หุบเขาราชาโอสถ ไม่ใช่พวกปลาซิวปลาสร้อยทั่ว ๆ ไปจะเข้ามาได้“เจ้าหนูสกุลซู เรื่องก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ฝากเจ้าช่วยใส่ใจด้วยนะ”ในที่สุดสายตาของปรมาจารย์แพทย์ก็มองเห็นซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงจูงมือของกู้หว่านเยว่ จากนั้นหยักหน้า“น้องหญิงสนับสนุนท่านผู้อาวุโส ข้าก็สนับสนุนด้วยเช่นกัน”“บ้าเอ๊ย เริ่มอวดความหวานกันอีกแล้ว ข้าไปก่อนละ ไปแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเขาจะรับลูกศิษย์ก่อน จากนั้นหาสถานที่ก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ!“ปรมาจารย์แพทย์เปลี่ยนไปมาก หากเทียบกับเมื่อก่อน”ซูจิ่งสิงจูงมือของกู้หว่านเยว่ แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์แพทย์ไม่เคยสนใจชีวิตความเป็นความตายของใคร“นี่เป็นเรื่องที่ดี”ทั้งสองคนเข้าไปในจวน ไปดูจ้านจ้านที่หลังเรือน เช้าวันรุ่งขึ้น หวังปี้และซูหรานหร่านก็มาจากหมู่บ้านสือหานทั้งสองคนมาเพื่อแสดงความยินดี“ข้าตั้งครรภ์แล้ว”ซูหรานหร่านลูบท้องของนาง บนใบหน้ามีความอ่อนโยนของการที่จะได้เป็นแม่คน“หมอบอกว่าสองเดือนแล้ว”เพราะเป็นหลานสาวแท้ ๆ นางหยางและซูจิ้งก็ยินดีกับนางเช่นกันคิดดูแล้วหวังปี้ก็เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ส่วนซูหรานหร่าน
“โชคดีที่ซูหรานหร่านกลับไปแล้ว”กู้หว่านเยว่รู้สึกละอายใจ มิฉะนั้นถ้าสกุลซูก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมา ลูกในท้องของนางก็อาจจะอันตราย“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อเขาอยากก่อเรื่อง ก็ปล่อยให้เขาก่อเรื่องให้เต็มที่ไปเลย”ซูจิ่งสิงแสดงสีหน้าเย็นชา การไม่ลงมือฆ่าพวกเขา ถือเป็นความเมตตาสุดท้ายของเขาแล้วแต่อีกฝ่ายบุกมาถึงที่ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะจัดการพวกเขาด้วยตัวเองทั้งสองคนไม่ได้ใส่ใจสกุลซู หลังจากจัดการธุระเสร็จแล้ว เซวียผิงก็มาที่จวนกู้โดยเฉพาะ เพื่อคุกเข่าคำนับซูจิ่งสิง“ขอบคุณนายท่านที่ให้โอกาสนี้แก่ข้า ทำให้ข้าสามารถล้างแค้นให้ภรรยาผู้ล่วงลับได้”นายท่านเซวียถูกตัดหัวประจานต่อหน้าธารกำนัลแล้วเซวียผิงรอมาเกือบสิบปี ในที่สุดก็ได้ล้างแค้นให้ภรรยาผู้ล่วงลับ เขาซื้อดอกไม้ช่อหนึ่งและถือเหล้ากาหนึ่ง ไปที่หลุมศพของภรรยาอย่างมีความสุขหลังจากไหว้หลุมศพแล้ว ก็มาหาซูจิ่งสิงเพื่อขอบคุณ“ลุกขึ้นเถิด นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับ”ซูจิ่งสิงก็ชื่นชมว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ“จากนี้ไป ข้าน้อยยินดีสวามิภักดิ์ต่อนายท่าน ทุ่มเททั้งกายและใจ จนกว่าชีวิตจะหาไม่”เซวียผิงแสดงความจงรักภักดีความแค้นได้รับการ
“หลี่มั่น เหตุใดถึงเป็นเจ้า เจ้า เจ้าถูกเนรเทศไปแล้วมิใช่หรือ?”เรื่องของสกุลเซวีย เป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วเมืองอวี้แล้วช่วงนี้ตามตรอกซอกซอย หัวข้อสนทนาของชาวบ้านหลังมื้ออาหารก็คือเรื่องการล่มสลายของสกุลเซวียหลี่ชิวเตี๋ยก็รู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมดแล้วแท้จริงแล้ว เจ้าของร้านเพียวเซียงที่คอยสร้างความรำคาญใจให้นางตลอดหลายวันมานี้ กลับเป็นเพื่อนรักของนาง!เดิมทีนางอยากจะไปตบหน้าเซวียฮูหยินสักฉาดแต่บ่าวที่ส่งไปสืบข่าวบอกนางว่านายท่านเซวียถูกตัดหัวประจานแล้ว และทุกคนในสกุลเซวียจะถูกเนรเทศไปยังเมืองตะวันไม่ตกดินในวันนี้หลี่ชิวเตี๋ยเป็นคนใจอ่อน เมื่อเห็นว่าเซวียฮูหยินได้รับผลกรรมแล้ว นางก็ไม่คิดจะซ้ำเติมอีกคาดไม่ถึงเลยว่าเซวียฮูหยินจะหนีกลับมาได้และนางยังกล้ามาลอบสังหารกู้หว่านเยว่ ดูจากมีดเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าเล็งไปที่กู้หว่านเยว่“หลี่มั่น เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”เซวียฮูหยินหลบสายตา ไม่กล้าสบตากับหลี่ชิวเตี๋ย“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้าจะฆ่ากู้หว่านเยว่!”หลี่มั่นตัวบวมแดงไปหมด จ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาอาฆาต“เจ้า เจ้าเป็นคนลงมือจัดการกับสกุลเซวียของข้า
“นั่นเป็นเพราะว่านายท่านเข้าใจข้าผิด เขาคิดว่าข้าและเจ้าของร้านเสิ่นมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ปกติเขาก็ดีกับข้ามาก”เซวียฮูหยินจ้องมองด้วยสายตาอาฆาต “เจ้าเป็นคนฆ่านายท่าน ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต”พูดประโยคนี้จบ นางก็พุ่งเข้าใส่กู้หว่านเยว่โดยตรงเซวียฮูหยินเป็นเพียงสตรีในเรือนหลัง ไม่มีวรยุทธ์เลยการกระทำของนางในสายตาของกู้หว่านเยว่ ดูตลกสิ้นดีกู้หว่านเยว่เพียงแค่ถอยหลังเบา ๆ อีกฝ่ายก็ล้มลงกับพื้นเซวียฮูหยินรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ความสิ้นหวังนี้เกิดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ“กู้หว่านเยว่ เหตุใดเจ้าต้องฆ่านายท่านของข้าด้วย? พวกเราสองคนน่าจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแท้ ๆ แต่เจ้ากลับทำลายทุกอย่าง”หลี่ชิวเตี๋ยอดไม่ได้ที่จะพูดจาเหน็บแนม “เลิกพูดเถอะ ถึงแม้นายท่านเซวียจะยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เจ้าก็ไม่มีทางมีความสุขหรอก”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“ง่ายมาก เขามีผู้หญิงมากมายอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ ตอนที่เราสนิทกัน ข้าก็บอกเจ้าไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ?เขาไม่ใช่คู่ครองที่ดี”หลี่ชิวเตี๋ยเบ้ปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อก่อนนางกับเซวียฮูหยินก็เป็นเพื่อนสนิทกัน มีมิตรภาพที่ดีต่อ
“กู้หว่านเยว่ เจ้าทำลายข้า!”เซวียฮูหยินดึงปิ่นปักผมออกมา แล้วพุ่งเข้าหานางด้วยสายตาอาฆาต ชิงเหลียนรีบชักดาบยาวออกมา กลับเห็นเซวียฮูหยินพุ่งเข้ามาพุ่งเข้ามาชนดาบของนางด้วยลำคอ“อ๊า!”หลี่ชิวเตี๋ยตกใจกลัวจนต้องหลบเลือดที่กระเซ็นออกมา สีหน้าตื่นตระหนก“นาง นางอยากตาย...”ทุกคนต่างมองออกว่าเซวียฮูหยินจงใจหาเรื่องตายเองนางไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว“หลี่มั่น เพื่อผู้ชายคนเดียว มันคุ้มค่าหรือ?”หลี่ชิวเตี๋ยก้มลง พบว่าเซวียฮูหยินสิ้นใจตายคาที่แล้ว นางถอนหายใจเบา ๆ ครั้งหนึ่งนางก็เคยโง่เขลาเพื่อผู้ชายแบบนี้“เถ้าแก่เนี้ย ท่านพอจะมอบศพของหลี่มั่นให้ข้าได้หรือไม่”ในฐานะเพื่อนรักที่เคยผูกพันกันมา หลี่ชิวเตี๋ยอยากให้นางได้ไปสู่สุคติ“ตามใจเจ้า”กู้หว่านเยว่เตือนด้วยความหวังดี “นางมีผื่นแดงขึ้นเต็มตัว เจ้าอย่าไปแตะต้องจะดีกว่า”“เจ้าค่ะ”หลี่ชิวเตี๋ยเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผื่นแดงขึ้นเต็มคอของเซวียฮูหยิน นางตกใจจนรีบชักมือกลับ คาดว่าคงติดโรคผิวหนังมาจากคุกใต้ดินที่สกปรกกู้หว่านเยว่ไม่ได้สนใจเซวียฮูหยิน หันหลังแล้วเดินจากไปนางไม่ได้ใจดีเหมือนหลี่ชิวเตี๋ย คนที่คิดจะฆ่านาง ไม่ลากไปให้สุนั
อวิ๋นมู่กลัวว่านางจะคิดว่าแพงมาก แล้วจะไม่รับไว้หลี่ชิวเตี๋ยเดินเข้ามา เห็นแก้วในมือของกู้หว่านเยว่ก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ “นี่แก้วไม่ใช่หรือ ครั้งก่อนข้าอยากจะซื้อจากชาวต่างชาติ พอถามราคา ปรากฏว่าแพงกว่าทองเสียอีก ข้าตกใจจนต้องรีบเผ่น”“แพงขนาดนั้นเชียว?!”กู้หว่านเยว่ใจเต้นเล็กน้อย หรือว่านางจะสามารถทำแก้วออกมาขายได้“หว่านเยว่ นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอก”อวิ๋นมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่ไม่บอกก็เพราะกลัวว่านางจะปฏิเสธ แต่ไม่นึกเลยว่านางจะรู้เข้าจนได้“แก้วนี้ คุณชายอวิ๋นมอบให้กับเถ้าแก่เนี้ยหรือ?”หลี่ชิวเตี๋ยรู้สึกเจ็บแปลบในใจ คุณชายอวิ๋นใจกว้างจริง ๆ นางรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย“อวิ๋นมู่ ของสิ่งนี้แพงเกินไปแล้ว”หลังจากที่กู้หว่านเยว่รู้ราคาของแก้วใบนั้น ก็ไม่ค่อยอยากจะรับไว้ แต่เมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดของอวิ๋นมู่ นางจึงเปลี่ยนใจ“ข้าหมายความว่าวันหลังข้าจะเลี้ยงข้าวเจ้าเป็นการตอบแทน ส่วนของขวัญข้าขอรับไว้ก่อน”“อืม”อวิ๋นมู่ยิ้มจนตาหยี ดีใจเหมือนเด็ก ๆ ซูจิ่งสิงฉวยโอกาสกล่าวขึ้น “ข้าจะเป็นคนเลี้ยงข้าวเจ้าเอง เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้ามอบของขว
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าของที่ไม่ควรซื้อก็อย่าไปซื้อ เจ้าช่วยประหยัดเพื่อครอบครัวนี้บ้างได้หรือไม่?”กู้อู่เต๋อยืนตะโกนอยู่ในลานบ้าน ทำเอาอนุน้อยอวี๋ตัวสั่นเทานางรู้สึกน้อยใจ “นายท่าน ข้าแค่อยากจะซื้อเสื้อผ้าสักสองชุด เพื่อไปเข้าร่วมงานชมดอกไม้”“เข้าร่วมงานอะไรกัน ซื้อเสื้อผ้าไม่ต้องใช้เงินหรือไร? ชุดที่เจ้าใส่อยู่นั่นก็สิบกว่าตำลึงแล้ว เก็บเงินไว้ก็พอเลี้ยงคนทั้งบ้านได้ตั้งเดือนหนึ่ง”กู้อู่เต๋อนั่งลงด้วยความโมโห ตั้งแต่บ้านถูกขโมย อย่าว่าแต่เสื้อผ้าเลย แม้แต่รองเท้าสักคู่เขาก็ไม่กล้าซื้อ ชุดขุนนางที่ใส่ขึ้นราชสำนักก็มีรูขาดหลายรูแล้วแต่เขาจะทำอย่างไรได้?คลังสมบัติถูกขโมยโฉนดที่ดินและเงินทั้งหมดก็ถูกขโมยไปแม้กระทั่งเสบียงในครัว กระดาษชำระในห้องน้ำ ก็ถูกขโมยไปจนหมดเกลี้ยงเวลานี้ คนทั้งบ้านต้องอาศัยเงินเดือนของเขาเลี้ยงชีพ บ่าวไพร่ในจวนถูกไล่ออกไปเกือบหมดแล้วกลับไปจนอีกครั้ง!“โจรชั่วช้า ฟ้าดินลงโทษ ถ้าข้าจับมันได้ ข้าจะไม่ปล่อยมันไปแน่”กู้อู่เต๋อสีหน้าเหนื่อยล้า“งานเลี้ยง เจ้าไม่ต้องไปแล้ว เสื้อผ้าสองชุดนี้ เอาไปคืนเสีย”อนุน้อยอวี๋ขอบตาแดงก่ำ “นายท่าน ท่านเคยบอกว
เมื่อเขาได้ยินเสียง จึงเงยหน้าขึ้นมอง ทำเอาหญิงสาวที่หลงใหลพากันกรีดร้อง“หล่อมาก ๆ นี่คุณชายบ้านไหนกัน หล่อเกินไปแล้ว”กู้หว่านเยว่กระตุกมุมปาก “ชีวิตในเมืองอวี้สุขสบายขึ้น ทุกคนก็ว่างงานกันแล้ว”มีเวลามามองชายหนุ่มรูปงามชิงเหลียนเฝ้าอยู่หน้าประตู เห็นหญิงสาวพวกนั้นพากันชมอวิ๋นมู่ และอวิ๋นมู่ก็เป็นคนขี้อาย หน้าแดงไปหมดแล้ว นางจึงปิดประตูเบา ๆ “ขอบคุณมาก”อวิ๋นมู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหญิงสาวเหล่านี้คลั่งไคล้เกินไป เขาไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรจริง ๆ “ไม่เป็นไร”ชิงเหลียนตอบรับเบา ๆ รู้สึกดีใจเล็กน้อย แค่ได้คุยกับคุณชายอวิ๋นสักประโยค นางก็มีความสุขแล้ว“กุ้งเมามาแล้ว กุ้งเมามาแล้ว!”ซูจิ่นเอ๋อร์ยกกุ้งเมาขึ้นมาชั้นบนอย่างมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส“กุ้งเมานี่ข้าลองทำมาหลายรอบแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ลองชิมดูสิว่าใช่รสชาติในความทรงจำของท่านหรือไม่”ซูจิ่นเอ๋อร์วางกุ้งเมาไว้ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ก่อนอืม ดูออกเลยว่าใครสำคัญที่สุดในครอบครัว“ได้กลิ่นหอมแล้ว”ซูจิ่นเอ๋อร์ลงมือทำอาหารเอง กู้หว่านเยว่ก็ต้องให้เกียรติ คีบกุ้งเมาตัวหนึ่งมาใส่ไว้ในจานเวลานี้ ฉู่เฟิงก็รีบเข้ามา แล้วกระซิบบ
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ