เมื่อซูจิ่งสิงโปรยผงพิษส่งเจียงเต๋อจื้อเสร็จ ก็เหินร่างกลับไปอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่ “เป็นอย่างไรบ้าง สำเร็จแล้วหรือไม่?” ท่าทางของกู้หว่านเยว่ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ซูจิ่งสิงยิ้มบางๆ ว่า “สามีของเจ้าออกปฏิบัติการทั้งที ก็ต้องสำเร็จอยู่แล้ว” เขาหยิบผงคันคะเยอที่เหลือออกมา “เหลือที่ไม่ได้ใช้อีกมาก เจ้าเก็บไว้ อย่าได้สิ้นเปลืองเสียล่ะ เพื่อในอนาคตยังมีประโยชน์อีก” “ได้” กู้หว่านเยว่หัวเราะอิอิ โบกมือน้อยๆ เก็บผงคันคะเยอเข้าไปในมิติ นางถึงกับนึกภาพน่าอนาถต่อจากนี้ ที่เจียงเต๋อจื้อคันจนทนไม่ไหวออกเลย กู้หว่านเยว่กวาดของไปตลอดทั้งคืน เวลานี้แทบจะขโมยของในค่ายทหารกว่าครึ่งไปหมดแล้ว กระทั่งเสื้อผ้าที่เหล่าทหารถอดออกมาจะนำไปซักก็เก็บไปด้วยแล้ว ไม่ว่าเห็นสิ่งใดเป็นประโยชน์ก็ต้องเก็บ ราวกับโจรร้ายก็ไม่ปาน “เก็บมาทั้งคืน รู้สึกหิวบ้างแล้ว ถือโอกาสที่ฟ้าเพิ่งสาง พวกเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ” กู้หว่านเยว่เสนอ ยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์ เดิมก็ใช้พลังงานมากอยู่แล้ว แล้วยังใช้งานมิติอีก จึงยิ่งเผาผลาญพลังงานไปเร็วกว่าเดิม ซูจิ่งสิงรู้ว่าช่วงนี้ภรรยาหิวเร็ว “แต่ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในค่ายท
“ข้าจะสอนให้ท่าน” กู้หว่านเยว่แนะนำวิธีกดชัตเตอร์เพียงคร่าว ๆ ซูจิ่งสิงถือว่าหัวไว ไม่นานเขาก็เรียนรู้จนทำได้ เขาหันมากดชัตเตอร์ใส่กู้หว่านเย่วเสียงดังแชะแชะ “ให้ข้าดูหน่อย” กู้หว่านเยว่หยิบกล้องขึ้นมา จากนั้นหุบยิ้มทันที เป็นจริงตามคาด ไม่มีแฟนหนุ่มคนไหนถ่ายรูปแฟนสาวออกมาดูดีสักคน! ผู้ชายไม่เอาไหน! “ไม่สวยเลย!” กู้หว่านเยว่เบ้ริมฝีปากแดง “ท่านถ่ายรูปข้าไม่สวยเลย” ซูจิ่งสิงรู้สึกผิด “น้องหญิง ให้โอกาสข้าอีกครั้งเถอะ” เขาก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เห็นชัดว่าในกล้องน้องหญิงดูงดงาม ทว่าเมื่อถ่ายออกมาไม่เป็นภาพซ้อนก็เป็นภาพมุมอับ... เขาวางกล้องไว้ข้างมือ รอกินอาหารเสร็จแล้วค่อยศึกษาดูใหม่ ทว่าตอนที่กินแซนด์วิชไข่ดาว สีหน้าของเขาดูเหยเกอีกแล้ว นี่คือสิ่งใดกัน หวานหวาน เค็มเค็ม รสชาติไม่ดีเลย... ทว่าน้องหญิงกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย ซูจิ่งสิงแอบวางแซนด์วิชไข่ดาวลง และหยิบเกี๊ยวน้ำที่อยู่ข้างกันขึ้นมากู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าซูจิ่งสิงจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับอาหารเช้าในสมัยปัจจุบันได้เลย ทว่าก็ไม่บังคับฝืนใจเขา จากนั้นจึงรีบหยิบแซนด์วิชไข่ดาวมากินเองหลังจากกินอาหารมื้อเช้าเ
บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงเหล่านั้น มุมปากยังมีน้ำลายติดอยู่ พวกเขาอายุไม่เท่ากัน ทั้งหนุ่มและแก่ทว่าสิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ บนร่างกายของพวกเขามีตุ่มแดงและตุ่มน้ำขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน เมื่อคืนพวกเขาคงจัดหนักเกินไป ตุ่มน้ำแตกออกและมีของเหลวไหลซึมออกมา ทำเอาเจียงเต๋อจื้อตกใจจนต้องถอยห่าง “กาม กามโรค!”เขาไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน ทว่าเขาเคยเห็นสหายสนิทเป็นโรคนี้สหายสนิทมักจะไปหอนางโลม หลังจากติดโรคนี้มา ตุ่มน้ำแดงบนร่างกายของเขาจะเริ่มแตกและเน่าเปื่อยคันไปทั่วทั้งตัวจนทนไม่ไหวในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เขาก็จากไปหลังจากเจียงเต๋อจื้อตกใจแล้ว เขาพลันรู้สึกเบิกบาน และปรบมือ“มหาราชครู ท่านถูกผู้ใดใช้อุบายชั่วเล่นงาน?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโอหัง “เฮ้อ เดิมทีข้าก็เคยบอกท่านแล้ว ในยามปกติประพฤติตัวให้ดีหน่อย อย่าสร้างศัตรูให้มาก” เจียงเต๋อจื้อเยาะเย้ย “ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือไม่ ถูกคนลอบวางแผนเล่นงาน ท่านว่าในกระโจมทหารใหญ่โตแห่งนี้ ผู้ใดต้องการลอบเล่นงานท่าน?”เขาหยุดพักความคิดที่จะข่มเหงเถาเอ๋อร์ผู้หญิงที่เป็นกามโรค เขาไม่กล้ายุ่งเกี่ยวด้วย“ตามความเห็นของข้า สตรีไม่สมควรออกหน้าออกตา”เจ
“กินยาถอนพิษ แล้วไปเสีย อย่าให้ข้าเห็นหน้าพวกเจ้าอีก”กลุ่มคนที่เพิ่งจุดไฟเผ่ายุ้งฉางทยอยกับเก็บยาถอนพิษที่กระจายอยู่บนพื้น แล้วรีบโยนเข้าปากกลืนลงคอเมื่อยาถอนพิษลงท้องไปแล้ว ทุกคนจึงพากันคารวะหัวโขกดิน“ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าน้อยจะหายตัวไปทันที”“ไปเถอะ”พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา รับคำสั่ง ลู่จิงเองก็ขี้เกียจจะสร้างความลำบากใจให้พวกเขา“ขอบคุณขอรับใต้เท้า”คนกลุ่มนั้นพากันคารวะหัวโขกดิน จากนั้นก็รีบจากไปโดยไม่หันกลับมา“ไม่นาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลอยตัวเข้ามา“เรียกองครักษ์จันทรารวมตัว เราจะกลับเจดีย์หนิงกู่ก่อน”กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายใน นางมักจะรู้สึกว่าเถาเอ๋อร์กำลังจะก่อปัญหาลู่จิงพยักหน้า “ข้าเรียกองครักษ์จันทรารวบตัวเรียบร้อยแล้วขอรับ”ทุกคนเร่งควบม้ามายังริมแม่น้ำ ตั้งใจว่าจะนั่งเรือข้ามฟากข้ามแม่น้ำมู่ตันไปแต่ด้านหลังกลับถูกฝนธนูกลุ่มหนึ่งกราดยิงเข้ามา“กู้หว่านเยว่ เจ้าจริง ๆ ด้วย เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว!”เถาเอ๋อร์พาคนกลุ่มใหญ่ติดตามมาด้วยพวกเขาไล่ตามมาเร็วมาก กู้หว่านเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานก็ตระหนักได้ว่าคนกลุ่มนี้จะต้องวิทยายุทธ์แ
ความคิดนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ไม่สบายใจ“นี่ ระบบ ออกมาอธิบายหน่อยสิ”กู้หว่านเยว่ถือโอกาสนี้ถามระบบไม่ใช่ว่านางเผด็จการ แต่หลังจากที่นางมายังโลกใบนี้แล้ว ดูเหมือนว่ายังไม่เคยเจอคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกับนาง“เถาเอ๋อร์ มีพลังพิเศษอย่างแน่นอน” ระบบกล่าว “แต่พลังพิเศษของนางสามารถย้อนกลับได้”“ย้อนกลับหรือ?”นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง คนที่ตระหนักรู้ถึงพลังพิเศษนั้นมีไม่น้อย แต่พลังพิเศษของทุกคนนั้นแตกต่างกันการย้อนกลับนางเองก็เคยได้ยินมาก่อน พลังพิเศษที่ตื่นรู้ของคนบางคนแข็งแกร่งมาก แต่ร่างกายกลับไม่วิวัฒนาการเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นทุกครั้งที่ใช้พลังพิเศษ ร่างกายจะได้รับการย้อนกลับในระดับที่แตกต่างกัน“พลังพิเศษแบบห้วงมิติของโฮสต์นั้นต่างจากผู้อื่น ไม่เพียงแต่ไม่มีผลข้างเคียงแล้ว ในระหว่างที่กักตุนสิ่งของก็ยังสามารถชะล้างร่างกายและเติมพลังชีวิตให้เจ้าไปพร้อมกันได้” ระบบอธิบายอย่างเงียบ ๆ “มิเช่นนั้นในขณะที่เจ้าท้อง เจ้าจะกระโดดโลดเต้นไปทั่วทุกหนแห่งเช่นนี้ได้อย่างไร”กู้หว่านเยว่รู้อยู่แล้วว่าชนรุ่นหลังสามารถตระหนักรู้ถึงความสามารถขั้นสูงสุดของตัวเองได้สิ่งที่นางเป็นก
“ท่านพี่ เราออกไปพร้อมกันเถอะ ท่านจัดการชายชุดดำกลุ่มนั้นก่อน ส่วนข้าจะถ่วงเวลานางไว้”เถาเอ๋อร์ผู้นี้ชักจะบ้าคลั่งเกินไปแล้ว ไม่รู้เลยว่านางยังทำอะไรได้อีกบ้างซูจิ่งสิงรับปืนมา แต่ก็ยังเป็นห่วงกู้หว่านเยว่ “น้องหญิง เจ้าอยู่ในห้วงมิติก่อนเถอะ ข้าจะออกไปจัดการพวกเขาเพียงผู้เดียว”“ไม่ได้” กู้หว่านเยว่ปฏิเสธโดยไม่คิด “เราเป็นสามีภรรยากัน ข้าไม่มีทางปล่อยท่านออกไปข้างนอกเพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน สามีภรรยาก็ต้องสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันสิ”ยิ่งไปกว่านั้นเถาเอ๋อร์ยังมีชายชุดดำติดตามมาด้วยเป็นจำนวนมาก ต่อให้ซูจิ่งสิงจะเก่งแค่ไหน แต่การรับมือกับศัตรูรอบทิศด้วยสองหมัดก็นับว่ายากยิ่ง“ก็ได้”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างจนปัญญาเขารู้จักนิสัยของภรรยาเป็นอย่างดี หากตัดสินใจแล้ว ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจซูจิ่งสิงกล่าวว่า “หากมีอันตรายเจ้าต้องกลับเข้าไปในห้วงมิติทันที ไม่ต้องสนใจข้า”เขากล่าวและตัดสินใจเด็ดขาดอยู่เงียบ ๆ หากตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ เขาจะสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องความปลอดภัยของกู้หว่านเยว่ทั้งสองคนออกมาจากห้วงมิติ“กู้หว่านเยว่ เจ้ามาออกมาเถอะ จะซ่อนตัวเหมือนเต่าที่หดหัวอย
กล่าวได้ว่า เถาเอ๋อร์ในตอนนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่ากู้หว่านเยว่จะวาบหายตัวไป แต่อีกฝ่ายก็ยังไล่ตามมาทันส่วนเรื่องที่ทำให้กู้หว่านเยว่ปวดหัวยิ่งกว่าก็คือ ร่างกายของเถาเอ๋อร์ดูท่าทางจะไม่มีจุดอ่อน ต่อให้ถูกแทงหลายครั้ง นางก็เหมือนไม่รู้สึก“เหอะ ๆ เจ้าคิดจะฆ่าข้า ไม่มีทางหรอก กู้หว่านเยว่ วันนี้คือวันตายของเจ้า”เถาเอ๋อร์พุ่งตรงมาข้างหน้าของกู้หว่านเยว่ นัยน์ตาของนางคมกริบ“ปัง”ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางป่าเหมย กระสุนลูกหนึ่งยิงทะลุขาของเถาเอ๋อร์ ทำให้นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“ท่านพี่ ท่านมาแล้ว?”กู้หว่านเยว่หันกลับไปด้วยความดีใจ ทำไมชายผู้นี้ถึงรู้ว่าจุดอ่อนของเถาเอ๋อร์อยู่ที่ขา“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ซูจิ่งสิงลอยตัวเข้ามา หลังจากจัดการชายชุดดำหมดแล้ว เขาก็พุ่งมาทางนี้ทันที เพราะกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะเป็นอันตรายเมื่อเห็นนางไร้ซึ่งบาดแผลใด ๆ เขาก็โล่งใจ“จัดการเถาเอ๋อร์ก่อน”อาการบาดเจ็บบนขาทำให้ความเร็วของเถาเอ๋อร์ลดลงไม่น้อยซูจิ่งสิงถือโอกาสนี้ลอยตัวขึ้นมา แล้วใช้เท้าเตะนางให้ล้มไปบนพื้น กู้หว่านเยว่รีบรุดขึ้นหน้า ใช้ด้ามปืนฟาดที่หัวของนาง“เก่งม
น้ำเสียงของซูจิ่งสิงเริ่มร้อนใจมากขึ้น “ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องสนใจนางหรอก ร่างกายของเจ้าสำคัญกว่า ปวดท้องแบบนี้เป็นอะไร ลูกเจ็บหรือเจ้าเจ็บ?”เขานึกเสียใจไม่น้อยรู้อย่างนี้ไม่น่าตามใจนางเลย ไม่น่าให้นางมาที่แม่น้ำมู่ตัน น่าจะให้นางขึ้นเรือ ไม่น่าให้นางออกมาจากห้วงมิติ หากนางจะโกรธก็ปล่อยให้นางโกรธไป เขารับได้“ซูจิ่งสิง” สีหน้าของกู้หว่านเยว่แสดงถึงความเจ็บปวด “ข้ารู้สึกเหมือนจะคลอดบุตร”“ว่าอย่างไรนะ?” เพิ่งแปดเดือนเองซูจิ่งสิงได้สติทันที กู้หว่านเยว่กำลังจะคลอดก่อนกำหนด อาจเป็นเพราะตกใจกับการกระทำเมื่อครู่ของเถาเอ๋อร์“ข้าจะอุ้มเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้”ซูจิ่งสิงรีบอุ้มกู้หว่านเยว่ขึ้นมา เวลานี้พวกเขาได้เข้ามาถึงด้านในภูเขาหิมะแล้ว ถ้าลอยตัวออกไปต้องใช้เวลาสองชั่วยามสองชั่วยาม....ซูจิ่งสิงใช้กำลังภายใน จนเกิดเป็นกระแสลมอยู่ใต้ฝ่าเท้ากู้หว่านเยว่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา หลับตาสนิท หัวคิ้วขมวดมุ่น ทำให้เขายิ่งร้อนใจการคลอดบุตรของผู้หญิงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก พลาดนิดเดียวก็อาจนำไปสู่ความตายได้ ต่อให้มีหมอตำแย ก็มักจะมีฉากการสูญเสียของแม่ลูกให้เห็นอยู่บ่อยครั้งซูจิ่งสิงเค
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง