สำหรับผู้ถูกเนรเทศเหล่านั้น นางไม่ปฏิเสธใครก็ตามที่เข้ามาประการที่หนึ่ง สามารถช่วยให้ประชาชนไม่ต้องซัดเซพเนจรอยู่ข้างนอก ประการที่สอง จะได้มีแรงงานในการก่อสร้างเจดีย์หนิงกู่อีกด้วยเป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายรถม้ากลับมาถึงหมู่บ้านโซว่หวาง เวลานี้ผู้คนในถ้ำได้ออกมาแล้วกงซุนเสว่และพวกเก็บกวาดความยุ่งเหยิงในหมู่บ้านโซว่หวางใกล้เสร็จแล้ว เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่กลับมา ก็รีบเข้ามาต้อนรับ“ฮูหยิน ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว พอไม่เห็นพวกท่าน พวกข้ายังนึกว่าพวกท่านตกอยู่ในอันตราย”กงซุนเสว่เป็นห่วงมากตอนนี้นางคิดว่ากู้หว่านเยว่สำคัญกว่าตัวเองเสียอีก เพราะอย่างไรเสียถ้าไม่ได้กู้หว่านเยว่ พวกเขาก็คงไม่สามารถกลับมาที่หมู่บ้านโซว่หวางได้ง่ายดายเช่นนี้“ใช่แล้ว พวกข้าจัดการทุกอย่างในหมู่บ้านโซว่หวางใกล้เสร็จแล้ว แค่รอให้ท่านกลับมาควบคุมดูแลสถานการณ์โดยรวม”กงซุนหงยิ้มออกมานางไม่ลืมคำสัญญาครั้งก่อน จากนี้ไปหัวหน้าหมู่บ้านโซว่หวางจะเป็นกู้หว่านเยว่“นี่คือใต้เท้าเว่ย ในหลายวันนี้เขากับพวกท่านจะร่วมกันบูรณะเขตซีเป่ยขึ้นมาใหม่”กู้หว่านเยว่ลูบคางในเมื่อต่อไปเขตซีเป่ยจะเป็น
หลังจากกลับมาที่หมู่บ้านโซว่หวาง กู้หว่านเยว่ก็หยิบหีบสีเทาออกมา “ท่านพี่ ท่านดูสิว่านี่คืออะไร”ซูจิ่งสิงมองดูอย่างถี่ถ้วน “สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นหีบบรรจุเถ้ากระดูก”ด้านนอกหีบสีเทาไม่มีตัวอักษรใด ๆ นี่คือสิ่งที่หญิงลึกลับทิ้งไว้ เดิมทีกู้หว่านเยว่วางแผนที่จะศึกษาอย่างละเอียดพอยินมาว่ามันคือหีบบรรจุเถ้ากระดูก จึงชักมือกลับอย่างไม่พอใจ“ทำไมนางถึงเอาของสิ่งนี้ไปวางไว้ในศาลบรรพบุรุษของหมู่บ้านโซว่หวาง?”“น้องหญิง ขอข้าดูก่อน”ซูจิ่งสิงไม่อยากให้หีบใบนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจ จึงเอื้อมมือไปเปิดหีบออกโชคดีสิ่งที่อยู่ข้างในไม่ใช่เถ้ากระดูก แต่เป็นเสื้อผ้าเก่า ๆ ตัวหนึ่ง“ระวังจะมีพิษ”กู้หว่านเยว่ยื่นถุงมือให้คู่หนึ่ง ซูจิ่งสิงสวมถุงมืออย่างเชื่อฟัง แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา“มันเป็นเสื้อผ้าของผู้ชาย ดูเก่ามาก มีอายุพอสมควร”หีบสีเทานี้ชัดเจนว่าเป็นหีบบรรจุเถ้ากระดูก แต่ข้างในกลับเป็นเสื้อผ้าตัวหนึ่ง”เป็นไปได้สูงมากที่เสื้อผ้าตัวนี้จะเป็นของใครบางคนที่มีความสำคัญกับหญิงลึกลับเนื่องจากไม่มีเถ้ากระดูกของอีกฝ่าย จึงทำได้เพียงเก็บเสื้อผ้าตัวนี้ไว้ระลึกถึงกู้หว่านเยว่คาดเดาว่า “หญิ
เรื่องนี้เดิมทีไม่เกี่ยวข้องกับสกุลกงซุน นี่คือคำสั่งของฮ่องเต้ แรกเริ่มที่ยกทัพไปปราบหนานหลีอ๋อง พวกเขาสกุลกงซุนเพียงแค่จัดหาม้าศึกให้เท่านั้น“อย่างที่ท่านพูด หรือว่าจะเป็นคนของหนานหลีอ๋อง ที่กำลังแก้แค้นให้เขางั้นหรือ?”จะมีเสื้อผ้าที่พอดีตัวขนาดนี้ได้ ต้องเป็นคนใกล้ชิดกับหนานหลีอ๋องแน่ “หรือว่าจะเป็นชายาหนานหลีอ๋อง?”กงซุนหงส่ายหัว พูดอย่างยิ้มแย้ม “ท่านไม่รู้อะไรเลย หนานหลีอ๋องไม่เคยเสกสมรส ไม่เคยมีชายา ยิ่งกว่านั้นฮ่องเต้ก็จิตใจโหดร้าย ตอนนั้นนอกจากฮองเฮาแล้ว ผู้คนในจวนหนานหลีอ๋องล้วนตายกันหมด”“พูดแบบนี้ หรือว่าจะเป็นฮองเฮา?”ฮองเฮาเป็นน้องสาวของหนานหลีอ๋อง การแก้แค้นให้หนานหลีอ๋อง ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลซูจิ่งสิงเตือนความจำ “ฮองเฮาร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยหลายโรค หมอหลวงในวังต้องคอยตรวจดูอาการอยู่เสมอ”และหญิงลึกลับผู้นั้นสวมชุดสีขาว เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ไม่มีทางจะเป็นฮองเฮาไปได้เบาะแสขาดหายไปอีกแล้วสองสามีภรรยาขบคิดแทบตายก็หาคำตอบไม่ได้กู้หว่านเยว่จึงเก็บเสื้อผ้ากลับมา อันที่จริงของสิ่งนี้ก็อยู่ในมือของพวกเขาแล้ววันหลังยังมีเวลาเสมอที่จะได้เผชิญหน้ากับหญิงลึกล
เขายกถ้วยยาเข้ามา “เจ้าไม่จำเป็นต้องมาดูแลด้วยตัวเองจริง ๆ ข้าจัดการเองก็ได้”“ท่านช่วยข้าไว้” แก้มของกงซุนซวงแดงระเรื่อสองตาที่มองชายผู้นั้นเป็นประกายน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านล่อคนเหล่านั้นไป ข้าก็ไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในทางลับได้”เจียงหลินจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “นี่คือสิ่งที่ข้าสมควรทำแล้ว ข้ารับปากกับผู้อาวุโสโซว่หวางเอาไว้ ว่าจะปกป้องลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี”“ใต้เท้าเจียง ท่านให้ข้าได้ดูแลท่านบ้างเถอะ”ไม่ยากเลยที่จะมองออกว่า ดวงตาของกงซุนซวงเต็มไปด้วยความชื่นชมน่าเสียดายที่เจียงหลินไม่มีอารมณ์จะพูดจาในตอนนี้ นอนอยู่บนเตียงบ่ายเบี่ยงว่าไม่สบายเนื้อตัว แล้วไล่กงซุนซวงออกไปกงซุนซวงถอนหายใจ กังวลว่าหากฝืนอยู่ที่นี่ต่อ จะทำให้เจียงหลินรู้สึกรังเกียจ จึงเดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์“น้องหญิงห้า เจ้าบอกข้าทีว่า ตอนนี้หมู่บ้านต้องการการบูรณะใหม่ ทำไมเจ้าถึงเอาแต่มุ่งความสนใจไปที่ผู้ชาย?”กงซุนหงเข้มงวดเพื่อหวังให้ดีขึ้นน้องหญิงห้าเป็นคนฉลาดเรื่องความรัก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางเห็นอีกฝ่ายออกมาจากห้องของเจียงหลินไม่ใช่แค่ครั้งเดียว“เขาคือผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้า ข้าแค่
เมิ่งเหยียนมีความคับข้องในใจอยู่แล้ว แล้วจะทนกับการเย้ยหยันเช่นนี้ได้อย่างไร?ไม่พูดอะไรสักคำก็ร้องไห้วิ่งออกมา สุดท้ายก็พบกับกู้หว่านเยว่เข้าพอดี“แทนที่เจ้าจะร้องไห้อยู่ในนี้ สู้ไปอธิบายให้เขาเข้าใจดีกว่า”ลั่วหยางนั่งอยู่ในห้องคัดแยกสมุนไพร ชำเลืองมองเมิ่งเหยียนอย่างจนปัญญา“ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ไม่รู้ตัวตนของเจ้าเช่นกัน พูดไปไม่กี่คำ เจ้าก็เจ็บปวดเจียนตาย”ลั่วหยางพูดอย่างจนปัญญา“สู้บอกเขาไปตรง ๆ ว่าเจ้าเป็นใคร ต่อให้ต้องตายก็ตายอย่างเข้าใจ”สองวันมานี้เมิ่งเหยียนร้องไห้สะอึกสะอื้นมาโดยตลอด ลั่วหยางรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว“ข้า ข้าก็อยากจะพูดเหมือนกัน แต่เขาเกลียดข้า”เมิ่งเหยียนเช็ดน้ำตานางย่อมต้องการบอกความจริงออกไปเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรที่มาเขตซีเป่ยในคราวนี้ ก็เพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นแต่ไม่นึกว่า พี่ชายลูกพี่ลูกน้องโกรธมากกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก ในคำพูดเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเย้ยหยันที่มีต่อนางแล้วเมิ่งเหยียนจะพูดออกมาได้อย่างไรไม่พูดออกมา อย่างน้อยตอนนี้นางก็ยังสามารถได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายยังสามารถฉวยโอกาสจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บของอีกฝ่
ทันใดนั้นแววตาของกู้หว่านเยว่ก็เป็นประกาย ความจริงแล้วมีความคิดนี้มานานแล้ว แต่กลับได้พูดออกมาอย่างระมัดระวังเป็นครั้งแรก“ข้าคิดว่า เป็นไปได้”ซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว นอกจากหนานหยางอ๋องและหมู่บ้านโซว่หวางแล้ว ยังมีเว่ยเฉิงและสกุลอวิ๋นที่ตอนนี้ล้วนภักดีต่อพวกเขา“หากมู่หรงอวี้ตาย ฮ่องเต้ชั่วต้องได้รับข่าวแน่นอน”เมื่อกล่าวถึงมู่หรงอวี้ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกปรารถนาเหลือเกินนางรู้ว่ามู่หรงอวี้ยังมีคลังส่วนตัวจำนวนหนึ่งอยู่ในมือเขาทันทีที่มู่หรงอวี้ตาย คลังส่วนตัวเหล่านั้นก็ไม่มีเจ้าของ ต้องหาวิธียึดคลังส่วนตัวเหล่านั้น“พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”ในคืนฝนตก บ่าวรับใช้ที่กู้หว่านเยว่ทิ้งไว้ในป่ารกร้างทยอยลุกขึ้นทีละคน“ดูสิ เหมือนพวกคุณหนูจะกลับบ้านไปแล้ว”หนึ่งในนั้นชี้ไปที่ธงประจำสกุลกงซุนด้วยความตื่นเต้น“ดีจังเลย พวกเรารีบกลับไปเถอะ”บ่าวรับใช้เหล่านี้ล้วนเป็นคนรับใช้ของสกุลกงซุนมาหลายชั่วอายุคน ผูกพันกับสกุลกงซุนมาเป็นเวลานาน ตอนนี้รู้สึกยินดีจากใจจริงแต่ละคนต่างประคับประคองซึ่งกันและกัน รีบกลับไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง“คุณหนูใหญ่ แล้วผู้อาวุโสโซว่หวางล่ะ?” พ่อบ้านผมหงอกขาว
สุดท้ายก็ประกาศว่า ต่อไปกู้หว่านเยว่จะเป็นนายหญิงตัวจริงของหมู่บ้านโซว่หวางแม้ว่าทุกคนจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านถึงอย่างไร ในเวลานี้สกุลกงซุนก็เห็นด้วยแล้ว พวกเขามีคุณสมบัติอะไรที่จะคัดค้าน?หลังจากประกาศข่าวนี้ออกไป กงซุนหงก็ได้มอบป้ายคำสั่งหัวหน้าสกุลให้กู้หว่านเยว่อย่างเป็นทางการ“แผนภาพการป้องกันหมู่บ้านโซว่หวาง หนังสือราชการ คดีความ และสมุดบัญชีในหลายปีที่ผ่านมาของเขตซีเป่ย ส่งมาให้ข้าทั้งหมด”ในเมื่อกู้หว่านเยว่จะมารับช่วงดูแลต่อในเขตซีเป่ย ก็ย่อมไม่เกรงใจพวกเขาเป็นธรรมดาอะไรควรถือไว้อยู่ในมือ นางต้องรู้ดีอยู่แล้ว“ขอรับ ฮูหยิน” ตอนนี้คนของสกุลกงซุนกำลังพากันเรียกกู้หว่านเยว่ว่าฮูหยิน“พลังของหมู่บ้านโซว่หวางจวงได้รับความเสียหายอย่างหนัก มอบหมายให้เว่ยเฉิงจัดการแล้วกัน”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย มองเว่ยเฉิงที่อยู่ด้านล่าง วิธีบูรณะของอีกฝ่าย นางไว้ใจได้“ข้าน้อยจะจัดการให้เป็นอย่างดีแน่นอน”เว่ยเฉิงรีบคุกเข่าลงพร้อมกับเอ่ยขึ้น“อยู่ในนี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้หรอก” กู้หว่านเยว่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนางรินชาถ้วยหนึ่งให้เว่ยเฉิง ส่งให้เขาเองกับมือ “พวกเราคือเพื
ทว่าเขาอยากหาโอกาสอยู่ตลอด พูดความในใจของตนต่อผู้อาวุโสโซ่วหวางให้ชัดเจนคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ผู้อาวุโสโซ่วหวางก็ตายไปแล้วถ้อยคำของอีกฝ่าย ถึงขั้นกลายเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายไปเสียได้“เมื่อแรกท่านพ่อมิใช่พูดว่า ยกข้าให้ท่านหรือ?” กงซุนซวงเอ่ยปากหน้าแดงเรื่อ“ตอนนั้นข้ามิได้ตอบท่านพ่อ บัดนี้ท่านพ่อจากไปแล้ว ข้าอยากทำให้ผู้ชราเขาสมปรารถนา”ดวงตานางทอประกายระยับขณะผินมองเจียงหลิน“ข้ายินดีแต่งกับท่าน”“พวกเจ้าหมั้นหมายกันแล้วรึ?” เมิ่งเหยียนสั่นเบาๆ มองทั้งคู่อย่างเหลือจะเชื่อวันนี้นางมา ก็เพราะอยากพูดกับเจียงหลินให้เข้าใจคิดไม่ถึงยังไม่ทันเอ่ยปากพูดให้ชัดเจน ก็ได้รับข่าวชวนตกตะลึงพรึงเพริดเช่นนี้หากว่าพวกเขาทั้งสองหมั้นหมายกันจริง เช่นนั้นนางยังสอดเข้าไป ยังมิใช่กลายเป็นมือที่สามอีกหรือ?“หมั้นหมาย?”กงซุนซวงเอ่ยปากหน้าแดงเรื่อ “ยังไม่นับว่าใช่ ตอนนั้นท่านพ่อข้าเพียงเอ่ยออกมาเท่านั้น แต่ข้ายินดีอยู่ภายในใจ ก็ไม่รู้พี่ใหญ่เจียงคิดเห็นเช่นไร ตอนท่านพ่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ พี่ใหญ่เจียงเองก็ไม่ปฏิเสธ”สายตานางมองเจียงหลินอย่างหลงใหล “ดังนั้นวันนี้ข้าถึงอยากถามพี่ให
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง