เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวเร่งเร้าอย่างยิ้มแย้มเรือนชิงหลานอันกว้างใหญ่ ภายใต้สายตาของทุกคน หลิวหมอมอรู้สึกอับอายมาก ใบหน้าแก่ประเดี๋ยวซีด ประเดี๋ยวเขียว รู้สึกเกลียดชังจนถึงขีดสุด ด่าทอเฟิ่งเชียนอวี่ในใจจนเละเทะต่อให้อยู่ในวัง อายุงานของนางก็ค่อนข้างแก่ นานมากแล้วที่ไม่มีใครทำให้นางอับอายเช่นนี้นางแพศยาที่น่ารังเกียจคนนี้ จงใจอยากให้นางขายหน้าเฟิ่งเชียนอวี่เห็นนางยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ หายไป พลางหมุนกำไลหยกชั้นดีที่อยู่ตรงข้อมือเล่น พลางกล่าวอย่างเรียบเฉย“นี่หลิวหมอมอเป็นอะไร? ท่านมาจวนอ๋องก็เพื่อสอนกฎเกณฑ์ให้ข้าไม่ใช่หรือ? ตอนนี้แสดงท่าทางที่ต่อต้านเช่นนี้ หรือว่าจงใจไม่อยากสอนข้า?”“หรือหลิวหมอมอรู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรให้ท่านสอน? อย่างไรข้าก็เป็นถึงพระชายาอ๋องหกนะ นี่ท่านไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา หรือดูถูกท่านอ๋องหกกันแน่?”ต่อให้อายุงานของหลิวหมอมอแก่เพียงใด ท้ายที่สุดก็ยังเป็นเพียงบ่าวไพร่ นางจะกล้าแบกรับโทษสถานหนักเช่นนี้ได้อย่างไร สีหน้านางเปลี่ยนฉับพลัน รีบคุกเข่าลงพื้น“บ่าวไม่มีเจตนาเช่นนี้แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านอ๋องและพระชายาโปรดไตร่ตรองด้วย”เฟิงเชียนอวี่กล
พลันเฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงัน เหตุใดจู่ๆ ก็เอ่ยถึงครอบครัวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดของนาง และสิ่งที่พวกเขาพูดมันหมายความว่าอย่างไร? “ท่านอ๋อง พวกท่านกำลังเล่นท้ายคำปริศนาอะไรกันอยู่?”ตงฟางจิ่งมองนางอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง พลันกล่าวอย่างลึกซึ้ง “อีกไม่นานพระชายาก็จะรู้เอง”วันรุ่งขึ้น คำพยากรณ์ประโยคนี้ของอู๋เหวยไต้ซือได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว บนราชสำนักและวังหลังต่างตกใจมาก เหล่าราษฎรก็นำไปพูดไม่หยุดโดยเฉพาะจวนอัครมหาเสนาบดี ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามอีกครั้งดาวหงส์ ตามที่อู๋เหวยไต้ซือพูด นั่นเป็นถึงฮองเฮาในอนาคตที่มีชะตาลิขิตแห่งสวรรค์ ดังนั้น สตรีแห่งโชคชะตาในอนาคตคนนี้ ถือกำเนิดจากตระกูลเฟิ่ง?โดยเฉพาะคำพูดประโยคสุดท้ายของอู๋เหวยไต้ซือ ดาวหงส์มาเยือน ทั่วหล้ากลับคืน หมายความว่าอย่างไร? หมายถึงผู้ที่ได้ครอบครองดาวหงส์ จะได้ครอบครองทั่วหล้า? ความหมายที่แอบแฝงในนี้น่ากลัวมาก แค่ลองคิดเล่นๆ ก็สามารถทำให้ใจสั่น ไม่ว่าการคาดเดาจะจริงหรือเท็จ อู๋เหวยไต้ซือก็ได้ชี้ชัดแล้วว่าดาวหงส์ถือกำเนิดจากตระกูลเฟิ่ง อย่างไรก็ไม่ผิดแน่นอนชั่วขณะ หน้าประตูจวนอัครมหาเสนาบดีว
ตงฟางจิ่งกินอาหารเช้าอย่างเอื่อยเฉื่อย พลางกล่าวช้าๆ “เหตุใดพระชายาจึงโกรธเช่นนี้? คุณหนูใหญ่จวนเฟิ่งเป็นสตรีแห่งโชคชะตา สถานะของจวนอัครมหาเสนาบดีก็ย่อมสูงตามไปด้วย” “หรือเพราะพระชายาออกเรือนแล้ว ไม่ได้พึ่งบารมี ก็เลยโกรธอย่างนั้นหรือ?”“ถุย”เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะอยากพึ่งบารมีเฟิ่งหลิงหลง?”“ดาวหงส์อะไร สตรีแห่งโชคชะตาอะไร น่าขำหรือไม่ ก็แค่คำพูดของนักต้มตุ๋นเฒ่าคนหนึ่ง ก็ทำให้พวกคนที่อยู่ข้างนอก แทบอยากกราบไหว้เฟิ่งหลิงหลงเหมือนเป็นบ้า? พวกปัญญาอ่อน”เว่ยชิวอดไม่ได้ที่จะคัดค้านเบาๆ “พระชายา อู๋เหวยไต้ซือไม่ใช่นักต้มตุ๋น เขาเป็นพระภิกษุที่บรรลุธรรมอย่างแท้จริงขอรับ”เฟิ่งเชียนอวี่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเย็นชา “พระภิกษุที่บรรลุธรรม? เจ้ามองออกได้อย่างไร? เขาสามารถเหินฟ้ามุดดิน หรือไม่แก่ไม่ตาย?”เว่ยชิว “...”เฟิงเชียนอวี่อัดอั้นมาก พระเฒ่านั่นมีความแค้นกับนางหรือ?“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ต่อให้นักต้มตุ๋นเฒ่านั่นพูดเช่นนี้ จวนเฟิ่งก็ไม่ได้มีเฟิ่งหลิงหลงเป็นลูกสาวคนเดียว ยังมีอีกตั้งสามสี่คน แต่เหตุใดต้องเป็นนางที่เป็นสตรีแห่งโชคชะตา?”“พระชายา คุณหนูใหญ
เฟิ่งหลิงหลงมาเพื่อแสดงบารมีจริงๆ และนางก็มีคุณสมบัติที่เพียงพอ เฟิ่งเชียนอวี่เป็นพระชายาแล้วอย่างไร? ปัจจุบันนางเป็นถึงดาวหงส์ที่อู๋เหวยไต้ซือพยากรณ์เองนางคือฮองเฮาในอนาคตที่ไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากนี้เป็นต้นไป นางแพศยาเฟิ่งเชียนอวี่อยู่ต่อหน้าตัวเอง มีสิทธิ์แค่คุกเข่าเลียแข้งเลียขาตลอดไปเฟิ่งหลิงหลงคิดไม่ถึงว่าตงฟางจิ่งก็อยู่ แต่ไม่นานก็ถูกมองข้ามแล้วด้วยสถานะของนางในตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่อ๋องหกท่านนี้ก็อยากเอาอกเอาใจนางกระมัง นี่คือได้ยินว่านางมาจวนอ๋อง ก็เลยตั้งใจมาโดยเฉพาะ?เมื่อเฟิ่งหลิงหลงคิดเช่นนี้ ความย่ามใจที่อยู่ตรงระหว่างคิ้วแทบเออล้นออกมาแล้ว“ข้าน้อยเฟิ่งหลิงหลง คำนับท่านอ๋อง”แม้นางย่ามใจ แต่ก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะ ยังไม่อวดดีถึงขั้นที่เจอท่านอ๋องแล้วก็ไม่ต้องคำนับส่วนเฟิ่งเชียนอวี่หรือ? นางมองข้ามโดยไม่ลังเล“คุณหนูใหญ่เฟิ่งไม่ต้องมากพิธี”ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉย เสียงทุ้มต่ำราวกับไข่มุกหล่นใส่กระดานหยก ไพเราะมากเฟิ่งหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามอง ก่อนหน้านี้ตงฟางจิ่งออกจากจวนน้อยมาก เพราะอาการป่วยของร่างกาย แทบไม่ออกจากบ้านเลยต่อให้เป็นค
“หลังจากที่ข้าออกเรือน ก็ไม่เคยกลับจวนเฟิ่งเลย ไม่รู้ว่าท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่สบายดีหรือไม่ วันหลังข้าก็กลับไปเยี่ยมเสียหน่อย”เฟิ่งหลิงหลงกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อตอนนี้พระชายาออกเรือนแล้ว ก็กลับจวนเฟิ่งน้อยหน่อยดีกว่า”“อย่างไรเสียเมื่อออกเรือนแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป ท่านพ่องานยุ่งมาก ไม่มีเวลาพบท่าน”คำพูดของนางค่อนข้างไม่เกรงใจ ท่าทางของเฟิ่งเชียนอวี่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด มีความร้อนรนสายหนึ่งแลบผ่านแวบตา เหมือนกับว่าอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรตงฟางจิ่งหลุบตา อาศัยการดื่มชากลบเกลื่อนรอยยิ้มที่มุมปาก วันนี้เขามีการค้นพบอีกครั้ง เหมือนว่าฝีมือการแสดงของพระชายาจะดีมากเลยทีเดียว เหอะในใจเฟิ่งหลิงหลงย่อมสาแก่ใจจนบอกไม่ถูก ฮึ่ม นางแพศยาคนนี้ยังคิดจะติดต่อกับที่บ้านอีกหรือ ฝันไปเถอะก่อนหน้านี้นิสัยเฟิ่งเชียนอวี่ก็เปลี่ยนไปฉับพลัน นางคิดว่าอีกฝ่ายแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมองนางสูงเกินไป ที่แท้ก็ไม่เท่าไรสายตาของเฟิ่งหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตงฟางจิ่งอีกครั้ง เมื่อถามสารทุกข์สุกดิบ ตงฟางจิ่งก็ต
“ท่านแม่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ หน้าของข้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว ทำอย่างไรดีท่านแม่”เฟิ่งหลิงหลงลนลานแล้ว นางจับแขนนางหลิ่วไว้แน่น สีหน้าซีดเซียว นางเป็นสตรีแห่งโชคชะตานะ เป็นถึงฮองเฮาในอนาคต ใบหน้าของนางจะมีปัญหาได้อย่างไร“ลูกแม่ใจเย็นๆ แม่จะไปหาหมอมาดูให้เจ้าเดี๋ยวนี้”นางหลิ่งปลอบใจครู่หนึ่ง ก็สั่งให้สาวใช้ไปตามหมอทันทีหมอมาเร็วมาก เขาตรวจชีพจรให้เฟิ่งหลิงหลงอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจดูตุ่มที่ขึ้นตามตัว ทว่าตรวจแล้วครึ่งวันก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร“ฮูหยิน ชีพจรของคุณหนูเฟิ่งเต้นเป็นจังหวะ มีกำลังคงที่ ร่างกายแข็งแรงมาก ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ส่วนตุ่มแดงนี่ ชั่วขณะข้ายังไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”นางหลิ่วโมโหจนเกือบแหกปากด่าทอแล้ว หลังจากฝืนกล้ำกลืนเอาไว้ได้ ก็สั่งให้สาวใช้พาหมอไปรับค่าปิดปากสถานะของลูกสาวในตอนนี้ไม่เหมือนอดีต อาการที่เกิดขึ้นตามร่างกาย ปล่อยให้ข่าวหลุดออกไปข้างนอกไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะมีข่าวลือออกมาอย่างไรต่อจากนั้น นางก็ได้เชิญหมอมาอีกหลายท่าน แต่คนที่มาเหล่านี้ อย่าว่าแต่รักษาเลย ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรบางคนบอกว่าถู
จวนอ๋องหกตงฟางจิ่งมองเว่ยเซิง “อย่างนั้นหรือ? บรรดาหมอหลวงก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน?”“ถูกต้อง แค่เขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้เท่านั้น”ตงฟางจิ่งหรี่ตา ทำท่าทางครุ่นคิด ราวกับว่านึกถึงเฟิ่งเชียนอวี่ขึ้นมาทันที เขามีลางสังหรณ์รุนแรงบางอย่าง เรื่องนี้จะต้องข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอนถ้าหากเขาเดาไม่ผิดละก็ น่าจะเป็นครั้งก่อนตอนที่เฟิ่งหลิงหลงมาหาถึงที่จวนอ๋องหก เป็นฝีมือของเฟิ่งเชียนอวี่?เมื่อลองคิดดูก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางซื่อสัตย์ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเกลียดเฟิ่งหลิงหลงเกลียดเสียจนเข้ากระดูก เป็นไปได้อย่างไรที่ยังจะยอมปรนนิบัติผู้อื่นอย่างเต็มใจ มีปัญหาอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆเฮอะ ดูท่า จะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้วสิเฟิ่งเชียนอวี่ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยสิ่งที่ตนกระทำไปนั้นได้ถูกผู้ชายบางคนเดาได้แล้วตอนนั้นนางเพื่อที่จะให้ตนหลุดพ้นจากการตกเป็นที่ต้องสงสัย ยาที่วางนั้นเป็นแบบออกฤทธิ์ช้า ห้าถึงเจ็ดวันถึงจะออกฤทธิ์นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ขาไขว่ห้าง ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ รอยยิ้มที่มุมปากเต็มไปด้วยความสะใจเวลาสองวันผ่านไ
ในเวลานี้ จู่ ๆ สาวใช้คนหนึ่งก็ส่งเสียงกล่าวออกมา “ฮูหยิน หรือไม่ก็เชิญนักพรตเฟิงที่อยู่จวนอ๋องหกท่านนั้นมาเถอะเจ้าค่ะ”บรรดาสาวใช้ชราคนอื่น ๆ ก็ได้สติกลับคืนมา ต่างพากันคล้อยตามทันทีนักพรตเฟิงที่จวนอ๋องหกท่านนั้น ถึงแม้ว่าจะยื่นมือเข้าช่วยรักษาไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็สามารถรักษาผู้ป่วยที่ใกล้ตายให้หายเป็นปกติได้เหมือนเดิมทุกครั้ง สร้างปาฏิหาริย์ อาการที่ไม่สามารถรักษาให้หายดีได้ แต่เมื่อผ่านมือเขา ก็หายดีเป็นปลิดทิ้งหมอหลวงหลายคนตกตะลึง ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันและกัน เห็นได้ชัดว่า พวกเขาเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของนักพรตเฟิงท่านนั้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งเท่านั้นฮูหยินหลิ่วดวงตาเปล่งประกายทันที เห็นความหวังใหม่อีกครั้ง รีบบอกเฟิ่งอวี้เทียน เฟิ่งอวี้เทียนพาคนไปที่จวนอ๋องหกด้วยตัวเองและภายในจวนอ๋อง เฟิ่งเชียนอวี่รออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อนางลงมือแล้ว จะยอมให้หมอคนอื่นรักษาโรคของเฟิ่งหลิงหลงให้หายดีอย่างง่ายดายได้อย่างไรพ่อบ้านรายงานตงฟางจิ่งแล้ว ตงฟางจิ่งเจอหน้าเฟิ่งอวี้เทียนแล้ว ในนามแล้ว คนคนนี้ยังเป็นพ่อตาของเขาอีกด้วย