การดึงมีดออกจำเป็นต้องใช้ทักษะที่ชำนาญมาก หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา อาจจะบาดเจ็บถึงอวัยวะภายในของคนที่กำลังเจ็บอยู่หรือไม่ก็ทำให้เลือดออกมากก็ได้“หว่านเยว่ ช่วยเขาด้วย”นัยน์ตาของซ่งเสวี่ยแดงก่ำ นางไม่เคยเสียสติเช่นนี้มาก่อน“ข้าดูหน่อย”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ใส่ถุงมือยาง และเริ่มดูสถานการณ์ของโจวเซิง“อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่ ต้องรีบดึงมีดออก”นางหยิบผ้าพันแผล ยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อออกมาจากกล่องยา และกล่าวกับซูจิ่งสิงว่า“ท่านพี่ ท่านพาคนออกไปจากห้องหนังสือหน่อยเจ้าค่ะ ข้าต้องการความเงียบ”โจวเซิงหายใจรวยรินมาก ต้องพาเข้าไปช่วยเหลือในห้วงมิติสองสามีภรรยาต่างสบตากัน ซูจิ่งสิงรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด จึงพยักหน้า“วางใจเถอะ ข้าจะจัดการให้เจ้าเดี๋ยวนี้”เขาเดินมาหารองผู้ว่าราชการสวี่ ให้เขาขับไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปข้างนอก“ฮูหยินน้อย” จู่ ๆ โจวเซิงก็ฟื้นขึ้นมา พยายามลืมตาความจริงแล้วเขาตระหนักรับรู้อยู่ตลอด เพียงแต่ปวดแผลเกินกว่าจะทนได้ ทั้งยังเสียเลือดมาก ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงพูดแต่เมื่อครู่เขาได้ยินน้ำเสียงจริงจังของกู้หว่านเยว่ พอจะเดาได้ว่าตัวเองอันตรายเพียงใด“ฮู
“ลากเขาออกไป”ซูจิ่งสิงโบกมือสั่งการ มองเจ้าสำนักฉินด้วยสายตาเย็นชา เพียงแต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องจัดการเขาภายในห้องหนังสือถูกเก็บกวาดจนสะอาดเกลี้ยง ซูจิ่งสิงทำการใส่กลอนอย่างแน่นหนา“น้องหญิง เจ้าตั้งใจช่วยคนไป ส่วนข้าจะไปเฝ้าข้างนอกให้เจ้าเอง”ครั้นได้ยินเสียงของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกปลอดภัยมากแล้ว นางพาเจ้าตัวเข้าไปทำการรักษาในห้วงมิติ อาการของโจวเซิงสาหัสมาก เวลานี้หมดสติไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำการถ่ายเลือดแบบฉุกเฉินให้เขาก่อน จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์ตรวจดูบาดแผลของเขา“โชคดีนะ ที่ไม่ได้บาดเจ็บถึงภายใน”ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ แม้ว่าปากแผลจะลึกมาก แต่ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตกู้หว่านเยว่ดึงมีดออกอย่างเป็นระบบระเบียบ จัดการปากแผล ฆ่าเชื้อ เย็บแผลและใส่ยากระทั่งพันแผลจนเสร็จ จากนั้นก็ฉีดยาแก้อักเสบเป็นจำนวนสองขวด ถึงค่อยพาเขาออกมาจากห้วงมิติเวลานี้บริเวณนอกห้องหนังสือได้มืดสนิทลงแล้วกู้หว่านเยว่มองดูเวลาในห้วงมิติแวบหนึ่ง นางอยู่ในห้วงมิติแบบไม่รู้เวลากว่าสามชั่วยาม“ท่านพี่ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”จากนั้นก็เดินมาเคาะประตู เมื่อซูจิ่งสิงได้ยินเสียง ก็รีบเปิด
“ดูท่าทางหลังจากที่เจ้าหนีออกมาจากสุ่ยโจวได้ ก็ตรงมายังเจดีย์หนิงกู่ทันที”กู้หว่านเยว่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวเป็นอย่างดี นางกัดฟันกรอดอย่างเกลียดชังให้กับบุรุษผู้นี้“ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้ทำร้ายผู้อื่นเป็นครั้งแรก!”สวรรค์รับรู้ ก่อนหน้าหน้าอารามเต๋าแห่งนี้ เขาทำร้ายคนไปแล้วเท่าไหร่ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วมุ่น “เดิมทีอารามแห่งนั้นเป็นอารามที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อห้าปีก่อนเจ้าสำนักคนเก่าสิ้นลมหายใจโดยไม่ทราบสาเหตุ จนต้องเปลี่ยนเจ้าสำนักคนใหม่ ซึ่งก็คือบุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ นับตั้งแต่นั้นมา อารามเต๋าแห่งนั้นก็โด่งดังเรื่องของสือจีเหนียงเหนียง”แต่ระหว่างห้าปีมานี้ เจ้าสำนักฉินผู้นี้ได้ทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในอารามเต๋ามาโดยตลอด กระทั่งเข้ามาควบคุมอารามเต๋าแห่งนี้โดยสมบูรณ์ และทำตามอำเภอใจอยู่ด้านในพานักพรตที่อยู่ใต้คำสั่งมาทำเรื่องต่ำช้า“เจ้ากล้าทำเรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวฟ้าผ่าบ้างหรือไร?”เนี่ยชิงหลานด่าทออย่างโกรธเคือง จนเจ้าสำนักฉินต้องตอบโต้กลับ“เรื่องผิดศีลธรรมอะไรกัน? เห็น ๆ อยู่ว่าข้าทำความดี! สตรีเหล่านั้นไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ บุรุษที่อยู่ด้วยทำให้พวกนาง
“ท่านอ๋อง ยังมีบ่าวรับใช้อีกคนหนึ่งอยู่ในห้องหนังสือ ถูกเจ้าสำนักทำร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุขอรับ”รองผู้ว่าราชการสวี่ถอนหายใจแล้วเอ่ยเตือน ซูจิ่งสิงกล่าวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไปเอาเงินยี่สิบตำลึง ไปให้คนในครอบครัวของเขาจัดการงานศพเถิด”ชีวิตความเป็นความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา ตอนที่พวกเขามาถึง บ่าวรับใช้คนนั้นก็เสียชีวิตไปแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้ดังนั้น เจ้าสำนักฉินผู้นั้นช่างโหดร้ายอย่างแท้จริง แม้แต่คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ยังไม่ละเว้น ถูกสุนัขป่ากัดกินร่างกายจนแยกเป็นชิ้น ๆ ก็สมควรแล้ว ไม่น่าสงสารเลยแม้แต่น้อยขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น แม่นมฉินก็นำรถม้ามาถึง บ่าวรับใช้หลายคนช่วยกันยกโจวเซิงขึ้นวางบนแคร่หามอย่างระมัดระวังกู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้น “พี่หญิงซ่ง ท่านตั้งใจจะพาเขาไปที่ไหนหรือ?”“กลับจวนโจว” ซ่งเสวี่ยขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้น “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านพ่อและท่านแม่ต้องรู้แน่ ๆ ข้าก็ไม่อยากปิดบังพวกท่าน หลังจากกลับไป ข้าจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้พวกท่านฟังทั้งหมด”“ก็ดี เช่นนั้นหากมีเรื่องอะไร ท่านก็รีบมาบอกข้านะ”“ขอบใจเจ้ามาก”ซ่งเสวี
“ก็ได้ ตกลง”โจวเซิงตอบรับอย่างอ่อนแรง ส่วนใหญ่เป็นเพราะตกตะลึงกับซ่งเสวี่ยที่ท่าทางแข็งกร้าวเช่นนี้เมื่อเห็นเขารับปาก น้ำเสียงของซ่งเสวี่ยก็อ่อนลง“ท่านไม่ต้องกังวล ถึงแม้ท่านจะอาศัยอยู่ในจวนของพวกเรา แต่เรือนของท่านก็อยู่ห่างไกลมาก ปกติแล้วก็ไม่มีใครมาที่นี่ และอยู่ไกลจากเรือนที่ท่านพ่อ ท่านแม่ และนานนานอาศัยอยู่มาก ต่อให้ขื่อคานเรือนของท่านพังลงมา ก็คงทับแค่บนตัวท่านเท่านั้น ไม่มีทางส่งผลกระทบถึงพวกเขาหรอก”นางกล่าวต่อ“ข้าได้บอกเรื่องของท่านกับท่านพ่อและท่านแม่แล้ว พวกท่านทั้งสองเป็นคนมีเหตุผล จะไม่มีทางไล่ท่านออกจากจวนเพราะเรื่องนี้แน่นอน และจะไม่รังเกียจท่านด้วย”อันที่จริงโจวเหล่าชอบโจวเซิงมาก เพราะถึงอย่างไรก็เป็นลูกหลานสกุลเดียวกัน แถมยังโดดเด่นเช่นนี้ก่อนหน้านี้ โจวเซิงก็เคยเป็นลูกศิษย์ของโจวเหล่า ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดของเขา โจวเซิงถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ เพียงแต่เขาโชคร้ายเกินไป ทำให้เรียนต่อจนจบไม่ได้ จึงต้องหยุดเรียนกลางคันด้วยเหตุนี้ โจวเหล่าจึงรู้สึกเสียดายอยู่พักหนึ่ง คิดว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้ต้องเสียโอกาสไปแล้วก่อนหน้านี้ ตอนที่โจวเซิงเพิ่งมาถึงเจดีย
ผู้อาวุโสทั้งสองกังวลใจอย่างมาก แต่ทางซ่งเสวี่ยกลับไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยไม่ใช่ว่านางไม่ใส่ใจเรื่องนี้ แต่ในเมื่อนางเลือกที่จะยอมรับมันแล้ว นางก็จะไม่เก็บมาใส่ใจอีกในทางกลับกัน โจวเซิงกลับรู้สึกหนักใจขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าบาดแผลของตัวเองดีขึ้นในทุก ๆ วัน เขาคิดว่าควรจะรีบออกจากจวนโจวดีหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่นำความเดือดร้อนมาให้พวกเขายิ่งไปกว่านั้น เขากังวลว่าหากตัวเองยังคงพักอยู่ที่นี่ต่อไป และอยู่กับซ่งเสวี่ยต่อไปเรื่อย ๆ ตัวเขาเองก็จะรู้สึกไม่อยากจากไปมากขึ้น“ฮูหยินน้อย ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาท่าน...”โจวเซิงตัดสินใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะของกู้หว่านเยว่ดังมาจากหน้าประตู“พวกเจ้ากำลังจะปรึกษาเรื่องอะไรกัน ข้ามีเรื่องสำคัญกว่านี้ ไม่เช่นนั้นฟังเรื่องของข้าก่อน แล้วพวกเจ้าค่อยปรึกษากัน?”“หว่านเยว่ เจ้ามาแล้ว”ซ่งเสวี่ยเห็นนางก็ดีใจมาก รีบลุกขึ้นรินน้ำชาให้นางกู้หว่านเยว่รับถ้วยชาอย่างว่าง่าย ซ่งเสวี่ยก็รินน้ำชาอีกถ้วยให้ซูจิ่งสิง แล้วเชิญสองสามีภรรยานั่งลง“พวกเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เท่าที่นางรู้ ช่วงนี้สองสามีภรรยายุ่งมาก ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ก็คงไม่มาหา
“ดังนั้นเจ้าจึงช่วยเขาทำคุณไสยใส่ข้า ข้าไม่เคยทำอะไรให้พวกเจ้าเลย สิบกว่าปีมานี้ข้าต้องใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง!”โจวเซิงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งทำให้ซ่งเสวี่ยตกใจ รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้เขา“หว่านเยว่ เจ้ารีบมาดูเขาหน่อย”“มาแล้ว”กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้า ใช้เข็มเงินแทงลงบนจุดฝังเข็มของโจวเซิง แล้วหยิบยาสงบสติอารมณ์ออกมาเม็ดหนึ่ง“กินยาเม็ดนี้ก่อนเรื่องแก้แค้นก็ต้องแก้แค้น แต่อย่าได้ใจร้อนเกินไป”“ขอบคุณ”โจวเซิงกลืนยาเม็ดลงไป เขาเพียงแค่รู้สึกโกรธไปชั่วขณะ แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ตัวเองไม่ควรทำตัวให้คนที่รักต้องเสียใจ และทำให้ศัตรูสะใจเขาดื่มน้ำชาอีกหนึ่งอึก ในที่สุดก็สงบสติอารมณ์ลงได้ เขาหันไปมองนักพรตเต๋า“เจ้าบอกว่าโจวเซ่อเป็นคนสั่งให้เจ้าทำแบบนี้ มีหลักฐานหรือไม่?”“หลักฐานถูกพวกเขาเอาไปหมดแล้ว”นักพรตเต๋าหันไปมองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยความหวาดกลัว สามีภรรยาคู่นี้ช่างโหดเหี้ยมราวกับปีศาจซูจิ่งสิงเก็บหลักฐานเอาไว้แล้ว โบกมือให้ฉู่เฟิงยกเข้ามาในกล่องใบเล็กมีวันเดือนปีเกิด ตั๋วเงินหลายสิบฉบับ และยังมีตุ๊กตาดินปั้นที่แตกหักอยู่หนึ่ง
นักพรตเต๋าพยายามจะคว้าชายเสื้อของซูจิ่งสิง แต่ถูกฉู่เฟิงลากตัวไป“ไสหัวไป”ซูจิ่งสิงเตะนักพรตเต๋าด้วยความรังเกียจ คนแบบนี้อยากจะติดตามเขา ก็ต้องดูด้วยว่าคู่ควรหรือไม่“ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีความสามารถมากมายจริง ๆ นะขอรับ”นักพรตเต๋ายังคงพยายามเกลี้ยกล่อมซูจิ่งสิง เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะรอดชีวิตไปได้ตามกฎหมายของเจดีย์หนิงกู่ หากส่งตัวให้ทางการ เขาก็จบเห่แล้ว“ตามข้ามา”ฉู่เฟิงยกตัวเขาขึ้นมาทันที ก้าวเท้ายาว ๆ เดินออกไปข้างนอก นักพรตเต๋ายังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เสียงของเขาก็ถูกปิดไว้ ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อ้อนวอนใด ๆ อีก“ขอบคุณพวกเจ้า”หลังจากที่นักพรตเต๋าถูกพาตัวออกไปแล้ว โจวเซิงก็มองไปที่ทั้งสองคน “หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้า เกรงว่าข้าคงไม่มีทางรู้ความจริงไปตลอดชีวิต”เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย “จริงสิ พวกเจ้าสืบจนรู้ว่าเป็นโจวเซ่อได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่หันไปมองซ่งเสวี่ย จากนั้นกางมือยักไหล่ “ก็เพื่อพี่หญิงซ่งอย่างไรเล่า ตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่ที่สกุลโจว จะปล่อยให้พี่หญิงซ่งของข้าเดือดร้อนไปพร้อมกับเจ้าได้อย่างไร?”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”โจวเซิงเข้าใจในทันที คาดว่าคงเป็นเพราะครั้งที
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ