ตงฟางจิ่งกินอาหารเช้าอย่างเอื่อยเฉื่อย พลางกล่าวช้าๆ “เหตุใดพระชายาจึงโกรธเช่นนี้? คุณหนูใหญ่จวนเฟิ่งเป็นสตรีแห่งโชคชะตา สถานะของจวนอัครมหาเสนาบดีก็ย่อมสูงตามไปด้วย” “หรือเพราะพระชายาออกเรือนแล้ว ไม่ได้พึ่งบารมี ก็เลยโกรธอย่างนั้นหรือ?”“ถุย”เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะอยากพึ่งบารมีเฟิ่งหลิงหลง?”“ดาวหงส์อะไร สตรีแห่งโชคชะตาอะไร น่าขำหรือไม่ ก็แค่คำพูดของนักต้มตุ๋นเฒ่าคนหนึ่ง ก็ทำให้พวกคนที่อยู่ข้างนอก แทบอยากกราบไหว้เฟิ่งหลิงหลงเหมือนเป็นบ้า? พวกปัญญาอ่อน”เว่ยชิวอดไม่ได้ที่จะคัดค้านเบาๆ “พระชายา อู๋เหวยไต้ซือไม่ใช่นักต้มตุ๋น เขาเป็นพระภิกษุที่บรรลุธรรมอย่างแท้จริงขอรับ”เฟิ่งเชียนอวี่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเย็นชา “พระภิกษุที่บรรลุธรรม? เจ้ามองออกได้อย่างไร? เขาสามารถเหินฟ้ามุดดิน หรือไม่แก่ไม่ตาย?”เว่ยชิว “...”เฟิงเชียนอวี่อัดอั้นมาก พระเฒ่านั่นมีความแค้นกับนางหรือ?“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ต่อให้นักต้มตุ๋นเฒ่านั่นพูดเช่นนี้ จวนเฟิ่งก็ไม่ได้มีเฟิ่งหลิงหลงเป็นลูกสาวคนเดียว ยังมีอีกตั้งสามสี่คน แต่เหตุใดต้องเป็นนางที่เป็นสตรีแห่งโชคชะตา?”“พระชายา คุณหนูใหญ
เฟิ่งหลิงหลงมาเพื่อแสดงบารมีจริงๆ และนางก็มีคุณสมบัติที่เพียงพอ เฟิ่งเชียนอวี่เป็นพระชายาแล้วอย่างไร? ปัจจุบันนางเป็นถึงดาวหงส์ที่อู๋เหวยไต้ซือพยากรณ์เองนางคือฮองเฮาในอนาคตที่ไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากนี้เป็นต้นไป นางแพศยาเฟิ่งเชียนอวี่อยู่ต่อหน้าตัวเอง มีสิทธิ์แค่คุกเข่าเลียแข้งเลียขาตลอดไปเฟิ่งหลิงหลงคิดไม่ถึงว่าตงฟางจิ่งก็อยู่ แต่ไม่นานก็ถูกมองข้ามแล้วด้วยสถานะของนางในตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่อ๋องหกท่านนี้ก็อยากเอาอกเอาใจนางกระมัง นี่คือได้ยินว่านางมาจวนอ๋อง ก็เลยตั้งใจมาโดยเฉพาะ?เมื่อเฟิ่งหลิงหลงคิดเช่นนี้ ความย่ามใจที่อยู่ตรงระหว่างคิ้วแทบเออล้นออกมาแล้ว“ข้าน้อยเฟิ่งหลิงหลง คำนับท่านอ๋อง”แม้นางย่ามใจ แต่ก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะ ยังไม่อวดดีถึงขั้นที่เจอท่านอ๋องแล้วก็ไม่ต้องคำนับส่วนเฟิ่งเชียนอวี่หรือ? นางมองข้ามโดยไม่ลังเล“คุณหนูใหญ่เฟิ่งไม่ต้องมากพิธี”ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉย เสียงทุ้มต่ำราวกับไข่มุกหล่นใส่กระดานหยก ไพเราะมากเฟิ่งหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามอง ก่อนหน้านี้ตงฟางจิ่งออกจากจวนน้อยมาก เพราะอาการป่วยของร่างกาย แทบไม่ออกจากบ้านเลยต่อให้เป็นค
“หลังจากที่ข้าออกเรือน ก็ไม่เคยกลับจวนเฟิ่งเลย ไม่รู้ว่าท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่สบายดีหรือไม่ วันหลังข้าก็กลับไปเยี่ยมเสียหน่อย”เฟิ่งหลิงหลงกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อตอนนี้พระชายาออกเรือนแล้ว ก็กลับจวนเฟิ่งน้อยหน่อยดีกว่า”“อย่างไรเสียเมื่อออกเรือนแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป ท่านพ่องานยุ่งมาก ไม่มีเวลาพบท่าน”คำพูดของนางค่อนข้างไม่เกรงใจ ท่าทางของเฟิ่งเชียนอวี่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด มีความร้อนรนสายหนึ่งแลบผ่านแวบตา เหมือนกับว่าอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรตงฟางจิ่งหลุบตา อาศัยการดื่มชากลบเกลื่อนรอยยิ้มที่มุมปาก วันนี้เขามีการค้นพบอีกครั้ง เหมือนว่าฝีมือการแสดงของพระชายาจะดีมากเลยทีเดียว เหอะในใจเฟิ่งหลิงหลงย่อมสาแก่ใจจนบอกไม่ถูก ฮึ่ม นางแพศยาคนนี้ยังคิดจะติดต่อกับที่บ้านอีกหรือ ฝันไปเถอะก่อนหน้านี้นิสัยเฟิ่งเชียนอวี่ก็เปลี่ยนไปฉับพลัน นางคิดว่าอีกฝ่ายแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมองนางสูงเกินไป ที่แท้ก็ไม่เท่าไรสายตาของเฟิ่งหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตงฟางจิ่งอีกครั้ง เมื่อถามสารทุกข์สุกดิบ ตงฟางจิ่งก็ต
“ท่านแม่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ หน้าของข้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว ทำอย่างไรดีท่านแม่”เฟิ่งหลิงหลงลนลานแล้ว นางจับแขนนางหลิ่วไว้แน่น สีหน้าซีดเซียว นางเป็นสตรีแห่งโชคชะตานะ เป็นถึงฮองเฮาในอนาคต ใบหน้าของนางจะมีปัญหาได้อย่างไร“ลูกแม่ใจเย็นๆ แม่จะไปหาหมอมาดูให้เจ้าเดี๋ยวนี้”นางหลิ่งปลอบใจครู่หนึ่ง ก็สั่งให้สาวใช้ไปตามหมอทันทีหมอมาเร็วมาก เขาตรวจชีพจรให้เฟิ่งหลิงหลงอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจดูตุ่มที่ขึ้นตามตัว ทว่าตรวจแล้วครึ่งวันก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร“ฮูหยิน ชีพจรของคุณหนูเฟิ่งเต้นเป็นจังหวะ มีกำลังคงที่ ร่างกายแข็งแรงมาก ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ส่วนตุ่มแดงนี่ ชั่วขณะข้ายังไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”นางหลิ่วโมโหจนเกือบแหกปากด่าทอแล้ว หลังจากฝืนกล้ำกลืนเอาไว้ได้ ก็สั่งให้สาวใช้พาหมอไปรับค่าปิดปากสถานะของลูกสาวในตอนนี้ไม่เหมือนอดีต อาการที่เกิดขึ้นตามร่างกาย ปล่อยให้ข่าวหลุดออกไปข้างนอกไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะมีข่าวลือออกมาอย่างไรต่อจากนั้น นางก็ได้เชิญหมอมาอีกหลายท่าน แต่คนที่มาเหล่านี้ อย่าว่าแต่รักษาเลย ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรบางคนบอกว่าถู
จวนอ๋องหกตงฟางจิ่งมองเว่ยเซิง “อย่างนั้นหรือ? บรรดาหมอหลวงก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน?”“ถูกต้อง แค่เขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้เท่านั้น”ตงฟางจิ่งหรี่ตา ทำท่าทางครุ่นคิด ราวกับว่านึกถึงเฟิ่งเชียนอวี่ขึ้นมาทันที เขามีลางสังหรณ์รุนแรงบางอย่าง เรื่องนี้จะต้องข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอนถ้าหากเขาเดาไม่ผิดละก็ น่าจะเป็นครั้งก่อนตอนที่เฟิ่งหลิงหลงมาหาถึงที่จวนอ๋องหก เป็นฝีมือของเฟิ่งเชียนอวี่?เมื่อลองคิดดูก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางซื่อสัตย์ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเกลียดเฟิ่งหลิงหลงเกลียดเสียจนเข้ากระดูก เป็นไปได้อย่างไรที่ยังจะยอมปรนนิบัติผู้อื่นอย่างเต็มใจ มีปัญหาอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆเฮอะ ดูท่า จะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้วสิเฟิ่งเชียนอวี่ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยสิ่งที่ตนกระทำไปนั้นได้ถูกผู้ชายบางคนเดาได้แล้วตอนนั้นนางเพื่อที่จะให้ตนหลุดพ้นจากการตกเป็นที่ต้องสงสัย ยาที่วางนั้นเป็นแบบออกฤทธิ์ช้า ห้าถึงเจ็ดวันถึงจะออกฤทธิ์นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ขาไขว่ห้าง ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ รอยยิ้มที่มุมปากเต็มไปด้วยความสะใจเวลาสองวันผ่านไ
ในเวลานี้ จู่ ๆ สาวใช้คนหนึ่งก็ส่งเสียงกล่าวออกมา “ฮูหยิน หรือไม่ก็เชิญนักพรตเฟิงที่อยู่จวนอ๋องหกท่านนั้นมาเถอะเจ้าค่ะ”บรรดาสาวใช้ชราคนอื่น ๆ ก็ได้สติกลับคืนมา ต่างพากันคล้อยตามทันทีนักพรตเฟิงที่จวนอ๋องหกท่านนั้น ถึงแม้ว่าจะยื่นมือเข้าช่วยรักษาไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็สามารถรักษาผู้ป่วยที่ใกล้ตายให้หายเป็นปกติได้เหมือนเดิมทุกครั้ง สร้างปาฏิหาริย์ อาการที่ไม่สามารถรักษาให้หายดีได้ แต่เมื่อผ่านมือเขา ก็หายดีเป็นปลิดทิ้งหมอหลวงหลายคนตกตะลึง ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันและกัน เห็นได้ชัดว่า พวกเขาเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของนักพรตเฟิงท่านนั้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งเท่านั้นฮูหยินหลิ่วดวงตาเปล่งประกายทันที เห็นความหวังใหม่อีกครั้ง รีบบอกเฟิ่งอวี้เทียน เฟิ่งอวี้เทียนพาคนไปที่จวนอ๋องหกด้วยตัวเองและภายในจวนอ๋อง เฟิ่งเชียนอวี่รออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อนางลงมือแล้ว จะยอมให้หมอคนอื่นรักษาโรคของเฟิ่งหลิงหลงให้หายดีอย่างง่ายดายได้อย่างไรพ่อบ้านรายงานตงฟางจิ่งแล้ว ตงฟางจิ่งเจอหน้าเฟิ่งอวี้เทียนแล้ว ในนามแล้ว คนคนนี้ยังเป็นพ่อตาของเขาอีกด้วย
นางสาวเท้าเดินไปที่ข้างเตียง สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เลิกผ้าม่านขึ้น นางมองเห็นใบหน้าที่น่าสยดสยองของเฟิ่งหลิงหลงแวบหนึ่งเฟิ่งเชียนอวี่จับชีพจรของนาง หยิบเข็มเงินออกมาจากในกระเป๋ายา แทงลงไปบนแขนของนางหลายที แล้วจ้องมองลูกตา และฝ้าที่ลิ้นของนางเป็นต้น กล่าวโดยรวมแล้วก็คือทำท่าทางที่ดูเหมือนจริงจัง แต่อันที่จริงกลับไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ถึงได้ลุกขึ้นยืน“นักพรตเฟิง อาการของบุตรสาวข้า มีผลหรือไม่?”เฟิ่งอวี้เทียนกล่าวถามอย่างอดไม่ได้ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เกรงว่าเขาจะไร้หนทาง เฉกเช่นเดียวกันกับหมอหลวงทั้งหลายเฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้าพร้อมกล่าวเสียงเรียบ “เรื่องเล็กน้อย สามารถรักษาได้”ความกังวลใจของเฟิ่งอวี้เทียนคลายลงเป็นอย่างยิ่ง บนใบหน้ามีความปีติ นางหลิ่วร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ“ดีเหลือเกิน รักษาได้ก็ดี รักษาได้ก็ดี หลิงหลงมีทางรอดแล้ว”หมอหลวงทุกคนสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หนึ่งในนั้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “ขอถามท่านนักพรต โรคของคุณหนูเฟิ่ง เป็นโรคอะไรหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรก“เป็นเพียงแค่ขี้กลากชนิดหนึ่งเท่านั้น”อะไรนะ? ขี้กลากหรือ?หมอห
เฟิ่งอวี้เทียนและคนอื่น ๆ จ้องมองเฟิ่งเชียนอวี่ สีหน้าเต็มไปด้วยคำว่าเหลวไหล“น้ำ น้ำมูลนี่ ควร ควรจะใช้อย่างไร...” เฟิ่งอวี้เทียนพูดต่อไปไม่ไหวจริง ๆเฟิ่งเชียนอวี่เผชิญหน้ากับสายตาของทุกคนอย่างไม่สะทกสะท้าน ยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม “แน่นอนว่าต้องดื่มลงไป”หนึ่งในหมอหลวงไม่สามารถทนรับต่อไปได้จริง ๆ รีบลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าชราคร่ำเครียด“เหลวไหล ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลจริง ๆ ข้าเป็นหมอมาหลายสิบปี ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าของสกปรกเช่นนี้ จะสามารถนำมารักษาอาการไข้ได้ ฮึ่”หมอหลวงคนอื่น ๆ พากันเห็นด้วย สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อเฟิ่งเชียนอวี่ไม่โมโห สถานการณ์เหล่านี้นางคาดเดาเอาไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่คนพวกนี้ยอมรับไม่ได้แล้วอย่างไร? นอกเสียงจากว่าไม่อยากให้เฟิ่งหลิงหลงหายดี ไม่อย่างนั้น เฮอะ น้ำมูลนี้ เฟิ่งหลิงหลงไม่อยากดื่มก็ต้องดื่ม“ท่านผู้นี้มีนามว่าอะไร?”“ข้าแซ่หวัง” หมอหลวงท่านนั้นกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี“ที่แท้ก็คือหมอหลวงหวัง วิธีการรักษาที่ท่านไม่เคยได้ยินมาก่อนมีมากถมไป ท่านไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องของท่าน แต่จะปฏิเสธการมีอยู่ของมันไม่ได้”“ยังไม่ทันได้ลองเลย จะให้ข้อสรุปไ