“กินยาถอนพิษ แล้วไปเสีย อย่าให้ข้าเห็นหน้าพวกเจ้าอีก”กลุ่มคนที่เพิ่งจุดไฟเผ่ายุ้งฉางทยอยกับเก็บยาถอนพิษที่กระจายอยู่บนพื้น แล้วรีบโยนเข้าปากกลืนลงคอเมื่อยาถอนพิษลงท้องไปแล้ว ทุกคนจึงพากันคารวะหัวโขกดิน“ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าน้อยจะหายตัวไปทันที”“ไปเถอะ”พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา รับคำสั่ง ลู่จิงเองก็ขี้เกียจจะสร้างความลำบากใจให้พวกเขา“ขอบคุณขอรับใต้เท้า”คนกลุ่มนั้นพากันคารวะหัวโขกดิน จากนั้นก็รีบจากไปโดยไม่หันกลับมา“ไม่นาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลอยตัวเข้ามา“เรียกองครักษ์จันทรารวมตัว เราจะกลับเจดีย์หนิงกู่ก่อน”กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายใน นางมักจะรู้สึกว่าเถาเอ๋อร์กำลังจะก่อปัญหาลู่จิงพยักหน้า “ข้าเรียกองครักษ์จันทรารวบตัวเรียบร้อยแล้วขอรับ”ทุกคนเร่งควบม้ามายังริมแม่น้ำ ตั้งใจว่าจะนั่งเรือข้ามฟากข้ามแม่น้ำมู่ตันไปแต่ด้านหลังกลับถูกฝนธนูกลุ่มหนึ่งกราดยิงเข้ามา“กู้หว่านเยว่ เจ้าจริง ๆ ด้วย เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว!”เถาเอ๋อร์พาคนกลุ่มใหญ่ติดตามมาด้วยพวกเขาไล่ตามมาเร็วมาก กู้หว่านเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานก็ตระหนักได้ว่าคนกลุ่มนี้จะต้องวิทยายุทธ์แ
ความคิดนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ไม่สบายใจ“นี่ ระบบ ออกมาอธิบายหน่อยสิ”กู้หว่านเยว่ถือโอกาสนี้ถามระบบไม่ใช่ว่านางเผด็จการ แต่หลังจากที่นางมายังโลกใบนี้แล้ว ดูเหมือนว่ายังไม่เคยเจอคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกับนาง“เถาเอ๋อร์ มีพลังพิเศษอย่างแน่นอน” ระบบกล่าว “แต่พลังพิเศษของนางสามารถย้อนกลับได้”“ย้อนกลับหรือ?”นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง คนที่ตระหนักรู้ถึงพลังพิเศษนั้นมีไม่น้อย แต่พลังพิเศษของทุกคนนั้นแตกต่างกันการย้อนกลับนางเองก็เคยได้ยินมาก่อน พลังพิเศษที่ตื่นรู้ของคนบางคนแข็งแกร่งมาก แต่ร่างกายกลับไม่วิวัฒนาการเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นทุกครั้งที่ใช้พลังพิเศษ ร่างกายจะได้รับการย้อนกลับในระดับที่แตกต่างกัน“พลังพิเศษแบบห้วงมิติของโฮสต์นั้นต่างจากผู้อื่น ไม่เพียงแต่ไม่มีผลข้างเคียงแล้ว ในระหว่างที่กักตุนสิ่งของก็ยังสามารถชะล้างร่างกายและเติมพลังชีวิตให้เจ้าไปพร้อมกันได้” ระบบอธิบายอย่างเงียบ ๆ “มิเช่นนั้นในขณะที่เจ้าท้อง เจ้าจะกระโดดโลดเต้นไปทั่วทุกหนแห่งเช่นนี้ได้อย่างไร”กู้หว่านเยว่รู้อยู่แล้วว่าชนรุ่นหลังสามารถตระหนักรู้ถึงความสามารถขั้นสูงสุดของตัวเองได้สิ่งที่นางเป็นก
“ท่านพี่ เราออกไปพร้อมกันเถอะ ท่านจัดการชายชุดดำกลุ่มนั้นก่อน ส่วนข้าจะถ่วงเวลานางไว้”เถาเอ๋อร์ผู้นี้ชักจะบ้าคลั่งเกินไปแล้ว ไม่รู้เลยว่านางยังทำอะไรได้อีกบ้างซูจิ่งสิงรับปืนมา แต่ก็ยังเป็นห่วงกู้หว่านเยว่ “น้องหญิง เจ้าอยู่ในห้วงมิติก่อนเถอะ ข้าจะออกไปจัดการพวกเขาเพียงผู้เดียว”“ไม่ได้” กู้หว่านเยว่ปฏิเสธโดยไม่คิด “เราเป็นสามีภรรยากัน ข้าไม่มีทางปล่อยท่านออกไปข้างนอกเพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน สามีภรรยาก็ต้องสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันสิ”ยิ่งไปกว่านั้นเถาเอ๋อร์ยังมีชายชุดดำติดตามมาด้วยเป็นจำนวนมาก ต่อให้ซูจิ่งสิงจะเก่งแค่ไหน แต่การรับมือกับศัตรูรอบทิศด้วยสองหมัดก็นับว่ายากยิ่ง“ก็ได้”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างจนปัญญาเขารู้จักนิสัยของภรรยาเป็นอย่างดี หากตัดสินใจแล้ว ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจซูจิ่งสิงกล่าวว่า “หากมีอันตรายเจ้าต้องกลับเข้าไปในห้วงมิติทันที ไม่ต้องสนใจข้า”เขากล่าวและตัดสินใจเด็ดขาดอยู่เงียบ ๆ หากตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ เขาจะสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องความปลอดภัยของกู้หว่านเยว่ทั้งสองคนออกมาจากห้วงมิติ“กู้หว่านเยว่ เจ้ามาออกมาเถอะ จะซ่อนตัวเหมือนเต่าที่หดหัวอย
กล่าวได้ว่า เถาเอ๋อร์ในตอนนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่ากู้หว่านเยว่จะวาบหายตัวไป แต่อีกฝ่ายก็ยังไล่ตามมาทันส่วนเรื่องที่ทำให้กู้หว่านเยว่ปวดหัวยิ่งกว่าก็คือ ร่างกายของเถาเอ๋อร์ดูท่าทางจะไม่มีจุดอ่อน ต่อให้ถูกแทงหลายครั้ง นางก็เหมือนไม่รู้สึก“เหอะ ๆ เจ้าคิดจะฆ่าข้า ไม่มีทางหรอก กู้หว่านเยว่ วันนี้คือวันตายของเจ้า”เถาเอ๋อร์พุ่งตรงมาข้างหน้าของกู้หว่านเยว่ นัยน์ตาของนางคมกริบ“ปัง”ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางป่าเหมย กระสุนลูกหนึ่งยิงทะลุขาของเถาเอ๋อร์ ทำให้นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“ท่านพี่ ท่านมาแล้ว?”กู้หว่านเยว่หันกลับไปด้วยความดีใจ ทำไมชายผู้นี้ถึงรู้ว่าจุดอ่อนของเถาเอ๋อร์อยู่ที่ขา“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ซูจิ่งสิงลอยตัวเข้ามา หลังจากจัดการชายชุดดำหมดแล้ว เขาก็พุ่งมาทางนี้ทันที เพราะกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะเป็นอันตรายเมื่อเห็นนางไร้ซึ่งบาดแผลใด ๆ เขาก็โล่งใจ“จัดการเถาเอ๋อร์ก่อน”อาการบาดเจ็บบนขาทำให้ความเร็วของเถาเอ๋อร์ลดลงไม่น้อยซูจิ่งสิงถือโอกาสนี้ลอยตัวขึ้นมา แล้วใช้เท้าเตะนางให้ล้มไปบนพื้น กู้หว่านเยว่รีบรุดขึ้นหน้า ใช้ด้ามปืนฟาดที่หัวของนาง“เก่งม
น้ำเสียงของซูจิ่งสิงเริ่มร้อนใจมากขึ้น “ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องสนใจนางหรอก ร่างกายของเจ้าสำคัญกว่า ปวดท้องแบบนี้เป็นอะไร ลูกเจ็บหรือเจ้าเจ็บ?”เขานึกเสียใจไม่น้อยรู้อย่างนี้ไม่น่าตามใจนางเลย ไม่น่าให้นางมาที่แม่น้ำมู่ตัน น่าจะให้นางขึ้นเรือ ไม่น่าให้นางออกมาจากห้วงมิติ หากนางจะโกรธก็ปล่อยให้นางโกรธไป เขารับได้“ซูจิ่งสิง” สีหน้าของกู้หว่านเยว่แสดงถึงความเจ็บปวด “ข้ารู้สึกเหมือนจะคลอดบุตร”“ว่าอย่างไรนะ?” เพิ่งแปดเดือนเองซูจิ่งสิงได้สติทันที กู้หว่านเยว่กำลังจะคลอดก่อนกำหนด อาจเป็นเพราะตกใจกับการกระทำเมื่อครู่ของเถาเอ๋อร์“ข้าจะอุ้มเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้”ซูจิ่งสิงรีบอุ้มกู้หว่านเยว่ขึ้นมา เวลานี้พวกเขาได้เข้ามาถึงด้านในภูเขาหิมะแล้ว ถ้าลอยตัวออกไปต้องใช้เวลาสองชั่วยามสองชั่วยาม....ซูจิ่งสิงใช้กำลังภายใน จนเกิดเป็นกระแสลมอยู่ใต้ฝ่าเท้ากู้หว่านเยว่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา หลับตาสนิท หัวคิ้วขมวดมุ่น ทำให้เขายิ่งร้อนใจการคลอดบุตรของผู้หญิงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก พลาดนิดเดียวก็อาจนำไปสู่ความตายได้ ต่อให้มีหมอตำแย ก็มักจะมีฉากการสูญเสียของแม่ลูกให้เห็นอยู่บ่อยครั้งซูจิ่งสิงเค
ปลายนิ้วของซูจิ่งสิงสั่นระริก “หวังว่าท่านป้าจะช่วยนางได้”หมอตำแยลูบท้องของกู้หว่านเยว่อีกครั้ง ไม่ใช่ว่านางไม่เคยทำคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งตำแหน่งของทารกในครรภ์ของฮูหยินผู้นี้ยังถูกต้องด้วย ร่างกายของผู้เป็นแม่แข็งแรงมาก คงจะไม่มีปัญหามากนัก“เชิญคุณชายออกไปก่อนเถอะ ตอนคลอด บุรุษอย่างพวกท่านไม่ควรอยู่ในนี้”ไม่ได้หมายถึงกลิ่นคาวเลือดในห้องคลอด แต่ประการที่หนึ่งคือเขาช่วยอะไรไม่ได้รังแต่จะสร้างความวุ่นวาย ประการที่สองเขาเป็นกังวลเกินจนทำให้นางเสียสมาธิ“ข้าช่วยได้”ครั้นเห็นกู้หว่านเยว่หมวดคิ้วมุ่น ซูจิ่งสิงจะกล้าทิ้งนางได้อย่างไร“บุรุษตัวใหญ่โตอย่างท่านจะช่วยอะไรได้ ออกไปเถอะ มีบุตรสาวของข้าคอยช่วยอยู่ในนี้แล้ว”ใบหน้าของหมอตำแยนิ่งสงบ แม้ว่าบุคลิกของซูจิ่งสิงจะดูสูงศักดิ์ แต่ในห้องคลอดเป็นอาณาเขตของหมอตำแย ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับนางแล้ว“ท่านพี่ ท่านออกไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงหมดเรี่ยวแรง ที่หมอตำแยพูดก็ไม่ผิดภรรยาออกปากเอง ซูจิ่งสิงไม่คัดค้านแน่นอน ได้แต่บรรจงจูบหลังมือของนางอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะหมุนตัวออกไป“ข้าอยู่ข้างนอก หากมีอะไรก็เรียกข้าได้ทุกเมื่อ
หลังจากเปลี่ยนความคิด ชายชุดดำที่อยู่ด้านหน้าก็ตัดสินใจว่า “ฆ่าคนในบ้านก่อน”ซูจิ่งสิงรักภรรยาของเขามาก คนในบ้านคือจุดอ่อนของเขาตราบใดที่จับคนในบ้านได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะทำอะไรซูจิ่งสิงไม่ได้ชายชุดดำหลายสิบคนพุ่งตรงไปยังบ้านหลังนั้น ซูจิ่งสิงรีบชักดาบออกมา ยืนขวางอยู่หน้าประตู หางตาแดงก่ำ “รนหาที่ตายแล้ว!”หมอตำแยและเด็กสาวได้ยินเสียงการต่อสู้จากด้านนอก พวกนางเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่เคยมีประสบการณ์การฆ่าฟันมาก่อน ครั้นได้ยินเข่าก็แทบทรุดในทันที“เกิดอะไรขึ้นข้างนอก มีศัตรูตามล้างแค้นอย่างนั้นหรือ?” หมอตำแยมือเริ่มสั่นเด็กสาวรีบใส่กลอนประตู ก่อนจะกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “มีศัตรูตามล้างแค้นจริง ๆ เจ้าค่ะ ทุกคนถือดาบอยู่ในมือ น่ากลัวมาก”กล่าวจบก็หันไปมองกู้หว่านเยว่อีกครั้ง “แม่หนูน้อย พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ กลุ่มคนข้างนอกน่ากลัวมาก คงไม่ได้จะมาฆ่าพวกเราหรอกนะ?”ดูจากท่าทางของชายชุดดำแล้ว คงฆ่าคนไม่กะพริบตาเด็กสาวไม่ได้จะกลัว จริง ๆ แล้วนางห่วงชีวิตของนางมากกว่า นางไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้กู้หว่านเยว่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับสถานการณ์ที่มีคนตามฆ่าพวกนางเวลานี้ปากม
คนผู้นี้จริง ๆ เลย ทำไมจู่ ๆ ก็พุ่งออกมาจากทางเล็ก ๆ เช่นนี้“ให้ตายเถอะ คนผู้นี้เสียเลือดมากด้วย”“เกิดอะไรขึ้น?” จงหลี่เปิดม่าน และชะโงกหน้าออกมาดูเส้นผมยาวสีเงิน สวมชุดคลุมพระจันทร์เสี้ยวสีขาวทั้งตัว รูปร่างหน้าตาคล้ายกับเทพบนสรวงสวรรค์นัยน์ตาของเถาเอ๋อร์วูบไหวเล็กน้อย นี่คือองค์ชายแห่งเมืองตงโจว“ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ดูเหมือนจะเป็นจอมลวงโลก นางพุ่งเข้ามาชนม้าของเราเอง เลือดเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องของเราพ่ะย่ะค่ะ”ชิงเยี่ยนลูบศีรษะ พลางเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมเล็กสองซี่คนผู้นี้น่ารังเกียจยิ่งนัก เลือดเต็มตัวเช่นนี้ไม่ยอมอยู่บ้าน ยังจะออกมาลวงโลกผู้อื่นอีก“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย พวกท่านช่วยข้าด้วย....”เถาเอ๋อร์รีบปีนขึ้นไปบนรถม้า น้ำเสียงอ่อนแอมาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิงวอนท่าทางนั้นทำให้คนที่เห็นแล้วเจ็บปวดไม่น้อยเวลานี้ตัวนางเต็มไปด้วยเลือด ทั้งยังมีรอยช้ำเลือดอยู่บนคอทันทีที่นางยกมือขึ้น จี้หยกชิ้นหนึ่งก็ร่วงตกออกมาจากแขนเสื้อ“ฝ่าบาท เราไปกันเถอะ”“ช้าก่อน” นัยน์ตาของจงหลี่วูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตามาหยุดที่จี้หยกนั้นจี้หยกอันบริสุทธิ์ สามารถมองเห็นลวดลา
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง