นางหยางและซูจิ้งกำลังช่วยดูแลคนของหนานหยางอ๋อง เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกลับมา ทั้งสองก็รีบเข้ามาต้อนรับ“หว่านเยว่ จิ่งสิง ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”กู้หว่านเยว่หมุนตัวหนึ่งรอบพร้อมกับรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราไม่ได้บาดเจ็บ”จากนั้นก็เล่าสถานการณ์ของเมืองตะวันไม่ตกดินให้ทั้งสองคนฟัง“จิ่นเอ๋อร์เจ้าเด็กน้อยนั่นอยากจะอยู่ที่เมืองตะวันไม่ตกดิน พวกเราจึงปล่อยให้นางอยู่ที่นั่น”หลังจากฟังจบ นางหยางกลับไม่รู้สึกกังวล “จิ่นเอ๋อร์มีนิสัยเอาแต่ใจ แต่ถ้ามีใต้เท้าฟู่อยู่ ต้องควบคุมนางได้แน่”ไม่แปลกใจเลยที่เขากล่าวกันว่าแม่ยายรักลูกเขยเหมือนกับที่รักลูกสาวของตนเองนางหยางคิดจะจับคู่ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงมานานแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน นางย่อมรู้สึกมีความสุขเป็นธรรมดาซูจิ่งสิงนึกถึงจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าและหว่านเยว่ต้องไปที่เมืองอวี้ จะต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้แล้ว”จวนหลี่โหวอยู่ที่เมืองอวี้ หากต้องการช่วยหลี่เฉินอันแย่งชิงตำแหน่งโหว ต้องไปเมืองอวี้ให้เร็วที่สุดเท่าที
กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็รีบปรับสีหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว การแสดงอารมณ์มากเกินไปต่อหน้าผู้ป่วยไม่ใช่เรื่องดี“พระชายาทรงเป็นสตรีที่มีภาวะช่องคลอดตีบตันหรือ?”“สตรีที่มีภาวะช่องคลอดตีบตัน สตรีที่มีภาวะช่องคลอดตีบตันคืออะไร?” ในต้าฉีมีหมอหญิงไม่กี่คน และยิ่งมีน้อยคนที่ศึกษาเกี่ยวกับโรคสตรีพระชายาหนานหยางส่ายหัว “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องสตรีที่มีภาวะช่องคลอดตีบตันอะไร แต่ตั้งแต่เด็ก ท่านแม่ก็บอกข้าว่า ข้าแตกต่างจากคนอื่น พูดไปก็ไม่กลัวเจ้าหัวเราะหรอก ด้วยสภาพแบบนี้ของข้า แม้แต่จะแต่งงานก็ยังยาก ถ้าข้ายังไม่ได้แต่งงานออกไป คงจะทำให้พี่น้องในครอบครัวพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะพี่สาวท่านอ๋องจึงเห็นใจข้า และให้ที่พักพิงแก่ข้า” กู้หว่านเยว่รู้เรื่องนี้ พี่สาวของพระชายาหนานหยางคือพระชายาองค์ก่อนที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว“ท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าลองคิดดูก่อน” กู้หว่านเยว่พูดปลอบใจนางสตรีที่มีภาวะช่องคลอดตีบตันแต่กำเนิดก็ใช่ว่าจะไม่สามารถรักษาได้เลยทีเดียว หากเป็นเพียงปัญหาในการเจริญเติบโตของปากช่องคลอด แต่ภายในและมดลูกยังสมบูรณ์ ก็สามารถทำการผ่าตัดได้หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว ไม่เพียงแต่
ชายคนนั้นพยักหน้า “ใช่แล้ว ตั้งแต่ท่านหลี่โหวเป็นอัมพาต ฮูหยินท่านโหวก็ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด แล้วยังไปตามพระมาสวดมนต์ขอพรให้ท่านหลี่โหวอีก ช่างเป็นภรรยาที่ดีจริง ๆ ”“เหอะ ๆ... ”หลี่เฉินอันหัวเราะอย่างประชดประชันชายคนนั้นโมโห “นี่เจ้าหัวเราะอะไร? คำพูดของข้ามันตลกมากหรือไร?”เห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกันอีกแล้ว กู้หว่านเยว่ก็รีบดึงหลี่เฉินอันออกไป“อาจารย์หญิง ท่านพ่อของข้าเป็นอัมพาต ต้องเป็นฝีมือของสวีหลานแน่ ๆ ”นี่มันบังเอิญเกินไปหน่อย กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองหน้ากัน ทั้งสองคนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เดิมทีตั้งใจจะพาหลี่เฉินอันกลับจวนโหวโดยตรง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจวนโหวคงตกอยู่ในมือของสวีหลานทั้งหมดแล้วถ้าพวกเขากลับไปทั้งแบบนี้ ก็เหมือนเอาตัวเองไปให้สวีหลานจัดการง่าย ๆ “ท่านหลี่โหวเป็นอัมพาตแล้ว สกุลหลี่ก็ต้องมีผู้อาวุโส มีผู้อาวุโสคนไหนที่เจ้าไว้ใจได้บ้างหรือไม่?”“มี ท่านผู้อาวุโสลำดับสอง เขารักและเอ็นดูข้ามาตลอด”หลี่เฉินอันรีบตอบ“เช่นนั้นผู้อาวุโสท่านนั้นอยู่ที่ไหน?”“อยู่ที่จวนหลี่ในตรอกอวี่ฮวา”สกุลหลี่อยู่ในเมืองอวี้อย่างน้อยก็ร้อยปีแล้ว คนในสกุลมีมากมายนับ
แต่ที่จริงแล้ว นางใช้โอกาสกลับไปบ้านเกิดเพื่อใส่ชื่อในบันทึกลำดับเครือญาติ แล้วกำจัดนางเกิ่งให้สิ้นซากต้องรู้ว่าหากนางเกิ่งเสียชีวิต หลี่เฉินอันก็จะไม่มีแม่แท้ ๆ เหลือเพียงสวีหลานผู้เป็นแม่เลี้ยง และสวีหลานก็ไม่เพียงแต่กำจัดอนุภรรยาเกิ่งได้เท่านั้น ยังได้ลูกชายมาคนหนึ่งมาฟรี ๆ อีกด้วย“เดิมทีสวีหลานไม่ได้อยากจะฆ่าข้า แต่ข้าไปเห็นความผิดของนางเข้า นางจึงอยากปิดปากข้า เลยลงมือกับข้า”สายตาของหลี่เฉินอันฉายแววหวาดกลัว โชคดีที่วันนั้นเขาไปเข้าห้องน้ำแล้วเห็นเหตุการณ์ไม่เช่นนั้น เกรงว่าจะยอมรับศัตรูเป็นแม่ และถือว่าสวีหลานเป็นผู้มีพระคุณ!ผู้อาวุโสลำดับสองครุ่นคิด สวีหลานเป็นคนที่สร้างภาพลักษณ์ได้ดีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่เฉินอันพูดเอง ทุกคนคงไม่สงสัยเลยแต่เมื่อหลี่เฉินอันพูดเช่นนี้ ก็ดูเหมือนจะมีจุดน่าสงสัยอยู่เหมือนกันสุดท้าย ผู้อาวุโสลำดับสองก็ตัดสินใจเข้าข้างหลี่เฉินอัน ถึงอย่างไรหลี่เฉินอันก็เป็นคนสกุลหลี่ ส่วนสวีหลานเป็นเพียงคนนอกตระกูล และยังไม่มีลูกด้วยหลังจากตัดสินใจแล้ว ผู้อาวุโสลำดับสองก็จัดที่พักให้กับหลี่เฉินอันทันที“จริง ๆ แล้ว เจ้ากลับมาได้จังหวะพอดี ท่านโหวเป็นอั
คนชุดดำหลายคนพุ่งตัวเข้ามาจากข้างนอก ล้อมกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงทั้งสามคนไว้“ใครกันบังอาจบุกรุกจวนโหว?” คนชุดดำตะโกนถามด้วยความไม่พอใจทั้งสามคนปลอมตัวมา คนชุดดำจำไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร รู้สึกแค่ว่าพวกเขากล้ามาก“ท่านพี่ รีบจัดการให้เร็วที่สุด”กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง การหาหลักฐานเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่อยากเสียเวลากับพวกเขานางยื่นมือโปรยผงพิษออกไป ร่างกายของคนชุดดำหลายคนก็อ่อนยวบในทันที ซูจิ่งสิงกลั้นหายใจแล้วพุ่งตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นปาดคอทั้งห้าคนจัดการคนได้รวดเร็ว และไม่ทำให้คนข้างนอกตกใจทั้งสามคนยังคงค้นหาหลักฐานต่อไปจากบทเรียนเมื่อครู่ ตอนนี้หลี่เฉินอันไม่กล้าพลิกอะไรมั่ว ๆ แล้ว“ข้ามีความรู้เรื่องกลไก ข้าจัดการเอง”ซูจิ่งสิงสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพบว่าเมื่อครู่หลี่เฉินอันไปโดนแท่นหมึกบนโต๊ะหนังสือ ทำให้กลไกทำงานและดูจากการจัดวางโดยรวมของห้อง พบว่าโต๊ะหนังสือ หัวเตียง และตามจุดต่าง ๆ ล้วนมีกลไกซ่อนอยู่เขาหลีกเลี่ยงจุดเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นค้นหาหลักฐาน ในที่สุดก็พบจดหมายลับที่สวีหลานจ้างวานฆ่าคนอยู่ใต้โต๊ะ รวมถึงจดหมายที่ให้ผู้ว่าการอำเภอ
ชายคนนั้นดูเหมือนจะอดใจรอไม่ไหวเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สวีหลานก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งที่ทำมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว นางก็ยังไม่ท้องเสียที“ข้าว่าเจ้าคงไม่มีปัญหาหรอกกระมัง?”สวีหลานมองชายคนนั้นด้วยความสงสัยคำพูดนี้ไปกระทบความภาคภูมิใจของชายคนนั้น เขาโอบกอดสวีหลานแล้วเอ่ยขึ้น“ข้ามีปัญหาหรือไม่มีปัญหา เจ้าไม่รู้หรือไร เช่นนั้นก็ให้เจ้ามาลองด้วยตัวเอง!”เห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะเริ่มต้นบทรักกันอีกครั้ง กู้หว่านเยว่ที่อยู่นอกประตูไม่อยากดูต่อแล้ว จึงพังประตูเข้าไปโดยตรงสวีหลานและชายคนนั้นกำลังเพลิดเพลินอยู่ในห้วงรัก ไม่คิดเลยว่าจะมีคนบุกเข้ามาจากข้างนอกทั้งสองคนหน้าถอดสี จากนั้นสวีหลานก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว กดปุ่มกลไกที่อยู่บนเตียง ผนังก็เปิดออกเผยให้เห็นทางลับ นางรีบวิ่งหนีเข้าไปในทางลับนั้นทันทีชายคนนั้นดึงกางเกงขึ้น แล้วรีบตามไป“หยุดนะ!”กว่าจะคว้าโอกาสนี้มาได้ ซูจิ่งสิงจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร จึงพุ่งไปข้างหน้าแล้วคว้าคอเสื้อด้านหลังของชายคนนั้นไว้คิดไม่ถึงเลยว่าชายคนนี้ก็มีวรยุทธ์เหมือนกัน เขาถดตัวกลับมาด้านใน หลบไปได้อย่างคล่องแคล่วคราวนี้ซูจิ่ง
“อย่าพูดเลย เจ้าจะมีเงินสักเท่าไหร่กัน”กู้หว่านเยว่มองร่างเปลือยเปล่าของสวีหลานด้วยความรังเกียจ ไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย จึงทุบนางจนสลบไปมองไปยังเณรน้อยและสวีหลานที่ล้มอยู่บนพื้น กู้หว่านเยว่ก็เอื้อมมือไปจับคอเสื้อด้านหลังของพวกเขาจากนั้นก็หายตัวไปในพริบตา มาถึงที่หน้าห้องท่านหลี่โหว“หว่านเยว่?”ซูจิ่งสิงได้ยินเสียง ก็รีบพุ่งออกมา เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ปลอดภัยดี แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า“เจ้าไม่เป็นไรนะ?”“จะไปเป็นอะไรได้ล่ะ”เห็นความกังวลของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ก็แลบลิ้นแล้วอธิบายหนึ่งประโยค“ท่านก็รู้ว่าข้ามีความสามารถขนาดไหน”ซูจิ่งสิงรู้ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้“ต่อไปห้ามทำอะไรคนเดียวเด็ดขาด”“รู้แล้วน่า”เมื่อครู่ประตูหินปิดลงเร็วเกินไป กู้หว่านเยว่ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเลยเพราะว่าครั้งนี้ถ้าปล่อยให้สวีหลานหนีไป ต่อไปคงจะยากที่จะหาหลักฐานสำคัญขนาดนี้ได้อีก“อุโมงค์นั้นตรงไปยังห้องพระเล็ก ๆ ข้าเดาว่าพระปลอมนั่นคงจะมาที่นี่ทุกวันผ่านอุโมงค์นี้ เพื่อมาพบกับสวีหลาน พอเสร็จกิจ ก็กลับไปที่ห้องพระเล็ก ๆ ผ่านทางอุโมงค์”เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้คนอื่นได้ยิน
เรื่องนี้ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่กู้หว่านเยว่ได้ยินมาเมื่อครู่เวลานี้ สวีหลานเกลียดผู้ชายคนนี้เข้ากระดูกดำ“เจ้ามันไอ้ขี้ขลาดตาขาว พอโดนจับได้ก็ขายข้าจนเกลี้ยง ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฆ่าเจ้าทิ้งตั้งแต่แรกก็ดี!”ผู้ชายคนนั้นหดคอด้วยความกลัว “ข้าก็ไม่มีทางเลือก เจ้าไม่เห็นหรือว่าสองคนนั้นจะฆ่าข้าแล้ว ถ้าพวกเขาฆ่าข้าจริง ๆ เจ้าก็ต้องเสียดายแน่ ๆ !”สวีหลานโกรธจนตาแดงกู้หว่านเยว่เหลือบมองท่านหลี่โหวที่นอนอยู่บนเตียง ถูกทรมานจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว รู้สึกว่าท่านหลี่โหวน่าสงสารจริง ๆ ทั้งที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ยังต้องมาทนดูภรรยาเล่นชู้กับชายอื่นต่อหน้าต่อตาอีกแม้แต่คนที่ถูกสวมเขาก็ยังไม่น่าอนาถขนาดนี้หลังจากเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสวีหลานกับผู้ชายคนนี้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปมองสวีหลาน แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง“ท่านหลี่โหวเป็นอัมพาตจากโรคหลอดเลือดสมอง นี่เป็นฝีมือเจ้าหรือไม่?”“ไม่ใช่ข้า”สวีหลานจะยอมรับได้อย่างไร ถ้ายอมรับ นางไม่ตายแน่ ๆ หรือ?นางเหลือบมองท่านหลี่โหว แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ“ท่านโหวเป็นอัมพาตเอง ไม่เกี่ยวกับข้าหลังจากที่เขาเป็นอัมพาต ข้าก็ดูแลเขาอย่างดี กินดีอยู่ดี เ
แม้จะแต่งกายไม่คล้ายสตรี ทว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของสตรีอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ “ข้าน่ะหรือ ก็คือกู้หว่านเยว่พระชายาอ๋องเจิ้นเป่ย” กู้หว่านเยว่เปิดเผยตัวตนออกมาโดยไม่ขลาดกลัว ถึงอย่างไร วันนี้ นางจะทำให้ชาวทูเจวี๋ยทุกคนได้เห็นประจักษ์ว่า เหยลวี่เจิงจะต้องถูกนางสังหารโหดอย่างไร “กู้หว่านเยว่?” เหยลวี่เจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว เขาจำได้ว่าคนสอดแนมที่ถูกส่งตัวเข้าไปที่เจดีย์หนิงกู่เคยกลับมารายงานว่า ซูจิ่งสิงมีภรรยาที่ฉลาดเฉลียวแข็งแกร่งอยู่หนึ่งคน ไม่เพียงเชี่ยวชาญวิชาการแพทย์ แต่ยังมีความคิดล้ำเลิศเหนือคนธรรมดา ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าซูจิ่งสิงแม้แต่เสี้ยวเดียว เห็นความยุ่งเหยิงอลหม่านของจวนแม่ทัพแล้ว เขาเดือดดาลจนเส้นผมแทบจะตั้งตรงขึ้นมา “พวกเจ้าเผาจวนแม่ทัพของข้าหรือ?” “ไม่ผิด เป็นฝีมือพวกข้าเอง ความจริงก็อยู่ตรงหน้าท่านแล้วมิใช่หรือ เหตุใดท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงถึงยังต้องถามซ้ำอีก?” กู้หว่านเยว่แบมือท่าทางไม่แยแส ต่อให้โกรธจนตายก็ไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย ทำให้ซูจิ่งสิงหัวเราะออกมาอย่างรักใคร่ปนเอ็นดู เหยลวี่เจิงหน้าเ
บนถนนเมืองอูถ่าน เหยลวี่เจิงดึงสีหน้าเข้มงวด นำกำลังคนไล่บุกค้นบ้านเรือนทีละหลัง หาอยู่นานมากแล้วแต่ยังไม่เจอตัวคน ทำให้สีหน้าของเขาไม่น่ามองอย่างยิ่ง มืดครึ้มดำคล้ำจนแทบจะหยดออกมาเป็นน้ำ ผู้ใต้บังคับบัญชารวบรวมความกล้าเข้ามาเตือนสติ “ท่านแม่ทัพ เป็นไปได้ว่าพวกเขาหนีไปได้แล้วขอรับ” เขาไม่กล้ายอมรับว่าใช่ พวกซูจิ่งสิงมีวิหคยักษ์ หากว่าวิหคตัวนั้นพาพวกเขาบินหนีออกจากเมืองอูถ่านไปแล้ว ที่พวกเขามั่วค้นหาเหมือนแมลงวันไม่มีหัวอยู่แบบนี้ มิใช่เสียเวลาเปล่าหรอกหรือ? “หุบปาก!” เหยลวี่เจิงตะคอกเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกมันไม่มีทางหนีไปได้เด็ดขาด” อีกอย่าง ซูจิ่นเอ๋อร์ยังอยู่ในมือของเขา ตราบใดที่ซูจิ่งสิงไม่อยากให้น้องสาวตาย มันไม่มีทางหนีไปเด็ดขาด แน่นอนว่า ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เหยลวี่เจิงไม่อยากยอมรับว่าซูจิ่งสิงจะหนีไปแล้ว เขาวางแผนเพื่อวันนี้มายาวนาน จะไม่มีวันปล่อยให้เขาหนีไปง่าย ๆ อย่างเด็ดขาด “ค้นหาต่อ!” เหยลวี่เจิงคำรามเสียงดัง ผู้ใต้บังคับบัญชาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบเชียบ มิใช่ว่าเขาจะเชิดชูความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของผู้อื่นและทำลายฮึกเหิมน่าเกรงขามของตนเอง แ
“ข้าจะบอกเจ้าไว้หนึ่งประโยค หากคิดจะใกล้ชิดกับคนที่เจ้าชมชอบมากขึ้นกว่านี้ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องพยายามเปลี่ยนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นให้ได้ ต้องมีสักวันหนึ่งที่เจ้าจะสามารถไปยืนอยู่เคียงข้างนาง ต่อให้จะเป็นฐานะของสหายคนหนึ่งก็ตาม” เยียนสือซานเติมพลังใจให้เขา เพียงหนึ่งประโยคนั้นสั่นสะเทือนไปถึงหัวใจของเยียนอวิ๋นชู ความปรารถนาอันแรงกล้าผุดขึ้นในก้นบึ้งหัวใจ เขาไม่เคยคิดอยากจะแข็งแกร่งขึ้นให้ได้เท่านี้มาก่อนในชีวิต “พี่ใหญ่ท่านพูดถูกต้อง ข้าจะต้องขยันตั้งใจ ฟื้นฟูขาคู่นี้ให้กลับมาใช้งานได้ในเร็ววันแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เข็นตัวนี้ให้ได้” “เช่นนี้สิถึงจะเป็นน้องชายของข้า เอาแต่โศกเศร้าแบบนั้นไม่สมกับเป็นเจ้าเลย” เยียนสือซานหัวเราะเสียงดัง ตบไหล่เยียนอวิ๋นชูหนัก ๆ ไปหนึ่งที ความพยายามต่อสู้ดิ้นรนภายในใจของเยียนอวิ๋นชู กู้หว่านเยว่ไม่มีทางรับรู้ ถึงอย่างไรกู้หว่านเยว่ก็มองเขาเป็นสหายที่หน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาคนหนึ่งเท่านั้น ขณะเดียวกันนั้นเอง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงบัดนี้ขี่จูเชวี่ยบินไปยังกลางเมืองอูถ่านแล้ว ความเร็วของจูเชวี่ยว่องไวยิ่งนัก ไม่นานสองคนก็มาถึงเจดีย์เก้าชั้นแล้ว เจดี
เหยลวี่เจิงหลอกเขามาที่ทูเจวี๋ย จากนั้นก็ใช้อำนาจข่มขู่คุกคามเขา เล่นงานน้องชายของเขา แล้วเล่นงานเขาอีก คิดหรือว่าคนอย่างเยียนสือซานจะเป็นก้อนแป้งนุ่ม ๆ ที่คิดจะบีบอย่างไร ก็บีบได้? ถึงเยียนสือซานจะดูเป็นคนไม่เอาไหนอะไร แต่ความเป็นจริงเขาสามารถไปถึงตำแหน่งมือสังหารอันดับหนึ่งบนทะเบียนฟ้าได้ ด้วยประโยชน์จากความทะเยอทะยาน ความกล้าหาญที่จะก้าวรุดไปข้างหน้าโดยไม่กลัวอุปสรรค และความเด็ดเดี่ยวรอบคอบของเขา “เจ้าคนระยำนั่น ข้าจะต้องล้างแค้นเหยลวี่เจิงให้จงได้” กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองหน้าสบสายตากัน อย่าว่าแต่เยียนสือซานต้องการล้างแค้นเหยลวี่เจิงให้ได้เลย พวกเขาสองคนเองก็ไม่มีวันปล่อยเหยลวี่เจิงไปเช่นกัน “พี่ใหญ่เยียน บัดนี้บาดแผลท่านยังสาหัสน่าเป็นห่วงนัก ไม่สู้เข้าไปพักผ่อนในรถม้าสักพักก่อนเห็นจะดีกว่า รอบรถม้ามีองครักษ์จันทราของข้าดูแล พวกเขาจะปกป้องท่าน ส่วนเรื่องล้างแค้น ให้เป็นหน้าที่ของข้ากับท่านพี่ของข้าเถิด” กู้หว่านเยว่เสนอความเห็นให้อีกฝ่ายก่อน มุมปากประดับรอยยิ้มบาง ๆ ทุกคนต่างคิดว่า นางจะขี่วิหคจูเชวี่ยหลบหนีไปก็เท่านั้น? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง! คนที่จะ
ระหว่างที่พูดคุยกัน จูเชวี่ยบินเข้าใกล้ป่าขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานจากนั้นก็ร่อนลงสู่ป่าเรียบร้อย คนบนนั้นกระโดดลงจากหลังวิหคทันใด “โฮก!” จูเชวี่ยมองเยียนสือซานด้วยความโกรธเกรี้ยว เจ้าตัวยักษ์นี่ คนเดียวตัวหนักเท่าสามคน มันแทบจะหมดแรงตายอยู่แล้ว “สหายตัวน้อย ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด” ต่อหน้าสองคน กู้หว่านเยว่เองก็ไม่สะดวก ที่จะเก็บจูเชวี่ยเข้ามิติโดยตรง ทำได้เพียงบอกให้มันไปพักผ่อนอยู่ที่ตรงนั้นก่อนสักระยะเท่านั้น ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ระยะนี้นางเริ่มรู้สึกแล้วว่านับวันจูเชวี่ยยิ่งนิสัยคล้ายมนุษย์ เพียงมองสายตาของจูเชวี่ย นางก็รู้ทันทีว่ามันกำลังคิดอะไร หากว่าสักวันหนึ่งพลันมีเสียงของจูเชวี่ยดังขึ้นในหัว นางก็คงจะไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว “โฮกโฮก” จูเชวี่ยเข้าใจคำพูดของกู้หว่านเยว่ มันถูไถตัวของมันเองเบา ๆ จากนั้นก็เดินไปหลังต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะฟุบลงพักผ่อน กลุ่มคนเหล่านั้นรอเพียงไม่นานนัก ชิงเหลียนก็เคลื่อนรถม้ามาถึงแล้ว “ฮูหยินนายท่าน พวกท่านปลอดภัยดีนะเจ้าคะ?” “พี่รองกู้ พวกท่านปลอดภัยดีนะขอรับ?” ชิงเหลียนและเสี่ยวถ่านกระโดดลงจากรถม้าพร้อมกัน และเดินไปหาคนเหล่านั้
คำสัญญาของชายหนุ่มผู้มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งและอุตสาหะ เรียบง่ายจริงใจไม่ปรุงแต่ง ทรงพลังยิ่งนัก กู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะออกมา พลางลูบจมูก จะอะไรก็ดี เพียงแต่คำเรียกน้องกู้คำนี้ ทำให้นางไม่กล้ารู้สึกหมดคำพูดจริง ๆ “พี่ใหญ่เยียนอย่าได้เกรงใจเลย ข้ากับอวิ๋นชูพบกันโดยบังเอิญ นับว่ามีวาสนาต่อกันยิ่งนัก ข้าช่วยชีวิตเขาไว้ ก็มิได้หวังจะได้สิ่งใดตอบแทน” และที่กู้หว่านเยว่ช่วยชีวิตเยียนอวิ๋นชูจากเงื้อมมือของมือสังหารของเหยลวี่เจิง ก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีศัตรูคนเดียวกัน นางไม่อยากให้แผนชั่วของเหยลวี่เจิงลุล่วงสำเร็จ มอบโอสถถอนพิษให้เยียนอวิ๋นชูไปในตอนแรก ก็เป็นเจตนาเดิมของนางมาตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรทั้งสิ้น “ดี น้องกู้ช่างเป็นคนจริงใจเปิดเผยยิ่งนัก” เยียนสือซานมิได้พยายามรบเร้าจะตอบแทนบุญคุณ ในเมื่อจดจำบุญคุณส่วนนี้ไว้ในใจแล้ว วันข้างหน้าหากกู้หว่านเยว่มีคำสั่งให้พวกเขาทำอะไร เขาเยียนสือซานจะไม่ปฏิเสธทั้งสิ้น “พี่ใหญ่เยียน บาดแผลที่หัวไหล่ของท่านข้าว่าสาหัสยิ่งนัก ที่แห่งนี้แม้ไร้ที่ทางให้ทำแผล ทว่าข้ากลับพกยาลูกกลอนห้ามเลือดติดตัวไว้ ท่านกินยาลูกกลอนนี้
สายตาเยียนอวิ๋นชูตกตะลึงพรึงเพริด เยียนสือซานเองก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน“นี่ นี่นกอะไร?”“นี่คือสัตว์เลี้ยงของข้า จูเชวี่ย”สายตากู้หว่านเยว่ตกลงบนตัวเยียนสือซาน เผยสีหน้าแปลกใจอย่างสุดระงับ “ท่านก็คือมือสังหารอันดับหนึ่งบนทำเนียบฟ้าของหอมือสังหาร เยียนสือซานหรือ?”“ข้าน้อยคือเยียนสือซานจริง แต่ มิใช่อันดับหนึ่งบนทำเนียบฟ้าอะไร”เสียงเยียนสือซานดังก้อง ประกบมืออย่างเกรงใจกู้หว่านเยว่เห็นแขนขาใหญ่โตของเขา ท่าทางเรียบง่าย รู้สึกยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเมื่อแรกยามได้ยินซูจิ่งสิงอธิบาย นางยังคิดว่ามือสังหารอันดับหนึ่งบนทำเนียบฟ้าเยียนสือซานเป็นชายลึกลับคนหนึ่ง คิดไม่ถึง ถึงขั้นเป็นชายร่างใหญ่เคราครึ้มเช่นนี้ทำให้นางตกตะลึงไม่น้อย ช่างเป็นการกลับตาลปัตรที่น่ารักยิ่งนัก!“พี่ใหญ่” เยียนอวิ๋นชูตะโกนอย่างห่วงใย “อาการบาดเจ็บของท่านไม่เป็นไรกระมัง?”“ข้าไม่เป็นไร”เยียนสือซานโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “บาดแผลเล็กน้อยแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”นึกถึงยามเขาออกไปทำภารกิจ บนแขนเคยถูกฟันจนเกือบเห็นกระดูก แม้แผลถูกยิงนี้ลึก เยียนสือซานกลับไม่ใส่ใจ“แผลลึกถึงเพียงนี้ เลือดไหลอีกด้วย ท่านยังพูดว่
เห็นว่าทุกคนล้วนขึ้นหลังนกแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงตบหลังศีรษะจูเชวี่ย “รีบไป!”“แควก!”จูเชวี่ยแหงนหน้าขึ้นร้องเสียงดังกังวาน ปีกใหญ่สองข้างกระพือ พากู้หว่านเยว่ออกจากเจดีย์เก้าชั้นอย่างโอหังยอดเจดีย์เก้าชั้นเกือบพังลงครึ่งหนึ่ง เพราะแรงกระแทกของมัน“ช่วยด้วย หนี รีบหนีเร็วเข้า เจดีย์จะถล่มแล้ว!”ทหารทูเจวี๋ยร้องตะโกนอย่างชุลมุนวุ่นวาย ต่างพากันวิ่งลงเจดีย์ กลัวช้าไปอีกเพียงหนึ่งก้าว จะถูกหินบนยอดเจดีย์ตกลงมาทับจนเละ“ห้ามหนี!”เหยลวี่เจิงโมโหหน้าแดงก่ำ ดวงตาอำมหิตสองข้างถลึงมองพวกซูจิ่งสิงเล่นบ้าอะไรกัน นกมาจากที่ใด นี่เรื่องบ้าอะไรกัน! นกช่วยพวกเขา?“หยิบธนูขึ้นมา ยิงพวกเขาให้ตก!”เขาจับซูจิ่งสิงไว้ได้อย่างยากลำบาก ไฉนเลยจะปล่อยให้เขาหนีไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ เรื่องนี้เล่าลือออกไป หน้าตาของเขาจะเอาไปวางไว้ที่ใด?เขาในฐานะแม่ทัพมีพรสวรรค์แห่งยุค ก่อนได้พบซูจิ่งสิงไม่เคยรบแพ้มาก่อนหลังได้พบซูจิ่งสิง ทั้งหน้าตาศักดิ์ศรีล้วนหมดไปในสนามรบแล้วเขาใส่ใจวางแผนมากมายถึงเพียงนี้ ก็เพื่อฆ่าซูจิ่งสิงล้างอาย“ท่านแม่ทัพ เจดีย์ถูกทำลายอย่างหนัก เป็นไปได้มากว่าจะถล่ม พวกเรารีบออกไปจากที
“วางใจเถอะ ข้าไม่มีวันเป็นอะไร”กู้หว่านเยว่เอ่ยปลอบหนึ่งประโยค ขณะเดียวกันการต่อสู้ระหว่างซูจิ่งสิงและทหารทูเจวี๋ยกำลังเข้าสู้ช่วงเวลาดุเดือดแม้ว่าสองคนวิชายุทธ์สูงมาก แต่ทหารทูเจวี๋ยเข้ามามากเกินไป ทั้งคู่เองก็สู้ไม่ไหวเยียนสือซานร้องตะโกนใส่ซูจิ่งสิงอีกครั้ง“สหาย ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร บัดนี้ข้าจะเปิดทางให้เจ้า เจ้ารีบหนีออกไป”ถ่วงเวลาทหารทูเจวี๋ยเหล่านี้ได้ ก็นับว่าได้ตอบแทนบุญคุณซูจิ่งสิงที่ช่วยเขาออกมาจากใต้อาณัติของเหยลวี่เจิงได้แล้ว“ฮ่าๆ พวกเจ้าสองคนไม่ต้องรีบ ไม่ว่าเจ้าหรือซูจิ่งสิง ใครก็หนีเงื้อมมือของข้าไม่พ้น พวกเจ้าสองคนยอมรับความตายที่เจดีย์แห่งนี้ดีๆ เถอะ”เหยลวี่เจิงหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น เยียนสือซานเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของทำเนียบฟ้า เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับเยียนสือซานครั้งนี้เชิญเขามา ก็เพื่อให้เขาช่วยตนฆ่าซูจิ่งสิงใครรู้เขากลับไม่รู้ดีชั่ว ไม่ยอมทำงานให้เขา ย่อมต้องฆ่าให้ตายถึงจะดี“เยียนสือซาน ไม่ต้องกังวล น้องสายเจ้าเองก็อยู่ใต้แม่น้ำเหลือง เจ้าใกล้จะได้ไปพบเขาแล้ว”เหยลวี่เจิงมีความสุขในคราวเคราะห์ของผู้อื่น ขณะเดียวกันเสียงหัวเราะเสนาะใสสายหนึ่งพลันดังข