ปากเฟิ่งเชียนอวี่ยกยอเชิดชู ในใจทำหน้าอาเจียน“เช่นนี้เองหรือ ที่แท้เมื่อวานพระชายาเมาแล้ว หาใช่พูดความจริงไม่?” ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเสียงอ่อน“ไม่ใช่อยู่แล้ว”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว แสดงว่าข้าเข้าใจผิดเอง แต่ก็ไม่เป็นอะไร ข้าพูดแล้วว่าจะใส่ใจพระชายาให้มากๆ ย่อมพูดจริงทำจริง”“พระชายาแต่งงานกับข้ามาสักระยะแล้ว ควรเรียนกฎเกณฑ์ในวังตั้งนานแล้ว ต้องโทษที่ข้าลืมมาโดยตลอด”“นี่ข้าก็เลยสั่งให้คนไปเชิญหมอมอที่สอนเรื่องกฎเกณฑ์ในวัง มาชี้แนะพระชายาจนกว่าจะเรียนรู้โดยเฉพาะ”เฟิ่งเชียนอวี่มองตาค้างแล้วนางมองหมอมอเฒ่าที่เดินออกมาจากข้างหลังตงฟางจิ่ง นางสวมชุดกระโปงรัดอกสีแดง เส้นผมถูกเกล้าขึ้นข้างบนอย่างพิถีพิถันหมอมอคำนับเฟิ่งเชียนอวี่อย่างนอบน้อม “บ่าวแซ่หลิว พระชายาเรียกบ่าวว่าหลิวหมอมอก็พอเจ้าค่ะ”น้ำเสียงตายด้าน บนใบหน้ามีริ้วรอยที่แสดงถึงร่องรอยของกาลเวลาไม่น้อย ระหว่างคิ้วมีความใจดำแฝงอยู่หลายส่วน มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่น่าคบหามุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุกแล้วกระตุกอีกตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเชื่องช้า “หลิวหมอมอเป็นผู้อาวุโสในวัง นางนี่แหละที่เป็นคนสอน พิธีมารยาทของฮองเฮาสมัยยังเป็
ต่อจากนั้น เฟิ่งเชียนอวี่กับหลิวหมอมอเริ่มต้นหนึ่งวันที่ไม่ถูกชะตากันหลิวหมอมออาจจะแค้นที่ก่อนหน้านี้เฟิ่งเชียนอวี่ว่านางแก่ ตอนที่สอนกฎเกณฑ์ เรียกได้ว่าเข้มงวดมาก“พระชายา การเดินไม่ได้เดินเช่นนี้ ผู้หญิงเดินเน้นคำว่านุ่มนวล ต้องยกและวางเท้าเบาๆ ห้ามสูงเกินไป แต่ก็ห้ามต่ำเกินไป เท้าหน้ากับเท้าหลังห่างไม่เกินสองฉื่อ[1] พื้นรองเท้าห้ามให้มีเสียงเจ้าค่ะ”“พระชายา เวลาคำนับ สองมือประสานกัน มือซ้ายทับมือขวา ยกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อย ตั้งปลายนิ้ว เอวต้องอ่อน งอขาเล็กน้อยเจ้าค่ะ”“พระชายา เวลาผู้หญิงพูด ควรใช้น้ำเสียงที่เบาและนุ่ม เสียงห้ามดังเกินไป ไม่เหมาะสม และก็ห้ามเบาเกินไป ทำให้ได้ยินไม่ชัดเจ้าค่ะ”“เชิญพระชายาทำอีกหนึ่งรอบ”“ทำอีกครั้ง…”เฟิ่งเชียนอวี่พบว่าผู้หญิงแก่คนนี่จงใจ โดยเฉพาะตอนที่สอนนางคำนับ สั่งให้นางทำใหม่ถึงสิบกว่ารอบทั้งๆ ที่นางทำได้มาตรฐานมากแล้ว อีกฝ่ายก็ยังสามารถหาเรื่องจนได้อีกทั้งตอนที่นางคำนับ ผู้หญิงแก่คนนี้ก็มายืนหลังตรงตรงหน้านาง ดูแล้วเหมือนกับตัวเองคำนับนางเฟิงเชียนอวี่ยิ้มอย่างเย็นชาในใจ มองนางแล้วกล่าว “หลิวหมอมอ กฎเกณฑ์นี่เรียนมาทั้งเช้าแล้ว ข้ายัง
เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวเร่งเร้าอย่างยิ้มแย้มเรือนชิงหลานอันกว้างใหญ่ ภายใต้สายตาของทุกคน หลิวหมอมอรู้สึกอับอายมาก ใบหน้าแก่ประเดี๋ยวซีด ประเดี๋ยวเขียว รู้สึกเกลียดชังจนถึงขีดสุด ด่าทอเฟิ่งเชียนอวี่ในใจจนเละเทะต่อให้อยู่ในวัง อายุงานของนางก็ค่อนข้างแก่ นานมากแล้วที่ไม่มีใครทำให้นางอับอายเช่นนี้นางแพศยาที่น่ารังเกียจคนนี้ จงใจอยากให้นางขายหน้าเฟิ่งเชียนอวี่เห็นนางยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ หายไป พลางหมุนกำไลหยกชั้นดีที่อยู่ตรงข้อมือเล่น พลางกล่าวอย่างเรียบเฉย“นี่หลิวหมอมอเป็นอะไร? ท่านมาจวนอ๋องก็เพื่อสอนกฎเกณฑ์ให้ข้าไม่ใช่หรือ? ตอนนี้แสดงท่าทางที่ต่อต้านเช่นนี้ หรือว่าจงใจไม่อยากสอนข้า?”“หรือหลิวหมอมอรู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรให้ท่านสอน? อย่างไรข้าก็เป็นถึงพระชายาอ๋องหกนะ นี่ท่านไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา หรือดูถูกท่านอ๋องหกกันแน่?”ต่อให้อายุงานของหลิวหมอมอแก่เพียงใด ท้ายที่สุดก็ยังเป็นเพียงบ่าวไพร่ นางจะกล้าแบกรับโทษสถานหนักเช่นนี้ได้อย่างไร สีหน้านางเปลี่ยนฉับพลัน รีบคุกเข่าลงพื้น“บ่าวไม่มีเจตนาเช่นนี้แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านอ๋องและพระชายาโปรดไตร่ตรองด้วย”เฟิงเชียนอวี่กล
พลันเฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงัน เหตุใดจู่ๆ ก็เอ่ยถึงครอบครัวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดของนาง และสิ่งที่พวกเขาพูดมันหมายความว่าอย่างไร? “ท่านอ๋อง พวกท่านกำลังเล่นท้ายคำปริศนาอะไรกันอยู่?”ตงฟางจิ่งมองนางอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง พลันกล่าวอย่างลึกซึ้ง “อีกไม่นานพระชายาก็จะรู้เอง”วันรุ่งขึ้น คำพยากรณ์ประโยคนี้ของอู๋เหวยไต้ซือได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว บนราชสำนักและวังหลังต่างตกใจมาก เหล่าราษฎรก็นำไปพูดไม่หยุดโดยเฉพาะจวนอัครมหาเสนาบดี ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามอีกครั้งดาวหงส์ ตามที่อู๋เหวยไต้ซือพูด นั่นเป็นถึงฮองเฮาในอนาคตที่มีชะตาลิขิตแห่งสวรรค์ ดังนั้น สตรีแห่งโชคชะตาในอนาคตคนนี้ ถือกำเนิดจากตระกูลเฟิ่ง?โดยเฉพาะคำพูดประโยคสุดท้ายของอู๋เหวยไต้ซือ ดาวหงส์มาเยือน ทั่วหล้ากลับคืน หมายความว่าอย่างไร? หมายถึงผู้ที่ได้ครอบครองดาวหงส์ จะได้ครอบครองทั่วหล้า? ความหมายที่แอบแฝงในนี้น่ากลัวมาก แค่ลองคิดเล่นๆ ก็สามารถทำให้ใจสั่น ไม่ว่าการคาดเดาจะจริงหรือเท็จ อู๋เหวยไต้ซือก็ได้ชี้ชัดแล้วว่าดาวหงส์ถือกำเนิดจากตระกูลเฟิ่ง อย่างไรก็ไม่ผิดแน่นอนชั่วขณะ หน้าประตูจวนอัครมหาเสนาบดีว
ตงฟางจิ่งกินอาหารเช้าอย่างเอื่อยเฉื่อย พลางกล่าวช้าๆ “เหตุใดพระชายาจึงโกรธเช่นนี้? คุณหนูใหญ่จวนเฟิ่งเป็นสตรีแห่งโชคชะตา สถานะของจวนอัครมหาเสนาบดีก็ย่อมสูงตามไปด้วย” “หรือเพราะพระชายาออกเรือนแล้ว ไม่ได้พึ่งบารมี ก็เลยโกรธอย่างนั้นหรือ?”“ถุย”เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะอยากพึ่งบารมีเฟิ่งหลิงหลง?”“ดาวหงส์อะไร สตรีแห่งโชคชะตาอะไร น่าขำหรือไม่ ก็แค่คำพูดของนักต้มตุ๋นเฒ่าคนหนึ่ง ก็ทำให้พวกคนที่อยู่ข้างนอก แทบอยากกราบไหว้เฟิ่งหลิงหลงเหมือนเป็นบ้า? พวกปัญญาอ่อน”เว่ยชิวอดไม่ได้ที่จะคัดค้านเบาๆ “พระชายา อู๋เหวยไต้ซือไม่ใช่นักต้มตุ๋น เขาเป็นพระภิกษุที่บรรลุธรรมอย่างแท้จริงขอรับ”เฟิ่งเชียนอวี่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเย็นชา “พระภิกษุที่บรรลุธรรม? เจ้ามองออกได้อย่างไร? เขาสามารถเหินฟ้ามุดดิน หรือไม่แก่ไม่ตาย?”เว่ยชิว “...”เฟิงเชียนอวี่อัดอั้นมาก พระเฒ่านั่นมีความแค้นกับนางหรือ?“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ต่อให้นักต้มตุ๋นเฒ่านั่นพูดเช่นนี้ จวนเฟิ่งก็ไม่ได้มีเฟิ่งหลิงหลงเป็นลูกสาวคนเดียว ยังมีอีกตั้งสามสี่คน แต่เหตุใดต้องเป็นนางที่เป็นสตรีแห่งโชคชะตา?”“พระชายา คุณหนูใหญ
เฟิ่งหลิงหลงมาเพื่อแสดงบารมีจริงๆ และนางก็มีคุณสมบัติที่เพียงพอ เฟิ่งเชียนอวี่เป็นพระชายาแล้วอย่างไร? ปัจจุบันนางเป็นถึงดาวหงส์ที่อู๋เหวยไต้ซือพยากรณ์เองนางคือฮองเฮาในอนาคตที่ไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากนี้เป็นต้นไป นางแพศยาเฟิ่งเชียนอวี่อยู่ต่อหน้าตัวเอง มีสิทธิ์แค่คุกเข่าเลียแข้งเลียขาตลอดไปเฟิ่งหลิงหลงคิดไม่ถึงว่าตงฟางจิ่งก็อยู่ แต่ไม่นานก็ถูกมองข้ามแล้วด้วยสถานะของนางในตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่อ๋องหกท่านนี้ก็อยากเอาอกเอาใจนางกระมัง นี่คือได้ยินว่านางมาจวนอ๋อง ก็เลยตั้งใจมาโดยเฉพาะ?เมื่อเฟิ่งหลิงหลงคิดเช่นนี้ ความย่ามใจที่อยู่ตรงระหว่างคิ้วแทบเออล้นออกมาแล้ว“ข้าน้อยเฟิ่งหลิงหลง คำนับท่านอ๋อง”แม้นางย่ามใจ แต่ก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะ ยังไม่อวดดีถึงขั้นที่เจอท่านอ๋องแล้วก็ไม่ต้องคำนับส่วนเฟิ่งเชียนอวี่หรือ? นางมองข้ามโดยไม่ลังเล“คุณหนูใหญ่เฟิ่งไม่ต้องมากพิธี”ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉย เสียงทุ้มต่ำราวกับไข่มุกหล่นใส่กระดานหยก ไพเราะมากเฟิ่งหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามอง ก่อนหน้านี้ตงฟางจิ่งออกจากจวนน้อยมาก เพราะอาการป่วยของร่างกาย แทบไม่ออกจากบ้านเลยต่อให้เป็นค
“หลังจากที่ข้าออกเรือน ก็ไม่เคยกลับจวนเฟิ่งเลย ไม่รู้ว่าท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่สบายดีหรือไม่ วันหลังข้าก็กลับไปเยี่ยมเสียหน่อย”เฟิ่งหลิงหลงกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อตอนนี้พระชายาออกเรือนแล้ว ก็กลับจวนเฟิ่งน้อยหน่อยดีกว่า”“อย่างไรเสียเมื่อออกเรือนแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป ท่านพ่องานยุ่งมาก ไม่มีเวลาพบท่าน”คำพูดของนางค่อนข้างไม่เกรงใจ ท่าทางของเฟิ่งเชียนอวี่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด มีความร้อนรนสายหนึ่งแลบผ่านแวบตา เหมือนกับว่าอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรตงฟางจิ่งหลุบตา อาศัยการดื่มชากลบเกลื่อนรอยยิ้มที่มุมปาก วันนี้เขามีการค้นพบอีกครั้ง เหมือนว่าฝีมือการแสดงของพระชายาจะดีมากเลยทีเดียว เหอะในใจเฟิ่งหลิงหลงย่อมสาแก่ใจจนบอกไม่ถูก ฮึ่ม นางแพศยาคนนี้ยังคิดจะติดต่อกับที่บ้านอีกหรือ ฝันไปเถอะก่อนหน้านี้นิสัยเฟิ่งเชียนอวี่ก็เปลี่ยนไปฉับพลัน นางคิดว่าอีกฝ่ายแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมองนางสูงเกินไป ที่แท้ก็ไม่เท่าไรสายตาของเฟิ่งหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตงฟางจิ่งอีกครั้ง เมื่อถามสารทุกข์สุกดิบ ตงฟางจิ่งก็ต
“ท่านแม่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ หน้าของข้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว ทำอย่างไรดีท่านแม่”เฟิ่งหลิงหลงลนลานแล้ว นางจับแขนนางหลิ่วไว้แน่น สีหน้าซีดเซียว นางเป็นสตรีแห่งโชคชะตานะ เป็นถึงฮองเฮาในอนาคต ใบหน้าของนางจะมีปัญหาได้อย่างไร“ลูกแม่ใจเย็นๆ แม่จะไปหาหมอมาดูให้เจ้าเดี๋ยวนี้”นางหลิ่งปลอบใจครู่หนึ่ง ก็สั่งให้สาวใช้ไปตามหมอทันทีหมอมาเร็วมาก เขาตรวจชีพจรให้เฟิ่งหลิงหลงอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจดูตุ่มที่ขึ้นตามตัว ทว่าตรวจแล้วครึ่งวันก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร“ฮูหยิน ชีพจรของคุณหนูเฟิ่งเต้นเป็นจังหวะ มีกำลังคงที่ ร่างกายแข็งแรงมาก ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ส่วนตุ่มแดงนี่ ชั่วขณะข้ายังไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”นางหลิ่วโมโหจนเกือบแหกปากด่าทอแล้ว หลังจากฝืนกล้ำกลืนเอาไว้ได้ ก็สั่งให้สาวใช้พาหมอไปรับค่าปิดปากสถานะของลูกสาวในตอนนี้ไม่เหมือนอดีต อาการที่เกิดขึ้นตามร่างกาย ปล่อยให้ข่าวหลุดออกไปข้างนอกไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะมีข่าวลือออกมาอย่างไรต่อจากนั้น นางก็ได้เชิญหมอมาอีกหลายท่าน แต่คนที่มาเหล่านี้ อย่าว่าแต่รักษาเลย ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรบางคนบอกว่าถู
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ