“ข้าขอโทษ ข้าเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะลงทุนเพียงนี้”“อื้อ” เหมยจื่อขี้เกียจโต้เถียงกับนาง เบนสายตาไปทางกู้หว่านเยว่ ขอแค่ฮูหยินเชื่อใจนางก็พอกู้หว่านเยว่เก็บตั๋วเงินยี่สิบตำลึงนั้นพลางครุ่นคิด“คนผู้นั้นให้เจ้าทำอะไร?”“ให้ข้าขโมยต้นกล้าและเมล็ดพันธุ์ของดอกไม้ที่จะปลูกและดอกไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ไปให้เขาเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วสูง นางปลูกดอกไม้เหล่านี้เพื่อทำชาดทาปาก ไม่ก็นำมาเป็นส่วนผสมของน้ำหอมคนผู้นั้นจะนำเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าของดอกไม้ไปทำอะไร?กู้หว่านเยว่พอจะเดาได้ในใจ “เจ้าเคยบอกหรือไม่ว่าจะนำไปเขาเมื่อไหร่?”“เขาบอกให้ข้านำไปให้เขาคืนนี้”ประมาณว่าอีกฝ่ายรีบใช้และเร่งด่วนมากกู้หว่านเยว่กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะกลั้วหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง“คืนนี้เจ้าไปเถอะ”“ฮูหยิน ความหมายของท่านคือ...”“เหยื่อกระจายออกไปหมดแล้ว เจ้าต้องล่อเขาออกมา”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินยี่สิบตำลึงให้เหมยจื่ออีกครั้ง และกล่าวอย่างอบอุ่นว่า“เงินยี่สิบตำลึงก้อนนี้เจ้าเก็บไว้เถอะ”“ข้าน้อยไม่ต้องการ”เหมยจื่อไม่ได้แกล้งปฏิเสธ นางไม่อยากได้เงินยี่สิบตำลึงก้อนนั้นจริง ๆเงินก้อนนั้นได้มาไม
คนงานในที่ดินต่างกลับไปกันหมดแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ชายสูงอายุและหญิงสูงอายุที่เฝ้าอยู่ในที่ดินบางส่วนกู้หว่านเยว่เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของเหมยจื่อ หลังจากปลอมตัวอย่างง่าย ๆ แล้ว ก็แอบเปิดประตูข้าง เดินทางเข้าป่าเล็ก ๆ ที่ที่เหมายจื่อบอกไว้ดวงจันทร์ลอยสูงตระหง่าน ยังพอให้มองเห็นทางบ้างแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมืดทึมจนน่ากลัวอยู่ไม่น้อยไม่นาน ก็มีบุรุษสองคนมาหยุดอยู่ด้านหลังของนาง“เอาของมาแล้วใช่หรือไม่?”บุรุษต้วมเตี้ยมหนึ่งในนั้นเดินมาเจรจาต่อรองกับนาง ส่วนอีกคนก็คอยดูต้นทางอยู่ไม่ไกล“เอามาแล้ว”กู้หว่านเยว่แกว่งต้นกล้าในมือไปมา แสงจันทรายังทำให้พอมองออกว่ามันคืออะไร“รีบเอามาให้ข้า!”นัยน์ตาของบุรุษฉายแววโลภ เห็นได้ชัดว่าอยากได้จนแทบทนไม่ไหว“เงินล่ะ?”กู้หว่านเยว่แกล้งแสดงท่าทีอยากได้ “ไหนบอกเสร็จเรื่องแล้วข้าจะได้เป็นสองเท่า?”“เปิดของให้ข้าดูก่อน”ชายคนนั้นแบมือ กู้หว่านเยว่จึงยื่นของให้เขา หลังจากอีกฝ่ายมั่นใจแล้ว ก็แสดงสีหน้าพอใจออกมา“ดีมาก ๆ ทั้งหมดคือของที่ข้าต้องการ”เขาเงยหน้าขึ้นฉับพลัน มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้ามานี่ ข้าจะนำเงินสี่สิบตำลึงให้เจ้า”
หยดเลือดอุ่น ๆ กระเด็นใส่หน้าของเสี่ยวหลี่ เขาตกใจจนฉี่ราดใส่กางเกง กู้หว่านเยว่รีบปิดจมูกทันที“ขยะแขยงยิ่งนัก”“อย่าฆ่าข้า” เสี่ยวหลี่หน้าแดงเถือก ร้องไห้อ้อนวอนโดยไม่สนว่าจะถูกเมินหรือไม่“ขอร้องล่ะ อย่าฆ่าข้าเลย ข้ายอม ข้ายอมทำทุกอย่างแล้ว”เสี่ยวหลี่แทบจะเสียสติ สตรีผู้นี้หน้าตางดงามก็จริง แต่จิตใจโหดเหี้ยมมากบอกจะฆ่าก็ฆ่าเลย แทบไม่ต้องคิด“เราสองพี่น้องไม่ได้ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับพวกเจ้า พวกเรา พวกเราก็แค่รับเงินและได้รับการว่าจ้างจากผู้ว่าจ้างเท่านั้น”กู้หว่านเยว่เลื่อนกริชเข้าใกล้เขาอย่างหมดความอดทน “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ผู้ว่าจ้างคือใคร”ไม่ต้องให้เสี่ยวหลี่อธิบาย นางก็รู้ เรื่องที่สองคนนี้ทำจะต้องเป็นเรื่องที่ไร้คุณธรรมอย่างการฆ่าคนและลักขโมยอย่างแน่นอนถึงอย่างไรตอนที่ลงมือจัดการต้าลี่ นัยน์ตาของนางก็ไม่ได้ฉายแววหวาดกลัวแต่อย่างใด “ข้าพูดแล้ว ๆ เป็นเจ้าของร้านของเพียวเซียงจูขอรับ”เสี่ยวหลี่กล่าวทั้งน้ำตา “เดิมทีเราเสร็จงานก่อนหน้าแล้ว ตั้งใจจะวางมือ แต่พี่ชายของข้าเขาอยากไถ่ตัวแม่หญิงคนหนึ่งในหอคณิกา จึงได้ลากข้ามาทำเรื่องนี้อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเราอยากทำ แต่เจ้าข
นางไม่ได้มีทักษะความสามารถเหมือนกับฮูหยิน ถึงอย่างไรก็หลบคมดาบของต้าลี่ไม่พ้นอย่างแน่นอน“จัดการศพของเขาให้เรียบร้อย”กู้หว่านเยว่ไม่อยากให้ศพของต้าลี่แปดเปื้อนที่ดินของนาง หลังจากสั่งชิงเหลียนแล้ว ก็พาซูจิ่งสิงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า“เหมยจื่อ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”หลังจากยุ่งมาตลอดทั้งวัน กู้หว่านเยว่รู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่นางก็ยังมีเรื่องสำคัญอีกสองเรื่องต้องไปจัดการ“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”เหมยจื่อกลับเข้าห้องด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักอย่างหวาดกลัว คืนนี้ได้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่นอนไม่หลับ ทุกครั้งที่นางหลับตาก็มักจะหวนนึกถึงท่าตายอันน่าสลดของต้าลี่“ท่านพี่ เราไปหาเจ้าของร้านเสิ่นกันเถอะ”กู้หว่านเยว่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา นางอยากรู้ว่านายท่านผู้อยู่เบื้องหลังของเจ้าของร้านเสิ่นคือใครการสู้รบกับร้านดอกท้อ ไม่ใช่สงครามทางธุรกิจธรรมดาอีกต่อไป“ข้าจะพาเจ้าไป”ซูจิ่งสิงหุบยิ้ม เพราะรู้สึกว่ามีคนกำลังจะเจอกับเคราะห์ร้ายแล้วเขาโอบเอวของกู้หว่านเยว่ กระโดดขึ้นรถม้า จากนั้นก็บังคับรถม้าออกไป“ท่านพี่ ทำไมท่านถึงกลายมาเป็นคนขับรถม้าเสียเองล่ะเจ้าคะ?”กู้หว่านยว่ชำเลื
“ไป เราตามเขาไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คอยดึงแขนเสื้อของซูจิ่งสิงไว้ ทั้งสองคนกลายเป็นเสมือนหางเล็ก ๆ ติดตามพวกเขารถม้าค่อย ๆ ขับเคลื่อนไปบนท้องถนน สุดท้ายก็เลี้ยวตรงหัวมุมถนนลึกลับแห่งหนึ่งเจ้าของร้านเสิ่นเดินเข้าทางประตูหลัง หลังจากที่ทั้งสองคนตามเข้าไป ไม่นานก็เจอกับนายท่านที่อยู่เบื้องหลังของเพียวเซียงจูคนผู้นั้นสวมกระโปรงยาวที่ดูงดงามและโอ่อ่า ผมเกล้าสูงทรงสตรี ดูคุ้นตายิ่งนัก“นายหญิง ของที่ท่านต้องการมาถึงแล้วขอรับ”เจ้าของร้านเสิ่นเดินมาตรงหน้าสตรีผู้นั้นอย่างนอบน้อม จากนั้นก็เปิดถุงหยิบต้นกล้ายื่นให้อีกฝ่าย“อื้อ ทำดีมาก”สตรีผู้นั้นพยักหน้าอย่างพอใจ ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงของนางแล้ว ก็รู้ถึงสถานะของอีกฝ่ายทันที“เจ้ารู้จักหรือ?”ซูจิ่งสิงลูบฝ่ามือของกู้หว่านเยว่เบา ๆ เขามองออกว่านางเหมือนกำลังโกรธ“อื้อ”กู้หว่านเยว่กล่าวเสียงต่ำ “เซวียฮูหยินที่ไปหาเรื่องถึงร้านดอกท้อในคราวที่แล้ว ยามนั้นนางพาสวี่ฮูหยินไปด้วย ทั้งยังพูดจาเหน็บแนมเสียพักใหญ่”“แล้วทำไมไม่บอกข้าล่ะ?”นัยน์ตาของซูจิ่งสิงฉายแววหดหู่ใจ หากเขารู้เร็วกว่านี้ คงจะแก้แค้นให้กู้หว่านเยว่ไปแล้ว“เรื่
“ไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่มองทองคำที่อยู่ในห้วงมิติแล้วยิ้มตาหยีไว้มีโอกาส นางจะต้องหลอมทองคำเหล่านี้มาทำเป็นเครื่องประดับศีรษะไว้ใส่เล่นอย่างแน่นอนทั้งสองคนออกมาจากบ้านสกุลเซวียแล้วตรงกับบ้านกู้ทันที“ข้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย สกปรกเต็มทนแล้ว”ความจริงแล้วกู้หว่านเยว่ทนกลิ่นคาวของเลือดบนตัวไม่ไหว ทันทีที่เข้ามาในห้อง ก็แทรกตัวเข้าไปอาบน้ำในห้วงมิติอย่างรวดเร็วนัยน์ตาของซูจิ่งสิงฉายแววล้ำลึก ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะสั่งให้คนตักน้ำเข้ามาอาบด้วยเขาต้องล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อย กู้หว่านเยว่จะได้ไม่รังเกียจกู้หว่านเยว่ไม่รู้ความคิดของซูจิ่งสิง หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เป่าผมให้แห้ง ชโลมน้ำมันดูแลผม ก่อนจะเดินออกมาจากห้วงมิติผมของคนสมัยโบราณช่างยาวยิ่งนัก เป่าผมที่ยาวเช่นนี้เสียเวลาของนางไปไม่น้อย“น้องหญิง ข้าจะหวีผมให้เจ้าเอง”ครั้นซูจิ่งสิงเห็นเส้นผมสีดำขลับที่ยาวเลยหัวไหล่ลงมา ก็รีบหยิบหวีมาหวีผมให้นางอย่างอ่อนโยนการหวีผมอย่างเบามือนั้นทำให้นางเคลิบเคลิ้ม“ซูจิ่งสิง ท่านเคยหวีผมให้สตรีมาหลายคนแล้วสินะ ถึงได้ถนัดมือเช่นนี้”กู้หว่านเยว่กล่าวถามโดยไม่รู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองนั้นแฝ
แล้วทิ้งบุตรชายไว้ข้างหลัง“เข้มแข็งหน่อยนะเจ้า”ซูจิ่งสิงรับเสี่ยวจ้านจ้านมาไว้ในอ้อมกอด น่าเสียดายที่เด็กน้อยน่าชังผู้นี้อยากอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดา เขาดิ้นพล่านปฏิเสธทันที ด้วยความจนปัญญา เขาทำได้เพียงส่งบุตรชายกลับไปด้วยสีหน้าหม่นหมอง“แค่นี้ก็พอ อย่าทำให้แม่เจ้าเหนื่อยล่ะ”ไม่ว่าเด็กน้อยน่าชังผู้นี้จะเข้าใจหรือไม่ ขอแค่เขาได้สั่งสอนบ้านสกุลเซวียในเวลานี้ ทันทีที่นายท่านเซวียกลับมาถึงบ้าน เขามักจะไปตรวจสอบคลังส่วนตัวอยู่เสมอ จนกระทั่งพบว่าคลังส่วนตัวถูกขโมยไปเรื่องที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าคือ สมุดบัญชีในคลังส่วนตัวของเขาก็หายไปด้วย“ฮูหยินล่ะ ฮูหยินอยู่ไหน?”นายท่านเซวียออกมาด้วยความรีบร้อน ตามหาร่องรอยของฮูหยิน“วันนี้มีใครเข้ามาในจวนหรือไม่ คลังส่วนตัวถูกขโมยจนหมดเกลี้ยง เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?”นายท่านเซวียกระชากตัวภรรยาที่กำลังหลับฝันหวานขึ้นมา กระทั่งผ้าห่มลื่นหลุดมือ เขารีบปล่อยมือด้วยความตกใจทันที“เจ้า ทำไมเจ้าถึงได้มีผื่นแดงเต็มตัวเช่นนี้”“คัน คันยิ่งนัก....”เซวียฮูหยินยังคงละเมอเพ้อฝัน ก่อนที่นางจะเข้านอนวันนี้นางรู้สึกคันทั้งตัว จึงตั้งใจอาบน้ำแต่อาก
“บุรุษผู้นั้นไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตู แต่เข้ามาทางประตูหลัง ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยเจ้าค่ะ”อนุภรรยาฉินไม่รู้ว่านั้นคือชู้ของนางหรือไม่ แต่ขอให้ยุ่งเรื่องคนอื่นก็พอฮูหยินมักจะรังแกนางลับหลังนายท่านเสมอ ครั้นได้โอกาสนางก็ขอซ้ำเติมเต็มที่“อนุภรรยาฉิน หากเจ้าพูดเหลวไหลอีก ข้าจะฉีกปากเจ้า พรุ่งนี้ข้าส่งเจ้าไปขายเสีย”“นายท่าน นางจะส่งข้าไปขายเจ้าค่ะ”อนุภรรยาฉินออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของนายท่านเซวีย แต่ปากยังคงพร่ำพรรณนาไม่หยุด“ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล เด็กรับใช้และสาวใช้ต่างก็เห็นว่ามีบุรุษปริศนาแอบเข้ามาเมื่อคืนเจ้าค่ะ”ในใจของนายท่านเซวียเชื่อไปแล้วสามส่วน และกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “นางหลี่ เจ้าสารภาพด้วยตัวเองเถอะ ข้าไม่อยากลงโทษเจ้า”“นายท่าน?”เซวียฮูหยินคิดไม่ถึงว่านายท่านจะไม่เชื่อใจนางจริง ๆ นางรับอธิบายด้วยใจที่แตกสลายว่า “ข้าอยู่กินฉันสามีภรรยากับนายท่านมาสี่ห้าปี จะเป็นหัวขโมยได้อย่างไรละเจ้าคะ นั้นคือเจ้าของร้านในร้านของข้า ข้าแค่เรียกเขามาถามไถ่งาน””“จะถามไถ่งานก็ถามกลางวัน ทำไมต้องถามกลางคืนด้วย?” นายท่านเซวียจะเชื่ออย่างนั้นหรือ? หากเชื่อเขาก็โง่เต็มทนแล้ว“เร
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ