เพราะเมื่อวานซืนเพิ่งกลับมาจากเดินทางเลยไม่ได้อะไรมากทุกอย่างเลยเริ่มเมื่อวานนี้แทน... เกี่ยวกับแผนการในการพิชิตบอสมหาดันเจี้ยน『ตัวตนที่หายไป』แต่ก่อนอื่นก็คงต้องพูดถึงเรื่องลักษณะของดันเจี้ยนที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องของที่นี่ซะก่อนหล่ะนะดันเจี้ยนแห่งนี้มีลักษณะทางกายภาพคือเป็นพื้นที่ทรงเจ็ดเหลี่ยม แต่ไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่ชั้นหรอกนะและเพราะเป็นเจ็ดเหลี่ยมนี่แหล่ะ... พอลากจากมุมของเหลี่ยมเข้าไปหาจุดศูนย์กลาง ถึงได้แบ่งเป็น 6 เขตได้พอดี นี่คงเป็นศาสตร์ศิลป์ของผู้สร้างที่ออกแบบมาได้ดีหล่ะนะยังไงก็ตาม พื้นที่ของชั้นที่เราอยู่ซึ่งเป็นเขตที่อาณาจักรมาตั้งรกรากนั้นจากด้านนอกวัดเข้ามาจนถึงชั้นต่อไปมีความยาวตั้งฉากกับขอบประมาณ 500 กิโลเมตรชั้นที่อยู่นี้เป็นรูปเจ็ดเหลี่ยม ส่วนชั้นถัดไปที่เรากำลังจะเข้าไปพิชิตนั้นมีลีกษณะเป็นรูปหกเหลี่ยม และถูกแบ่งเป็น 5 เขตเช่นเดียวกันและทั้ง 5 เขต... มีบอสมอนสเตอร์ระดับ SSS เฝ้าอยู่เขตละตัว รวมถึงลูกสมุนด้วยนั่นแหล่ะที่ดูน่ากลัว... แต่ยังไงก็ไม่จำเป็นต้องไปสู้พร้อมกันทั้ง 5 ตัวหรอกนะถ้าถามว่าทำไม... นั่นเพราะชั้นที่ว่านี้เองก็เหมือนชั้นที่เรากำลังอยู่
〝 โกหกใช่ไหมเนี่ย! 〞 กรเป็นตัวแทนของทุกคน พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้... เพราะไม่ว่าใคร หากได้เห็นว่าบอสที่พวกตนโค่นลงได้อย่างยากลำบากเมื่อครู่ กลับกำลังฟื้นคืนชีพขึ้นมาหล่ะก็ คงไม่มีทางใจเย็นได้อยู่เป็นแน่ นั่นจึงทำให้กรเปลี่ยนสายตาเป็นคมกริบอีกครั้ง〝 ทุกคนเตรียมพร้อมเดี๋ยวนี้! เมอร์ลินละการร่าย! 〞〝【ละการร่าย】!!! 〞 เมอร์ลินซึ่งตอบสนองคำสั่งของกรได้ไวที่สุดใช้ละการร่ายอีกครั้ง สาวๆทุกคนกลับมาในชุดและสกิลพร้อมรบเต็มอัตราศึกอีกครั้ง〝 ชาลอตอีกนานเท่าไหร่! 〞ในขณะที่ร่างของบอสเต่ากำลังก่อตัวขึ้น กรก็สั่งชาลอตอีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องบอกว่าอะไร〝 5 วินาทีจนกว่ามันจะคืนร่างสมบูรณ์ค่ะ! 〞 ชาลอตใช้『ดีเทลวิชชั่น』กับบอสเต่า จึงรู้เวลาที่แน่นอน และนั่นทำให้เหงื่อเย็นๆไหลไปทั่วใบหน้าของทุกคนบ้าชิบ! ไอ้ความกวนส้นของมหาดันเจี้ยนเนี่ย ที่ไหนก็เหมือนกันหมดเลยว้อย!หงุดหงิดจริง!เรื่องนั้นว่าไปอย่าง… ประเด็นสำคัญคือ ทำไม?เมื่อกี้บอกว่าเงื่อนไขไม่ครบงั้นสินะ... แล้วเงื่อนไขที่ว่ามันคืออะไรกันหล่ะ?บอส 5 ตัว มีตัวนึงที่เป็นกุ
หลังศึกยามค่ำคืนที่แสนหนักหน่วงเมื่อคืนได้ผ่านไป ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงของอีกวัน...อืม... หนักหน่วงจริงๆ...ทำลงไปแล้ว... กับผู้หญิงตั้ง 8 คนเรานี่มัน(หื่น)สุดยอดจริงๆเลยแฮะ ในหลายๆความหมาย...แถม 6 จากใน 8 สาว... ชาลอต ซาช่า เรเชล ลิลิธ ริต้า คาเรน...ยังเป็นครั้งแรกของพวกเธออีกต่างหากรู้สึกแย่เหมือนกันแฮะที่ต้องเห็นสีหน้าเจ็บปวดของทั้ง 6 คนหน่ะ แต่ความจริงแล้วทุกคนต้องเจ็บกว่าแน่ๆ... ถึงทุกคนจะบอกว่าถ้าเพื่อฉันหล่ะก็ทนได้อยู่แล้ว ก็เถอะนะ...แต่ที่ตกใจสุดๆเลยก็คือลิลิธเองก็ยังบริสุทธิ์อยู่เหมือนกันนี่แหล่ะนี่เธอ... อายุก็ปูนนี้แล้วนะ? ตัวเธอในสมัยก่อนนี่ไม่คิดจะหาความสุขให้ตัวเองเลยเหรอเนี่ย? คิดแบบนั้นแล้วก็เป็นห่วงลิลิธขึ้นมาแต่ก็เอาเถอะ ไม่ใช่ว่าแย่หรือดียังไงหรอก... ต่อให้เธอเป็นยังไงก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่มีต่อพวกเธอลดลงซักหน่อย นั่นต่างหากที่อยากจะพูดแถมตอนนี้เธอก็มีที่อยู่ของตัวเองแล้วด้วย... เพราะงั้นเลยทำให้ดีใจอยู่ที่เป็นครั้งแรกของลิลิธที่มีฉันเป็นความสุขของเธออ่ะนะแน่นอนว่าสำหรับทุกคนที่เลือกฉันเองก็เหมือนกัน... ถึงจะอายแต่พยายามกันเต็มที่น่าดูเลย...แล้วก็นะ... เ
〝 หืม... ฮีโร่? เธอหน่ะเหรอ? 〞กรถามออกมาด้วยน้ำเสียงสนใจ แต่เป็นในแง่ลบ ซึ่งนั่นกลับทำให้หญิงสาวเผ่าเอลฟ์รู้สึกพอใจออกมาเสียอีก เธอเท้าสะเอวอย่างมั่นใจอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มแสนภูมิใจอีกครา〝 ใช่แล้วค่า! ฉันคนนี้นี่แหล่ะ ฮีโร่ตัวจริงเสียงจริง! ผู้ผดุงความยุติธรรมที่ออกปราบเหล่าร้ายทั่วราชอาณาจักรอัลฟ์เฮมและโลกใบนี้ให้หมดสิ้นไป! นามนั้นคือ... 〞 หญิงสาวเผ่าเอลฟ์ชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้าอย่างองอาจ ก่อนที่จะมองลงมาที่กร〝 ซิลเวียคนนี้ยังไงหล่ะคะ!!! 〞บึ้ม! พอหญิงสาวเผ่าเอลฟ์คนนี้... 『ซิลเวีย』พูดจบ ระเบิดควันสีแดงก็ระเบิดขึ้นจากทางด้านหลังราวกับฮีโร่จากขบวนการห้าสีที่กรรู้จัก... ซึ่งควันที่ว่านี้ดูเหมือนจะเป็นการประยุกต์ใช้เวทย์มนต์อำพรางของตัวซิลเวียเองนั่นแหล่ะ ถ้าไม่นับเรื่องที่เป็นการกระทำไร้สาระ แต่การใช้เวทย์แบบไม่ต้องร่ายของเธอนี่ก็น่าชื่นชมอยู่เหมือนกัน เสียงไอแค่กๆ ดังมาจากทางด้านหลังของซิลเวีย แต่จากที่กรสังเกตทุกคนรับมือกับควันหลอกเด็กของซิลเวียเธอคนนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอคนนี้ทำแบบนี้เป็นประจำแหงๆ〝 บ้ารึเปล่าเนี่ย... 〞〝 วะ ว่าไงนะ! กำลังว่าฉันอยู่เ
〝 ไม่ได้เรื่องเลยซักนิด 〞 ผ่านมาราว 2 ชั่วโมงหลังจากที่กลับมาคฤหาสน์อันเป็นเวลาพลบค่ำ ซึ่งมีศรกับชีน่ารออยู่ก่อนแล้ว กรก็บ่นอุบแบบนั้นออกมาในขณะที่นั่งเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับสาวๆทุกคนเหมือนเดิมนั่นแล แน่นอนว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดปนนิดหน่อย〝 ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะฮะพี่กร... ก็พี่กรเล่นเทพซะขนาดนั้น ใครมันจะเก่งพอไปเป็นพวกพี่หล่ะ... ผมเองยังยอมเลยหล่ะ 〞ศรว่าแบบนั้นก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกผิดปนเสียดายถึงเอาจริงๆ เป้าหมายของฉันจะไม่ใช่การหาพวกแต่แรกอยู่แล้วก็เถอะนะแต่ถ้าเข้าใจแบบนั้นไปนี่จะดีมากเลย เจ้าศรเองจะได้ยอมแพ้ไปด้วยก็นะ... ยังไงฉันก็ไม่คิดจะให้น้องชายของคนที่รั... ของเพื่อนไปตายอยู่แล้วถ้าไม่แข็งแกร่งพอจนปกป้องตัวเองได้ก่อนหล่ะก็นะ...〝 ก็นะ... แต่นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วยังจะเจอตัวป่วนอีก... น่ารำคาญชะมัดยาดเลย 〞กรขมวดคิ้วเข้าด้วยกันแน่น ทำให้สาวๆยิ้มแห้งๆออกมาพร้อมกัน แต่ทางศรกลับทำสีหน้าสงสัยออกมาแทน〝 ตัวป่วน? นี่อย่าบอกนะฮะว่าไปเจอซิลเวียมาหน่ะ? 〞〝 หืม? นายก็รู้จักยัยบ้านั่นสินะ 〞เรียกผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันว่า “ยัยบ้า” เฉยเลยแฮะ...
〝 นี่กร... 〞เมอร์ลินเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่ทุกคนยังเตรียมพร้อมกันอยู่ เพื่อรับมือกับกลุ่มสาวน้อยฝาแฝด?ทั้ง 5 คนข้างนอกรถม้านั่น〝 อะไรเหรอ? 〞〝 ทำไมในอนิเมะหรือหนังพอพูดถึงตัวร้าย แล้วตัวร้ายต้องโผล่ออกมาแทบทุกทีด้วยนะ 〞〝 ตั้งข้อสังเกตได้น่าสนใจนะครับที่รักจ๋า แต่กระผมว่าประเด็นในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องนั้นนะ 〞 กรยิ้มแหยๆให้กับเมอร์ลินที่ยังทำตัวสบายๆอยู่ รวมถึงลิลิธเองก็ด้วย เธอแค่นั่งหาวหวอดใหญ่อย่างเดียว แต่แน่นอนว่านั่นก็แค่ท่าทางภายนอกเท่านั้นแต่ก็นะ... ความจริงก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น แต่ก็ประมาทไม่ได้เหมือนกันหล่ะนะข้อแรกเลยก็คือ ยัยนี่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอันตรายกับพวกเราเลยแต่ที่ประมาทไม่ได้หน่ะคือ ความสามารถจริงๆของหล่อนที่ตอนนี้ยังใช้ไม่เป็นต่างหากที่น่ากลัว... กรคิดแบบนั้นในขณะที่ใช้หน้าต่างตั้งค่าต่างๆตรวจสอบสาวน้อยผู้กุมความได้เปรียบข้างนอกนั่น เลยทำให้ได้ผลสรุปออกมาแบบนั้น ส่วนทางซิลเวียที่ยืนอยู่ด้านนอกก็กำลังถูกปั่นหัวโดยสาวน้อยทั้ง 5 คนอยู่〝 อาวอ๊าวอาว! เลือกไม่ถูกเลยสิทีนี้!? 〞〝 หุหุหุ! งั้นพวกเค้าจะเริ่มยังไงดีน้อ! กับคู่ปรับตัวฉ
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหลายสงบลง กรก็ต้องแบกยูมิน่ากลับมาที่บริเวณรถม้า ซึ่งมีเหล่าแฟนสาว ซิลเวียและฟลอร่าที่ถูกจับรออยู่ เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เลยทำให้ม้ายังขวัญเสีย เพราะเหตุนั้นเลยต้องพักกันประมาณ 1 ชั่วโมงไปก่อน ในระหว่างที่พักก็ต้องทนเสียงบ่น&เพ้อของฟลอร่าไปด้วย ต่อให้กรขู่แค่ไหนก็ไม่ยักกะเงียบ แต่พอถูกถูกมีอาเข้าโหมดอัลติเมท... ฟลอร่าก็ดูเหมือนจะเงียบลงในทันทีแล้วจากนั้นซักพักก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางอ่ะนะ...แน่นอนว่าจับยัยฟลอร่ามัดไว้กับตัวรถม้าด้านนอกให้ตากลมน้ำตาซึมอยู่อย่างงั้นแหล่ะแต่ถึงจะบอกว่าข้างนอกก็เถอะ แต่ก็อยู่แถวๆหน้าต่างด้านหลังตัวรถม้านั่นแหล่ะนะ เพื่อไม่ให้อยู่นอกสายตาของฉันด้วยนั่นแหล่ะเพราะงั้น เสียงน่ารำคาญของยัยนี่ที่เป็นปัญหามันเงียบลงไปบ้างแล้วก็จริงอยู่แต่พอออกเดินทางไปได้ซักพัก... ยัยตัวปัญหาคนที่สองก็ตื่นขึ้นมาจนได้ก็นะ... เป็นเพราะยัยนี่เป็นตัวอันตรายมากกว่าฟลอร่าที่น่ารำคาญ ก็เลยเอามามัดไว้ในรถม้าแทนถึงที่มันจะแคบไปหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกว่า... ก็มีเรเชลกับริต้านั่งคุมซ้ายขวาของยัยยูมิน่านี่แหล่ะเลยปลอดภัยได้ในระดับนึงแ
〝 เป็นอะไรไป? เหตุใดจึงยืนนิ่งเป็นหินเช่นนั้นเล่าพ่อหนุ่ม? 〞 จิ๋นหลี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของกรซึ่งตอนนี้ยังคงเหงื่อตกด้วยความกังวล ถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบยังจะมาถามอีกเหรอ? ก็เล่นแผ่จิตต่อสู้ออกมาซะขนาดนี้เองไม่ใช่เหรอ?สีหน้าไม่ได้เปลี่ยน แต่ฉันดูออกนะ... นี่นายจงใจใช่ไหมเนี่ย!?〝 อย่าแกล้งหมอนี่มากนักสิจิ๋นหลี่ 〞 ในระหว่างที่กรยังเฝ้าดูท่าทีของจิ๋นหลี่อยู่อย่างงั้น เมอร์ลินก็พูดออกมาอย่างหน่ายๆ พร้อมกับเดินนำออกมาอยู่ระหว่างเขากับจิ๋นหลี่ นั่นทำให้ลูกศิษย์ชายหญิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังทำท่าเหมือนกับจะเตรียมพร้อมต่อสู้ แต่จิ๋นหลี่ก็ยกมือขวาห้ามไว้ก่อน ทั้งคู่จึงกลับมายืนตรงเรียบร้อยเช่นเดิม〝 มิได้... นี่คือปกตินิสัยของข้าเจ้าก็รู้ 〞จิ๋นหลี่ว่าพลางหลับตาราวกับบอกว่ามันช่วยไม่ได้ และนั่นก็ทำให้เมอร์ลินถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆอีกครั้ง และเพราะทั้งคู่ได้เปิดปากคุยกันอย่างสนิทสนม พวกมีอาจึงได้วางการ์ดลงโดยอัตโนมัติ และแม้ซิลเวียจะยังสงสัยอยู่แต่เจ้าตัวก็ยังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เงียบๆเช่นเดียวกับคนอื่นแต่จะว่าไป... มหานักปราชญ์ทุกคนมีดันเจี้ยนเป็นของตัวเอ
“ ทุกคนคะ... ความรัก คืออะไรเหรอคะ? ”“ “ “ เอ๋!? ” ” ” สิ่งที่เฮเลน่าถามออกมากลางห้องรับรองเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้ไร้อารมณ์คนนี้ตื่นตระหนก แม้จะมีคนมากถึง 18 คนจ้องเธออยู่ ในมือที่ถือทั้งดินสอและสมุดบันทึกเล่มเล็กเองก็ไม่มีแต่การสั่นไหว อนึ่ง... เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ฟลอร่ากับยูมิน่าลากตัวกรออกไปประมาณ 2 ชม. เห็นจะได้“ เห... ทำไมจู่ ๆ ถึงสนใจเรื่องนั้นกันล่ะ ” คนที่แสดงความสนใจเป็นคนแรกอย่างออกนอกหน้าคือเมอร์ลินเจ้าเดิม เธอที่อ่านหนังสือมาตลอดถึงกับปิดหนังสือในมือแล้วหันมาถามเฮเลน่าอย่างจริงจัง“ ฉันแค่ทำตามคำสั่งของมาสเตอร์เท่านั้นค่ะ ” เฮเลน่าตอบกลับในทันทีอย่างที่ทุกคนคาด แน่นอนว่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนกับที่เป็นมาตลอด “จงตามหาความหมายในการใช้ชีวิตของตัวเอง” คำพูดของกรที่เป็นคำสั่งเพียงหนึ่งเดียวซึ่งมอบให้กับเฮเลน่า ในวันที่เฮเลน่าถูกปลดปล่อยจากพันธะทั้งปวงและเป็นอิสระ ทุกคนเองก็อยู่ที่นั่นจึงเข้าใจแม้ไม่ต้องเอ่ยปาก“ แล้ว? ” เมอร์ลินถามย้ำคล้ายกับกำลังสอบปากคำ แต่ในอี
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอดสองวัน(เรื่องที่เจนนี่ ไมน์และรีเบคก้าสุดท้ายก็ตอบตกลงคบกับกรในที่สุด) จนทำให้สถานการณ์ความปั่นป่วนของสาว ๆ รอบตัวกรลดน้อยลงไปครึ่งนึง ...ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ“ “ “ ยินดีด้วย!!! ” ” ” เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วทั้งบาร์ของโรงแรมอิกดราซิล มาจากเสียงของเหล่านักผจญภัยรวมถึงเพื่อนพ้องของกร ...ส่งไปยังเด็กสาว 3 คนที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่ากลางร้าน ประกอบด้วยเจนนี่(ในร่างของเบลนด้า อัลบา) ไมน์และรีเบคก้า ที่กำลังน่าแดงก่ำเพราะความอาย“ พอเถอะน่า มันน่าอายนะ ”“ แหม ๆ เรื่องน่ายินดีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายซักหน่อยนะฮ้า! ” คาลอสเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งเสียง วี๊ดวิ้ว! คล้ายกับจะกลั่นแกล้งสาว ๆ ที่กำลังบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย กรเห็นแบบนั้นก็เริ่มจะทนไม่ไหวจนต้องก้าวเข้ามาขัดจังหวะ“ เอาล่ะ ๆ แค่พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว... งานเลี้ยงจบแล้ว แยกย้าย ๆ ” กรพูดตัดบทพร้อมกับเดินเข้าไปกลางวงทั้งสามคนก่อนจะดันหลังทั้งสามให้ออกมาจากจุดรวมสายตา กระนั้นก็ไม่วายถูกทุกคนล้อในเชิงประมาณว่า “หึงด้วยเว้ย” ไ
“ แม้นโกรธาราวสิขานล แต่สิ่งที่ผู้อื่นยลต้องเป็นเหมันต์ ”นั่นคือคติประจำตระกูลของฉัน... มีความหมายว่า ต่อให้รู้สึกอย่างไรก็จงแสดงออกมาเสมือนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นอย่าให้ใครรู้ว่าโกรธ... อย่าให้ใครรู้ว่ากำลังเศร้า... อย่าให้ใครรู้ว่ากำลังดีใจ...นั่นแหล่ะคือความหมายของมัน และยังเป็น... คุณสมบัติสำคัญขององครักษ์ที่ควรมีสำหรับฉันที่เกิดมาก็ได้รับหน้าที่นั้นเป็นเหมือนชนักติดตัว ถึงจะคิดว่าลำบากก็เถอะแต่ตอนนี้ก็ชินไปแล้วและสิ่งที่ทำให้ฉันสามารถทำมันได้ ก็เพราะรอยยิ้มของคนที่ฉันต้องปกป้อง... รอยยิ้มของไมน์เด็กคนนี้เหมือนกับทุ่งดอกไม้หลากสี ร่าเริงสดใส เริงระบำไปตามเสียงบรรเลงเพลงตามแต่สายลมจะพัดพา เป็นเด็กที่ชอบเรื่องสนุกสนาน ฉันถึงอยู่ด้วยไม่มีเบื่อ ถึงจะไม่แสดงออกก็เถอะเพราะยังไงการเก็บความรู้สึกสุขไว้ในใจไม่ให้แสดงออกมา มันง่ายกว่าการกักเก็บความทุกข์ไว้ในอกคนระดับเลยแต่ถึงคิดแบบนั้น เดิมทีตัวฉันก็ไม่ได้เป็นคนคิดอะไรมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหนก็พร้อมรับมือได้หมด และต่อให้ต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องไมน์ก็ไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อยเพราะงั้นความรู้สึกทุกข์ใจจึงไม่ค่อยมี หรือไม่ก
ตั้งแต่ตอนเด็ก ตัวฉันที่เป็นเจ้าหญิงก็ได้แต่อยู่ในปราสาทตามคำบอกกล่าวของคุณพ่อแต่มันก็ไม่ได้แย่นักหรอก เพราะอย่างน้อยฉันก็มีเพื่อนเล่นอยู่ คน ๆ นั้นก็คือรีเบคก้าที่เป็นเพื่อนอายุเท่ากันของฉัน คอยดูแลและเล่นด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ที่จำได้แล้วและสิ่งที่ใช้ฆ่าเวลาอีกอย่างคือ หนังสือนิทานในห้องสมุดสำหรับเด็กผู้หญิงอย่างฉัน นิทานทั้งหมดเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่เคยพบเคยเห็น โดยเฉพาะฉันที่ไม่เคยออกไปนอกตัวปราสาท เพราะแม้แต่การเดินทางฉันยังต้องปิดบังใบหน้าเอาไว้เลย แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กถึงไม่รู้สึกว่าแปลกอะไรน่าตลกดี ที่สิ่งที่สอนให้ฉันรู้จักโลกภายนอกคือหนังสือเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายมาตลอดความลึกลับอันน่าพิศวง มอนสเตอร์น่ากลัว ความงดงามของธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คน เรื่องราวทั้งหมดที่ร้อยเรียงทำให้ฉันจินตนาการภาพฝันของโลกภายนอกไว้อย่างสวยงาม และหวังว่าซักวันจะได้ออกไปและในวันหนึ่ง ฉันก็ได้รู้จักอาชีพที่เรียกว่า ‘นักผจญภัย’อาชีพที่สามารถไปได้ทุกที่ที่อยากไป ทำได้ทุกสิ่งที่ต้องการ แสวงหาทุกสิ่งด้วยตัวเองกับพวกพ้องที่ไว้ใจได้แต่ถ้าจะว่ากันตามตรง เนื้อหาของมันก็ไม่ต่างจากนิทานทั่วไปที่มีพระเอ
ตั้งแต่ที่จำความได้ ตัวฉันก็ตระหนักได้แต่คุณค่าของตัวเอง ว่าเป็นแค่เครื่องมือฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนที่คลอดฉันออกมาเป็นใครสิ่งเดียวที่จำได้ มีแต่ใบหน้าโกรธเกรี้ยวที่ใช้ฝึกหัดเฆี่ยนตี แปรเปลี่ยนเด็กสาวบริสุทธิ์ให้เป็นมือสังหารถูกกระทำเหมือนเป็นของเล่น... นอกจากจะช่วงชิงความบริสุทธิ์ในฐานะผู้หญิงของฉันไป ทั้งยังมอบคำสั่งมากมายที่ทำให้มือของฉันต้องเปื้อนเลือดตัวฉันในตอนนั้นไม่ได้ตระหนักว่ามันเป็นเรื่องแปลกแม้แต่น้อย ก็เครื่องมือมันคิดเองไม่ได้นี่นาก่อนที่จะได้เจอกับไมน์และรีเบคก้า...การได้ใช้ชีวิตแฝงตัวกับพวกเธอในฐานะผู้สังเกตการณ์จากภายในทำให้เราเริ่มซึมซับความคิดและความรู้สึกของพวกเธอเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆรอยยิ้มจอมปลอมเริ่มที่จะแปรเปลี่ยนเป็นของจริง สีหน้าที่ปั้นยิ้มกลายเป็นฉีกออกกว้างอย่างจริงใจ คนที่ทำให้ฉันตระหนักว่าตัวเองไม่ใช่เครื่องมือก็คือเพื่อนรักของฉันทั้งสองคนแต่ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ฉันคิดว่า... มันสายไปแล้วถึงจะรู้ไปแล้วว่าทางที่ตัวเองเดินมาจนถึงตอนนี้เป็นทางที่ผิด แต่ในเมื่อมันเดินมาแล้วก็มีแต่ต้องทำใจ แต่เพราะทำใจไม่ได้ถึงได้ทรมานจนอยากหนีไปให้พ้น ๆฟางเส้นสุดท้าย
หลังจากที่คอร์ดิเรียเปิดเผยอดีตที่แสนทุกข์ทรมานของเธอให้พวกเราฟัง ทุกคนก็เข้าหาคอร์ดิเรียแบบเป็นกันเองมากขึ้นเยอะเลยทั้งนี้ก็คงเพราะว่าก่อนหน้านี้ทุกคนคงติดใจบุคลิกแปลก ๆ และทัศนคติของคอร์ดิเรียที่มีต่อฉันไม่ค่อยดีนั่นแหล่ะ แต่พอได้รู้สาเหตุก็เหมือนเคลียร์ปัญหาทางใจกันไปแล้วในตัวก็นะ ถ้าถามว่าสนิทกันมากขึ้นถึงขนาดไหนล่ะ... ตอนนี้คอร์ดิเรียเข้ามาเล่นไพ่ด้วยกันกับทุกคนแล้วล่ะหืม? เป็นพัฒนาการที่ช้าเกินไปงั้นเหรอ? ไม่ใช่แบบนั้นหรอก... ในมุมมองของฉัน นี่แหล่ะก้าวสำคัญของคอร์ดิเรีย แถมมีรอยยิ้มแบบที่ไม่เคยเห็นจากคอร์ดิเรียมาก่อนเป็นผลสะท้อน ดูยังไงคอร์ดิเรียก็ดีขึ้นแล้วแน่ ๆ (โล่งอกไปที)นั่นคือในส่วนของปัญหาส่วนตัวของพวกเรา... แต่หลังจากที่ผ่อนคลายกันทั้งกลุ่มก็ต้องมานั่งเลคเชอร์กัน เพราะวันพรุ่งนี้พวกเรา ‘ภาคีโต๊ะจัตุรัส’ ตั้งใจจะเปิดเผยข้อมูลที่มีในมือทั้งหมดร่วมกันในตอนแรกทุกคนก็กังวลอยู่หรอก เพราะนอกจากพี่มารีแล้วทุกคนระวังท่าทีของคนอื่นพอสมควร ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติแหล่ะนะแต่ถึงอย่างงั้นฉันก็ต้องการจะบอกความจริงให้ทุกคนรู้อยู่ดี อย่างที่เคยย้ำไปหลายรอบ ปัญหาที่มีผลกระทบกับทุกคนแบบ
ณ โถงทางเดินอันเงียบสงัดสร้างบรรยากาศขัดตา ด้วยความที่มีชายหญิง 21 คนกระจุกอยู่ในบริเวณเดียวกัน และสาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าว คือหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้ให้บรรยากาศคล้ายกับชุดของเจ้าหญิงในงานเต้นรำ เธอผู้ซึ่งมีเรือนผมสีฟ้าคราม จดจ้องนัยน์ตาสีแดงมายังชายหนุ่มที่เดินนำหน้าสุดถัดจากสาวรับใช้ในวัง ...คือคอร์ดิเรียที่กำลังกอดอกพิงกำแพง รอจังหวะที่กรและพรรคพวกจะเดินผ่าน ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ〝 มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ มาด้วยกันหน่อยได้ไหม 〞 คอร์ดิเรียพูดแบบนั้นในขณะที่ส่งสายตาประหนึ่งอ้อนวอน นั่นเป็นสิ่งที่เธอยังไม่เคยแสดงออกมาต่อหน้าพวกกรเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นจึงทำให้กรและสาว ๆ ขมวดคิ้วเข้าด้วยกันอย่างจริงจังกลับไป ส่วนสาวใช้ที่ยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองคนก็ได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนที่จะตั้งสติแล้วโค้งคำนับให้คอร์ดิเรียหนึ่งหนแล้วย่ำเท้าออกจากที่เกิดเหตุโดยพลัน ทำให้คนที่ยืนประจันหน้าอยู่กับคอร์ดิเรียมีเพียงพวกกรเท่านั้นถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เถอะ แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าคำตอบก็คือ〝 ได้สิ... แน่นอนอยู่แล้ว 〞
ไข่ในหิน... ความหมายของมันคือ ของมีค่าที่ต้องทะนุถนอมแต่เคยสงสัยกันรึเปล่า ว่าถ้าเกิดไข่มันรู้ว่าตัวเองอยู่ในหินมันจะรู้สึกอึดอัด?ก็ไม่รู้หรอกนะว่าไข่จริง ๆ มันจะคิดยังไง แต่ถ้าเป็นความรู้สึกที่ถูกถนอมไว้ในหินล่ะก็ บอกเลยว่าตอนนี้ไม่มีใครเข้าใจไปมากกว่าฉันแล้วล่ะ เสียงในจิตใจของเด็กหนุ่มรำพึงขึ้นด้วยความสุขเพราะถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่น กระนั้นก็ไม่อาจเมินเฉยต่อสายตาที่ทิ่มแทงเข้ามาได้ สัมผัสในตอนนี้หากจะให้เปรียบก็คงคล้ายกับรสหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าทว่ากลับมีรสอมขมติดลิ้นเล็ก ๆ นั่นคือเด็กหนุ่มผู้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ในปราสาทของอาณาจักรซีทนัลทา โดยห้องดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับเป็นห้องประชุมเล็ก ๆ ที่มีโซฟาขนาดใหญ่หลายตัวล้อมเป็นวงกลม พร้อมกับมีโต๊ะเล็กไว้สำหรับวางเครื่องดื่มตั้งอยู่ด้านหน้าของแต่ละตัว แต่แม้จะบอกว่ามีโซฟาและโต๊ะหลายตัว กระนั้นการจัดเรียงก็ถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่หันหน้าเข้าหากันในลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า เป็นการแบ่งชัดเจนว่าจะมีฝ่ายสนทนาอยู่ถึง 4 ฝ่ายด้วยกัน และแน่นอนว่าประเด็นสำคัญก็คือภายในห้อ
เอาล่ะ หลังจากนี้จะเอายังไงดี หลังจากที่เผยเจตนาของตัวเองที่มีต่อเสือ กรก็เบนสติของตัวเองมาเฝ้าระวังบอสมอนสเตอร์อันมีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับหรือมากกว่าบอสมหาดันเจี้ยนที่เคยเจอมา ดวงตาสีแดงที่จดจ้องลงมา พร้อมด้วยรูปร่างสูงใหญ่คล้ายกับสัตว์อสูรทะเลหลายอย่างรวมกันเป็นที่สุดแห่งความน่าพรั่นพรึงของท้องทะเล และนามของราชาแห่งท้องทะเลตัวนี้ที่แสดงเมื่อกรใช้ออร่าสีเหลืองตรวจสอบคือ ‘อัลติเมท คราเคน’ (Ultimate Kraken) เป็นนามอันย้ำเตือนถึงความเด็ดขาดในความแข็งแกร่งจากในตำนานก๊าซซซซซซ!!!!!!! สัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่ราว 50 เมตรนามคราเคนคำรามก้องท้องฟ้าส่งแรงสะเทือนที่ทำเอาทั้งร่างสั่นสะท้าน เสียงนั้นดังกึกก้องไปถึงอีกฟากของโพ้นทะเล พร้อมกับเปรยตามองลงด้านล่างราวกับเย้ยหยันกรกับเสือที่ตั้งท่าตั้งรับด้วยแขนที่สั่นเล็กน้อย ทั้งเพราะแรงสะเทือนของเสียงคำรามและความหวาดกลัวพลังไม่เหลือพอจะใช้ท่าที่รุนแรงอย่าง Armageddon Spectrum ได้แถมจะให้เปิดใช้ Endless Spectrum Throne ก็ไม่รู้อีกว่ามันจะมีผลกระทบกับทุกคนไปด้วยรึเปล่าตอนนี้ที่ทำได้คงต้องใช้ออร่าที่เหลือยื