ซวนลู่ยิ้มอย่างเขินอาย “ยังเลยเจ้าค่ะ ท่านพ่อให้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง”นางคิดว่าอย่างไรเสียก็ถึงโอกาสที่เหมาะสมแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมา “ที่จริงแล้วข้ามีใจ... ”“แค่ก ๆ !”ซูจิ้งรีบขัดจังหวะนาง หลังจากได้รับคำใบ้จากนางหยาง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าซวนลู่คิดอะไรอยู่เขาหวังว่าลูกสะใภ้และลูกชายจะรักกันดี ๆ ถึงแม้ซวนลู่จะดี แต่จะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้!“ซวนลู่ จริง ๆ แล้วหากเจ้ายังไม่มีคนที่ชอบ อามีคนที่เหมาะสมอยู่บ้าง สามารถแนะนำให้เจ้าได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเอง”ซูจิ้งแสดงออกมาให้เห็นว่า เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นพ่อสื่อให้ใคร แล้วจับคู่ให้มั่ว ๆ แต่ใครใช้ให้ซวนลู่มาชอบลูกชายของเขากันล่ะ?“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ท่านอา ข้าไม่ชอบใครทั้งนั้น”สองคนนี้กำลังขัดจังหวะนาง ซวนลู่เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยนางด้อยกว่ากู้หว่านเยว่ตรงไหน เหตุใดท่านทั้งสองถึงไม่ชอบนาง?“ในใจข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”กลัวว่าทั้งสองคนจะขัดจังหวะขึ้นมาอีก คราวนี้นางจึงเอ่ยปากก่อน“จริง ๆ แล้วข้าชอบจิ่งสิงมาตลอด หากมิใช่เพราะฝ่าบาทพระราชทานสมรสกระทันหัน ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วคนที่จะได้ครองคู่กันอาจจะเป็นเราสอ
“กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ สิ่งที่เจ้าใส่ลงในน้ำแกงซานเจินไม่ใช่ดอกฉิงฮวาหรอกหรือ?”กู้หว่านเยว่พูดตรงประเด็นมากขึ้นอีกหน่อย หลายคนที่ฟังเข้าใจได้ในที่สุดก็หน้าถอดสี ซูจื่อชิงแทบจะกระโดดขึ้นมา“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านบอกว่าพี่หญิงซวนใส่ของบางอย่างลงในน้ำแกงซานเจินหรือ?เขามองไปยังซวนลู่ด้วยความโกรธเกรี้ยว สาเหตุหลักเป็นเพราะถูกหลอกเข้าแล้ว“พี่หญิงซวน ไหนท่านบอกว่าจะไม่ทำมิใช่หรือ?”“ท่านบอกว่าท่านดูถูกเรื่องแบบนี้ ทำไมท่านถึงยังใส่ยาลงไปอีก?”ซูจื่อชิงเรียกได้ว่าสงสัยในชีวิตแล้ว ในเวลานั้นเขายังรู้สึกว่าถ้าพี่หญิงซวนลู่ปล่อยวางไม่ได้จริง ๆ อย่างมากที่สุดก็วางยาพี่สะใภ้ใหญ่ ดังนั้นเขาจึงยกน้ำแกงของพี่สะใภ้ใหญ่ออกไปก่อน ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านางถึงขั้นลงมือกับพี่ใหญ่เชียวหรือ?“สมองของท่านเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหม?” เขาอดไม่ได้ที่จะระเบิดคำด่าหยาบคาย ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็ไม่อยากจะเชื่อพวกเขาเคยเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ สัญญาว่าจะเป็นเพื่อนเล่นกันไปตลอดชีวิตเพราะเหตุใดหลังจากเติบโตและไม่ได้เจอกันนานหลายปี พี่หญิงซวนลู่ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?วางยาพี่ใหญ่ พระเจ้า เรื่องแบบนี้นางทำได้อย่างไร?“ดอกฉิงฮ
ซูจิ่งสิงเอ่ยขึ้นมาโดยพลัน “ข้าเชื่อทุกอย่างที่น้องหญิงของข้าพูด”คำพูดของเขาทำให้เศษหัวใจของซวนลู่กลายเป็นเศษแก้วทันที“ไม่ว่านางพูดอะไร ข้าก็เชื่อ ไม่ต้องการหลักฐานใด ๆ”“จิ่งสิ่ง ท่าน...” ซวนลู่แปลกใจ นัยน์ตามีแววริษยาพาดผ่าน “นางทำอะไรไว้กันแน่ สามารถทำให้ท่านรักอย่างสุดหัวใจขนาดนี้?”คำพูดนี้ทำให้นางใจสลายจริง ๆ“เจ้าไม่เข้าใจหรอก”ซูจิ่งสิงจับมือกู้หว่านเยว่ขึ้นมา แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง “ถ้าไม่มีน้องหญิง ก็คงไม่มีข้าในวันนี้”“พวกข้าก็เชื่อมั่นในตัวพี่สะใภ้ใหญ่เช่นกัน” ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพร้อมกัน นางหยางถอนหายใจ “ชีวิตของข้า หว่านเยว่ได้ช่วยไว้ ซวนลู่ เจ้าเข้าใจไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”ซวนลู่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว เพราะนางช่วยเหลือพวกท่านระหว่างทางที่ถูกเนรเทศ พวกท่านจึงเชื่อมั่นในตัวนางขนาดนี้”แต่ แต่ว่าเป็นเพราะข้าไม่ได้รับข่าวคราวการถูกเนรเทศของท่าน ดังนั้นจึงไม่ได้รีบรุดมา”นางค่อนข้างรู้สึกผิด ความจริงนางได้รับข่าว เพียงแต่ในขณะที่ได้รับข่าวคราวนั้น ได้ยินว่าสกุลซูทั้งหมดถูกเนรเทศ และซูจิ่งสิงเป็นอัมพาตทั้งสองขา อยู่เหมือนตายทั้งเป็นนางจึ
“ข้าต้องการเพียงจิ่งสิงเท่านั้น”ซวนลู่ทำหูทวนลม จ้องมองซูจิ่งสิงอย่างลุ่มหลง สายตานั้นทำให้ทุกคนอดเบือนสายตาหนีไม่ได้ซูจิ่งสิงคิดว่าต่อไปยังมีเรื่องอื่นต้องสอบถามซวนลู่อีก เลยถือโอกาสพูดกับพวกเขาว่า“ท่านพ่อท่านแม่ออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะไต่สวนนางสักหน่อย”คำว่า “ไต่สวน” ทำให้ซวนลู่ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นใบหน้าไร้ความรู้สึกของซูจิ่งสิง นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันใด“ท่านคิดจะทำอะไร” ซวนลู่กัดฟัน จิ่งสิง ข้าโตมากับเจ้านะ”ซูจิ่งสิงเบื่อจะมองนางแล้ว“ท่านอาซู ท่านจะเพิกเฉยต่อข้ามิได้ ท่านต้องชี้แจ้งให้ท่านพ่อของข้าฟัง”ซวนลู่พูดจาคุกคาม ยั่วให้เจ้ารองกระอักเลือดในเวลานี้ถือว่าพวกเขารู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของซวนลู่แล้ว“เรื่องนี้พวกเราจะชี้แจงให้พ่อของเจ้าทราบอย่างชัดเจนอยู่แล้ว หากท่านแม่ทัพโกรธจริง ๆ มิตรภาพระหว่างสองครอบครัวของเราคงต้องจบลงเพียงเท่านี้”ซูจิ้งเอ่ยเสียงขรึมการวางยา ได้แตะขีดจำกัดของเขาแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงสถานะของซูจิ่งสิง หากเขาถูกพิษดอกฉิงฮวาจริง ๆ ความหวังของซื่อจื่อองค์ก่อน ความหวังของพวกเขานี้ก็จะสูญสิ้นไปเขาเชื่อว่าแม่ทัพซวนเห
“วันนี้ตอนที่ไปล่าสัตว์ เมื่อเจ้ากลับมาข้าได้กลิ่นอื่นจากตัวเจ้า เจ้าไปพบคนอื่นมา”นางเอ่ยอย่างมั่นใจ“เจ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร การลงโทษอย่างต่อเนื่องดั่งสายน้ำไหลของที่นี่กำลังรอเจ้าอยู่ ไม่มีใครสามารถทานทนได้”“หญิงชั่ว!”ซวนลู่ด่าทอคำหนึ่ง แล้วมองไปที่ซูจิ่งสิง “ท่านอ๋อง ท่านเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางหรือยัง นางมีจิตใจที่โหดเหี้ยม”“ข้ามีแต่จะโหดเหี้ยมกว่าหว่านเยว่เท่านั้น” แววตาของซูจิ่งสิงเย็นชา เขาเป็นคนที่ถูกวางยาคนนั้น“คนที่ติดต่อกับเจ้าผู้นั้น น่าจะเป็นคนทูเจวี๋ยสินะ”“อะไรนะ?” ประโยคเดียวทำให้รูม่านตาของซวนลู่หดตัว นางมองไปรอบ ๆ สายตาวิบวับไม่หยุด ดูท่าทางจะประหม่าจนถึงขีดสุด“ไม่ ไม่ใช่นะ...”“ไม่ใช่หรือ ดอกฉิงฮวาชนิดนี้เจริญเติบโตในทูเจวี๋ย มีเพียงราชวงศ์ทูเจวี๋ยเท่านั้นที่มี เจ้าคิดว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีใครที่จะได้รับของสิ่งนี้อีกหรือ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว “เจ้าเป็นแม่ทัพหญิง แต่กลับร่วมมือกับคนทูเจวี๋ยอย่างไม่ลังเลเพื่อชายเพียงคนเดียว เจ้าไม่ละอายต่อหอกพู่แดงในมือของเจ้าหรือ?”ซวนลู่สั่นสะท้านไปทั้งตัว แนวป้องกันในจิตใจของนางพังทลายลงบางส่วนเพราะประโยคนี้
สองสามีภรรยารับรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจซวนลู่หลังจากทั้งสองหารือกันแล้ว ก็ตัดสินใจคุมขังซวนลู่ไว้ก่อน ล่อให้คนทูเจวี๋ยที่อยู่เบื้องหลังออกมา แล้วค่อยจัดการซูจิ่งสิงโบกมือให้ฉู่เฟิงปิดปากซวนลู่ แล้วจับกุมออกไป“หน้ากากหนังมนุษย์ของสุ่ยเซียน อาจได้ออกโรงแล้ว”กู้หว่านเยว่จำได้ว่าปรมาจารย์แพทย์ได้ศึกษาวิจัยหน้ากากหนังมนุษย์ของคนผู้นั้นแล้ว ขณะที่กำลังจะไปหาปรมาจารย์แพทย์ ด้านนอกประตูก็มีเสียงอันเบิกบานดังเข้ามาอย่างกะทันหัน“จิ่งสิง น้องชายของข้า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!”ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างสูงกำยำในชุดสีเทาก็วิ่งก้าวสวบ ๆ เข้ามา“เกาเจี้ยน?”แววตาซูจิ่งสิงประหลาดใจ จากนั้นจึงเดินเข้าไปสวมกอดคนที่มาหา“พี่ชาย!” เขาแทบไม่เคยหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้เลยทั้งสองตบบ่าซึ่งกันและกันก่อนจะแยกออก สายตาของเกาเจี้ยนจับจ้องไปที่กู้หว่านเยว่“ท่านนี้คือภรรยาของเจ้าสินะ?”รอยยิ้มของเขาดูตื่นเต้นเล็กน้อย กู้หว่านเยว่จับจ้องไปที่ตาขวาที่ไร้แววของเขา คาดเดาว่าดวงตาข้างนี้เองที่บอดเพราะซูจิ่งสิง“ท่านรู้จักข้าหรือ?”“จะไม่รู้จักได้ยังไง จิ่งสิงพูดถึงเจ้าเ
สิ่งที่เขาคิดก็คือ หากพวกเขาไม่เห็นซวนลู่ เขาคงต้องออกไปตามหาทั้งคืนถึงอย่างไรซวนลู่ก็เป็นหญิงสาวตัวคนเดียว เดินทางมาที่เจดีย์หนิงกู่ที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่และผู้คนเลย หากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?“เห็นแล้ว”ซูจิ่งสิงเอ่ยเสียงขรึม“แต่ตอนนี้นางยังพบเจ้าไม่ได้ เจ้าไปพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง”“ทำไมถึงพบข้าไม่ได้?”เกาเจี้ยนค่อนข้างสับสน“เกิดอะไรขึ้นกับอาลู่หรือ?”เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ซูจิ่งสิงก็อดทนไม่ได้อีกต่อไป พลางส่ายหัวพูดว่า “เปล่า นางปลอดภัยดี”“ปลอดภัยก็ดีแล้ว”เกาเจี้ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในใจกลับสงสัยอยู่บ้าง แต่เขารู้จักจิ่งสิงดี หากเขาไม่ยอมพูดอะไรจะซักไซ้ไปก็ไม่มีประโยชน์หลังจากเกาเจี้ยนตามหงเจาออกไป ซูจิ่งสิงก็เอ่ยเสียงขรึม“พรุ่งนี้จับคนทูเจวี๋ยนั่นได้เมื่อไหร่ ค่อยบอกความจริงกับเขา”ดูจากความรู้สึกของเกาเจี้ยนที่มีต่อซวนลู่ หากไม่เอาหลักฐานวางลงตรงหน้าเขา ก็คงจะไม่เชื่อ“หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันไปหาปรมาจารย์แพทย์ ทั้งสองเคยหารือกันไว้ว่า พรุ่งนี้กู้หว่านเยว่จะปลอมตัวเป็นซวนลู่ ไปพบกั
เวลานี้ ซูจิ่งสิงกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงในห้องเพื่อไม่ให้คนทูเจวี๋ยเกิดความสงสัย พรุ่งนี้เขาจะไม่ออกไปข้างนอกตลอดทั้งวัน จะแสร้งทำเป็นว่าถูกพิษดอกฉิงฮวาเข้าแล้วเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา เขาก็เลิกคิ้วขึ้นถามว่า “เจ้าได้หน้ากากหนังมนุษย์มาแล้วหรือ?”“ได้มาแล้ว ข้าจะไปปลูกสมุนไพรในมิติ”สมุนไพรที่กวาดต้อนมาจากในถ้ำยังไม่ได้เพาะปลูก กู้หว่านเยว่กำลังนึกถึงสมุนไพรเหล่านั้น หลังจากเห็นซูจิ่งสิงพยักหน้า นางก็รีบเข้าไปในมิติก่อนอื่นให้เตรียมสมุนไพรและผลต้นเกล็ดหิมะที่ปรมาจารย์แพทย์ต้องการ จากนั้นจึงใช้ระบบควบคุมส่วนกลาง ทำการเพาะปลูกสมุนไพรทั้งหมดลงในทุ่งสมุนไพรสุดท้ายหลังจากฝึกเพลงควบคุมสัตว์ร้ายเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้ว ก็ออกจากมิติ แล้วปีนขึ้นไปนอนบนเตียงวันรุ่งขึ้น นางหยางและคนอื่น ๆ ได้รู้ข่าวการมาถึงของเกาเจี้ยนและรู้ด้วยว่าที่แท้สกุลเกาและสกุลซวนทั้งสองครอบครัวได้กำหนดการแต่งงานระหว่างซวนลู่กับเกาเจี้ยนไว้แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย กู้หว่านเยว่จึงบอกพวกเขาไว้ล่วงหน้า ขอให้พวกเขาอย่าเพิ่งพูดเรื่องซวนลู่ต่อหน้าเกาเจี้ยนหลายคนรู้จักลำดับความสำคัญ
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ