หา?แม่เล้าตื่นตกใจขึ้นมา “คุณชาย? ท่านต้องการจะซื้อหออิ๋งชุน?”“ใช่แล้ว ทุกอย่างในหอนี่ รวมทั้งแม่นางทั้งหลายนี้ด้วย เสนอราคามาคราวเดียวเถอะ หากว่าราคาเหมาะสม พวกเราก็จ่ายเงินแลกเปลี่ยนสินค้ากันทันที”ไม่นานแม่เล้าก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่งดังเดิม เดิมทีนางวางแผนที่จะขายหออิ๋งชุนในราคาถูกอยู่แล้ว เพราะอย่างไรแล้วราคาของอาคารสีแดงก็อยู่ที่นั่น ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งที่แย่ที่สุดตรงท้ายถนน ต้องมีคนต้องการจึงจะสามารถขายในราคาสูงไม่คิดเลยว่า วันนี้จะมีเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งมาหาถึงประตู แน่นอนว่านางย่อมต้องมีความสุขทว่า...แม่เล้าก็ยังเหลือบมองไปยังอวิ๋นจิ่นเซ่ออย่างระมัดระวังอวิ๋นจิ่นเซ่อหรี่ตา “ดูอะไร ข้าขอเตือนเจ้า หากว่าเจ้ากล้าตั้งราคาสูง ก็ระวังว่าแส้ของข้ามันจะไม่มีตามองดู”มุมปากของเฟิ่งเชียนอวี่โค้งงอขึ้น จิบชาเข้าไปคำหนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่า นำอวิ๋นจิ่นเซ่อมาเจรจาการค้า เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว“มิกล้า มิกล้า”แม่เล้าที่เพิ่งจะมีความคิดอื่นที่ขึ้นมาก็หดกลับไปในทันที ก่อนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณชายท่านนี้ ถ้าเช่นนั้น ก็สามพันตำลึงเป็นอย่างไร?”“เพียงแค่หอผุพังนี้ของ
ผู้หญิงที่มาจากหอนางโลม นอกจากชาติกำเนิดต่ำต้อย ด้านอื่นๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เฟิ่งเชียนอวี่ต้องการอยู่ในสถานที่อบายมุข พบเจอแขกมากมายหลากหลายทุกวัน ความสามารถในการสังเกตสีหน้าและคำพูดต้องดีมากแน่นอนอีกทั้งตอนที่เฟิ่งเชียนอวี่เดินตลาดในช่วงที่ผ่านมา นางยังค้นพบอีกหนึ่งเรื่องเนื่องจากผู้หญิงโบราณมีฐานะต่ำ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้หญิงออกมาทำการค้าขาย เรื่องเช่นนี้พบเจอน้อยมากกระทั่งร้านขายเครื่องแป้งสำหรับผู้หญิงในเมืองหลวง ผู้ดูแล บริกร และอื่นๆ ล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมดแต่ในมุมมองของเฟิ่งเชียนอวี่ ร้านเครื่องสำอาง ให้ผู้หญิงที่หน้าตางดงามมาดำเนินกิจการจึงจะดีกว่าผู้หญิงหอนางโลม เดิมทีก็อาศัยหน้าตาดึงดูดแขนเพื่อหาลูกค้าให้ตัวเอง สำหรับเรื่องนี้ ย่อมไม่เก็บเอามาใส่ใจอีกทั้งเรื่องเข้มงวดบางอย่างของชายหญิงโบราณ สำหรับผู้หญิงหอนางโลม ก็ค่อนข้างเปิดใจและสะดวกกว่าผู้หญิงหอนางโลมแต่งตัวทุกวัน ก็ย่อมแต่งหน้าเป็นด้วยเช่นกัน แม้ของที่ขายในวันข้างหน้าของร้านนาง อาจจะไม่ใช่เครื่องแป้งดั้งเดิมที่พวกนางคุ้นเคยแต่เรื่องการแต่งหน้า สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีพื้นฐาน แค่เรียนรู้หน่อย ก็สามารถชำนาญ
ดังนั้น หงเวยอายุสามสิบกว่าแล้ว ก็ยังไม่มีลูกสักคนด้วยเหตุนี้ ต่อให้หงเวยรังเกียจอาหญิงของอวิ๋นจิ่นเซ่อ แต่อี๋เหนียงคนอื่นๆ ในเรือนส่วนหลังถูกหงเวยควบคุม ไม่มีใครมีลูกสักคน นี่ก็นับว่าให้เกียรติภรรยาของตัวเองมากแล้วดังนั้น จวนเจิ้นกว๋อกงก็พูดอะไรไม่ได้เพราะเรื่องนี้ อาหญิงของอวิ๋นจิ่นเซ่อทรมานใจนัก ทั้งรู้สึกผิดและเสียใจ กลับทำอะไรไม่ได้เลยเฟิ่งเชียนอวี่ฟังจนเพลิน นี่ถือว่าเป็นเรื่องซุบซิบหลังบ้านเวอร์ชันโบราณอวิ๋นจิ่นเซ่อถอนหายใจ “เชียนอวี่ เจ้าว่านักพรตเฟิ่งท่านนั้น จะสามารถรักษาโรคอาหญิงของข้าได้หรือไม่?”“ได้”เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ ทักษะการแพทย์ของนักพรตเฟิ่งสูงส่ง เขารักษาได้แน่นอน กลับไปแล้วข้าจะลองช่วยเจ้าคุยกับเขาดู”“จริงหรือ เยี่ยมไปเลย”“เชียนอวี่ เจ้าว่านักพรตเฟิ่งท่านนั้นชอบอะไร ในเมื่อเขาเป็นนักพรต ต้องชอบของอย่างพวกพระคัมภีร์แน่ๆ หรือพวกตำราต้นฉบับกระมัง”มุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก รีบห้ามทันที“อย่า เขาไม่ชอบของพวกนี้เลยสักนิด”ล้อเล่นอะไร พระคัมภีร์ก็มา นางจะเอาไปทำอะไร? เอาไปสวดมนต์ สวดส่งวิญญาณหรือ?“เช่นนั้นนักพรตเฟิ่งชอบอะไร?”
เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างอารมณ์ดี “มันก็ไม่มีอะไร แค่ได้รายได้พิเศษมาก้อนหนึ่ง”“รายได้พิเศษ?”ตงฟางจิ่งเผยให้เห็นความสงสัย แล้วรายได้พิเศษมันคืออะไร?นางโบกมือขี้เกียจอธิบาย “เอาเป็นว่าเป็นเรื่องดีก็แล้วกัน”ตงฟางจิ่งไม่รบเร้าอีก พลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ได้ยินมาว่าเจ้าตอบตกลงรักษาโรครักแร้เหม็นให้อาหญิงของอวิ๋นจิ่นเซ่อ หรือก็คือฮูหยินของหงเวย?”พลันเฟิ่งเชียนอวี่ตะลึงงัน นางสงสัย “ท่านรู้ได้อย่างไร?”นี่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ ตงฟางจิ่งอยู่จวนอ๋อง เหตุใดจึงรู้เร็วเช่นนี้?เมื่อนางเข้าใจแล้ว ก็ถลนตาอย่างโมโหทันที “ท่านแอบส่งคนไปติดตามข้า?”นอกจากนี้ ก็คิดสาเหตุอื่นไม่ออกแล้วเหลิ่งหนิงที่อยู่ข้างๆ หลุบตาอย่างร้อนตัวตงฟางจิ่งเหลืบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวอย่างใจเย็น “เจ้าคิดมากไปแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่พ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชา “เช่นนั้นท่านอ๋องลองพูดมาดู ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”“ความลับ”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางกัดฟัน “ท่านยังบอกว่าไม่ได้แอบส่งคนติดตามข้าอีก”“ย่อมไม่อยู่แล้ว อีกอย่าง หากข้าทำเช่นนี้ จำเป็นต้องปิดบังเจ้าด้วยหรือ ต่อให้บอกเจ้า เจ้าจะทำอะไรได้?”ตงฟา
การลงทุนเบื้องต้นจะใช้เงินมากเกินไปหรือไม่อิ้งเสวี่ยอธิบาย “พระชายา ผงดอกไม้ของร้านผงหอมมีหลายแบบ นี่เป็นราคาของสินค้าชั้นดี ถ้าหากเป็นผงเก่า ราคาจะต่ำลงมาก เงินหนึ่งเฉียน[1]ก็สามารถซื้อได้หลายชั่ง[2]แล้วเจ้าค่ะ”มุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก ราคาต่างกันเช่นนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ คุณภาพของสินค้าชั้นดีกับสินค้าเก่าต่างกันแค่ไหนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่นางทำ ย่อมต้องใช้ผงดอกไม้ที่สดใหม่ จะเอาของเก่ามาใช้ได้อย่างไรตงฟางจิ่งที่ฟังอยู่ข้างๆ ครึ่งค่อนวันก็พอจะเข้าใจแล้ว เขาหยิบใบรายการแผ่นนั้นมาดูครู่หนึ่ง กล่าวอย่างเชื่องช้า“ดอกไม้ทุกชนิดล้วนมีฤดูปลูกและระยะเวลาการออกดอกที่แตกต่างกัน ในใบรายการของเจ้ามีมากกว่าหนึ่งร้อยชนิด อยากรวบรวมจนครบ มันเป็นไปไม่ได้”เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้ว ก็แค่ดอกไม้นอกฤดู ไม่มีคนปลูกหรือ?เพราะนางรู้ ที่นี่มีวิธีการที่คล้ายกับการปลูกผักในโรงเรือนแล้ว หรือไม่มีคนนำมาใช้กับการปลูกดอกไม้เลย?การปลูกผักนอกฤดูกับการปลูกดอกไม้นอกฤดู โดยทั่วไปแล้วคล้ายกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องสมดุลกับสภาพแวดล้อมภายนอก หรือก็คืออุณหภูมิกับความชื้นสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้
“พระชายามองข้าอย่างหิวกระหายเช่นนี้ ด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อพระชายาในบางแง่มุม ข้าจะเข้าใจผิดเอาได้”ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างมีนัยดวงตาเฟิ่งเชียนอวี่เป็นประกาย “ท่านอ๋อง เหมือนเมื่อครู่หลิวซูบอกว่าจวนอ๋องมีเรือนหลายหลัง?”ตงฟางจิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของนางทันที เขาเลิกคิ้ว “ใช่แล้วอย่างไร?”“ข้าขอ…”“ไม่ได้”นางกล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแล้วเฟิ่งเชียนอวี่ไม่พอใจ “ข้าพูดยังไม่ทันจบเลยนะ”“ต่างกันตรงไหน? อย่างไรเจ้าพูดอะไรข้าก็ไม่อนุญาต” ตงฟางจิ่งกล่าวอย่างช้าๆเฟิ่งเชียนอวี่ “...”พู่…ไม่จำเป็นต้องโกรธ นิสัยสุนัขของหมอนี่ เจ้าไม่ได้เพิ่งเจอวันแรกเสียหน่อยจู่ๆ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เริ่มคิดถึงระบบกฎหมายแต่งงานของยุคปัจจุบัน อย่างเช่นสามีภรรยามีส่วนร่วมในทรัพย์ร่วมกันนางยิ้มอีกครั้ง “ขอแค่ท่านอ๋องยอมเช่าเรือนให้ข้าหนึ่งหลัง ค่าเช่าของทุกปีสามารถตกลงกันได้ ท่านอ๋องไม่ขาดทุนแน่นอน”“น่าเสียดาย ข้าไม่ได้ขาดสนเงินทอง”เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ของอย่างเงิน ต่อให้ไม่ขาดสน ก็ไม่มีใครกลัวมีเยอะไม่ใช่หรือ ได้หนึ่งก้อนก็เอาหนึ่งก้อน หรือไม่ท่านอ๋องลองพิจารณาดู?”ตงฟา
“เจ้าคิดว่านักพรตชายคนหนึ่ง มีสาวใช้ของพระชายาปรนนิบัติข้างกาย มันเหมาะสมหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”หลังจากนั้นสองวันเฟิ่งเชียนอวี่เปลี่ยนชุดอีกครั้ง ขึ้นรถม้าของจวนอ๋องที่จอดอยู่ข้างนอกด้วยภาพลักษณ์ของนักพรตเฟิ่ง ไปที่จวนตระกูลหงโดยตรงนอกจวนตระกูลหง อวิ๋นจิ่นเซ่อได้มารออยู่นอกประตูแล้วรถม้าค่อยๆ จอดลง เฟิ่งเชียนอวี่เดินลงมา พลันอวิ๋นจิ่นเซ่อตาเป็นประกาย รีบเดินเข้าไปทันที “ท่านก็คือนักพรตเฟิ่งกระมัง”เฟิ่งเชียนอวี่กระแอมทีหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ “ข้าเอง พระชายาอ๋องหกได้เล่าเรื่องราวให้ข้าฟังแล้ว คุณหนูอวิ๋นนำทางก็พอ”อวิ๋นจิ่นเซ่อพอใจในความตรงไปตรงมาของนางมาก เดิมทีเรียกเขามาก็เพื่อรักษาโรคอยู่แล้ว“ท่านนักพรตตามข้ามา”ทั้งสองคนหนึ่งหน้า คนหนึ่งหลังเดินเข้าไปในเรือนของจวนตระกูลหง เว่ยเซิงกับเว่ยชิวเดินตามโดยไม่ละสายตาอวิ๋นจิ่นเซ่อพานางเข้าไปในเรือนของฮูหยินหงโดยตรง “ท่านอาหญิง ท่านนักพรตมาแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่กวาดมองเรือนหลังนี้เงียบๆ แอบให้คะแนนในใจ อืม เรือนไม่เลว ค่อนข้างโอ่อ่า แต่ก็ยังไม่ประณีตงดงาม และรื่นรมย์เหมือนเรือนชิงหลางของตัวเองมีสาวใช้เล็กใหญ่ยืนอยู่ข้างนอกไม
อวิ๋นจิ่นเซ่อรีบมองไป “นักพรตเฟิ่ง ไม่ทราบว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่สะบัดแส้ “ข้ามีคำขอแค่เรื่องเดียว”“ท่านนักพรตเชิญพูด” ฮูหยินหงรีบกล่าว“กฎในการรักษาของข้าคือ ห้องที่สะอาดและเงียบหนึ่งห้อง ระหว่างการรักษา ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า จนกระทั่งข้าออกมา”อวิ๋นจิ่นเซ่อตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา”ทว่ามีเสียงอีกสายหนึ่งดังขึ้น“ไม่ได้เจ้าค่ะ”คนที่เอ่ยปากพูดคือหมอมอคนหนึ่งที่คอยรับใช้ข้างกายฮูหยินหงหมอมออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นักพรตท่านนี้ ต้องขออภัยที่ล่วงเกิน แต่กฎนี่ สามารถแก้หรือไม่”“ให้บ่าว หรือคนรับใช้คนไหนก็ได้ดูอยู่ข้างๆ ท่านดูว่าได้หรือไม่ ต่อให้ใช้ฉากบังลมกั้นเอาไว้ก็ยังดี”เฟิ่งเชียนอวี่มองบนในใจ พลางส่ายศีรษะหมอมอกังวลแล้ว “เช่น เช่นนั้นทำอย่างไรดี ขออภัยที่บ่าวพูดมาก ท่านนักพรตเป็นชายนอกจวน ฮูหยินเป็นหญิงในจวน”“นี่ นี่หากอยู่ด้วยกันในห้อง และยังปิดประตู มัน มันไม่เหมาะสม”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางมองตาค้างฮูหยินหงก็เริ่มลังเลแล้วที่จริงด้วยความคิดของคนยุคโบราณ สิ่งที่หมอมอท่านนี้กังวล มันเป็นเรื่องปกติเพราะชั่วขณะ เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอ