“ข้างนอกฟ้าแลบและฟ้าร้อง อยู่ในศาลเจ้าปลอดภัยกว่า”“น้ำท่วมขึ้นมาแล้วอย่างไร? อย่างน้อยขึ้นที่สูงก็ไม่ต้องเปียก แต่ถ้าออกไปตอนนี้ คงได้หนาวตาย”เหตุผลที่ทุกคนไม่เต็มใจที่จะจากไป ก็เหมือนกับพวกซุนอู่เมื่อครู่นี้ทุกประการซุนอู่เห็นว่าระดับน้ำใต้เท้าเพิ่มขึ้นทีละน้อย แถมคนในคาราวานยังบ่นกระปอดกระแปด เขาโกรธจนต้องหยิบแส้ออกมาเมื่อครู่แม่นางน้อยกู้อดทนไม่อัดเขาได้อย่างไร?“ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย!”“พี่ใหญ่ซุน เดี๋ยวก่อน!”กู้หว่านเยว่รีบห้ามเขาเอาไว้นักโทษเยอะเช่นนี้ ล้วนแต่ไม่เต็มใจจะออกไป แส้ไม่อาจใช้ได้แล้ว ต่อให้จะบังคับพวกเขาได้ แต่ก็จะต้องคอยลากคอยประคองให้เสียเวลา เดินหน้าได้ไม่กี่ก้าวกู้หว่านเยว่ส่งสายตาวางใจให้ซุนอู่ แล้วหันกลับมาพูดกับทุกคนด้วยเสียงทุ้มลึก“ทุกท่านฟังข้าพูด พวกเราหลบฝนในศาลเจ้านี้ได้สักพัก แต่ฝนก็จะหนักขึ้น และไม่ช้าก็เร็วที่นี่ก็จะถูกน้ำท่วมพวกท่านดู ตอนนี้น้ำขึ้นมาถึงเข่าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังอยู่ริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ หากเขื่อนแตก กระแสน้ำทะลักท่วม พวกเราก็จะถูกพัดพาไปอย่างรวดเร็วจะรั้งอยู่ที่นี่รอความตาย หรือจะออกไปกับข้า พวกท่านตัดสินใจกันเอ
พวกเขาบ้านใหญ่ทำงานเป็นวัวเป็นม้ามาตลอดทาง ท่านย่ากลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย“ตะโกนอะไรกัน? ท่านแม่โกรธ จะทุบตีก็เป็นเรื่องธรรมดา”ซูหัวหยางสีหน้าบูดบึ้ง ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะดุเขาอย่างไร เขาก็ยังก้มลงแบกคนๆ นี้ไว้บนหลัง ติดตามคาราวานขนาดใหญ่ไปส่วนศพของซูหัวหลิน ถูกทิ้งไว้ในศาลเจ้าอย่างเร่งรีบหลังจากออกจากศาลเจ้าแล้ว ซุนอู่ก็ถามว่า“แม่นางน้อยกู้ พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”กู้หว่านเยว่เห็นภูมิประเทศล่วงหน้าแล้ว จึงพูดอย่างเด็ดขาดว่า “เดินไปตามไหล่เขาทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ แม้ว่าเขื่อนจะพัง แต่น้ำก็จะไม่ท่วมมาถึงเรา”พืชพรรณโดยรอบมีความเขียวชอุ่ม ความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มบนภูเขาน้อยมากเมื่อนึกถึงความตายอันน่าสลดใจของซูหัวหลิน กู้หว่านเยว่ก็พูดอย่างกังวลว่า“ทุกคนเดินตามข้าเอาไว้ อย่ายืนตะโกนเสียงดังในที่โล่ง เดินไปตามใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่อยู่ให้ห่างจากต้นที่สูงใหญ่ ป้องกันฟ้าผ่า”บนท้องฟ้า หยาดฝนเทลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆท้องฟ้าดูเหมือนจะมีหลุมดำปรากฏออกมา หยาดฝนตกหนักนับไม่ถ้วนรินรด ไม่เพียงแต่มีฟ้าร้องและพายุโหมเท่านั้น แต่ยังมีลมแรงอีกด้วยทุกคนฝ่าลมแรง เดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้ว
หลิวซื่อที่กลับมามีสติอีกครั้ง ก็มองไปรอบๆ “เจ้าสาม เมี่ยวเมี่ยว เมี่ยวเมี่ยวข้าเล่า?”“เมี่ยวเมี่ยวไม่ได้อยู่บนหลังข้าอยู่ตลอดหรือ?”จากนั้นซูหัวจวิ้นก็ตอบสนอง เขาดึงตะกร้าไม้ไผ่ที่ด้านหลังออก ก่อนจะเห็นว่ามันว่างเปล่า ไหนเลยจะมีร่างของเมี่ยวเมี่ยวอยู่?ทันใดนั้น เขาก็จำได้ว่าตอนที่เขาล้มลงในน้ำท่วม บางที เขาอาจจะโยนเด็กออกไปตอนนั้นก็ได้“อาจจะถูกน้ำท่วมพัดเอาไปแล้ว ไม่ได้ เรื่องนี้เจ้าโทษข้าไม่ได้ เจ้าว่าทำไมเจ้าเด็กโง่นั่นถึงไม่วิ่งตามมาเล่า?...”ซูหัวจวิ้นกะพริบตา ในใจรู้สึกผิดอย่างยิ่งนางหลิ่วเป็นบ้าไปแล้ว แม้ว่าตระกูลมักจะไม่พอใจนางที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายให้ได้ ทั้งยังคลอดบุตรีไม่เอาอ่าวออกมาถึงสองคน แต่นางก็ไม่เคยรังเกียจบุตรีของตนเองเมื่อเห็นว่าลูกสาวถูกซูหัวจวิ้นทำให้ตาย นางจึงเกาหัวอย่างแรง ดวงตาแดงก่ำรื้นน้ำตา จากนั้นก็พุ่งไปข่วนเกาซูหัวจวิ้นทันที“เจ้าสามซู เจ้าที่เป็นพ่อเดรัชฉาน เพื่อเอาชีวิตรอดถึงกับทิ้งลูกของตัวเอง เมี่ยวเมี่ยวอายุเพียงห้าหนาว น้ำท่วมเช่นนั้น นางจะวิ่งตามมาได้อย่างไร? เจ้าชดใช้เมี่ยวเมี่ยวให้ข้า ชดใช้เมี่ยวเมี่ยวให้ข้า…”ด้วยเสียง “ซืด” เ
ฟืนที่เปียกชื้นจุดไฟยากจิตสำนึกของกู้หว่านเยว่เข้ามาในมิติ เปิดห้องสินค้า ซื้อน้ำมันตุง[footnoteRef:1]มาหนึ่งขวด แล้วเทลงบนฟืน [1: น้ำมันไม้จีนเป็นน้ำมันอบแห้งที่ได้จากการกดเมล็ดจากถั่วของต้นไม้ตุง] “ฟุ่บ” เปลวไฟลุกโชนขึ้นทันทีดวงตาของซูจิ่นเอ๋อร์เบิกกว้าง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเก่งมากเลย!”นางหยางพูดอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมเลย มีไฟแล้ว!"ซูจิ่งสิงมองดูขวดน้ำมันตุง ดวงตาวาววับ เขารู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับ “ความลับ” ของกู่หว่านเยว่กู้หว่านเยว่คร้านจะสนใจสายตาที่จ้องมองมาของเขา อย่างไรเสีย ปิดบังคนอื่นได้แต่ปิดบังเขาไม่ได้ “ให้ข้าช่วยประคองท่านเข้ามาสักหน่อย? ตากผ้าพวกนี้ไว้ให้แห้งก่อน”ซูจิ่งสิงพยักหน้าเมื่อเขาลุกขึ้น ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่า ช่วงขามีความรู้สึกขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาฉายความประหลาดใจในทันทีแต่ความรู้สึกนั้นคงอยู่เพียงชั่วครู่ และหายไปในพริบตาเขายังคงสงบ ยอมให้กู้หว่านเยว่ประคองพาเขาไปที่กองไฟ“ขอบคุณ”“ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่โบกมือแล้วหยิบน้ำมันตุงไปหานักการตามแบบเดียวกัน จุดไฟในกระโจมของแต่ละคนให้สว่าง“แม่นางน้อยกู้ ท่านเก่งกาจเหลือเกิน นี่คืออะไรหรือ? แ
“ข้าว่านะนางหนูน้อย สายตาย่ำแย่เหลือเกินแล้ว เห็ดนี่ข้าเป็นคนพบก่อน เจ้าจะแย่งเอาทั้งหมดไปได้อย่างไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเท้าสะโพกด้วยความโกรธนางขุดหาผักป่าตามพุ่มไม้ใกล้ๆ อยู่นานแล้ว และในที่สุดก็พบเห็ดสดดอกใหญ่สองสามดอกทันทีนั้น พอนางหยิบตะกร้าขึ้นมา หลี่ซือซือก็คว้าเอาทั้งหมดไปหลี่ซือซือสีหน้าได้ใจ “เห็ดนี้ไม่มีชื่อของท่านเขียนไว้เสียหน่อย ใครเก็บมันได้ก่อนก็เป็นของคนนั้น ใครใช้ให้แขนขาท่านชักช้าเล่า?”“เจ้า คำพูดคำจาร้ายกาจเหลือเกินแล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งโกรธจนพยุงตัวเองไม่อยู่คิดจะโต้เถียงกับหลี่ชิซือ แต่เพียงเพราะเห็ดสองสามต้น นางไม่มีหน้าขนาดนั้นจริงๆเมื่อกู้หว่านเยว่ออกมาจากกระโจม ก็เห็นหลี่ซือซือเดินผ่านนางไป ในมือถือตะกร้าเห็ดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยเดิมทีอยากออกหน้าแทนฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง แต่เมื่อเหลือบมองเห็ดในตะกร้าของนาง ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างทันทีแม่ตัวดี หลี่ซือซือคนนี้กล้ากินมันลงไปจริงๆ“เห็ดชนิดนี้มีสีสันสวยงาม แต่มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่ามีพิษ เจ้ายังคิดจะขโมยมันอีกหรือ?”กู้หว่านเยว่ใช่ว่าจะมีใจเตือนหลี่ซือซือ แต่แค่ตกใจเกินไป เพียงเรื่องแค่นี้ก็ไม่มีความรู้
ในเมื่อนางอยากเล่น ซูจิ่งสิงก็จะเล่นกับนางหลังจากเก็บนกพิราบได้สิบตัว และนกอื่นๆ อีกห้าตัว กู้หว่านเยว่ก็พาพวกมันออกไปเมื่อถึงเวลา เดินกลับมาพร้อมกับตะกร้าในเมื่ออย่างมีความสุขทันทีที่กลับมา นางก็อดไม่ได้ที่จะขดตาเสี้ยว ส่งจูบหวานๆ ให้ซูจิ่งสิงไปหนึ่งครั้ง“ท่านพี่ ท่านยิงนกพิราบได้เยอะเลยเจ้าค่ะ เก่งเกาจเหลือเกิน! เยี่ยมมากเจ้าค่ะ!”นกพิราบทั้งหมดที่นางซื้อและปล่อยออกมาจากเวทีซื้อขาย ถูกซูจิ่งสิงโจมตีจนเกลี้ยง ไม่เหลือเลยสักตัวเดียวผู้ชายคนนี้เจ๋งมากเลย!ซูจิ่งสิงเป็นภาระมาตลอดทาง แต่ทันใดนั้นก็ได้รับการชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ทั้งยังถูกกู้หว่านเยว่ส่งจูบมาให้อีก ทำให้หูของเขาแดงแจ๋ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ที่แท้ ได้รับคำชมจากนี้ รู้สึกดีเช่นนี้เอง“รอให้ขาของข้าดีขึ้น ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องลำบากอีก”เขามั่นใจไว้อย่างเงียบๆรู้สึกได้ว่า วันที่ว่านั้นอีกไม่นานเกินรอเมื่อเห็นพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เดินถือนกพิราบกลับมาหลายตัว ซูจิ่นเอ๋อร์และซู่จื่อชิงก็รีบวิ่งไปพร้อมกับผักป่าต่างคนต่างก็อ้าปากค้าง พวกเขารีบก่อฟืนจุดไฟอย่างมีความสุขคนอื่นๆ ได้แต่มองดูนกพิราบตัวอ้วนในตะกร้าด้วย
ยามนี้ จิตใจของกู้หว่านเยว่กลับมาอยู่ที่นกพิราบย่างอีกครั้งอย่าละเลยอาหารโอชะและบุรุษองอาจ แต่ให้ทิ้งปัญหาทั้งหมดที่มีเอาไว้ก่อนซูจิ่งสิงหยิบนกพิราบย่างออกจากมือของนางอย่างระมัดระวัง “ข้าเอง เจ้าพักผ่อนเถอะ”“ท่านทำได้หรือ?” กู้หว่านเยว่สงสัยซูจิ่งสิงสีหน้ามืดมน เขาถูกดูถูกหรือ?“ได้หรือไม่ ลองแล้วก็รู้เอง”โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เขาหยิบไม้เสียบนกพิราบย่างที่วางอยู่บนตะแกรงมา แล้วเริ่มย่างมันทันทีกู้หว่านเยว่มองดูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางหยิบผงยี่หร่าออกมาจากกระเป๋า แล้วโรยลงบนนกพิราบย่าง ร่วมมือกับเขาหลังจากนั้นไม่นาน นกพิราบย่างรสเผ็ดร้อนสีเหลืองกรอบก็ถูกยกขึ้นมาจากเตา อยู่ภายใต้มือของสองท่านพี่ภรรยาแล้ว“กลิ่นหอมมากเลย!” กู้หว่านเยว่อุทานขึ้นมาผงยี่หร่านี้ ได้มาจากร้านอาหารเลิศรส มีกลิ่นหอม รสชาติเผ็ดร้อนจนน้ำลายสอซูจิ่งสิงฉีกชิ้นเนื้อออกแล้วส่งเข้าปากนาง “เจ้ากินก่อน ระวังร้อน”ในแววตามีสิ่งที่เขาไม่สังเกตเห็นได้ ทอประกายขึ้นมาหยางซื่อ ซูจิ่นเอ๋อร์และซูจื่อชิงแอบมองจากด้านข้าง ยิ้มจนเห็นคิ้วไม่เห็นตาขณะกินเนื้อที่จ่อเข้าปาก กู้หว่านเยว่ก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างหาได
กู้หว่านเยว่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้สุดกำลัง อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากจากนี้ไป นางจะมีอิสระทางการเงิน ซื้อของในเวทีซื้อขายได้ตามต้องการ!ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นนี้ นางกลับไปที่เวทีซื้อขาย ค้นหาสมุนไพรที่จำเป็นตามเทียบยาหลังจากนั้นไม่นาน สมุนไพรทั้งหมดก็ถูกกว้านซื้อไปทันทีที่นางกดปุ่มชำระเงิน สมุนไพรก็ปรากฏขึ้นในตะกร้าของนางโดยอัตโนมัติกู้หว่านเยว่ซื้อกระต่ายเนื้ออีกห้าตัวและไก่ฟ้าห้าตัว ท้ายสุด จึงถือของใหญ่เล็กกลับมาเต็มไม้เต็มมือเมื่อเห็นนางกลับมาพร้อมของมากมาย ทุกคนต่างก็ตกใจ“แม่นางน้อยกู้ ท่านไปเอาไก่ฟ้ากับกระต่ายมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?”กู้หว่านเยว่โกหกตาไม่กะพริบ “ข้าโชคดีน่ะเจ้าค่ะ ตอนที่เก็บสมุนไพร เจอรังกระต่ายกับรังไก่ฟ้าพอดี เลยเก็บมันมาพร้อมกันเลยทีเดียว”แล้วยื่นไก่ฟ้าและกระต่ายเนื้อให้พวกเขา“เหมือนเดิม พวกท่านจัดการกับไก่ฟ้าและกระต่าย อีกประเดี๋ยวจะแบ่งให้พวกท่านหนึ่งตัว”การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนจากอิจฉาเป็นตื่นเต้น แม่นางน้อยกู้ใจดีกับพวกเขามาก แบ่งอาหารให้พวกเขาทุกครั้งหลังจากได้ยิน หลายคนก็เลิกเสแสร้ง รีบหยิบกระต่ายและไก่ฟ้าขึ้นมาจากนั้นก็ตามหาแหล่งน
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง นางก็คันไม้คันมือพอดี จะได้ระบายออกสักหน่อยซูจิ่นเอ๋อร์ยังคงเป็นห่วง ตั้งแต่หลี่ซือซือตายไป ท่านอาสี่เหมือนกลายเป็นบ้าไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง?“พี่สะใภ้ใหญ่ อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัว มีเรื่องใดก็ตะโกนได้เลย ข้าจะเข้าไปตีเขาให้ตาย!”“ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอ ข้าจะพาพี่ใหญ่เจ้าไปอาบน้ำ”ระหว่างพูดคุยกัน กู้หว่านเยว่แบกซูจิ่งสิงขึ้นหลัง แล้วพาเดินไปทางห้องครัวพอไปถึงห้องครัว ซูจิ่งสิงรีบลงมาบนพื้นอย่างว่องไว พร้อมสีหน้าเขินอาย“ข้าอาบเองได้”“อ่อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่คิดจะช่วยเขาอาบ“ข้าจะเข้าไปอาบในมิติ ท่านอาบอยู่ข้างนอก อาบไปด้วยช่วยข้าดูต้นทางไปด้วยนะ”มิติหรือ? มันคือสิ่งใด?ซูจิ่งสิงกำลังสงสัย แล้วเห็นกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัรว จากนั้นร่างกายสั่นไหว หายไปกลางอากาศ“กู้หว่านเยว่!”เมื่อหญิงสาวหายไปกะทันหัน ทำให้เขาปวดใจ กระทั่งกลัวว่านางจะไม่กลับมาอีกแล้วกู้หว่านเยว่เพิ่งเข้าไปในมิติ พลันได้ยินเสียงซูจิ่งสิงเรียกชื่อนางเสียงต่ำอยู่ข้างนอก“เรียกข้าทำไม?” นางรีบปรากฏตัวอย่างรวดเ
“ไม่หรอก พวกเราหนีออกมาได้แล้ว ใครก็อย่าคิดจะจับตัวพวกเรากลับไปอีก”ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“อีกเดี๋ยวข้าจะไปสืบดูฐานะของพวกเขา ไม่น่าจะมาเพราะพวกเรา”“พี่หญิง ข้าก็ยังกลัว...” ฟู่ซานก้มหน้าลง“กลัวอะไรกัน เจ้าลืมไปแล้วหรือตอนข้าเกิดมามวลวิหคน้อมคารวะ นั่นคือการกำเนิดของผู้มีบุญญาธิการ ข้าเชื่อว่าต้องทำได้ แค่ขาดโอกาสเท่านั้น”……กู้หว่านเยว่ที่อยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้น แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นยิ้มนี่ไม่ใช่นางเอกหรือ?ผู้ที่มีปรากฏการณ์จากฟ้ายามตกฟาก คือฟู่เยียนหรานที่เป็นคู่ของมู่หรงอวี้ ฮองเฮาในอนาคตของต้าฉี!นึกไม่ถึงว่าจะได้พบนางที่หมู่บ้านไร้ชื่อแห่งนี้ ฟู่เยียนหรานผู้นี้โหดเหี้ยมไม่น้อย นางคือลูกที่เกิดจากอนุภรรยาของหนานหยางอ๋อง ถูกแม่ใหญ่จับคู่ให้แต่งงานกับรองแม่ทัพคนหนึ่งของบิดานางเห็นรองแม่ทัพผู้นั้นเป็นคนหยาบกระด้าง ในวันแต่งงานจึงพาน้องชายหนีออกมา ระหว่างทางถูกมู่หรงอวี้ช่วยไว้ทั้งสองตกหลุมรักกันอย่างดุเดือด หลังจากฟู่เยียนหรานกลับไปจึงวางยาพิษหนานหยางอ๋องจนตาย แล้วมอบอำนาจทหารให้มู่หรงอวี้วางยาพิษบิดาจนตาย เรื่องเช่นนี้คนทั่วไปทำไม่ได้พอนึก
“เร็ว รีบเดินเร็วเข้า!”กู้หว่านเยว่รีบหันไปเอ่ยกับพวกของเหยียนฮูหยิน “เหยียนฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง พวกท่านนำเด็กมาไว้ในรถของข้าเถอะ พวกเราต้องเร่งเดินทาง”กู้หว่านเยว่นำผ้าห่มทิ้ง เพื่อให้พวกเด็กน้อยมีที่ว่าง หลายตระกูลตื้นตันอย่างมาก จึงรีบอุ้มเด็กขึ้นไปทันทีคนทั้งขบวนฝ่าลมพายุฝนกระหน่ำ เดินทางต่อเนื่อง ในที่สุดหลังผ่านไปสองชั่วยามมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืด “เป็นหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้าน!”หลังถูกฝนกรดเล่นงานมาทั้งคืน ขณะนี้บนตัวทุกคนเปื้อนของเหลวเหนียวข้น สภาพมอมแมม น่าอนาถยิ่งกว่าขอทาน“มีคนอยู่หรือเปล่า?”ซุนอู่รีบพาคนไปเคาะประตูของครอบครัวหนึ่งทันที คนที่เปิดประตูคือชาวนาเฒ่าคนหนึ่ง“ผู้อาวุโส ให้พวกเราพักค้างคืนที่บ้านพวกท่านสักคืนได้หรือไม่?”“ฝนตกแรงขนาดนี้ พวกเจ้ารีบเข้ามาเถอะ”ชาวนาเฒ่ารีบพยักหน้า แล้วปล่อยทุกคนเข้าไปภายในเรือนที่เรียบง่าย สภาพแวดล้อมแย่ยิ่งกว่าห้องรวมของโรงเตี๊ยมเสียอีก ทว่าขณะนี้มีที่ให้พักพิง ทุกคนก็พอใจมากแล้วในขณะที่ทุกคนเตรียมจะกรูกันเข้าไป ภายในกลับมีเสียงหนึ่งที่ไม่สบอารมณ์ดังขึ้นทันที“ไหนว่าคืนนี้จะให้พวกเราค้างแรมที่บ้านหลังนี้
กู้หว่านเยว่ได้ให้มิตินำแผนที่ของภูเขาในระแวกนี้ออกมาตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าเดินต่อไปข้างหน้าอีกสองชั่วยาม จะมีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง“หากท่านเชื่อข้า ให้ทุกคนเดินตามข้าไป”“เดินตามเจ้าหรือ?”ซุนอู่ลังเลกู้หว่านเยว่เก่งมาก แต่ก็ไม่ใช่เรดาร์ค้นหาเส้นทางจางเอ้อร์ที่อยู่ข้างกันเอ่ยขึ้น “หัวหน้า ข้าว่าฝนนี่ประหลาดยิ่งนัก หากตากนานไปไม่รู้จะมีโรคใดหรือไม่ ถ้าอย่างไรฟังข้อเสนอแนะจากแม่นางกู้น้อยเถอะ”เขาสำทับ“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราก็ฟังแม่นางน้อยกู้มาตลอด ไม่เคยมีสิ่งใดผิดพลาดเลย”“ก็ใช่”ประสบการณ์ของหัวหน้านักว่าการอย่างเขายังไม่เท่ากู้หว่านเยว่“เช่นนั้นก็ได้ เจ้านำทางอยู่ข้างหน้า พวกเราจะตามเจ้าไป”ระหว่างที่พูด ซุนอู่ให้นักการไปปลุกทุกคนให้ตื่น เพื่อให้พวกเขาเร่งออกเดินทางคนอื่น ๆ เองก็รู้สึกถึงความผิดปกติของสายฝน ไม่ต้องให้นักการไปปลุก พวกเขาก็เดินทางอย่างรวดเร็วแต่กลับลำบากคนสกุลซูนางหลิวต้องพาคนบาดเจ็บไปด้วย ทำให้เดินไม่ไหวเมื่อเห็นรถเทียมลาของกู้หว่านเยว่ นางจึงขอร้องเสียงอ่อน“หว่านเยว่ เจ้าดูสิว่าพอจะให้ท่านอาสี่ของเจ้าขึ้นไปนอนบนรถม้าได้หรือไม่?”ต่อสู้ก
ซูหัวจวิ้นชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า“หลี่ซือซือ หลี่ซือซือนางมาหาข้าแล้ว”แม้หลี่ซือซือจะสมควรได้รับโทษ แต่เมื่อได้ยินซูหัวจวิ้นกล่าวเช่นนี้ อีกทั้งรอบด้านมืดสนิท จึงทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกซู่ รีบหันมองรอบด้านทันทีซุนอู่เองก็รู้สึกว่าลมเย็นพัดมาเป็นระลอก จึงหยิบแส้เดินไปตรงหน้าซูหัวจวิ้น พร้อมหวดแส้ใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์“หากกล้าพูดเหลวไหลอีก ข้าจะหวดเจ้าให้ตาย!”“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย ข้าเปล่าพูดเหลวไหลนะ หลี่ซือซือมาแล้วจริง ๆ นางโกรธข้าที่ไม่ควรเรียกนางมา โกรธข้าที่ไม่ได้ปกป้องนาง...ยังมีท่านแม่ นางโกรธท่านด้วย!”ซูหัวจวิ้นชี้ไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูกะทันหัน ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูกรีดร้องเสียงดัง“ว๊าย ว๊าย ว๊าย เจ้าสี่ เจ้าจะตายแล้วหรือไร พูดบ้าอะไรของเจ้า?”ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวสั่นงก ๆ แล้วขดตัวอยู่ในอ้อมกอดนางหยาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านว่า หลี่ซือซือนาง...”กู้หว่านเยว่เหลือบมองนาง ไม่ตอบกลับย้อนถาม “เจ้าทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือ?”“เปล่าเจ้าค่ะ”ซูจิ่นเอ๋อร์ครุ่นคิด นอกจากแรกเริ่มที่นางโง่เขลา นอกนั้นไม่น่าจะเคยทำเรื่องผิดศีลธรรรม“หากไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรม เจ้าจะกลัวอะไร”เกรงว่าคำพูดของซูหัวจวิ
นักการในศาลาว่าการหลายคนไปตามเสียงร้องตกใจของฮูหยินผู้เฒ่าซู“เอะอะโวยวายอะไรกัน? รีบหุบปากเดี๋ยวนี้”“นาง...ซือซือ นางตายแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าซูชี้ไปที่หลี่ซือซือบนพื้น สีหน้าหวาดกลัวมากจะว่าไปหลี่ซือซือก็น่าสงสารมาก ก่อนตายอยากกินให้อิ่มสักมื้อ แต่กลับถูกต่อว่าไปหนึ่งยกใบหน้าชราของฮูหยินผู้เฒ่าซูกระตุก“นางคงไม่มาหาข้าตอนกลางดึกหรอกนะ?”“ไม่หรอกเจ้าค่ะ นางจะกล้าได้อย่างไร ท่านเป็นท่านยายของนางนะ” นางหลิวเบะปาก ไม่สงสารหลี่ซือซือสักนิดนางแพศยาที่ให้ท่าสามีนาง ตายไปได้ก็ดีฮูหยินผู้เฒ่าซูกลับแอบคิดว่า เพราะเป็นท่านยายยังไม่สนใจว่านางจะเป็นตายอย่างไร จึงเป็นห่วงว่านางจะมาหากลางดึกสองวันมานี้ ทุกครั้งที่หลี่ซือซือขอให้นางป้อนน้ำให้กิน นางมักปฏิเสธอย่างรังเกียจนักการสองคนก้มตัวลง เมื่อแน่ใจว่าหลี่ซือซือหมดลมหายใจแล้วจริง ๆ จึงหันไปรายงานซุนอู่“ให้คนสกุลซูจัดการกันเอง”ซุนอู่สีหน้าเรียบเฉย หลี่ซือซือทำเรื่องชั่วมากมาย ตายไปได้ก็ดีคนสกุลซูย่อมไม่มีใครจัดการเรื่องนี้ อย่าว่าแต่ซูหัวจวิ้นที่สนิทกับนางมากที่สุดซึ่งจะกำลังร่อแร่ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าซูยังรู้สึกอัปมงคล จนต้องย้าย
โชคดีที่กู้หว่านเยว่ฉลาด เพียงไม่นาน ก็รู้แล้วว่าควรควบคุมรถเทียมลาอย่างไรทุกคนหิวโซกันหมด เมื่อยามนี้มีเสบียงอาหาร ย่อมต้องรีบกินให้อิ่มหนำจึงถางที่ขึ้นมาแห่งหนึ่ง จากนั้นซุนอู่สั่งให้ขบวนหยุดพัก แล้วพักกินอาหารกันที่นั่นกู้หว่านเยว่นำอาหารสุกที่เสียง่ายออกมาทั้งหมด แล้วแบ่งให้ครอบครัวอื่น ๆ สิ่งตอบแทนคือช่วยพวกนางทำความสะอาด และเย็บเสื้อผ้ากับรองเท้าถุงเท้าถือเป็นการให้ความช่วยเหลือทางอ้อม หลายครอบครัวนั้นย่อมไม่ปฏิเสธ กระทั่งสตรีในหลายครอบครัวเป็นฝ่ายช่วยพวกนางเก็บฟืนก่อไฟชั่วขณะนั้น ภายในขบวนมีควันโขมง กลิ่นหอมของอาหารอบอวลไปทั่วทุกคนที่หิวโซถืออาหารกินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อยกู้หว่านเยว่นำเป็นย่างออกมาสองตัว ใช้มีดเล็กหั่นเป็นชิ้น จากนั้นแบ่งให้ซูจิ่นเอ๋อร์และนางหยางทุกคนไม่มีตะเกียบ จึงหยิบอาหารกินด้วยมือเปล่า ยัดเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปาก ดูแล้วช่างสะใจ“ท่านแม่ ไม่ต้องกินอย่างประหยัด บนรถลาของพวกเรายังมีอีก”กู้หว่านเยว่เป็นห่วงว่านางหยางจะเก็บอาหารไว้ให้พวกนาง ไม่ยอมกิน จึงเอ่ยเตือนนางหยางหัวเราะ จากนั้นพยักหน้า ทว่าก็ยังฉีกน่องเป็ดที่ใหญ่ที่สุดออกมา เพื่อเก็บไว้ใ
“อืม อย่างนั้นก็ได้” กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ ยามมู่อวิ๋นหวานขึ้นมา นางไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรในไม่ช้า พวกนางเดินทางไปได้ไม่นาน คนของสกุลอวิ๋นก็ตามมาชายที่เป็นผู้นำกวาดตามองท่ามกลางฝูงชนหนึ่งรอบ จากนั้นสายตาเพ่งไปที่อวิ๋นมู่ จากนั้นรีบขี่ม้าเข้าไปหาเขาดึงบังเหียนลงจากม้า จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าอวิ๋นมู่“คุณชายน้อย ในที่สุดก็หาท่านพบจนได้ เหตุใดองครักษ์มู่ชิงจึงบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น? ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่ขอรับ?”“กลับไปค่อยว่ากัน”เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นมู่ไม่อยากพูดมาก“ขอรับ”อาฝูเองก็สังเกตเห็นผู้คนรอบข้างมากมาย จึงรีบสั่งให้คนเข้าไปรับตัวมู่ชิงลงจากหลังของอวิ๋นมู่“คุณชาย พวกเราไปกันตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ?”อวิ๋นมู่รู้สึกลังเล แล้วหันมองกู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลครั้งหนึ่งเรื่องของบ่อน้ำมันก๊าดเขาจำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเอง เขาคงไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับขบวนเนรเทศได้แล้วอวิ๋นมู่เดินไปตรงหน้ากู้หว่านเยว่ จากนั้นเอ่ยลาอีกฝ่ายอยู่สองสามคำ พร้อมมอบเสบียงให้ แล้วหันหลังขึ้นรถม้าจากไปแม้ครั้งนี้ต้องจากกัน ทว่า ช้าเร็วพวกเขาต้องได้พบกันอีกแน่นอน“อวิ๋นมู่ชอบเจ้า”ก
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านหรูโมโหถลันขึ้นมาจะทำร้ายนาง กลับถูกซูจิ่งสิงเตะกระเด็นออกไป“เด็กๆ โยนพวกเขาออกไป”เขาไม่รักหยกถนอมบุปผาองครักษ์เข้ามาอย่างว่องไว จับคนทั้งสามไว้ หามออกไปภายนอก ผู้อาวุโสสูงสุดอายุมากแล้ว ยังถูกหามไว้บนบ่า หน้าตาศักดิ์ศรีล้วนหมดไปจนสิ้นสองสามคนร้องตะโกนด่าทออย่างอดไม่ได้“กู้หว่านเยว่ เจ้าไม่สามารถทำกับพวกเราเช่นนี้ได้ พวกเราดีชั่วอย่างไรก็เป็นบ้านมารดาของเจ้า”“อย่าคิดว่าตอนนี้ท่านอ๋องปกป้องเจ้า สตรีไม่มีบ้านมารดา รอเจ้าถูกรังเกียจ เจ้าก็ไม่นับเป็นอะไรอีก!”สีหน้าซูจิ่งสิงดำทึบทึม ถึงขั้นทำเช่นนี้ต่อหน้าเขา?“โยนออกไป โยนออกไปยิ่งไกลยิ่งดี”เขาออกคำสั่ง องครักษ์ลงมือว่องไวมากยิ่งขึ้นซูจิ่งสิงกลัวคำพูดของพวกเขาจะเข้ามาอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่ หันหลังกลับไปรับปากอย่างน้อยใจ“น้องหญิง เจ้าวางใจ ชาตินี้ข้าไม่มีวันรังเกียจเจ้า”“ใช่แล้ว” นางหยางรีบจับมือกู้หว่านเยว่ ผินมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง“หว่านเยว่ หากเขาทำไม่ดีต่อเจ้า พวกเราทั้งครอบครัวไม่มีวันปล่อยเขาไป”“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะยืนอยู่ฝั่งท่านแน่”ซูจื่อชิงเองก็รีบพูด ซูจิ้งมีสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม