จากนั้นก็พยุงชายคนนั้นขึ้นมา เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เฉิงเซวียน ท่านไม่เป็นไรนะ?”“ข้าไม่เป็นไร”เฉิงเซวียนเอามือลูบอกด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ซี่โครง ซี่โครงเหมือนจะหัก”“อะไรนะ!” เนี่ยชิงหลานยิ่งร้อนใจ เกือบจะร้องไห้ออกมา รีบหันไปมองกู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ พอจะให้เขาไปพักที่จวนของท่านก่อนได้หรือไม่ หาหมอให้เขาสักหน่อย”กู้หว่านเยว่เห็นว่าทั้งสองคนรู้จักกัน รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย“ให้ข้าดูหน่อย”เพิ่งจะยื่นมือออกไป เฉิงเซวียนก็หน้าแดงถอยหลังไปหนึ่งก้าว“ท่านจะทำอะไร ชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน!”ตื่นเต้นเกินไป อีกทั้งยังเจ็บปวดจนแทบขาดใจเดิมทีกู้หว่านเยว่แค่อยากจะตรวจดูว่าเขาซี่โครงหักหรือไม่ ถ้าไม่หักก็ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ แต่พอเห็นแบบนี้จึงชักมือกลับ“ชิงเหลียน เจ้าไปตามหมอมา”“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนมองทั้งสองคนด้วยความไม่พอใจ คิดในใจว่าทั้งสองคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ในเมื่อรู้จักกัน เหตุใดจึงไม่พูดจากันดี ๆ ต้องมาทำเรื่องแบบนี้ด้วยและพระชายาก็หวังดี อยากจะช่วยดูอาการให้เขา เหตุใดเขาต้องทำท่าทางต่อต้านเช่นนั้นด้วย?นางจ้องทั้งสองคนตาเขม็ง แล้วร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอก“มาแล้ว”กู้หว่านเยว่วางขลุ่ยลง แล้วออกมาจากมิติปรากฏว่าเห็นเนี่ยชิงหลานยืนอยู่ข้างนอก น้ำตาไหลอาบแก้ม “พี่หญิงกู้ ท่านช่วยไปดูอาการพี่ชายของข้าได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะสาหัสมาก”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้ว “ที่แท้ชายผู้นั้นก็คือลูกพี่ลูกน้องของเจ้าหรอกหรือ”เนี่ยชิงหลานหน้าแดงระเรื่อ จากนั้นพยักหน้าเบา ๆ “อืม เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า ชื่อเฉิงเซวียน พวกเราหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก ถือว่าเป็นคู่หมั้นของข้า”กู้หว่านเยว่เข้าใจทันที ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งสองคนถึงได้ดึงกันไปดึงกันมาที่หน้าจวนกู้ และเฉิงเซวียนยังทำท่าทางหวงแหนเนี่ยชิงหลานมากเช่นนั้น“พี่หญิงกู้ ขอร้องล่ะ ท่านช่วยไปดูเขาหน่อยได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้เขาพูดจาไม่ดีใส่ท่าน ข้าขอโทษแทนเขาด้วย”กู้หว่านเยว่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย นางลืมคำพูดนั้นไปตั้งนานแล้ว“รอเดี๋ยว ข้าจะกลับไปเอาหีบยา”ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัย นางให้ชิงเหลียนไปตามหมอแล้วมิใช่หรือ? ปกติแล้ว ถึงแม้ซี่โครงจะหัก หมอก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเช่นนี้ได้เมื่อเห็นเนี่ยชิงหลานร้อง
ตอนที่นางฝึกวรยุทธ์ บาดแผลที่ได้รับนั้นสาหัสกว่านี้มาก ก็ไม่เคยร้องโอดครวญเช่นนี้มาก่อน“ดามเสร็จแล้ว เลิกร้องโวยวายได้แล้ว”กู้หว่านเยว่ลงมืออย่างรวดเร็ว พยายามทำให้อีกฝ่ายเจ็บน้อยที่สุดเฉิงเซวียนทั้งกลัวทั้งเจ็บ พอได้ยินคำพูดของกู้หว่านเยว่ ก็พบว่าไม้ดามกระดูกถูกดามไว้เรียบร้อยแล้ว ซี่โครงก็มีที่พยุง ไม่เจ็บเหมือนเมื่อก่อนแล้ว“อาการบาดเจ็บของเจ้าไม่หนักมาก ลงจากเตียงเดินได้ตามปกติ แต่ห้ามออกกำลังกายหักโหม และห้ามยกของหนัก หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว”กู้หว่านเยว่กำชับ หมอหลินยกนิ้วโป้งให้“พระชายา ท่านมีทางออกจริง ๆ เช่นนั้นข้าไปจัดยาก่อน”“ไปเถิด“ขอบคุณ”หลังจากหายเจ็บแล้ว สติของเฉิงเซวียนก็กลับคืนมาไม่น้อย เขานึกถึงท่าทางของตัวเองเมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย หน้าแดงก่ำ“ไม่คิดเลยว่าท่านจะรู้เรื่องการแพทย์จริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าพูดผิดไป”คนผู้นี้ยังรู้จักขอโทษ แสดงว่าไม่ได้เลวร้ายจนเกินเยียวยากู้หว่านเยว่มอบหีบยาให้ชิงเหลียน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสบาย ๆ “ผู้ชายที่คิดว่าผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชายอย่างเจ้ามีเยอะแยะ ข้าไม่ใส่ใจหรอก”เพียงประโยคเดียว ก็ทำใ
“จริงสิ พี่หญิงกู้ พรุ่งนี้งานเลี้ยงของสกุลหลัว ข้าไปด้วยได้หรือไม่?”เนี่ยชิงหลานเปลี่ยนอารมณ์เร็ว นางทำหน้าอยากรู้อยากเห็นแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินมาว่า คุณหนูใหญ่ของสกุลหลัวอายุเกือบสามสิบปีแล้ว แต่ใช้วิธีลับ ทำให้ยังคงสวยเหมือนหญิงสาววัยสิบแปด ข้าอยากไปดู”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้ว แม้แต่เนี่ยชิงหลานยังรู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองแล้วหากเหล่าขุนนางชนชั้นสูงเริ่มทำตามคุณหนูใหญ่หลัว กินหนูและสัตว์เป็น ๆ ละก็ ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ ๆ “ได้ พรุ่งนี้เจ้าไปกับข้า”กู้หว่านเยว่พยักหน้าเห็นด้วย ในใจก็เกิดความสงสัยคุณหนูใหญ่หลัวขึ้นมาสองส่วนวันรุ่งขึ้น ซูจิ่งสิงตั้งใจไม่ไปที่ศาลาว่าการ เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงกับกู้หว่านเยว่“พี่สะใภ้ใหญ่ เขาเป็นใครหรือ?”ซูจื่อชิงมองเฉิงเซวียนที่พันผ้าพันแผลอยู่ด้วยสีหน้างุนงง ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ในบ้านมีผู้ชายเพิ่มมาอีกคน เหตุใดเขาถึงไม่รู้เรื่อง?“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า” เนี่ยชิงหลานรีบอธิบาย เฉิงเซวียนพยักหน้า แนะนำตัวเอง “สวัสดีทุกคน ข้าชื่อเฉิงเซวียน”“อ้อ ข้าชื่อซูจื่อชิง นี่คือเมี่ยชิงหว่าน คู่หมั้นของข้า”ซูจื
ในตอนนี้ หลัวจือฉิงยังไม่รู้จักฐานะที่แท้จริงของทั้งสองคน เพียงแต่รู้สึกว่าโลกกลม พบเจอคนที่ไม่อยากจะพบ“ดีเลย ข้ากำลังจะไปหาพวกเจ้าอยู่พอดี ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะมาหาข้าถึงที่”นางจ้องมองซูจิ่งสิงตาเป็นมัน“วันนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ”ซูจื่อชิงแสดงสีหน้างุนงง “พี่ใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกัน นางเป็นใคร”หลัวจือฉิงมองไปยังซูจื่อชิง จากนั้นก็ละสายตาไป “พี่ชายหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น เหตุใดน้องชายถึงได้ขี้เหร่เช่นนี้”ซูจื่อชิง ...เกินไปแล้วนะ!หลัวจือฉิงยิ้มพลางเดินไปข้างหน้าทั้งสองคน สายตาจ้องมองซูจิ่งสิงไม่วางตา “หนุ่มน้อย คราวนี้เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว”ที่นี่คือจวนหลัวของนาง นางรีบเรียกบ่าวรับใช้ให้มาจับตัวซูจิ่งสิงแล้วมัดไว้ความเคลื่อนไหวนี้ ทำให้ทุกคนหันมามอง“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“หว่านเยว่ คุณหนูหลัวนี่เป็นอะไรไป?”ซ่งเสวี่ยก็แสดงสีหน้างุนงงเช่นกัน กู้หว่านเยว่อธิบายเบา ๆ “นางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเรา”บ่าวรับใช้ถูกหลัวจือฉิงเรียกมา เมื่อเห็นซูจิ่งสิงก็ยังงุนงงเล็กน้อย “พวกเจ้ามัวยืนงงอยู่ทำไม รีบเข้าไปจับผู้ชายคนนี้มัดให้ข้าเร็วเข้า!”“คุณหนู เขาคือ
“สุดท้ายก็ลักพาตัวคุณหนูหลัวไปในพริบตา พระชายา ท่านนี่สุดยอดจริง ๆ ”ซูจิ่งสิงมองด้วยสายตาอาฆาต “เจ้ามีปัญหาหรือ?”“ไม่ใช่ ๆ ข้าไม่มีปัญหา” เฉิงเซวียนรีบอธิบาย “ข้าหมายถึงคนปกติคงไม่กล้าทำแบบพระชายา แต่ว่าวิธีของพระชายานี่ก็สะใจดี”นั่นมันก็จริงคนทั่วไปเห็นว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงของสกุลหลัว ส่วนใหญ่ก็คงเลือกที่จะไม่เอาเรื่องขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นมา “คุณหนูใหญ่สกุลหลัวมาแล้ว”ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนก็หันไปมอง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่คุณหนูใหญ่สกุลหลัวที่เดินออกมาอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นทุกคนก็ตกตะลึงในทันทีเป็นไปตามที่เมี่ยชิงหว่านพูดไว้ คุณหนูใหญ่สกุลหลัวผู้นี้ดูเหมือนหญิงสาวอายุสิบแปดปีจริง ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ ไม่เหมือนหญิงวัยสามสิบเลยสักนิด“นึกถึงตอนนั้น ข้าเคยเจอคุณหนูใหญ่สกุลหลัวด้วยนะ ก่อนที่นางจะไปรักษาตัวที่เรือนพักตากอากาศ ข้าก็เล่นกับนางสนิทกันดี ไม่คิดเลยว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ข้าเป็นแม่คนไปแล้ว แต่คุณหนูใหญ่หลัวยังดูอ่อนเยาว์เช่นนี้ แถมยังงดงามกว่าเมื่อก่อนอีก”มีเสียงบ่นพึมพำดังมาจากข้าง ๆ กู้หว่านเยว่หันไปต
น้ำเสียงของนางอ่อนหวานนุ่มนวล ท่าทางบอบบาง ทั้งคนดูน่าสงสาร ยิ่งตอนที่นางโค้งคำนับเล็กน้อย เผยให้เห็นลำคอที่ขาวผ่องบอบบาง ยิ่งมองก็ยิ่งน่าทะนุถนอมซูจิ่งสิงไม่สนใจนางอย่างสิ้นเชิงปล่อยให้นางย่อตัวอยู่อย่างนั้น“ท่านอ๋อง?” คุณหนูใหญ่หลัวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร ร่างกายสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ชายคนหนึ่งรีบก้าวออกมา ประคองมือของนางไว้ “ไฉ่เอ๋อร์ ร่างกายเจ้าไม่ค่อยแข็งแรง รีบไปพักข้าง ๆ เถิด”“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องสนใจข้า น้องสาวข้าทำผิด ข้าต้องขอโทษแทนนาง”หลัวไฉ่กล่าวอย่างน่าสงสาร ดวงตาจับจ้องไปที่ซูจิ่งสิงกู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างคลุมเครือ นางผู้นี้คิดจะยั่วยวนสามีของตน“ไฉ่เอ๋อร์ พอเจ้ากลับมา น้องสาวก็รังแกเจ้า แต่เจ้ายังพูดแทนนางอีก เจ้าใจดีเกินไปแล้ว”หลัวเฉิงมองนางด้วยสายตารักใคร่ สีหน้าเช่นนั้นทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกขัดใจขอร้องล่ะ สองคนนี้คงไม่ใช่...“พี่ใหญ่ ท่านดีกับข้าจริง ๆ ” หลัวไฉ่เช็ดน้ำตาพลางถือโอกาสเดินไปนั่งข้าง ๆ เขาเหล่าคุณหญิงคุณนายรีบเข้ามารุมล้อมหลัวไฉ่ “คุณหนูใหญ่หลัว ก่อนหน้านี้ท่านป่วยหนักมิใช่หรือ โรคนี้หายได้อย่างไร?”มีคนหนึ่งถามขึ้
เขาแสดงท่าทางเข้าอกเข้าใจเหมือนกับพี่ชาย ทำให้เนี่ยชิงหลานพูดไม่ออก อดไม่ได้ที่จะเหยียบเท้าเขาอย่างแรง“ท่านจะมายุ่งทำไม เหตุใดต้องมาคอยควบคุมข้าด้วย?”เฉิงเซวียนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย เจ็บมาก ๆ เจ้าเหยียบเท้าข้าจนจะหักแล้ว”ตั้งแต่เด็กเขาก็มีความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงกว่าคนทั่วไป เนี่ยชิงหลานตกใจ รีบเอ่ยขึ้น“เจ็บขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าก็ไม่ได้ออกแรงมากนะ”“เจ็บ เจ็บมากจริง ๆ รีบพยุงข้านั่งลงที”เนี่ยชิงหลานรีบพยุงเขาไปนั่งบนม้านั่งหินที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ“เจ็บขนาดนี้ควรทำอย่างไร? ไม่เช่นนั้นท่านถอดรองเท้ากับถุงเท้าออก แล้วให้ข้าช่วยดูว่าเป็นอะไรดีหรือไม่”“ไม่ต้อง ช่วยเทน้ำชาให้ข้าสักถ้วย ข้าพักสักครู่ก็ดีขึ้นเอง”“ได้ ข้าจะเทน้ำชาให้ท่านเดี๋ยวนี้”เนี่ยชิงหลานคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหยียบเท้าเขาจนเจ็บก่อน ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว จึงทำตามที่เฉิงเซวียนบอก รีบไปเทน้ำชาให้เขาเมื่อนางหันหลังกลับ เฉิงเซวียนก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อครู่เขาพูดมากมายขนาดนั้น น้องหญิงก็ไม่ฟัง มีแต่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้น้องหญิงเชื่อฟังแล้วไม่เข้าไปยุ่งครั้งนี้ ไม่ใ
“ขอรับ คุณหนู ท่านนี่รอบคอบจริง ๆ คนที่อยู่ชั้นบนคือคู่หมั้นของท่านใช่ไหม?”เจ้าของรับเงินไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดหยอกเย้า หงเจาแตะข้อมือที่เพิ่งถูกจับโดยสัญชาตญาณก่อนจะจากไปโดยไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ครึ่งชั่วยามต่อมา บะหมี่หยางชุนก็ถูกนำมาให้หร่านถิง“ข้าไม่ได้สั่งบะหมี่หยางชุนนี่” เขาเอ่ยด้วยความมึนงงเล็กน้อยบริกรอธิบายว่า “คู่หมั้นของท่านสั่งให้ท่าน จ่ายค่าห้องไว้ห้าวัน ยังกำชับข้าเป็นพิเศษว่า ช่วงนี้ให้ทางเราทำอาหารบำรุงร่างกายให้ท่านทุกวันด้วย คู่หมั้นของท่านดีกับท่านมากจริง ๆ”คู่หมั้น? คู่หมั้นของเขามาจากไหนกัน หร่านถิงไม่รู้จักตัวตนของหงเจา อาจเป็นเพราะเขาผ่านความยากลำบากในช่วงนี้มามากเกินไป หัวใจที่ไม่ได้ถูกสัมผัสมาเป็นเวลายี่สิบปีเกิดความรู้สึกประทับใจบางอย่างตอนที่กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยพาลูก ๆ มาเที่ยวเล่น เมื่อเห็นหงเจากลับมาก็ไม่ได้ถามอะไรเลยการก่อสร้างสำนักศึกษาถงซันเสร็จสมบูรณ์แล้ว กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยหารือเรื่องการไปสอนหนังสือที่สำนักซ่งเสวี่ยยินดีปรีดามาก “ข้าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับพ่อสามีไปเมื่อไม่นานมานี้เองเดิมทีคิดว่าเขาจะคัดค้าน แต่ไม่นึกว่าเขาจะตอบตก
ความหมายของเจ้าก็คือ เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองอวี้ เห็นกับตาตัวเองว่าสุยเซียนถูกพวกเราจับตัวไป ดังนั้นจึงมาปลิดชีวิตของสุยเซียนได้ทันท่วงที?”ซูจิ่งสิ่งเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ทันทีกู้หว่านเยว่ส่ายหัว “มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น”สายตาของซูจิ่งสิงจับจ้องไปที่ร่างของสุยเซียน ก่อนจะสั่งให้ผู้ว่าการอำเภอจัดการศพ สำหรับสมาชิกสกุลหลัวนั้น“คนของสกุลหลัวเหล่านี้ ให้ทางการมาจัดการเถอะ”คุกใต้ดินสกปรกเกินไป บวกกับการรีบเร่งไปศึกษาแมลงตัวน้อยของกู้หว่านเยว่ จึงไม่อยู่ในคุกใต้ดินนานนัก รีบออกไปอย่างรวดเร็วตอนที่ออกมา ก็บังเอิญพบกับซูจื่อชิง เนี่ยชิงหลานและคนอื่น ๆ ที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“พี่หญิงกู้ เป็นยังไงบ้าง หญิงผู้นั้นสารภาพแล้วหรือ เรื่องสูตรยาลับมันคืออะไรกัน?”หลายคนรายล้อมเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า“สูตรยาลับเป็นของปลอม นางเป็นสายลับของทูเจวี๋ย”“เป็นสายลับของทูเจวี๋ยจริงด้วย ชาวทูเจวี๋ยนั้นน่ารังเกียจ ทำไมสายลับของทูเจวี๋ยถึงแทรกซึมเข้าไปในเจดีย์หนิงกู่ของพวกเราได้?”ซูจื่อชิงถามด้วยความอยากรู้ ซูจิงสิ่งไม่อยากพูดอะไรมากนักข้างนอ
จะเห็นได้ว่าแม่ทัพอย่างเหยลวี่เจิง มีความคิดชั่วร้ายขนาดไหน“ขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ารู้จักลี่จีไหม?”“ข้ารู้จัก พวกเราทุกคนเป็นพี่น้องกันจากหอร้อยบุปผา ครั้งนี้นางทำภารกิจที่หนึ่ง ส่วนข้าทำภารกิจที่สอง ถ้าภารกิจที่หนึ่งสำเร็จ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำสองภารกิจที่สองต่อ แต่ถ้าภารกิจที่หนึ่งล้มเหลว ภารกิจที่สองของข้าจะเริ่มทันที”สุยเซียนพูดโดยจิตใต้สำนึก“เมื่อหลายวันก่อน ข้ารู้เรื่องการตายของลี่จี้ คาดเดาว่าภารกิจที่หนึ่งอาจจะล้มเหลว ดังนั้นจึงเริ่มภารกิจที่สองทันที”“งานเลี้ยงในวันนี้หรือ?”“ถูกต้อง โดยการแสดงให้ทุกคนในงานเลี้ยงได้เห็นว่าผิวพรรณของหลัวไฉ่ในวัยสามสิบนั้นบอบบางพอ ๆ กับตอนอายุสิบแปด ร่างกายก็ดีขึ้นด้วย ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัยอีก”ขอเพียงขุนนางระดับสูงเหล่านี้เชื่อถือ ประชาชนทั่วไปก็จะเลียนแบบ“ทำไมเจ้าไม่ใช้หน้าของตัวเอง?”กู้หว่านเยว่ค่อนข้างอยากรู้ เหตุใดสุยเซียนถึงต้องเสียเวลาใช้หน้ากากผิวหนังมนุษย์ด้วยผิวพรรณของสุยเซียนยังดูอ่อนเยาว์และงดงามมาก สามารถหลอกลวงผู้คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ“ข้าเป็นชาวทูเจวี๋ย ถึงอย่างไรก็มีความแตกต่างบางอย่างจากชาวต้าฉี เป
หลัวเฉิงค่อนข้างหวาดกลัว แต่ยังคงเชิดหน้า “ไฉ่เอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า นางไม่รู้เรื่องอะไร”“ทรมานเขา”ซูจิ่งสิงโบกมือ การกระทำนี้ทำให้หลัวเฉิงไร้ความสามารถไปแล้ว ไม่ใช่ว่าควรสอบสวนก่อนสักครู่ แล้วค่อยใช้การทรมานหรือ? ทำไมพอมาถึงก็จะทรมานเลย?เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่นำที่หนีบนิ้วมาเข้ามา หลัวเฉิงก็กลืนน้ำลาย หวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก วิงเวียนไปหมด“หนีบ”ซูจิงสิ่งสั่งการ เจ้าหน้าที่ออกแรงทันที หลัวเฉิงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ถูกส่งมาจากนิ้ว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังลั่น ถึงขนาดที่ว่าร่างกายท่อนล่างยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ก็ได้เปลี่ยนน้ำเสียงขอความเมตตา“หญิงชั่วช้า ข้าต้องการมีชีวิตอยู่...นางไม่ใช่หลัวไฉ่ หลัวไฉ่ตัวจริงตายไปแล้ว นางคือหญิงที่ข้าพบในอารามเต๋า หยุด!ซูจิงสิ่งพูดอีกครั้ง “หยุด”หลัวเฉิงน้ำมูกน้ำตาไหลปะปนกัน แทบจะหมดสติไป พิงอยู่บนไม้ตรึงนักโทษ หอบเหมือนลูกหมาที่กำลังจมน้ำกลัวว่าที่หนีบจะรัดแน่นขึ้นอีกครั้ง เขาจึงรีบพูดออกมา“หญิงผู้นี้บอกว่านางชื่อสุยเซียน เป็นอนุที่หลบหนีออกมาจากขุนนาง ขอให้ข้าคุ้มครองนาง ตอนแรกข้าไม่ตอบตกล
“อ๊อก หยุดพูดเถอะ ข้าอยากอาเจียน”หร่านถิงหน้าเหยแก รู้สึกหวาดกลัวผู้หญิงเป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีหญิงใดที่หลงใหลเขา แต่ที่จะเป็นจะตายเพราะเขา ต้องการให้เขาตาย หลัวจือฉิงนั้นเป็นคนแรก“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย” หลัวจือฉิงมองไปที่หลัวฮูหยิน นางถูกหร่านถิงตีด้วยไม้กวาดจนเจ็บปวดมากไม่นึกว่าหลัวฮูหยินจะพูดขึ้นมาอย่างหวาดกลัว “ตัวเองทำผิด ถูกทุบตีก็ต้องอดทนไว้”หร่านถิงผู้นี้รู้จักกับชายาท่านอ๋อง ถูกตีมากกว่านี้อีกหน่อยบางทีชายาท่านอ๋องอาจจะคลายโมโหได้ ไม่ทำให้สกุลหลัวลำบาก“ท่านแม่?” หลัวจือฉิงยังคิดว่าตัวเองหูฝาดไป “นี่ท่านกำลังพูดภาษาคนอยู่หรือเปล่า?”เมื่อเห็นหลัวฮูหยินเบือนหน้าหนี นางก็โกรธจนกระอักเลือด ระเบิดออกมาอย่างหนักหน่วงออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใด“ต่อให้ข้าแอบเลี้ยงผู้ชายไว้ในเรือน แต่ก็เพราะเรียนรู้มาจากท่าน ดูนางให้ดูแม่!”“...”“บัดซบ หลัวฮูหยินแอบเลี้ยงผู้ชายไว้ในเรือนอย่างไม่น่าเชื่อ!”“ปกตินางมักจะเสแสร้งทำตัวเป็นหญิงบริสุทธิ์ยึดมั่นในคุณธรรม แล้วยังดูถูกอนุภรรยาอีกด้วย จะเป็นไปได้อย่างไร?”ทุกคนรู้จักกันหมด หลัวฮูหยินนั้นอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี“ห
ปรมาจารย์แพทย์กำลังศึกษาค้นคว้าหน้ากากผิวหนังมนุษย์ หน้ากากนี้เป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ บางราวกับว่างเปล่า คลุมใบหน้าเบา ๆ ก็สามารถเปลี่ยนรูปโฉมของคนได้“ให้ข้าดูหน่อยว่ามันทำยังไง หนังหมู กระเพาะปลา ยังมีอะไรอีก?”“เจ้าหุบเขา แสดงให้ศิษย์ดูหน่อย”หมอหลินอิจฉา เขายังไม่เคยเห็นหน้ากากผิวหนังมนุษย์มาก่อน ปรมาจารย์แพทย์เองก็ไม่ได้ใจแคบเช่นกัน ก่อนจะโบกมือให้“มา ๆ ๆ เสี่ยวหลิน เจ้าดูซิช่าว่าขนคิ้วบนนี้ทำจากอะไร”ชายชราและชายหนุ่มกำลังศึกษาหน้ากากผิวหนังมนุษย์อยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง“ไม่ทราบว่าท่านคือเจ้าหุบเขาของหุบเขาราชาโอสถหรือไม่?”ชายที่เพิ่งร้องไห้อย่างขมขื่นที่ไม่สามารถช่วยชีวิตแม่ได้รีบถามขึ้น“ข้าน้อยแซ่หลิว เป็นถงจือของเมืองอวี้ ในเรือนของข้าน้อยมีมารดาสูงอายุนอนป่วยติดเตียงอยู่คนหนึ่ง ท่านเจ้าหุบเขาช่วยแม่ของข้าได้หรือไม่”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ปรมาจารย์แพทย์ต้องไม่ไปแน่นอน แต่ตอนนี้ที่เขาต้องการก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ต้องรีบสร้างชื่อเสียงให้ขจรขจายออกไป“รอสักครู่ หลังจากงานเลี้ยงจบลง ข้าจะไปดูเอง””ขอบคุณเจ้าหุบเขา”ถงจือหลิวก็เป็นคนสายตาแหลมคมเช่นกัน มองออกว่
“ตกลง แม่รับปากเจ้า หย่าก็หย่า!”สวีฮูหยินพูดพลางแอบสังเกตกู้หว่านเยว่สักครู่ เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร จึงรีบฉวยโอกาสนี้ดึงฮูหยินน้อยหลัวออกไปทางด้านข้างกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกเห็นใจฮูหยินน้อยหลัวเช่นกัน ไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยอะไร พลางส่งสายตาให้ชิงเหลียน ให้นางจับหลัวเฉิงไว้ จากนั้นก็มองไปที่หลัวไฉ่“เจ้าเป็นใครกันแน่?”หลัวไฉ่ถูกตรึงอยู่กับพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ พลางมองไปที่กู้หว่านเยว่พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะ“อยากรู้ว่าข้าเป็นใครใช่ไหม? ยังไงข้าก็ไม่บอกท่านหรอก ท่านฆ่าข้าเสียเถอะ อันที่จริงเมื่อตกอยู่ในมือท่านข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่มองดูหลัวไฉ่ในสภาพนี้ ช่างเหมือนกับลี่จีจริง ๆ แล้วความคิดก็ผุดขึ้นมาในใจของนาง“หงเจา ไปดูซิว่ามีดอกโบตั๋นบนหน้าอกของนางหรือไม่”“เจ้าค่ะ” หงเจารีบเดินเข้าไป พลางคว้าหลัวไฉ่ที่กำลังถอยหนี ก่อนจะฉีกเสื้อผ้าตรงหน้าอกของนางออก เห็นรอยสักดอกหนึ่งบนนั้นดังคาด“ฮูหยิน มีดอกโบตั๋นอยู่ดอกหนึ่งจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเป็นคนจากหอร้อยบุปผา”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง สงสัยว่าหลัวไฉ่ตัวจริงอาจจะตายไปแล้วก็ได้“ข้าไม่ใช่!” หลัวไฉ่รีบส่ายหั
ครั้งหนึ่งหลัวฮูหยินเคยคัดค้านเรื่องนี้ แต่หลัวเฉิงยืนกรานอย่างหนักแน่น หากหลัวฮูหยินไม่เห็นด้วย เขาจะแขวนคอฆ่าตัวตาย“กลัวว่าเขาจะคลุ้มคลั่ง ข้าเลยทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง”หลัวฮูหยินพยายามแก้ต่าง“ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ว่านางเป็นสายลับของทูเจวี๋ย จะไม่ยอมให้นางเข้าไปในจวนเด็ดขาด”“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” หลัวเฉิงโมโหมาก“ก่อกวนก็ต้องมีขีดจำกัด ตอนนี้สกุลหลัวของเราทั้งหมดมีอันตรายรออยู่ ข้าทำเพื่อปกป้องครอบครัวของเรา”หลัวฮูหยินหลับตาลงอย่างเย็นชา แสดงให้เห็นว่าไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อหลัวไฉ่เลย“ท่านแม่!” หลัวเฉิงกำหมัด อดมองไปที่หลัวไฉ่ไม่ได้สายตานี้จับจ้องไปที่ดวงตาของฮูหยินน้อยหลัว ตื่นเต้นจนนางไม่อยากจะเชื่อ พลางถามว่า“คนผู้นี้ไม่ใช่น้องสาวของเจ้าจริง ๆ”“ไม่ใช่ แม่ของข้าพูดจาเหลวไหล ไฉ่เอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า”หลัวเฉิงส่ายหัว ไม่กล้าสบตากับฮูหยินน้อยหลัว ท่าทางหวาดหวั่นของเขาชัดเจนว่ากำลังพูดโกหก ฮูหยินน้อยหลัวมีหรือจะไม่เข้าใจ?นางพุ่งเข้าไปจับเส้นผมของหลัวเฉิงด้วยความโมโห ก่อนจะออกแรงกระชาก“ข้าว่าแล้ว ทำไมท่านถึงชอบเข้าไปในห้องของนางกลางดึกเสมอ ข้าค
กู้หว่านเยว่หาเก้าอี้นั่งลง โยนหน้ากากหนังนั่นลงบนโต๊ะด้วยท่าทางรังเกียจ ปรมาจารย์แพทย์หยิบขึ้นมาทันที“วิชาปลอมตัวนี่น่าสนใจดี ข้าจะศึกษาวิจัยดู”“ท่านดูได้ตามสบาย”กู้หว่านเยว่ใจกว้างกับคนกันเองมาก หลัวฮูหยินกลับมาถึงช้า“ท่านอ๋อง นี่มันเกิดอะไรขึ้น สกุลหลัวของเราทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องส่งทหารมาล้อมพวกเรา?”“เรื่องนี้ถามลูกสาวสุดที่รักของเจ้าจะไม่ดีกว่าหรือ?”กู้หว่านเยว่จ้องมองหลัวไฉ่“ให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ใครส่งเจ้ามา เจ้าเผยแพร่สูตรลับนี้มีจุดประสงค์อะไร”“ถุย”หลัวไฉ่ถ่มน้ำลายด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ท่านฆ่าข้าเสียเถิด ข้าไม่มีวันปริปากหรอก”“ใครอนุญาตให้เจ้าพูดกับพระชายาแบบนี้?”ชิงเหลียนปกป้อง ตบหน้านางไปหนึ่งฉาดหลัวไฉ่มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก ดวงตาฉายแววเคียดแค้น กู้หว่านเยว่ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับนาง ดูจากท่าทางของหลัวไฉ่แล้ว ก็รู้ว่านางปากแข็งมาก“ท่านพี่ ในเมื่อนางไม่ยอมพูด ก็จับคนสกุลหลัวไปขังคุกให้หมดเถิด”พอไปถึงคุกใต้ดินแล้ว ค่อยสอบสวนนางอีกที“อืม จับตัวพวกเขาไปให้หมด”ซูจิ่งสิงโบกมือ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา จับคนสกุลหลัวทั้งหมด รวมถึงบ่าวไพร่