“เจ้ายังมีหน้ามาว่าข้าอีก ใครเป็นคนบอกว่าคอแข็ง แล้วสุดท้ายเป็นไง เจ้าไม่เมาหรือ?” อวิ๋นจิ่นเซ่อกลอกตา“ข้าย่อมไม่เมาอยู่แล้ว เหล้าแค่นั้นสำหรับข้าก็เหมือนกินน้ำ” เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยขึ้นอย่างหน้าด้าน ๆตงฟางจิ่ง “...”“ใช่สิ หญิงสาวที่นั่งข้างฮ่องเต้คือผู้ใดหรือ? ก่อนหน้านี้ตอนงานเลี้ยงในวังไม่เคยเห็นเลย” เฟิ่งเชียนอวี่ถามอย่างใคร่รู้“ไม่หรอกมั้ง เจ้ายังไม่รู้หรือ? ช่วงก่อนมีคณะทูตจากแคว้นโปหลานมาเยือน หญิงผู้นั้นก็คือองค์หญิงโปหลานที่ถูกนำมาถวายตัวอย่างไรละ”เฟิ่งเชียนอวี่เข้าใจทันที ความจริงเมื่อครู่นางก็พอเดาได้ที่แท้หญิงผู้นี้ก็คือองค์หญิงเม่ยจี ตัวจริงงามสมคำร่ำลือ“ข้าจะบอกเจ้านะ ฮ่องเต้โปรดปรานองค์หญิงท่านนี้มาก เพียงวันแรกที่ถวายตัวก็แต่งตั้งเป็นพระสนมทันที เป็นเม่ยเฟย”“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิบกว่าวันที่ผ่านมา ทรงประทับอยู่กับเม่ยเฟยตลอด ทรงโปรดปรานอย่างมาก” อวิ๋นจิ่งเซ่อเอ่ยเสียงค่อยหลังจากเฟิ่งเชียนอวี่ได้ยิน หันมองฮองเฮาทันที เป็นไปตามคาด ใบหน้าฮองเฮาเรียบเฉย มุมปากมีรอยยิ้มแต่เมื่อดูให้ถี่ถ้วน จะพบว่ารอยยิ้มนั้นแข็งกระด้างสมควรเป็นเช่นนั้น นางเป็นถึงฮองเฮาที่สูง
“ถูกต้อง ข้าต้องได้ครองมีดสั้นเล่มนั้น”“จิ่นเซ่อ แค่มีดสั้นเล่มหนึ่งเท่านั้น เจ้าดีใจมากเกินไปหรือเปล่า?” เฟิ่งเชียนอวี่สงสัยอวิ๋นจิ่นเซ่อมองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินที่ฮ่องเต้บอกหรือ นั่นไม่ใช่มีดสั้นทั่วไป แต่เป็นอาวุธวิเศษที่แคว้นซีเหลียงในตอนนั้นหลอมขึ้นโดยทักษะการหลอมเหล็ก”เฟิ่งเชียนอวี่ชะงักไปทันที เหมือนฉุกคิดบางอย่างได้ในชั่วพริบตา จากนั้นเอ่ยขึ้นยากเย็น “มีดสั้นที่ทำจากเหล็กกล้า...ล้ำค่ามากหรือ?”“ดูท่าเจ้าคงไม่รู้จริง ๆ สินะ ก็ต้องล้ำค่ามากนะสิ”อวิ๋นจิ่นเซ่อเล่าเรื่องราวศึกใหญ่ระหว่างแคว้นซีเหลียงและแคว้นตงเยว่ให้นางฟัง จุดสำคัญยังเกี่ยวพันถึงทักษะหลอมเหล็ก“ดาบเหล็กของแคว้นซีเหลียงร้ายกาจมาก เรียกว่าเป็นอาวุธวิเศษก็ไม่เกินจริงสักนิด อาวุธเช่นนี้ ขอเพียงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ใครบ้างจะไม่อยากได้”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”มุมปากของนางกระตุกอย่างแรง ขณะนี้อยากให้เวลาย้อนกลับแล้วตบหน้าตัวเองสักฉาดก่อนหน้านี้ตอนไปรักษาเฟิ่งหลิงหลง ตั้งแต่ออกมาจากจวนตระกูลเฟิ่ง ตงฟางจิ่งขอดูกล่องยาของนาง นางควรปฏิเสธเสียงแข็งต่อมาหลังจากตงฟางจิ่งเห็นชุดมีดผ่าตัดของนาง นาง
“กงกง ท่านอ่านผิดหรือเปล่า ข้าไม่ได้ลงสมัครล่าสัตว์นะ” เฟิ่งเชียนอวี่ขมวดคิ้วขันทีน้อยได้ยินดังนั้นชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก้มหน้ามอง เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง“พระชายาหก ข้าน้อยไม่ได้อ่านผิดนะ ข้างบนนี้มีชื่อของท่านจริง”“แต่ข้าไม่ได้สมัครนะ”“เรื่องนี้ ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบแน่ชัด”เฟิ่งเชียนอวี่โบกมือ “ช่างเถอะ มีชื่อก็มีไปเถอะ ข้าไม่ลงสนามก็พอแล้ว”“พระชายาหก เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่ได้”ขันทีน้อยเอ่ยอย่างลำบากใจ “รายชื่อชุดนี้ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรแล้ว รายชื่อที่อยู่บนนี้ล้วนผ่านสายพระเนตรมาแล้ว”“บวกกับสตรีชั้นสูงมีคนลงชื่อเข้าร่วมล่าสัตว์ไม่มากนัก ดังนั้น...”ดังนั้นบนรายชื่อของฝั่งหญิงจึงมีเพียงไม่กี่รายชื่อ มองปราดเดียวก็จำได้หมดแล้ว ในเมื่อฝ่าบาทเคยดูแล้ว น่าจะจำได้ อยากเบี้ยวก็คงจะยากเฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางทำหน้าเซ็ง ในใจอยากจะด่าคนสักยก เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางด้วย ตกลงใครลงชื่อให้นาง?อวิ๋นจิ่นเซ่อขี่ม้าผ่านไป “เจ้าไม่ได้สมัครจริงหรือ?”“เหลวไหล ข้าขี่ม้าไม่เป็นด้วยซ้ำจะสมัครไปทำไมกัน?”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยิงธนู นางไม่เคยแม้แต่จะจับคันธนูด้วยซ้ำ“ไม่เป็นไร เมื่อครู่ข้าบ
“ข้าอยากเข้าสู่สนามเมื่อใด ก็เข้าสู่สนามเมื่อนั้น”“อีกอย่าง เวลาพูดคุยกันคุณหนูใหญ่เฟิ่งไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้น ข้าไม่อยากถูกรมจนตาย” เฟิ่งเชียนอวี่รีบปิดจมูก แล้วถอยไปสองก้าว ทำหน้ารังเกียจอีกฝ่าย“เจ้า...”สีหน้าเฟิ่งหลิงหลงเปลี่ยนไปทันที เจ็บแค้นจนสีหน้าขาวซีด แววตาที่เจ็บแค้นเหลือบมองเหล่าทหารรอบข้างอย่างอดไม่ได้ นางถลึงตาใส่เฟิ่งเชียนอวี่ ก่อนจะก้าวออกไปอย่างโกรธแค้นเฟิ่งเชียนอวี่แค่นหัวเราะ เมื่อหันมอง แล้วเห็นม้าสีแดงเข้มข้างกายสีหน้าชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นถอนหายใจ ให้ทหารไปเอาอานม้ามา แล้วเหยียบอานม้าขึ้นไปนั่งเมื่อพลิกตัวขึ้นนั่ง ร่างกายของนางเกร็งไปหมด สีหน้าจริงจัง ความจริงในใจสั่นระริกนี่สูงเกินไปหรือเปล่า นางจะตกลงมาหรือไม่? สูงขนาดนี้ตกลงไปคงเจ็บมาก อีกอย่าง ทำไมม้าตัวนี้ไม่ขยับล่ะ?เจ้ารีบไปสิเฟิ่งเชียนอวี่จับบังเหียนไว้แน่น จากนั้นตบไปก้นม้าอย่างอดไม่ได้ ม้าสะบัดหัว ในที่สุดก็ยอมก้าวขาออกไป แล้วเดินเชื่องช้าไปยังเขตล่าสัตว์รอบข้างตำหนักรับรอง รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ หลังจากเข้ามาในสนาม วิสัยทัศน์กว้างขวางขึ้นมากเฟิ่งเชียนอวี่มองดูรอบด้านที่ไร้ผู้คน
เฟิ่งเชียนอวี่กลืนน้ำลงคออย่างยากลำบาก น้ำคำใหญ่จนนางเจ็บลำคอ จิตใจนางประหม่าไปหมด ร่างกายแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือเสือดาวตัวหนึ่ง มันก้าวออกมาอย่างเชื่องช้า หางของมันสะบัดไปมาอย่างเอื่อยเฉื่อย จ้องมองนางพร้อมอ้าปากกว้าง จากนั้นหาวในปากของมันมองเห็นฟันแหลมคมเรียงรายชัดเจน มันส่องแสงเงาวับภายใต้แสงแดดเฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางเงียบไปสองอึดใจ ต่อมาหันหลังแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็วเสือด้านหลังที่เดิมทีเอื่อยเฉื่อย เมื่อเห็นเหยื่อของมันวิ่งหนีไป พลันร้องคำรามแล้วไล่ตามเฟิ่งเชียนอวี่ไปทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ตกใจจนหน้าขาวซีด นางจะวิ่งเร็วกว่าเสือได้อย่างไรนางหันมองด้านหลัง เมื่อเห็นว่าระยะห่างของตัวเองกับเสือใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงฉุกคิดถึงบางอย่าง แล้วหนีเข้าไปหลบในห้องทดลองอย่างไม่ลังเล“เฮ้อ...”เฟิ่งเชียนอวี่นั่งลงบนโซฟา ตัวอ่อนปวกเปียก บนหัวชื้นไปด้วยเหงื่อด้านนอก เมื่อเสือเห็นมนุษย์เบื้องหน้าที่กำลังไล่ล่าหายไปอย่างไร้ร่องรอยกะทันหัน ดวงตาที่มีประกายดุร้ายของมันมีความฉงนแวบผ่านมันหันมองรอบด้าน จากนั้นก้มหน้าสูดดมกลิ่นในอากาศ แม้แต่กลิ่นก็หายไปด้
นางกัดฟัน แอบก่นด่าในใจ แล้วหันหลังวิ่งหนีอีกครั้งเห็นได้ชัดว่าครั้งนี้อันตรายกว่าเจอเสือเมื่อครู่เสียอีกเพราะเมื่ออยู่ต่อหน้ามนุษย์ หากไม่จำเป็นจริง ๆ นางจะเปิดเผยเรื่องห้องทดลองไม่ได้เมื่อเป็นเช่นนี้ เฟิ่งเชียนอวี่ที่อยู่ข้างหน้าวิ่งสุดแรงเกิด นักฆ่าสองคนตามอยู่ข้างหลังอย่างสบายใจ ดูท่าทาง เหมือนพวกเขากำลังมีความสุขกับการเล่นแมวจับหนูเฟิ่งเชียนอวี่สบถอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่นิดเดียวไม่รู้ว่าวิ่งอยู่นานเท่าใด แต่นางวิ่งไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงยืนใช้มือค้ำต้นไม้ เหนื่อยจนหายใจหอบถี่นักฆ่าสองคนตามมาด้านหลังอย่างเชื่องช้า“ทำไม? พระชายาหกไม่วิ่งหนีแล้วหรือ?”เฟิ่งเชียนอวี่กัดฟันพร้อมกลอกตาหากไม่ไหวจริง ๆ นางคงต้องเข้าไปหลบในห้องทดลอง แม้เปิดเผยแล้วจะอันตรายมาก แต่ก็ดีกว่าถูกฆ่าตายเมื่อนางคิดได้อย่างนั้น จู่ ๆ ก็เลิกประหม่าทันที จากนั้นหันหลังมองทั้งสอง“พวกเราไม่น่าจะมีความแค้นต่อกัน? ข้าก็ไม่รู้จักพวกเจ้า ทำไมพวกเจ้าต้องฆ่าข้าด้วย?”“หึ ย่อมต้องได้รับคำสั่งจากผู้อื่นอยู่แล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่หรี่ตา “ได้รับคำสั่งจากใคร?”“เรื่องนี้ รอให้พระชายาหกลงนรกแล้วไปถามยมบา
ถูกคนไล่ล่าเช่นเดียวกัน กลุ่มที่ไล่ล่านางมีแค่สองคน แต่กลุ่มที่ไล่ล่าตงฟางจิ่ง มองไปปราดเดียว นับได้อย่างน้อยยี่สิบคน เพิ่มขึ้นสิบเท่าโดยตรงชั่วขณะเฟิ่งเชียนอวี่ไม่แน่ใจว่า การได้พบหมอนี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องแย่กันแน่“ท่านอ๋อง พวก พวกมันมาแล้ว” นางกล่าวอย่างทุลักทุเล“ข้าเห็นแล้ว ไป”ตงฟางจิ่งกล่าวพลางรวบเอวเฟิ่งเชียนอวี่ พลันโคจรกำลังภายใน ร่างกายลอยขึ้นอย่างปราดเปรียวอีกครั้ง“จับให้แน่น หากร่วงตายข้าไม่รับผิดชอบนะ”ทันทีที่เขากล่าวจบ เฟิ่งเชียนอวี่ก็ยกมือยกเท้าเกาะร่างกายเขาไว้แน่นอย่างเจียมตัว เห็นแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตุ๊กแกตงฟางจิ่ง “...”เฟิ่งเชียนอวี่กอดคอของเขา มองกลุ่มคนชุดดำที่ไล่ตามอย่างไม่ลดละข้างหลัง หัวใจเต้นตุ๊บๆ อดไม่ได้ที่จะเร่งเร้า“ท่านอ๋อง ท่านรีบบินสิ บินเร็วหน่อย พวกมันตามมาแล้ว”การเคลื่อนไหวของตงฟางจิ่งนับว่าเร็วมากแล้ว แต่กลุ่มคนที่ไล่ล่าเขา แต่ละคนก็มีฝีมือไม่ธรรมดา การเคลื่อนไหวก็ว่องไวเช่นกันประกอบกับเขายังต้องแบกเฟิ่งเชียนอวี่ด้วยทุกครั้งที่ตงฟางจิ่งเร่งความเร็ว สลัดคนกลุ่มนั้นหลุด ผ่านไปเพียงครู่เดียว คนกลุ่มนั้นก็จะไล่ตามมาอีกครั้ง
“เสียวอวี่ เอาเป็นว่าเจ้าจะหนีไม่ได้นะ”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”“อย่าฟังนางพูดเหลวไหล นางกำลังทำร้ายเจ้า”เวลานี้เอง มีเสียงอีกสายหนึ่งผุดขึ้น เป็นเสียงที่แหลมเล็กน้อยเฟิ่งเชียนอวี่หันไปมอง เห็นเพียงปีศาจจิ๋วตนหนึ่งเกาะอยู่บนไหล่ขวาของนาง สวมชุดกระโปรงสีดำ มีปีกสีดำหนึ่งคู่ เท้าเหยียบเมฆดำ ใบหน้าก็เหมือนนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเช่นกัน“แล้วเจ้าเป็นใคร?”ปีศาจจิ๋วหัวเราะเหอะๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ข้าก็คือเจ้า ข้าคือด้านที่ชั่วร้ายในจิตใจของเจ้า”ทันทีที่เพิ่งพูดจบ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไป ตบจนปีศาจจิ๋วมึนงง“ไสหัวไป พูดจาเป็นหรือไม่ แม่เจ้าสิจิตใจชั่วร้าย เห็นๆ อยู่ว่าตัวข้านั้นเป็นเทพธิดาตัวน้อยที่น่ารักและจิตใจดี”ปีศาจจิ๋ว “...” เกรงว่าเจ้ามีเข้าใจอะไรบางอย่างผิดเกี่ยวกับตัวเจ้าแล้วนางฟ้าจิ๋วรีบกล่าว “ถูกต้องๆ เสียวอวี่ เจ้าเป็นคนจิตใจดีที่สุด ตอนนี้เจ้าไม่ควรคิดเรื่องหนี แต่ต้องคิดหาวิธีช่วยผู้ชายของเจ้า”มุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก มือก่ายหน้าผาก “เขาไม่ใช่ผู้ชายของข้า”“เขาเป็นสามีเจ้า ก็คือผู้ชายของเจ้า”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”ปีศาจจิ๋วจ้องนางฟ้าจิ๋วอย่