“จริงสิ พี่หญิงกู้ พรุ่งนี้งานเลี้ยงของสกุลหลัว ข้าไปด้วยได้หรือไม่?”เนี่ยชิงหลานเปลี่ยนอารมณ์เร็ว นางทำหน้าอยากรู้อยากเห็นแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินมาว่า คุณหนูใหญ่ของสกุลหลัวอายุเกือบสามสิบปีแล้ว แต่ใช้วิธีลับ ทำให้ยังคงสวยเหมือนหญิงสาววัยสิบแปด ข้าอยากไปดู”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้ว แม้แต่เนี่ยชิงหลานยังรู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองแล้วหากเหล่าขุนนางชนชั้นสูงเริ่มทำตามคุณหนูใหญ่หลัว กินหนูและสัตว์เป็น ๆ ละก็ ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ ๆ “ได้ พรุ่งนี้เจ้าไปกับข้า”กู้หว่านเยว่พยักหน้าเห็นด้วย ในใจก็เกิดความสงสัยคุณหนูใหญ่หลัวขึ้นมาสองส่วนวันรุ่งขึ้น ซูจิ่งสิงตั้งใจไม่ไปที่ศาลาว่าการ เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงกับกู้หว่านเยว่“พี่สะใภ้ใหญ่ เขาเป็นใครหรือ?”ซูจื่อชิงมองเฉิงเซวียนที่พันผ้าพันแผลอยู่ด้วยสีหน้างุนงง ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ในบ้านมีผู้ชายเพิ่มมาอีกคน เหตุใดเขาถึงไม่รู้เรื่อง?“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า” เนี่ยชิงหลานรีบอธิบาย เฉิงเซวียนพยักหน้า แนะนำตัวเอง “สวัสดีทุกคน ข้าชื่อเฉิงเซวียน”“อ้อ ข้าชื่อซูจื่อชิง นี่คือเมี่ยชิงหว่าน คู่หมั้นของข้า”ซูจื
ในตอนนี้ หลัวจือฉิงยังไม่รู้จักฐานะที่แท้จริงของทั้งสองคน เพียงแต่รู้สึกว่าโลกกลม พบเจอคนที่ไม่อยากจะพบ“ดีเลย ข้ากำลังจะไปหาพวกเจ้าอยู่พอดี ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะมาหาข้าถึงที่”นางจ้องมองซูจิ่งสิงตาเป็นมัน“วันนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ”ซูจื่อชิงแสดงสีหน้างุนงง “พี่ใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกัน นางเป็นใคร”หลัวจือฉิงมองไปยังซูจื่อชิง จากนั้นก็ละสายตาไป “พี่ชายหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น เหตุใดน้องชายถึงได้ขี้เหร่เช่นนี้”ซูจื่อชิง ...เกินไปแล้วนะ!หลัวจือฉิงยิ้มพลางเดินไปข้างหน้าทั้งสองคน สายตาจ้องมองซูจิ่งสิงไม่วางตา “หนุ่มน้อย คราวนี้เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว”ที่นี่คือจวนหลัวของนาง นางรีบเรียกบ่าวรับใช้ให้มาจับตัวซูจิ่งสิงแล้วมัดไว้ความเคลื่อนไหวนี้ ทำให้ทุกคนหันมามอง“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“หว่านเยว่ คุณหนูหลัวนี่เป็นอะไรไป?”ซ่งเสวี่ยก็แสดงสีหน้างุนงงเช่นกัน กู้หว่านเยว่อธิบายเบา ๆ “นางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเรา”บ่าวรับใช้ถูกหลัวจือฉิงเรียกมา เมื่อเห็นซูจิ่งสิงก็ยังงุนงงเล็กน้อย “พวกเจ้ามัวยืนงงอยู่ทำไม รีบเข้าไปจับผู้ชายคนนี้มัดให้ข้าเร็วเข้า!”“คุณหนู เขาคือ
“สุดท้ายก็ลักพาตัวคุณหนูหลัวไปในพริบตา พระชายา ท่านนี่สุดยอดจริง ๆ ”ซูจิ่งสิงมองด้วยสายตาอาฆาต “เจ้ามีปัญหาหรือ?”“ไม่ใช่ ๆ ข้าไม่มีปัญหา” เฉิงเซวียนรีบอธิบาย “ข้าหมายถึงคนปกติคงไม่กล้าทำแบบพระชายา แต่ว่าวิธีของพระชายานี่ก็สะใจดี”นั่นมันก็จริงคนทั่วไปเห็นว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงของสกุลหลัว ส่วนใหญ่ก็คงเลือกที่จะไม่เอาเรื่องขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นมา “คุณหนูใหญ่สกุลหลัวมาแล้ว”ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนก็หันไปมอง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่คุณหนูใหญ่สกุลหลัวที่เดินออกมาอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นทุกคนก็ตกตะลึงในทันทีเป็นไปตามที่เมี่ยชิงหว่านพูดไว้ คุณหนูใหญ่สกุลหลัวผู้นี้ดูเหมือนหญิงสาวอายุสิบแปดปีจริง ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ ไม่เหมือนหญิงวัยสามสิบเลยสักนิด“นึกถึงตอนนั้น ข้าเคยเจอคุณหนูใหญ่สกุลหลัวด้วยนะ ก่อนที่นางจะไปรักษาตัวที่เรือนพักตากอากาศ ข้าก็เล่นกับนางสนิทกันดี ไม่คิดเลยว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ข้าเป็นแม่คนไปแล้ว แต่คุณหนูใหญ่หลัวยังดูอ่อนเยาว์เช่นนี้ แถมยังงดงามกว่าเมื่อก่อนอีก”มีเสียงบ่นพึมพำดังมาจากข้าง ๆ กู้หว่านเยว่หันไปต
น้ำเสียงของนางอ่อนหวานนุ่มนวล ท่าทางบอบบาง ทั้งคนดูน่าสงสาร ยิ่งตอนที่นางโค้งคำนับเล็กน้อย เผยให้เห็นลำคอที่ขาวผ่องบอบบาง ยิ่งมองก็ยิ่งน่าทะนุถนอมซูจิ่งสิงไม่สนใจนางอย่างสิ้นเชิงปล่อยให้นางย่อตัวอยู่อย่างนั้น“ท่านอ๋อง?” คุณหนูใหญ่หลัวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร ร่างกายสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ชายคนหนึ่งรีบก้าวออกมา ประคองมือของนางไว้ “ไฉ่เอ๋อร์ ร่างกายเจ้าไม่ค่อยแข็งแรง รีบไปพักข้าง ๆ เถิด”“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องสนใจข้า น้องสาวข้าทำผิด ข้าต้องขอโทษแทนนาง”หลัวไฉ่กล่าวอย่างน่าสงสาร ดวงตาจับจ้องไปที่ซูจิ่งสิงกู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างคลุมเครือ นางผู้นี้คิดจะยั่วยวนสามีของตน“ไฉ่เอ๋อร์ พอเจ้ากลับมา น้องสาวก็รังแกเจ้า แต่เจ้ายังพูดแทนนางอีก เจ้าใจดีเกินไปแล้ว”หลัวเฉิงมองนางด้วยสายตารักใคร่ สีหน้าเช่นนั้นทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกขัดใจขอร้องล่ะ สองคนนี้คงไม่ใช่...“พี่ใหญ่ ท่านดีกับข้าจริง ๆ ” หลัวไฉ่เช็ดน้ำตาพลางถือโอกาสเดินไปนั่งข้าง ๆ เขาเหล่าคุณหญิงคุณนายรีบเข้ามารุมล้อมหลัวไฉ่ “คุณหนูใหญ่หลัว ก่อนหน้านี้ท่านป่วยหนักมิใช่หรือ โรคนี้หายได้อย่างไร?”มีคนหนึ่งถามขึ้
เขาแสดงท่าทางเข้าอกเข้าใจเหมือนกับพี่ชาย ทำให้เนี่ยชิงหลานพูดไม่ออก อดไม่ได้ที่จะเหยียบเท้าเขาอย่างแรง“ท่านจะมายุ่งทำไม เหตุใดต้องมาคอยควบคุมข้าด้วย?”เฉิงเซวียนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย เจ็บมาก ๆ เจ้าเหยียบเท้าข้าจนจะหักแล้ว”ตั้งแต่เด็กเขาก็มีความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงกว่าคนทั่วไป เนี่ยชิงหลานตกใจ รีบเอ่ยขึ้น“เจ็บขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าก็ไม่ได้ออกแรงมากนะ”“เจ็บ เจ็บมากจริง ๆ รีบพยุงข้านั่งลงที”เนี่ยชิงหลานรีบพยุงเขาไปนั่งบนม้านั่งหินที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ“เจ็บขนาดนี้ควรทำอย่างไร? ไม่เช่นนั้นท่านถอดรองเท้ากับถุงเท้าออก แล้วให้ข้าช่วยดูว่าเป็นอะไรดีหรือไม่”“ไม่ต้อง ช่วยเทน้ำชาให้ข้าสักถ้วย ข้าพักสักครู่ก็ดีขึ้นเอง”“ได้ ข้าจะเทน้ำชาให้ท่านเดี๋ยวนี้”เนี่ยชิงหลานคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหยียบเท้าเขาจนเจ็บก่อน ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว จึงทำตามที่เฉิงเซวียนบอก รีบไปเทน้ำชาให้เขาเมื่อนางหันหลังกลับ เฉิงเซวียนก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อครู่เขาพูดมากมายขนาดนั้น น้องหญิงก็ไม่ฟัง มีแต่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้น้องหญิงเชื่อฟังแล้วไม่เข้าไปยุ่งครั้งนี้ ไม่ใ
“น้องหญิง มีจดหมายลับฉบับหนึ่ง” ซูจิ่งสิงเอ่ยขึ้น“ให้ข้าดูหน่อย”กู้หว่านเยว่รีบเดินเข้ามา ปรากฏว่าพอเปิดซองจดหมายออกมา ข้างในมีเพียงกระดาษเปล่า“เหตุใดจึงไม่มีตัวอักษรเลย”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์บอกนางว่า สิ่งของที่ซ่อนอยู่ในที่ลับตาแบบนี้ ต้องเป็นของสำคัญแน่ ๆ “น้องหญิง มีน้ำชาหรือไม่”ซูจิ่งสิงมองออกว่ากระดาษแผ่นนี้มีบางอย่างผิดปกติ“มี ท่านรอข้าสักครู่”กู้หว่านเยว่ส่งจิตเข้าไปในมิติ จัดการชงชาถ้วยหนึ่ง จากนั้นพอลืมตา น้ำชาหนึ่งถ้วยก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือนาง “ท่านจะทำอะไร?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เห็นเพียงซูจิ่งสิงจุ่มจดหมายทั้งแผ่นลงในน้ำชา“มีตัวอักษร!”กู้หว่านเยว่มองตัวอักษรสีน้ำเงินเข้มที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกระดาษสีขาวด้วยความดีใจ “ท่านพี่ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าทำเช่นนี้แล้วตัวอักษรจะปรากฏขึ้นมา”“ในกองทัพมักใช้วิธีนี้ในการส่งข่าวสาร โดยนำตะปูเหล็กขึ้นสนิมใส่ลงไปในน้ำส้มสายชู จากนั้นก็ใช้พู่กันจุ่มน้ำยาที่เขียนตัวอักษรลงบนกระดาษขาว เมื่อแห้งแล้วตัวอักษรจะหายไป และถ้าอยากให้ตัวอักษรกลับมาปรากฏอีกครั้ง ก็เพียงแค่จุ่มจดหมายลงในน้ำชา”ซูจิ่งสิงเห็นว่าตัว
“ชิ”ปรมาจารย์แพทย์ขี้เกียจเถียงกับเขา หยิบขนมข้าง ๆ แล้วเดินออกไป แต่บังเอิญพบกับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่เดินเข้ามาพอดี“เจ้าเด็กบ้า เจ้าหายไปไหนมา ข้าตามหาเจ้าตั้งนาน”กู้หว่านเยว่เห็นปรมาจารย์แพทย์ ก็เกิดความคิดขึ้นมา “ปรมาจารย์อาวุโส ท่านมาได้ถูกเวลาพอดี ข้ามีของอย่างหนึ่งอยากให้ท่านดู”นางหยิบขวดยาน้ำเมื่อครู่ออกมาจากมิติ“ท่านลองดูสิว่านี่คืออะไร?”กู้หว่านเยว่ศึกษาอยู่นาน ในที่สุดก็มั่นใจว่านี่ไม่ใช่ยาพิษ“ให้ข้าดูหน่อย”ปรมาจารย์แพทย์หยิบยาน้ำขึ้นมา จากนั้นดมกลิ่น “ไป พวกเราไปที่ศาลา”เมื่อทุกคนเดินมาถึงศาลา เนี่ยชิงหลานยังคงนวดเท้าให้เฉิงเซวียนอยู่“พี่หญิงกู้ เมื่อครู่พวกท่านหายไปไหนกันมา?” เนี่ยชิงหลานเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อครู่ทั้งสองคนหายไปพักหนึ่ง“ปวดท้อง จึงไปเข้าห้องน้ำมา”กู้หว่านเยว่หาข้ออ้างขึ้นมามั่ว ๆ จากนั้นเดินไปข้าง ๆ ปรมาจารย์แพทย์ เวลานี้ ปรมาจารย์แพทย์ได้หยิบถ้วยสะอาดจากบนโต๊ะมาถ้วยหนึ่ง จากนั้นก็เทน้ำยาลงไปครึ่งหนึ่ง“นี่มันน้ำยาแปลงโฉมนี่”ปรมาจารย์แพทย์กล่าวอย่างตกตะลึง กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในใจก็พอจะเดาออกแล้ว“เจ้าเด็
กู้หว่านเยว่ละสายตา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “คุณชายใหญ่หลัวดูเหมือนจะปกป้องน้องสาวของตัวเองมาก”คำพูดนี้ทำให้ฮูหยินน้อยหลัวขมวดคิ้ว นางเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ท่านพี่ ท่านอ๋องกำลังจัดการคดี พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า?”“ไสหัวไป!”คุณชายใหญ่หลัวผลักฮูหยินน้อยหลัวออกไปอย่างไม่ไยดี“นางเป็นน้องสาวข้า ข้าไม่ปกป้องนางแล้วจะให้ปกป้องใคร?”“อ๊ะ!” ฮูหยินน้อยหลัวล้มลงกับพื้น ข้อมือหลุดทันที ท่าทางน่าเวทนา ทำให้ผู้คนรอบข้างอดสงสารไม่ได้ถึงแม้จะปกป้องน้องสาว แต่ก็ไม่เห็นต้องใจร้ายกับฮูหยินของตัวเองเช่นนี้ อีกอย่าง สิ่งที่ฮูหยินน้อยหลัวพูดก็ถูก ท่านอ๋องกำลังจัดการคดี จะไปขัดขวางทำไมกัน“คุณชายใหญ่หลัว ท่านทำเกินไปหรือไม่?” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น“หากคุณหนูใหญ่หลัวเป็นผู้บริสุทธิ์จริง เมื่อท่านอ๋องสืบสวนแล้ว ก็จะคืนความยุติธรรมให้แก่นางอย่างแน่นอน”“ใช่แล้ว เหตุใดต้องโมโหขนาดนั้น? แถมยังผลักฮูหยินของตนเองล้มอีก”คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยตาม คงเป็นเพราะมีทหารอยู่รอบ ๆ เป็นจำนวนมาก จึงได้แต่อดทน ไม่ได้เข้าไปพยุงฮูหยินน้อยหลัวขึ้นมาหลัวเฉิงแสดงสีหน้าลำบากใจ “ผู้หญิงคนน
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก