ฮองเฮาคงลืมไปแล้วว่าเรื่องเรือมังกร เพราะรัชทายาทให้ทุกข์แก่จวนอ๋องหกก่อน ทุกข์นั้นถึงได้ย้อนเข้าตัว“หมอมอ เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี?”เมื่อฮองเฮานึกถึงลูกชายที่ยังถูกกักบริเวณ ทำให้กลัดกลุ้มอย่างมากในฐานะรัชทายาท การมีอำนาจและไร้ซึ่งอำนาจ ต่างกันราวฟ้ากับเหว“ฮองเฮาอย่างทรงกลัดกลุ้ม ฝ่าบาทให้เกียรติพระนางขนาดนี้ คงจะให้ความสำคัญกับองค์รัชทายาทไปด้วย รอให้ฝ่าบาทหายกริ้วเมื่อใด องค์รัชทายาทต้องไม่เป็นไรแน่นอนเพคะ อย่างไรรัชทายาทก็ยังเป็นรัชทายาทอยู่แล้ว” หมอมอเอ่ยปลอบฮองเฮาพึมพำ “ถูกต้อง รัชทายาทก็ยังเป็นรัชทายาท แตกต่างจากองค์ชายที่เกิดจากเหล่าสนมอยู่แล้ว” “ข้าทำเพื่อฝ่าบาททุกอย่าง พระองค์คงเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตบ้าง”นางพูดกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา คล้ายกำลังปลอบใจตัวเอง จนความกระวนกระวายค่อยๆ ลดลง ต่อมาแววตาเหี้ยมเกรียมอีกครั้ง แล้วกัดฟันกรอด“ตงฟางจิ่งทำร้ายหลางเอ๋อร์ของข้าถึงเพียงนี้ แค้นนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เด็ดขาด”จวนตระกูลเฟิ่งศาลาภายในสวนดอกไม้สาวน้อยแรกรุ่นสองคนนั่งอยู่ในศาลา บนโต๊ะมีน้ำชา ขนมและผลไม้วางไว้คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงรัดอกผ้าแพรสีเขียวอ่อน ตรงคอเสื้
เฟิ่งชิงอวี่ชะงัก เมื่อหันมอง พลันเห็นเฟิ่งหลิงหลงไม่รู้มายืนอยู่ตรงบันไดศาลาตั้งแต่เมื่อใด พร้อมจ้องนางด้วยสีหน้าเรียบเฉยนางในฐานะคุณหนูใหญ่สายตรง ทั่วทั้งจวนไม่ว่าจะเป็นสาวใช้หรืออี๋เหนียง กระทั่งน้องสาวที่เกิดจากพวกอนุภรรยา ล้วนให้ความเคารพยำเกรงนางทั้งสิ้น ไม่มีใครกล้ากำเริบต่อหน้านางหลังจากใช้อำนาจบาตรใหญ่มาหลายปี ขณะนี้ในใจเฟิ่งชิงอวี่สะท้านอย่างอดไม่ได้แต่เมื่อนึกได้ว่าขณะนี้อี๋เหนียงของตนกุมอำนาจ ฮูหยินใหญ่ไม่มีอำนาจใด นางอยากรู้ว่าเฟิ่งหลิงหลงจะทำอะไรนางได้?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ความมั่นใจของเฟิ่งชิงอวี่กลับมาอีกครั้ง นางค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วทำความเคารพอย่างไม่ใส่ใจ“ที่แท้เป็นพี่ใหญ่นี่เอง ทำไมพี่ใหญ่มาเงียบๆ ละ กลางวันแสกๆ เช่นนี้ไม่ตกใจตายกันหมดหรือ”เฟิ่งหลิงหลงสวมชุดสีขาว ใบหน้างามมีแววอาฆาต แล้วกวาดมองอีกฝ่ายเยือกเย็น นางค่อยๆ เดินขึ้นบันไดทีละก้าว แล้วไปยืนตรงหน้าเฟิ่งชิงอวี่ จากนั้นยกมือขึ้นแล้วตบลงไปอย่างไม่ลังเลเฟิ่งชิงหย่าอุทานอย่างตกใจ แล้วถอยหลังไปสองก้าวเฟิ่งชิงอวี่ถูกตบจนคว่ำลงบนโต๊ะ ทำให้จานบนโต๊ะถูกกวาดลงพื้น กระจัดกระจายเละเทะไปหมดนางกุมใบหน้าซีกหน
น้อยตรงไหนกัน หญิงในยุคโบราณ ใส่เสื้อผ้าน้อยที่สุดในฤดูร้อน อย่างน้อยก็ต้องใส่สามชิ้นเสื้อตัวใน เสื้อชั้นใน บวกกับผ้าคลุมตัวบางชั้นนอกอีกหนึ่งชิ้น หนำซ้ำยังต้องสวมถุงเท้าและรองเท้า ทั่วทั้งตัวยังคงปกปิดอย่างมิดชิดเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วคิดถึงเสื้อแขนสั้นขาสั้นและรองเท้าแตะหนีบในสมัยใหม่มาก อีกทั้งยังมีเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น น้ำเย็น และไอศกรีม...“พระชายา ความจริงวันนี้ถือว่าไม่ได้ร้อนมากนัก น้ำแข็งนี่เป่าอีกสักครู่ก็ให้ยกออกไปเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวเป็นไข้หวัดขึ้นมาจะแย่เอา” หลิวซูเอ่ยเตือนอย่างอดไม่ได้พวกนางล้วนเป็นหญิงสาวในยุคโบราณ เกิดและโตที่นี่ จึงเคยชินไปแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกร้อนขนาดนั้น จึงไม่เข้าใจพระชายาจริงๆ ว่าทำไมถึงขี้ร้อนขนาดนั้น“ไม่ได้ ข้ายังรู้สึกว่าไม่พอ กำลังคิดว่าจะให้ยกมาอีกสองกะละมังด้วยซ้ำ” เฟิ่งเชียนอวี่กลอกตาหลิวซูและอิ้งเสวี่ยสบตากัน แล้วรู้สึกจนใจ“พระชายา อู๋เหวยไต้สือแห่งวัดหลงถานกลับมาแล้วเจ้าค่ะ มีพวกฮูหยินและคุณหนูมากมายไปกราบไหว้ พระชายาก็ไปด้วยสิเจ้าคะ ไม่แน่หากโชคดีอาจได้พบไต้ซือ”เฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก พร้อมเอ่ยถาม “หลวงจีนนั่นรูปงามหรือ?
“นี่เป็นเหล้าดอกพุดตาน เป็นสินค้าแนะนำเช่นกัน เจ้าดื่มให้น้อยหน่อย เหล้านี่ดื่มเข้าไปเหมือนไม่เป็นไร แต่ส่งผลแรงมาก”นางไม่ใคร่ใส่ใจ “วางใจเถอะ ข้าคอแข็งไม่เบา”เมื่อได้ยินเฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเช่นนี้ อวิ๋นจิ่นเซ่อจึงเชื่อ “เช่นนั้นเจ้าดื่มแล้วคงไม่เป็นไร”ทั้งสองคนกินไปด้วยดื่มไปด้วย อวิ๋นจิ่นเซ่อไม่รู้ไปฟังข่าวจากซุบซิบมาจากแห่งหนตำบลใด มีทั้งเรื่องของชาวบ้าน และยังมีทั้งเรื่องของเหล่าฮูหยินและคุณหนูตระกูลขุนนางเฟิ่งเชียนอวี่ฟังจนหัวเราะชอบใจ ทั้งสองคนดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกตัว พวกหลิวซูห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่อาหารมื้อนี้กินจนกระทั่งท้องฟ้ามืดสลัวถึงได้จบลง เพราะนายทั้งสองเมามายอย่างมาก“พระชายา พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ”เฟิ่งเชียนอวี่ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาพร่ามัว ร่างกายอ่อนปวกเปียกเหมือนเส้นบะหมี่ เมื่อเทียบกับนาง อวิ๋นจิ่นเซ่อดูยุ่งยากกว่าไม่น้อยเพราะพละกำลังของนางมากกว่า“ใครนะ อย่ามาดึงข้า บังอาจนัก ที่กล้ามาดึงข้า อยากตายหรือ”อวิ๋นจิ่นเซ่อพูดไม่ชัดถ้อยชัดคำ จากนั้นสาวหมัดออกไปอย่างไม่ลังเลเหลิ่งหนิงเบิกตาโต แล้วหลบอย่างว่องไว หมัดของอวิ๋นจิ่นเซ่อจึงชกเข้ากับกำ
ขมับตงฟางจิ่งกระตุก หน้าเขียวไปหมด เขาหลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆเหล่าสาวใช้ดูจนอกสั่นขวัญผวา กลัวว่าท่านอ๋องโมโหแล้วจะกระทืบพระชายาเฟิ่งเชียนอวี่ตบไหล่ของเขา กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “หน้าตาเจ้าอัปลักษณ์ เอ่อ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า รู้ไหมว่ายีนคืออะไร รู้ไหมว่ากรรมพันธุ์คืออะไร?”“ฉันพูดไป เจ้าก็อาจจะไม่เข้าใจ เอ่อ เอาเป็นเจ้าแค่รู้เอาไว้ว่า หน้าตาของเจ้าอัปลักษณ์ ต้องโทษพ่อแม่ของเจ้า โทษเจ้าไม่ได้ เข้าใจแล้วนะ”ตงฟางจิ่ง “...”เหล่าสาวใช้สูดลมเย็นเข้าปอดอีกครั้ง หน้าซีดจนไม่กล้าหายใจแรง และหัวใจจะวายอยู่แล้วเฟิ่งเชียนอวี่กล่าวพลางหัวเราะ “เหอะๆ หลังจากฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ”ตงฟางจิ่งค่อยๆ หรี่ตาลง สายตาอันเฉียบคมจ้องคอที่เพรียวบางและขาวเนียนของนาง กำลังพิจารณาว่าจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตายหรือไม่ปรากฏว่าวินาทีต่อมา“แหวะ…”เฟิ่งเชียนอวี่โน้มตัวเข้าไปที่หน้าอกเขาฉับพลัน หลังจากนั้นก็เริ่มอาเจียน ทำเอาตงฟางจิ่งเลอะไปทั้งร่างร่างกายตงฟางจิ่งหดเกร็ง ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิม ใบหน้าอันหล่อเหลาเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ“เฟิ่ง เชียน อวี่…”เสียงคำรามด้วยความโกรธสายนี้ เพราะโก
ปากเฟิ่งเชียนอวี่ยกยอเชิดชู ในใจทำหน้าอาเจียน“เช่นนี้เองหรือ ที่แท้เมื่อวานพระชายาเมาแล้ว หาใช่พูดความจริงไม่?” ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเสียงอ่อน“ไม่ใช่อยู่แล้ว”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว แสดงว่าข้าเข้าใจผิดเอง แต่ก็ไม่เป็นอะไร ข้าพูดแล้วว่าจะใส่ใจพระชายาให้มากๆ ย่อมพูดจริงทำจริง”“พระชายาแต่งงานกับข้ามาสักระยะแล้ว ควรเรียนกฎเกณฑ์ในวังตั้งนานแล้ว ต้องโทษที่ข้าลืมมาโดยตลอด”“นี่ข้าก็เลยสั่งให้คนไปเชิญหมอมอที่สอนเรื่องกฎเกณฑ์ในวัง มาชี้แนะพระชายาจนกว่าจะเรียนรู้โดยเฉพาะ”เฟิ่งเชียนอวี่มองตาค้างแล้วนางมองหมอมอเฒ่าที่เดินออกมาจากข้างหลังตงฟางจิ่ง นางสวมชุดกระโปงรัดอกสีแดง เส้นผมถูกเกล้าขึ้นข้างบนอย่างพิถีพิถันหมอมอคำนับเฟิ่งเชียนอวี่อย่างนอบน้อม “บ่าวแซ่หลิว พระชายาเรียกบ่าวว่าหลิวหมอมอก็พอเจ้าค่ะ”น้ำเสียงตายด้าน บนใบหน้ามีริ้วรอยที่แสดงถึงร่องรอยของกาลเวลาไม่น้อย ระหว่างคิ้วมีความใจดำแฝงอยู่หลายส่วน มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่น่าคบหามุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุกแล้วกระตุกอีกตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเชื่องช้า “หลิวหมอมอเป็นผู้อาวุโสในวัง นางนี่แหละที่เป็นคนสอน พิธีมารยาทของฮองเฮาสมัยยังเป็
ต่อจากนั้น เฟิ่งเชียนอวี่กับหลิวหมอมอเริ่มต้นหนึ่งวันที่ไม่ถูกชะตากันหลิวหมอมออาจจะแค้นที่ก่อนหน้านี้เฟิ่งเชียนอวี่ว่านางแก่ ตอนที่สอนกฎเกณฑ์ เรียกได้ว่าเข้มงวดมาก“พระชายา การเดินไม่ได้เดินเช่นนี้ ผู้หญิงเดินเน้นคำว่านุ่มนวล ต้องยกและวางเท้าเบาๆ ห้ามสูงเกินไป แต่ก็ห้ามต่ำเกินไป เท้าหน้ากับเท้าหลังห่างไม่เกินสองฉื่อ[1] พื้นรองเท้าห้ามให้มีเสียงเจ้าค่ะ”“พระชายา เวลาคำนับ สองมือประสานกัน มือซ้ายทับมือขวา ยกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อย ตั้งปลายนิ้ว เอวต้องอ่อน งอขาเล็กน้อยเจ้าค่ะ”“พระชายา เวลาผู้หญิงพูด ควรใช้น้ำเสียงที่เบาและนุ่ม เสียงห้ามดังเกินไป ไม่เหมาะสม และก็ห้ามเบาเกินไป ทำให้ได้ยินไม่ชัดเจ้าค่ะ”“เชิญพระชายาทำอีกหนึ่งรอบ”“ทำอีกครั้ง…”เฟิ่งเชียนอวี่พบว่าผู้หญิงแก่คนนี่จงใจ โดยเฉพาะตอนที่สอนนางคำนับ สั่งให้นางทำใหม่ถึงสิบกว่ารอบทั้งๆ ที่นางทำได้มาตรฐานมากแล้ว อีกฝ่ายก็ยังสามารถหาเรื่องจนได้อีกทั้งตอนที่นางคำนับ ผู้หญิงแก่คนนี้ก็มายืนหลังตรงตรงหน้านาง ดูแล้วเหมือนกับตัวเองคำนับนางเฟิงเชียนอวี่ยิ้มอย่างเย็นชาในใจ มองนางแล้วกล่าว “หลิวหมอมอ กฎเกณฑ์นี่เรียนมาทั้งเช้าแล้ว ข้ายัง
เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวเร่งเร้าอย่างยิ้มแย้มเรือนชิงหลานอันกว้างใหญ่ ภายใต้สายตาของทุกคน หลิวหมอมอรู้สึกอับอายมาก ใบหน้าแก่ประเดี๋ยวซีด ประเดี๋ยวเขียว รู้สึกเกลียดชังจนถึงขีดสุด ด่าทอเฟิ่งเชียนอวี่ในใจจนเละเทะต่อให้อยู่ในวัง อายุงานของนางก็ค่อนข้างแก่ นานมากแล้วที่ไม่มีใครทำให้นางอับอายเช่นนี้นางแพศยาที่น่ารังเกียจคนนี้ จงใจอยากให้นางขายหน้าเฟิ่งเชียนอวี่เห็นนางยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ หายไป พลางหมุนกำไลหยกชั้นดีที่อยู่ตรงข้อมือเล่น พลางกล่าวอย่างเรียบเฉย“นี่หลิวหมอมอเป็นอะไร? ท่านมาจวนอ๋องก็เพื่อสอนกฎเกณฑ์ให้ข้าไม่ใช่หรือ? ตอนนี้แสดงท่าทางที่ต่อต้านเช่นนี้ หรือว่าจงใจไม่อยากสอนข้า?”“หรือหลิวหมอมอรู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรให้ท่านสอน? อย่างไรข้าก็เป็นถึงพระชายาอ๋องหกนะ นี่ท่านไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา หรือดูถูกท่านอ๋องหกกันแน่?”ต่อให้อายุงานของหลิวหมอมอแก่เพียงใด ท้ายที่สุดก็ยังเป็นเพียงบ่าวไพร่ นางจะกล้าแบกรับโทษสถานหนักเช่นนี้ได้อย่างไร สีหน้านางเปลี่ยนฉับพลัน รีบคุกเข่าลงพื้น“บ่าวไม่มีเจตนาเช่นนี้แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านอ๋องและพระชายาโปรดไตร่ตรองด้วย”เฟิงเชียนอวี่กล
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ