่ไหม แม่
ถ้าจะไม่พูดถึงเซียวหมิงหย่วนก็คงไม่ได้ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานกับลู่จื่อฉี และกำลังท้องลูกคนแรก แต่กว่าที่ทั้งสองคนจะตกลงปลงใจกันได้ ชุยเหมยฮวาเธอทั้งช่วยเข็นช่วยดันไม่น้อยเพราะลู่จื่อฉีมักคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้งอาสะใภ้รองคอยกีดกันอยากให้ลูกสาวได้คนที่มีหน้ามีตากว่านี้ ส่วนเซียวเจี้ยนซูก็แต่งกับพนักงานของร้านเหมยฮวา เธอและสามีเคยบอกว่าจะให้สูตรอาหารเพื่อให้ทั้งสองคนได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่สองพี่น้องบอกว่าแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้วส่วนไร่ผลไม้ของสองตระกูลเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางอย่างก็ต้องรอให้เต็มวัยก่อนจะเก็บผลผลิตไปขายได้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชุยเหมยฮวาพูดไว้ ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่มีหนี้สินมีเพียงกิจการเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนี่คือความสุขที่แท้จริง“ในที่สุดสองแสบก็หลับเสียที”เซียวหย่งเสียนแทบจะปาดเหงื่อเมื่อต้องเอาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอน หน้าที่นี้เขาขอทำเองตั้งแต่ลูกเกิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าแค่ภรรยาต้องอุ้มทองและเจ็บท้องคลอดก็พอแล้ว อะไรที่ทำได้เขายินดีที่จะทำ“เหนื่อยไหมคะ ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกอีก” ไม่ใช่ไม่เห็นใจสามีที่เหนื่อยจากงานแล้วต้อ
การใช้ชีวิตใจฐานะของพ่อและแม่ดำเนินไปอย่างมีความสุข แม้ว่าเซียวหย่งเสียนจะต้องไปดูร้านทั้งสองแทนภรรยาก็ตาม เมื่อเสร็จงานเขาก็จะรีบกลับมาหาลูกและภรรยา จนภาพพวกนี้ชินตากับลูกน้องและคนในครอบครัวเด็กน้อยทั้งสองคนเติบโตทุกวันจนอายุครบสามขวบ ความซนและความแสบไม่มีใครเกินใครเหมือนกับวันนี้“แม่ฮะ วันนี้พ่อจีบฉาว” เซียวคุนหยางหรือว่าหยางหยางวิ่งตัวกลมเข้ามาฟ้องแม่คนสวยของตัวเอง“หยุดเลยนะหยางหยาง พ่อยังไม่ได้ทำอย่างที่ลูกพูดสียหน่อย อยากให้พ่อโดนแม่ไล่มานอนนอกห้องหรือยังไง”คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วช่างหาเรื่องให้เขาเสมอ ไม่รู้ได้ความแสบมายังไง“ไหนหยางหยางลองเล่าให้แม่ฟังสิครับ ว่าพ่อของลูกจีบสาวที่ไหน”“จีบที่ร้านที่อาเจี้ยนซูดูแลอยู่ฮะ ฉาวสวยมาก”ชุยเหมยฮวาหันมองหน้าสามีตาเขียว ก่อนจะมาตั้งใจฟังลูกชายเล่าต่อ“ฉาวชื่อ ป้าเจียงเย่วฮะ ป้าเอาบัญชีมาให้พ่อแทนลุงฉงซาน ฮ่า ๆ”นั่นปะไร เชื่อได้ที่ไหนกับความกวนของลูกชาย ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อกับลูกหรือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันแน่“เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ร้านขนมตกแต่งเสร็จหรือยัง”นอกจากร้านอาหาร เธอเริ่มที่จะสร้างร้านขนมอีกด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงตกแต่ง
บทส่งท้ายความสุขของครอบครัวเซียวหย่งเสียนมารอที่ห้องพักนานแล้ว ยังไม่เห็นภรรยารักตามเข้ามา ใจเขาเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง แต่ไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นคนป่วยเข้ามา“ตอนนี้คนไข้ยังไม่ตื่นนะคะ รออีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยแล้วค่ะ” ดูจากสีหน้าของคนเป็นสามีพยาบาลวัยกลางคนจึงบอกด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณมากครับ”เซียวหย่งเสียนหันมาขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปยืนข้างภรรยารักที่กำลังนอนอยู่ สายตาที่มองช่างอ่อนโยน ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ จนนางหลินหลานอดที่จะปลื้มใจความรักของทั้งสองคนได้“เดี๋ยวแม่ขอไปดูหลานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา ลูกจะไปด้วยไหม” ในเมื่อลูกสะใภ้ยังไม่ตื่น เจ้าหน้าที่คงยังไม่พาหลานทั้งสองคนมา เธอจึงขอไปดูด้วยตัวเองก่อน“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมขออยู่กับเสี่ยวฮวาดีกว่า เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร”นางหลินหลานพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูหลานรักทั้งสองคน“หิวน้ำ” เสียงอันอิดโรยของชุยเหมยฮวาดังขึ้น ทำให้เซียวหย่งเสียนตื่นตัวอีกครั้งและรีบไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนภรรยารัก“ค่อย ๆ กินนะครับ เดี๋ยวสำลัก”“ขอบคุณมากค่ะ หนูอิ่มแล้ว”เซียวหย่งเสียนวางแก้วไว้ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกตัวข
เจ้าใหญ่ นั่งก่อนเถอะ เสี่ยวฮวาอยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก” นางหลินหลานอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้ เธอมองตามไปมาตอนนี้เริ่มจะหน้ามืดแล้วเหมือนกัน“ผมเป็นห่วงครับแม่ เสี่ยวฮวาเข้าไปนานแล้ว หมอยังไม่ออกมาบอกเลย ผม...ผมกลัว”แค่ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดของภรรยารัก เขาแทบจะไม่อยากให้คลอดลูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทบดีกว่า แค่เห็นน้ำตาเธอเขาก็ใจสลายแทน“เจ้าใหญ่มานั่งนี่”เธอกวักมือเรียกให้ลูกชายมานั่ง เซียวหย่งเสียนไม่อยากขัดจึงเดินมานั่งข้าง ๆ นางหลินหลานจึงจับมือลูกชายมาตบหลังมือเบา ๆ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน“ฟังแม่นะ ลูกผู้หญิงทุกคนเมื่อแต่งงานย่อมต้องเจอเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เมื่อเห็นหน้าลูกย่อมหายเจ็บและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับความเจ็บที่เจอมา เสี่ยวฮวาคนนี้ย่อมต้องผ่านมันไปได้ เธอรู้ดีว่ามีครอบครัวและสามีที่ดีเช่นลูกรออยู่ เธอไม่มีทางไปไหนแน่นอน”เซียวหย่งเสียนได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของแม่ แผ่นหลังของชายหนุ่มเย็นไปหมด แม่พูดเช่นนี้เท่ากับท่านรับรู้มาตลอดว่าชุยเหมยฮวาไม่ใช่คนเดิม เขาจึงหันมองหน้าแม่อย่างตื่นตกใจ“แม่รู้...”“อย่าลืมว่าพ่อของลูกกับพ่อของเสี่ยวฮ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ท้องได้สองเดือนแล้ว” คุณหมอกล่าวหลังจากตรวจเสร็จ ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็มาเสียทีตอนนี้ครอบครัวเขาสมบูรณ์แล้วจากนั้นคุณหมอจึงบอกวิธีการดูแลคนท้องให้กับสองสามีฟังอย่างละเอียด แต่มีเหรอที่เซียวหย่งเสียนจะไม่ถามเรื่องการแสดงความรักกับภรรยา“ยังคงปฏิบัติได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแค่รอให้พ้นช่วงสามเดือนแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นยังคงต้องระวังความรุนแรงสักเล็กน้อย จนกว่าจะใกล้กำหนดคลอด”คุณหมอใบหน้าเกิดริ้วแดง ไม่คิดว่าสามีคนไข้ท่านนี้จะถามออกมาตรงๆหลังจากรับยาบำรุงสองสามีภรรยาจึงกลับมาที่ร้านเพื่อบอกข่าวดีแก่ทุกคน“เสี่ยวฮวา น้องกำลังท้องอยู่นะ เดินเหินระวังด้วยสิ” เซียวหย่งเสียนปวดหัวมากกับความดื้อรั้นของภรรยารัก“พี่หย่งเสียน หนูท้องนะไม่ได้ป่วยพี่จะไม่ให้หนูทำอะไรเลยไม่ได้ ฮือ...พี่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม พี่เลยดุหนูตลอด หนูแค่เดินมาหาทุกคนเท่านั้นเอง” ชุยเหมยฮวาน้ำเสียงสะอื้นตอบกลับ เธอไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่โดนดุเล็กน้อยเธอก็น้ำตาซึมแล้ว“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ใช่พี่ไม่รักหนู แต่เพราะรัก พี่จึงเป็นห่วง ครั้
ชุยเหมยฮวายิ้มรับก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกป้า แต่ทุกคนต่างหากที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมีวันนี้ ฉันเองก็ต้องขอบคุณพี่หย่งเสียนที่ยอมแต่งกับหญิงร้ายกาจเช่นฉัน พอวันหนึ่งที่ฉันคิดได้จึงรู้ว่าอะไรและใครสำคัญที่สุด ฉันเลยคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่รัก”ชาวบ้านได้แต่ยิ้มให้ จากนั้นชุยเหมยฮวาจึงเดินดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ก่อนจะเดินมาหาสามีที่ยังนั่งดื่มกินกับเจ้าบ่าวและกลุ่มของเพื่อนที่มาจากในอำเภอและในหมู่บ้าน“พี่หย่งเสียน หนูจะเข้าไปหาพี่สะใภ้ พี่เองก็อย่าแกล้งพี่ใหญ่มากล่ะ เดี๋ยวจะเมาแล้วไม่ได้เข้าหอ”“พี่ไม่แกล้งพี่สัญญา เพราะคืนนี้พี่ต้องเข้าหอด้วยเหมือนกัน”เมื่อเจอการหยอกล้อของสามีใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นเพราะความเขินอายและรีบเดินจากไปทันทีชุยเหมยฮวาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้อีกสักพักก่อนจะกลับไปจัดการอาหารที่บ้านใหญ่เซียวเพราะเดี๋ยวจะมีชาวบ้านมาขนไปที่บ้านชุย เพื่อนำไปแจกจ่าย และรอสามีรักกลับมาเข้าหอกับเธอเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้วันเวลาผ่านไปจนวันที่รอคอยของชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมาถึงเสียที ภัตตาคารเซียวเหมยเปิดทำการแล้ว พิธีเปิดในวันนี้เซียวจ้า
หลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จสิ้น ทุกคนจึงดำเนินชีวิตอย่างปกติเช่นทุกวัน เซียวเจี้ยนซูไปช่วยงานที่ร้านเหมยฮวา เซียวหมิงหย่วนไปช่วยที่ร้านขายข้าวเหนียวหมูทอดของพ่อแม่สามี ตอนนี้บ้านชุยก็สร้างเสร็จแล้ว สองพ่อลูกบ้านชุยจึงย้ายกลับบ้านของตัวเอง แม้จะย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วแต่ทั้งสองบ้านยังไม่ได้เลี้ยงฉลอง ทุกคนจึงเห็นว่าควรจะจัดงานแต่งของชุยซีหานและฟางเซียนเสียทีจะได้เลี้ยงพร้อมกันทีเดียวตอนนี้น้ำซอสปรุงอาหารเริ่มทยอยส่งขายแล้ว พร้อมกับลูกชิ้นชนิดต่าง ๆ ของชุยซีหาน ผลตอบรับทั้งสองอย่างดีเกินคาด ส่วนที่ดินที่สองครอบครัวซื้อไว้ ส่วนหนึ่งปลูกผลไม้ ส่วนหนึ่งนำมาเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ไม่น้อย ส่วนสองพี่น้องบ้านลู่ คนหนึ่งเป็นหัวหน้าคนงานในไร่โดยมีหวางห่าวสามีของกู้จิงคอยมาช่วยอีกแรง เวลาว่างก็จะมาช่วยที่ร้านเช่นเดิม อีกคนช่วยดูงานในโรงงานลูกชิ้นขนาดเล็กของบ้านชุย เพียงแค่นี้ค่าแรงทั้งสองคนแต่ละเดือนมากจนใครได้ยินก็ต่างตกใจในที่สุดวันแต่งงานของชุยซีหานและฟางเซียนมาถึง บรรยากาศในหมู่บ้านแทบจะติดผ้าสีแดงทั้งหมด วันนี้บ้านชุยและบ้านเซียวเลี้ยงฉลองนอกจากงานแต่งของชุยซีหานแล้วยังเล
ชุยเหมยฮวาแทบจะกระโดดปรบมือให้กับน้องสามีคนนี้เหลือเกิน เธอรู้มาตลอดว่าเนื้อแท้ของสองพี่น้องบ้านรองไม่ใช่คนเลว อาจจะหลงผิดไปบ้าง แต่ในเมื่อคิดปรับปรุงตัวเธอก็พร้อมจะให้อภัย ส่วนเรื่องของเซียวเจี้ยนซูจะโทษเขาฝ่ายเดียวคงไม่ถูก เพราะชุยเหมยฮวาคนเก่าเป็นฝ่ายตามตื๊อเขาเอง“ฉันรักพี่หย่งเสียนมาก่อน ในอดีตนังเหมยฮวาไม่ได้รักพี่หย่งเสียน มันรักพี่เจี้ยนซู มันไม่เหมาะที่จะเป็นเมียพี่” เจียวมิ่งยังคงดึงดัน แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดก็ตาม“เหมาะหรือไม่ ผมเป็นคนตัดสินใจไม่เกี่ยวกับคุณ ครั้งนี้ผมจะยอมจบเรื่องแต่โดยดี ถ้ามีครั้งต่อไป คุณได้เป็นภรรยาของชายคนใดคนหนึ่งแน่ ในเมื่อรู้จักผมดีไม่ใช่เหรอ ย่อมรู้ว่าผมพูดจริงทำจริง”พูดจบเขาจูงมือภรรยาและชวนทุกคนออกจากห้องเพื่อไปกินอาหารที่ร้านเป็นการตอบแทน“พี่หย่งเสียนมีงานให้เราสองคนทำบ้างไหม”เซียวเจี้ยนซูเอ่ยถามโดยมีเซียวหมิงหย่วนพยักหน้าตาม ตอนนี้ทั้งสองพี่น้องอยากทำงานเก็บเงินมาก เพราะเงินในบ้านที่เคยมีพ่อเอาไปเล่นการพนันแทบจะไม่เหลือแล้ว“ได้สิ พี่เจี้ยนซูฝึกงานกับพี่ฉงซานไปก่อนนะ ฉันกับพี่หย่งเสียนตั้งใจจะเปิดร้านอาหารอีกแห่ง ตอนนี้ซื้อที่
“ฉันจะเปิดเข้าไปดูถ้าเป็นพี่หย่งเสียนจริง ฉันยินดีที่จะหย่าให้ถ้าเขาอยากอยู่กับอดีตคนรัก เมื่อฉันมาทีหลัง ฉันพร้อมจะหลีกทาง” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นหากไม่รู้แผนการมาก่อนคงใจสลายไม่น้อย เพราะรูปร่างของชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าไม่ต่างจากสามีของเธอ“พี่หย่งเสียน! พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง พี่ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ” ชุยเหมยฮวาเล่นเต็มที่ ทำเอาเซียวหมิงหย่วนอยากจะปรบมือให้พี่สะใภ้เสียเหลือเกินเจียวมิ่งแอบอมยิ้ม ก่อนจะแกล้งบิดขี้เกียจและทำเสียงงัวเงีย “ใครมารบกวนเราค่ะพี่หย่งเสียน” พอเห็นว่าเข้าตามแผนก็รีบปรับสีหน้าเป็นตกใจ และปลุกชายหนุ่มที่นอนข้างกัน“พี่หย่งเสียน ตื่นเถอะ ภรรยาพี่มา”“เกิดอะไรขึ้น ทำไมภรรยาผมมา ในเมื่อผมไม่มีภรรยาเสียหน่อย” ในเมื่อทุกอย่างลุล่วงเขาจึงแกล้งลืมตาและส่งเสียง ก่อนจะหันมาเจอหน้ากับทุกคน จึงทำให้เจียวมิ่งร้องลั่นห้อง“กรี๊ด! แกไม่ใช่พี่หย่งเสียน แกมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง”“เอ้า... ผมนอนของผมอยู่ดี ๆ คุณนั่นแหละเป็นใคร มานอนแก้ผ้าทำไมในห้องผม หรือว่าคุณต้องการทำมิดีมิร้าย ต่อให้ผมหน้าตาแบบนี้แต่ผมก็เลือกนะ” ชายหนุ่มพูดตามความคิด ถ้าเขาเป็นพี่หย่งเสี