พวกเขาบ้านใหญ่ทำงานเป็นวัวเป็นม้ามาตลอดทาง ท่านย่ากลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย“ตะโกนอะไรกัน? ท่านแม่โกรธ จะทุบตีก็เป็นเรื่องธรรมดา”ซูหัวหยางสีหน้าบูดบึ้ง ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะดุเขาอย่างไร เขาก็ยังก้มลงแบกคนๆ นี้ไว้บนหลัง ติดตามคาราวานขนาดใหญ่ไปส่วนศพของซูหัวหลิน ถูกทิ้งไว้ในศาลเจ้าอย่างเร่งรีบหลังจากออกจากศาลเจ้าแล้ว ซุนอู่ก็ถามว่า“แม่นางน้อยกู้ พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”กู้หว่านเยว่เห็นภูมิประเทศล่วงหน้าแล้ว จึงพูดอย่างเด็ดขาดว่า “เดินไปตามไหล่เขาทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ แม้ว่าเขื่อนจะพัง แต่น้ำก็จะไม่ท่วมมาถึงเรา”พืชพรรณโดยรอบมีความเขียวชอุ่ม ความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มบนภูเขาน้อยมากเมื่อนึกถึงความตายอันน่าสลดใจของซูหัวหลิน กู้หว่านเยว่ก็พูดอย่างกังวลว่า“ทุกคนเดินตามข้าเอาไว้ อย่ายืนตะโกนเสียงดังในที่โล่ง เดินไปตามใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่อยู่ให้ห่างจากต้นที่สูงใหญ่ ป้องกันฟ้าผ่า”บนท้องฟ้า หยาดฝนเทลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆท้องฟ้าดูเหมือนจะมีหลุมดำปรากฏออกมา หยาดฝนตกหนักนับไม่ถ้วนรินรด ไม่เพียงแต่มีฟ้าร้องและพายุโหมเท่านั้น แต่ยังมีลมแรงอีกด้วยทุกคนฝ่าลมแรง เดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้ว
หลิวซื่อที่กลับมามีสติอีกครั้ง ก็มองไปรอบๆ “เจ้าสาม เมี่ยวเมี่ยว เมี่ยวเมี่ยวข้าเล่า?”“เมี่ยวเมี่ยวไม่ได้อยู่บนหลังข้าอยู่ตลอดหรือ?”จากนั้นซูหัวจวิ้นก็ตอบสนอง เขาดึงตะกร้าไม้ไผ่ที่ด้านหลังออก ก่อนจะเห็นว่ามันว่างเปล่า ไหนเลยจะมีร่างของเมี่ยวเมี่ยวอยู่?ทันใดนั้น เขาก็จำได้ว่าตอนที่เขาล้มลงในน้ำท่วม บางที เขาอาจจะโยนเด็กออกไปตอนนั้นก็ได้“อาจจะถูกน้ำท่วมพัดเอาไปแล้ว ไม่ได้ เรื่องนี้เจ้าโทษข้าไม่ได้ เจ้าว่าทำไมเจ้าเด็กโง่นั่นถึงไม่วิ่งตามมาเล่า?...”ซูหัวจวิ้นกะพริบตา ในใจรู้สึกผิดอย่างยิ่งนางหลิ่วเป็นบ้าไปแล้ว แม้ว่าตระกูลมักจะไม่พอใจนางที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายให้ได้ ทั้งยังคลอดบุตรีไม่เอาอ่าวออกมาถึงสองคน แต่นางก็ไม่เคยรังเกียจบุตรีของตนเองเมื่อเห็นว่าลูกสาวถูกซูหัวจวิ้นทำให้ตาย นางจึงเกาหัวอย่างแรง ดวงตาแดงก่ำรื้นน้ำตา จากนั้นก็พุ่งไปข่วนเกาซูหัวจวิ้นทันที“เจ้าสามซู เจ้าที่เป็นพ่อเดรัชฉาน เพื่อเอาชีวิตรอดถึงกับทิ้งลูกของตัวเอง เมี่ยวเมี่ยวอายุเพียงห้าหนาว น้ำท่วมเช่นนั้น นางจะวิ่งตามมาได้อย่างไร? เจ้าชดใช้เมี่ยวเมี่ยวให้ข้า ชดใช้เมี่ยวเมี่ยวให้ข้า…”ด้วยเสียง “ซืด” เ
ฟืนที่เปียกชื้นจุดไฟยากจิตสำนึกของกู้หว่านเยว่เข้ามาในมิติ เปิดห้องสินค้า ซื้อน้ำมันตุง[footnoteRef:1]มาหนึ่งขวด แล้วเทลงบนฟืน [1: น้ำมันไม้จีนเป็นน้ำมันอบแห้งที่ได้จากการกดเมล็ดจากถั่วของต้นไม้ตุง] “ฟุ่บ” เปลวไฟลุกโชนขึ้นทันทีดวงตาของซูจิ่นเอ๋อร์เบิกกว้าง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเก่งมากเลย!”นางหยางพูดอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมเลย มีไฟแล้ว!"ซูจิ่งสิงมองดูขวดน้ำมันตุง ดวงตาวาววับ เขารู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับ “ความลับ” ของกู่หว่านเยว่กู้หว่านเยว่คร้านจะสนใจสายตาที่จ้องมองมาของเขา อย่างไรเสีย ปิดบังคนอื่นได้แต่ปิดบังเขาไม่ได้ “ให้ข้าช่วยประคองท่านเข้ามาสักหน่อย? ตากผ้าพวกนี้ไว้ให้แห้งก่อน”ซูจิ่งสิงพยักหน้าเมื่อเขาลุกขึ้น ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่า ช่วงขามีความรู้สึกขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาฉายความประหลาดใจในทันทีแต่ความรู้สึกนั้นคงอยู่เพียงชั่วครู่ และหายไปในพริบตาเขายังคงสงบ ยอมให้กู้หว่านเยว่ประคองพาเขาไปที่กองไฟ“ขอบคุณ”“ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่โบกมือแล้วหยิบน้ำมันตุงไปหานักการตามแบบเดียวกัน จุดไฟในกระโจมของแต่ละคนให้สว่าง“แม่นางน้อยกู้ ท่านเก่งกาจเหลือเกิน นี่คืออะไรหรือ? แ
“ข้าว่านะนางหนูน้อย สายตาย่ำแย่เหลือเกินแล้ว เห็ดนี่ข้าเป็นคนพบก่อน เจ้าจะแย่งเอาทั้งหมดไปได้อย่างไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเท้าสะโพกด้วยความโกรธนางขุดหาผักป่าตามพุ่มไม้ใกล้ๆ อยู่นานแล้ว และในที่สุดก็พบเห็ดสดดอกใหญ่สองสามดอกทันทีนั้น พอนางหยิบตะกร้าขึ้นมา หลี่ซือซือก็คว้าเอาทั้งหมดไปหลี่ซือซือสีหน้าได้ใจ “เห็ดนี้ไม่มีชื่อของท่านเขียนไว้เสียหน่อย ใครเก็บมันได้ก่อนก็เป็นของคนนั้น ใครใช้ให้แขนขาท่านชักช้าเล่า?”“เจ้า คำพูดคำจาร้ายกาจเหลือเกินแล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งโกรธจนพยุงตัวเองไม่อยู่คิดจะโต้เถียงกับหลี่ชิซือ แต่เพียงเพราะเห็ดสองสามต้น นางไม่มีหน้าขนาดนั้นจริงๆเมื่อกู้หว่านเยว่ออกมาจากกระโจม ก็เห็นหลี่ซือซือเดินผ่านนางไป ในมือถือตะกร้าเห็ดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยเดิมทีอยากออกหน้าแทนฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง แต่เมื่อเหลือบมองเห็ดในตะกร้าของนาง ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างทันทีแม่ตัวดี หลี่ซือซือคนนี้กล้ากินมันลงไปจริงๆ“เห็ดชนิดนี้มีสีสันสวยงาม แต่มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่ามีพิษ เจ้ายังคิดจะขโมยมันอีกหรือ?”กู้หว่านเยว่ใช่ว่าจะมีใจเตือนหลี่ซือซือ แต่แค่ตกใจเกินไป เพียงเรื่องแค่นี้ก็ไม่มีความรู้
ในเมื่อนางอยากเล่น ซูจิ่งสิงก็จะเล่นกับนางหลังจากเก็บนกพิราบได้สิบตัว และนกอื่นๆ อีกห้าตัว กู้หว่านเยว่ก็พาพวกมันออกไปเมื่อถึงเวลา เดินกลับมาพร้อมกับตะกร้าในเมื่ออย่างมีความสุขทันทีที่กลับมา นางก็อดไม่ได้ที่จะขดตาเสี้ยว ส่งจูบหวานๆ ให้ซูจิ่งสิงไปหนึ่งครั้ง“ท่านพี่ ท่านยิงนกพิราบได้เยอะเลยเจ้าค่ะ เก่งเกาจเหลือเกิน! เยี่ยมมากเจ้าค่ะ!”นกพิราบทั้งหมดที่นางซื้อและปล่อยออกมาจากเวทีซื้อขาย ถูกซูจิ่งสิงโจมตีจนเกลี้ยง ไม่เหลือเลยสักตัวเดียวผู้ชายคนนี้เจ๋งมากเลย!ซูจิ่งสิงเป็นภาระมาตลอดทาง แต่ทันใดนั้นก็ได้รับการชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ทั้งยังถูกกู้หว่านเยว่ส่งจูบมาให้อีก ทำให้หูของเขาแดงแจ๋ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ที่แท้ ได้รับคำชมจากนี้ รู้สึกดีเช่นนี้เอง“รอให้ขาของข้าดีขึ้น ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องลำบากอีก”เขามั่นใจไว้อย่างเงียบๆรู้สึกได้ว่า วันที่ว่านั้นอีกไม่นานเกินรอเมื่อเห็นพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เดินถือนกพิราบกลับมาหลายตัว ซูจิ่นเอ๋อร์และซู่จื่อชิงก็รีบวิ่งไปพร้อมกับผักป่าต่างคนต่างก็อ้าปากค้าง พวกเขารีบก่อฟืนจุดไฟอย่างมีความสุขคนอื่นๆ ได้แต่มองดูนกพิราบตัวอ้วนในตะกร้าด้วย
ยามนี้ จิตใจของกู้หว่านเยว่กลับมาอยู่ที่นกพิราบย่างอีกครั้งอย่าละเลยอาหารโอชะและบุรุษองอาจ แต่ให้ทิ้งปัญหาทั้งหมดที่มีเอาไว้ก่อนซูจิ่งสิงหยิบนกพิราบย่างออกจากมือของนางอย่างระมัดระวัง “ข้าเอง เจ้าพักผ่อนเถอะ”“ท่านทำได้หรือ?” กู้หว่านเยว่สงสัยซูจิ่งสิงสีหน้ามืดมน เขาถูกดูถูกหรือ?“ได้หรือไม่ ลองแล้วก็รู้เอง”โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เขาหยิบไม้เสียบนกพิราบย่างที่วางอยู่บนตะแกรงมา แล้วเริ่มย่างมันทันทีกู้หว่านเยว่มองดูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางหยิบผงยี่หร่าออกมาจากกระเป๋า แล้วโรยลงบนนกพิราบย่าง ร่วมมือกับเขาหลังจากนั้นไม่นาน นกพิราบย่างรสเผ็ดร้อนสีเหลืองกรอบก็ถูกยกขึ้นมาจากเตา อยู่ภายใต้มือของสองท่านพี่ภรรยาแล้ว“กลิ่นหอมมากเลย!” กู้หว่านเยว่อุทานขึ้นมาผงยี่หร่านี้ ได้มาจากร้านอาหารเลิศรส มีกลิ่นหอม รสชาติเผ็ดร้อนจนน้ำลายสอซูจิ่งสิงฉีกชิ้นเนื้อออกแล้วส่งเข้าปากนาง “เจ้ากินก่อน ระวังร้อน”ในแววตามีสิ่งที่เขาไม่สังเกตเห็นได้ ทอประกายขึ้นมาหยางซื่อ ซูจิ่นเอ๋อร์และซูจื่อชิงแอบมองจากด้านข้าง ยิ้มจนเห็นคิ้วไม่เห็นตาขณะกินเนื้อที่จ่อเข้าปาก กู้หว่านเยว่ก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างหาได
กู้หว่านเยว่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้สุดกำลัง อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากจากนี้ไป นางจะมีอิสระทางการเงิน ซื้อของในเวทีซื้อขายได้ตามต้องการ!ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นนี้ นางกลับไปที่เวทีซื้อขาย ค้นหาสมุนไพรที่จำเป็นตามเทียบยาหลังจากนั้นไม่นาน สมุนไพรทั้งหมดก็ถูกกว้านซื้อไปทันทีที่นางกดปุ่มชำระเงิน สมุนไพรก็ปรากฏขึ้นในตะกร้าของนางโดยอัตโนมัติกู้หว่านเยว่ซื้อกระต่ายเนื้ออีกห้าตัวและไก่ฟ้าห้าตัว ท้ายสุด จึงถือของใหญ่เล็กกลับมาเต็มไม้เต็มมือเมื่อเห็นนางกลับมาพร้อมของมากมาย ทุกคนต่างก็ตกใจ“แม่นางน้อยกู้ ท่านไปเอาไก่ฟ้ากับกระต่ายมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?”กู้หว่านเยว่โกหกตาไม่กะพริบ “ข้าโชคดีน่ะเจ้าค่ะ ตอนที่เก็บสมุนไพร เจอรังกระต่ายกับรังไก่ฟ้าพอดี เลยเก็บมันมาพร้อมกันเลยทีเดียว”แล้วยื่นไก่ฟ้าและกระต่ายเนื้อให้พวกเขา“เหมือนเดิม พวกท่านจัดการกับไก่ฟ้าและกระต่าย อีกประเดี๋ยวจะแบ่งให้พวกท่านหนึ่งตัว”การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนจากอิจฉาเป็นตื่นเต้น แม่นางน้อยกู้ใจดีกับพวกเขามาก แบ่งอาหารให้พวกเขาทุกครั้งหลังจากได้ยิน หลายคนก็เลิกเสแสร้ง รีบหยิบกระต่ายและไก่ฟ้าขึ้นมาจากนั้นก็ตามหาแหล่งน
“ครอบครัวฮูหยินตระกูลซูเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงน้ำลายฟูมปากกันหมดเลย?”คนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว รวมตัวกันมาดูความสนุก แต่ไม่กล้าเข้าใกล้จนเกินไปเพราะกลัวจะติดโรค“แม่นางน้อยกู้ พวกเขาไม่ใช่ว่าติดโรคเข้าแล้วกระมัง?”ซุนอู่เอ่ยถามคำถามที่ทุกคนกังวลในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังแอบตัดสินใจในใจว่า หากตระกูลซูเก่าป่วยติดโรคจริงๆ พวกเขาจะต้องถูกโยนลงไปในป่าภูเขาลึกไม่อาจให้มาทำร้ายทั้งกลุ่มเนรเทศได้“หลีกทาง ให้ข้าดูหน่อย”กู้หว่านเยว่รับรู้ถึงความเคร่งเครียดของเรื่องนี้ สีหน้านางจริงจังขึ้นมาทันที เดินไปตรวจสอบสถานการณ์ของตระกูลซูเก่าแต่เพียงมองแวบเดียว นางก็แน่ใจได้ในทันที ว่าตระกูลซูเก่าไม่ได้ทรมานจากโรคระบาด แต่เป็นเพราะอาหารเป็นพิษ“ทุกท่านไม่ต้องกลัวไป พวกเขาไม่ได้ติดโรคหรอก พวกเขาแค่กินเห็ดพิษ และตอนนี้พิษก็เริ่มออกฤทธิ์แล้ว”ข้าบอกพวกเขาไปแล้วว่าเห็ดมีพิษ แต่ถ้าพวกเขาก็ยังไม่เชื่อ รู้เพียงว่าตนต้องได้เห็ดเหล่านั้นไปกินแต่ไม่เป็นไรหรอก การลงโทษมาแล้วกู้หว่านเยว่ไร้ความสงสารแต่คนพวกนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวตายจับจิต เพราะคิดว่าตัวเองติดโรคระบาด แต่เมื่อได้ยินกู้หว่านเยว่บอกว่าเป็