“เหลียงถงอวี้งดงามจนล่มเมือง อยากเห็นสักครั้งให้เป็นบุญตา” ทหารอีกคนกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวังพอคำพูดหลุดจากปาก หัวก็ถูกคนเขกอย่างแรง“ไม่อยากอยู่แล้วหรือเจ้า เจ้านึกว่าเจ้าเป็นแม่ทัพหรือ ท่านอ๋องของพวกเราเคยมีคำสั่งเด็ดขาด ห้ามเข้าเมืองไปเสพโลกีย์ เจ้ายังกล้าไปหรือ!”“แม่ทัพฟู่ไปได้ ทำไมพวกเราจะไปบ้างไม่ได้?” ทหารไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“เขาเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร? หยุด หยุด หยุด เลิกพูดได้แล้ว ระวังใครได้ยินเข้าจะเอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้า!”หางตาของทั้งสองเห็นกู้หว่านเยว่พาชิงเหลียนเดินมา จึงรีบหุบปากกู้หว่านเยว่มองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วเดินผ่านทั้งสองคนไป“ชิงเหลียน เมื่อครู่พวกเขาพูดอะไรกัน เหลียงถงอวี้อะไร?”ชิงเหลียนส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบ อีกเดี๋ยว บ่าวจะไปสืบดูในเมืองเจ้าค่ะ”ฉู่เฟิงที่อยู่ข้างกันหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น“เหลียงถงอวี้ ท่านก็ไม่รู้จักหรือ?”“เจ้ารู้จักหรือ?” กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วมองอีกฝ่ายฉู่ฟังรีบพยักหน้า “นางเป็นหญิงอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเมือง กำเนิดในหอนางโลม ได้ยินว่าปีนี้อายุสิบหก ทว่างดงามล่มเมืองราวบุปผา ใช่สิ นางยังไม่ถูกประมูลพรหมจรรย์เลย”ชิงเหลียนกลอ
“อ่อ ใช่แล้ว ท่านอ๋องไม่รู้จักเหลียงถงอวี้อะไรนั่นหรอก ยิ่งไม่รู้จักหอเทียนเซียง”ซูจิ่งสิง: ขอบคุณเจ้ามาก มีผู้ใต้บัญชาอย่างเจ้าเป็นบุญของข้ายิ่งนัก อย่าอธิบายเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งผิด“ออกไป”ซูจิ่งสิงพูดออกมาหนึ่งคำอย่างเหลืออดฉู่เฟิงรีบคำนับเสียงดัง รีบลุกขึ้นแล้วลากชิงเหลียนหายออกไปทันที“น้องหญิง เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด”ซูจิ่งสิงเดินมาตรงหน้ากู้หว่านเยว่แล้วขอร้อง“ข้าส่งเขาไปสืบเรื่องหอเทียนเซียง ไปสืบเรื่องของเหลียงถงอวี้นั่นจริงแต่นั่นไม่ใช่เพราะข้าสนใจหอเทียนเซียง แต่เพราะข้าได้ข่าวมาว่าโจวเสี้ยนกับเหลียงถงอวี้นั่นเคยมีอดีตร่วมกันช่วงหนึ่ง”ซูจิ่งสิงอธิบายไปด้วย พลางก่นด่าในใจไปด้วยทำไมเขาถึงได้มีผู้ใต้บัญชาที่วุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำเช่นนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องง่ายดายมาก แค่อธิบายให้กู้หว่านเยว่ฟังดีๆ ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?ปากของเขา เอาแต่พูดปาวๆ ไม่หยุด แต่ต่อหน้ากู้หว่านเยว่ยิ่งพูดให้เขาผิดมากขึ้นเรื่อยๆกู้หว่านเยว่มองเขาด้วยใบหน้าอมยิ้ม แต่ไม่พูดสิ่งใด“น้องหญิง ข้าไม่ได้ไปสถานที่อย่างนั้นจริงนะ เจ้าต้องเชื่อข้านะ”ซูจิ่งสิงร้อนใจ อ
เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแต่ไม่กล้าส่งคนไปหอเทียนเซียงเป็นครั้งที่สองแล้ว“เรื่องนี้ไม่เร่งรีบ ตอนนี้ข้ามีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นต้องหารือกับท่าน”กู้หว่านเยว่เอ่ยเสียงเข้ม นึกถึงจุดประสงค์ที่นางมาแม่ทัพโจวกับแม่ทัพน้อยโจวอยู่ในมือพวกนางแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะยอมสวามิภักดิ์หรือไม่ ล้วนไม่เป็นอันตรายตอนนี้มีอีกคนหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า“เจ้าว่ามา”สีหน้าซูจิ่งสิงจริงจังขึ้นทันทีกู้หว่านเยว่กล่าว “เรื่องเกี่ยวกับองค์หญิงหนานเจียง”นางบอกเล่าคำพูดของเสี่ยวเหอ ให้ซูจิ่งสิงฟังทั้งหมด“อย่าให้องค์หญิงหนานเจียงกลับไปถึงหนานเจียงเด็ดขาด ต้องคุมตัวนางไว้ในมือ”“เข้าใจแล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เข้าใจความกังวลของกู้หว่านเยว่ดีกองทัพหนานเจียงแทบจะแพ้ราบคาบให้กองทัพเจดีย์หนิงกู่ของพวกเขา ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากองค์หญิงหนานเจียงกลับไปถึง จะบอกอะไรกับฮองเฮาหนานเจียงเขาโบกมือ เรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา“ฉู่เฟิง ตอนนี้เจ้ารีบพากำลังคนออกไปหนึ่งหน่วย มุ่งหน้าไปจับตัวองค์หญิงหนานเจียง”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้น “ข้าไปพร้อมกับเจ้าดีกว่า แค่เจ้าคนเดียวหาไม่พบหรอกว่านางอยู่ที่ใด”หนอนกู่ต
“ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นไปกันเถอะ”เฟิ่งหมิงกวงฝืนใจเห็นด้วยคนกลุ่มหนึ่งพากันเข้าไปในตำบลเล็ก จากนั้นหาบ้านชาวนาหลังหนึ่ง ให้คนต้มน้ำให้เฟิ่งหมิงกวง“องค์หญิง พวกเรามีเวลาแค่หนึ่งชั่วยาม ท่านต้องรีบหน่อย”ผู้ใต้บัญชาเอ่ยเตือนเสียงค่อย“รู้แล้ว น่ารำคาญเหลือเกิน”เฟิ่งหมิงกวงโยนขวดให้หนึ่งใบ“ปล่อยแมงมุมพันขาออกมา”แมงมุมพันขาสามารถอำพรางตัว เมื่อใดที่มีกลิ่นอายของศัตรูเข้าใกล้ มันจะส่งสัญญาณ“ขอรับ”ผู้ใต้บัญชารีบรับไป ถือขวดใบนั้นออกจากห้อง แล้วปล่อยแมงมุมพันขาออกมา“ของดีของยัยเฟิ่งหมิงกวง มีไม่น้อยเชียว” ในมิติสีเสียงหยอกล้อเสียงหนึ่งดังขึ้นหากเฟิ่งหมิงกวงได้ยินเสียงนี้ คงตกใจจนตายแน่นอนขณะนี้ผู้เป็นนายของเสียงนี้ อยู่ภายในห้อง“นายหญิง แมงมุมพันขาถือเป็นของดี เลี้ยงให้รอดได้ยากมาก อีกเดี๋ยวท่านจับมาสักหน่อย แล้วเอาไปไว้ในมิติ ถือเป็นของสะสมได้”ระบบเอ่ยเตือนอย่างหวังดีกู้หว่านเยว่พยักหน้า “ไม่รีบร้อน รอให้ข้าจับเฟิ่งหมิงกวงได้ก่อนค่อยว่ากัน”ที่แท้กู้หว่านเยว่หาเบาะแสของเฟิ่งหมิงกวงได้นานแล้ว และคอยติดตามอยู่ด้านหลังตลอดที่ไม่ได้ปรากฏตัวตั้งแต่แรก เพราะกังวลว่าข้าง
กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วยิ้ม “ข้าน้อยพระชายาเจิ้นเป่ย ขอองค์หญิงหนานเจียงโปรดไปกับข้าเถอะ”เฟิ่งหมิงกวงเพ่งมอง“ที่แท้เจ้าคือกู้หว่านเยว่”นางมาต้าฉีหลายเดือนแล้ว ย่อมเคยได้ยินชื่อของกู้หว่านเยว่ สายตาที่มองอีกฝ่ายจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อยนางตำหนิ “รีบปล่อยข้านะ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ถูกกับฮ่องเต้ต้าฉี แต่ข้าเป็นองค์หญิงหนานเจียง เจ้ากล้าจับข้า เสด็จแม่ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ถึงตอนนั้นทั่วทั้งหนานเจียงจะเป็นศัตรูกับต้าฉีของพวกเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้ม แล้วมัดเฟิ่งหมิงกวงอย่างใจเย็นพลางนำพลุสัญญาณออกมา แล้วจุด“มิได้ มิได้ ข้ามิได้คิดจะจับตัวองค์หญิงกลับไป แต่ทำเพื่อปกป้ององค์หญิงต่างหาก”“ปกป้องข้าหรือ?” เฟิ่งหมิงกวงโมโห “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า?”“แม้ฮ่องเต้จะถูกจับตัวไปแล้ว แต่ใต้อาณัติเขายังมีองครักษ์อีกมาก ไม่แน่อาจโยนความผิดที่แพ้ศึกครั้งนี้มาที่องค์หญิงดังนั้น เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิง ข้าจึงต้องพาท่านกลับไปเพื่อคอยปกป้องรอให้ทางหนานเจียงส่งคนมารับตัวท่านเมื่อใด ข้าถึงจะวางใจ”กู้หว่านเยว่กระพริบตา แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“เจ้า!”เฟิ่งหมิงกวงโกรธจนกระทืบเท้าแต่นางดันไม่มีแรง
ฉู่เฟิงรีบคว้าตัวของชิงเหลียนและเอ่ยขึ้นว่า“หอเทียนเซียงเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ข้าและพระชายากำลังจะไปดูสถานการณ์เดี๋ยวนี้”“หอเทียนเซียง?”แววตาของฉู่เฟิงทอประกายวาบหนึ่ง“พระชายา ท่านช้าก่อน ข้าขอสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชาสักหน่อย แล้วข้าจะไปกับท่านด้วย”“ก็ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้าฉู่เฟิงรีบเดินออกไป อย่างแรกคือถ่ายทอดแผนการที่กู้หว่านเยว่จะจัดการกับเฟิ่งหมิงกวง จากนั้นก็จูงม้าตัวหนึ่งออกไปพร้อมกับพวกนาง“พอดีว่าเราไม่รู้ว่าหอเทียนเซียงอยู่ที่ไหน เจ้านำทางข้าได้เลย”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มฉู่เฟิงชำเลืองมองไปทางชิงเหลียน“จริง ๆ แล้วข้าน้อยก็เคยไปเพียงหนเดียว ไม่ค่อยคุ้นชินกับหอเทียนเซียงแห่งนั้นสักเท่าไหร่นัก”“เอาล่ะ พระชายาให้เจ้านำทางก็นำทางไปสิ จะพูดไร้สาระทำไมให้มากความ?” ชิงเหลียนมองฉู่เฟิงด้วยความประหลาดใจ“ขอรับ”ฉู่เฟิงขยี้ปลายจมูกพลางทอดถอนใจ ดั่งคำกล่าวที่ว่า อยากฝากใจไว้กับสตรี แต่สตรีกลับเพิกเฉยทั้งสามคนเดินทางออกจากค่ายทหาร โดยการนำพาของฉู่เฟิง ไม่นานก็มาถึงนอกประตูของหอเทียนเซียง เวลานี้ด้านนอกหอเทียนเซียงมีการเฝ้ารักษาการณ์อย่างแน่นหนาและยังมีชาวบ้านอีกจำน
“ข้าตั้งใจมาเรียกร้องความยุติธรรมให้บุตรชายของข้า เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง บัดนี้อวัยวะสืบพันธุ์ของบุตรชายข้าได้รับความเสียหาย ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ต่อไปตระกูลของข้าจะไม่มีทายาทสืบสกุลอีกแล้ว”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วสูง“แม่ทัพผู้เฒ่า เท่าที่ข้ารู้มา ค่ายทหารมีคำสั่งห้ามเหล่าทหารออกมาเที่ยวเตร่หอนางโลมโดยเด็ดขาด”“ใช่ มีคำสั่งนี้จริง ๆ”แม่ทัพผู้เฒ่าไอกระแอมหนึ่งเสียง จากนั้นก็ชี้ไปทางเหลียงถงอวี้ผู้นั้น“เพียงแต่เรื่องของบุตรชายข้าไม่นับว่าเป็นการซื้อตัวนางโลมสนองความใคร่ เพราะเขาและสตรีผู้นี้ชอบพอกัน ทั้งยังใช้ตั๋วเงินไถ่ตัวนางออกไปแล้วด้วย”ทันทีที่แม่ทัพผู้เฒ่าพูดจบ สตรีที่ค่อนข้างมีอายุที่อยู่ถัดไปผู้หนึ่งก็รีบคุกเข่าลง“แม่ทัพพูดถูกเจ้าค่ะ ข้าไม่กล้าโกหกหรอก นอกจากจะหลับนอนด้วยกันแล้ว แม่ทัพน้อยฟู่ก็ยังนำเงินมาไถ่ตัวเหลียงถงอวี้ออกไปอีกด้วยเจ้าค่ะ”สตรีผู้นี้น่าจะเป็นแม่เล้าของหอเทียนเซียงกู้หว่านเยว่มองไปทางซูจิ่งสิงแวบหนึ่งซูจิ่งสิงพยักหน้าให้นาง“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง ๆ สัญญาการขายตัวก็อยู่กับข้า”เขาหยิบสัญญาการขายตัวยื่นให้กับกู้หว่านเยว่กู้หว่
“ข้าน้อยระหกระเหเร่ร่อน อยู่ตัวคนเดียว ไร้จุดหมายปลายทาง แล้วแต่โชคชะตาจะลิขิต แต่ข้าน้อยก็มีหัวใจ และยกหัวใจให้ชายอื่นไปแล้วที่ข้าทำร้ายแม่ทัพฟู่ ไม่ใช่เพื่อเรื่องอื่นใด แต่เพื่อหัวใจของข้าเอง”แม้ว่าน้ำเสียงของเหลียงถงอวี้จะฟังดูอ่อนแอมาก แต่ยามที่ลั่นวาจาออกมา กลับดูจริงจังกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองหน้ากัน และบอกว่า‘ก็แค่คำพูด!’“ฮูหยิน เหลียงถงอวี้ผู้นี้อยากรนหาที่ตายเองเจ้าค่ะ” ชิงเหลียนกล่าวเสียงเบาเรื่องนี้ชักยุ่งยากเสียแล้วสิแม่ทัพผู้เฒ่าฟู่อยากให้เหลียงถงอวี้ชดใช้ด้วยชีวิต ซึ่งเหลียงถงอวี้ก็ยอมตายเช่นกันและวิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือเหลียงถงอวี้ต้องตายแต่โจวเสี้ยนกลับอยากให้เหลียงถงอวี้มีชีวิตอยู่ต่อ“พระชายา ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับพระชายาเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่เจ้าคะ?”จู่ ๆ แม่เล้าก็โพล่งออกมากู้หว่านเยว่เดาออกว่านอกจากเหลียงถงอวี้แล้ว แม่เล้าน่าจะเป็นคนที่เข้าใจต้นเหตุของเรื่องราวได้ดีที่สุดหลังจากครุ่งคิดครู่หนึ่ง ก็พยักหน้า “ไปคุยกันด้านในเถอะ ข้าเองก็เหนื่อยอยู่พอดี”แม่เล้ามีไหวพริบดีมาก รีบสั่งให้เด็ก ๆ ทันทีว่า “ไป ไปยกน้ำชาและขนมม
“พวกเราเป็นบ่าวปรนนิบัติข้างกายฝ่าบาท ล้วนเป็นคนที่ฝ่าบาทไว้ใจ รอเจิ้นเป่ยอ๋องขึ้นครองบัลลังก์แล้ว คนแรกที่จะฆ่าก็คือพวกเรา”นางกำนัลและขันทีสองสามคนกระซิบกระซาบกันด้วยใบหน้าว้าวุ่น“ไปๆ พวกเรารีบไปเถอะ”พวกเขาต่างพากันถือสัมภาระวิ่งออกไปทางประตูเมืองทว่าพวกเขายังไม่ทันออกจากวัง เสียงต่อสู้กันก็ดังขึ้นที่หน้าประตูวัง เป็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำคนบุกฝ่าเข้ามา“แย่แล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว”.......“ก็ไม่รู้ว่าต่อสู้กันเป็นเช่นไรแล้ว อยากออกไปช่วยเหลือเกิน”มู่หรงฉางเล่อพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งนางมีอุปนิสัยมุทะลุมาตั้งแต่เด็ก ไม่คุ้นชินกับการนั่งรอข่าวอยู่ที่เรือนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ลั่วยางยืนสงบนิ่งที่ฝั่งหนึ่ง นางมองแสงเปลวเพลิงลอยพวยพุ่งข้างนอกเรือน“พี่หญิงหว่านเยว่พูดว่าให้พวกเรารออยู่ในเรือน ห้ามมิให้ออกไปเดินส่งเดช เช่นนั้นพวกเราก็ฟังพี่หญิงหว่านเยว่เถอะ”“เหตุใดเจ้าสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้?”มู่หรงฉางเล่อมองนางอย่างแปลกใจลั่วยางหัวเราะ“เพราะข้าและพี่หญิงหว่านเยว่รู้จักกันมานานมาแล้ว ในอดีตข้าและนางยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอีกด้วย ข้ารู้ว่าไม่ว่ายามใดนางก็
เดิมทีเฉียนฮูหยินก็กลายเป็นเศรษฐีตัวน้อย ปรากฏว่าเวลาเพียงชั่วพริบตาก็กลับมาเป็นเหมือนก่อนแล้วนางตกตะลึงเหม่อไป ไม่ว่าอย่างไรก็จะอยู่ภายในห้อง อยากหาเงินออกมาให้ได้ ไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องเงินหายไปได้อนุภรรยาคนอื่นได้ยินเสียงระเบิดภายนอกดังมากขึ้นเรื่อยๆ รีบลากเฉียนฮูหยินออกไป“ดมกลิ่นหอมของเงินก็พอแล้ว”กู้หว่านเยว่พูดออกมาหนึ่งประโยคและออกจากสกุลเฉียนนางเข้ามาภายในตรอกเล็กร้างผู้คนแห่งหนึ่ง โบกมือเรียกม้ากระต่ายแดงออกมา พลิกตัวขึ้นหลังม้าและควบทะยานไปทางประตูเมืองขณะเดียวกันซูจิ่งสิงและเกาเจี้ยนนำทัพแนวหน้ามาระเบิดประตูเมือง“บุก”เกาเจี้ยนตะโกนให้สัญญาณ “ไม่ฆ่าผู้ยอมจำนน ไม่ฆ่าผู้ยอมจำนน”“ผู้ต่อต้านฆ่าได้ไม่ละเว้น”ขณะเดียวกันเมืองหลวงกำลังตกอยู่ในความโกลาหลราษฎร์ภายในเมืองหลวงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ประตูเมืองจึงหลบอยู่ในเรือนตัวสั่น ไม่กล้าออกมากลุ่มคนที่เหลืออยู่มองสถานการณ์ออกอย่างชัดเจน ตัดสินใจยอมจำนนต่อซูจิ่งสิงยังมีอีกหนึ่งกลุ่มแม้ว่าเห็นสถานการณ์แล้ว แต่พวกเขาจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ยังไม่ยอมจำนนและกำลังต่อสู้กับกองทัพเจดีย์หนิงกู่“ฆ่าผู้ไม่ยอมจำนน
แม่ทัพเฉียนสบถด่าอย่างอารมณ์ไม่ดีดวงตากลับกลิ้งกลอกอย่างว่องไวไม่พูดไม่ได้ว่าเขาหวั่นไหวขึ้นมาแล้วหลิวเต๋อวั่งพูดได้ถูกต้อง ภาพรวมถูกกำหนดไว้แล้ว แม้ว่าโจวถิงเว่ยนำคนของกองกำลังพิทักษ์วังหลวงมาควบคุมทั้งเมืองหลวงเอาไว้ทว่ากองทัพเจดีย์หนิงกู่บุกโจมตีถึงประตูแล้ว ส่วนทหารของกองกำลังพิทักษ์วังหลวงส่วนใหญ่กลับล้มลงสถานการณ์ชัดเจนอย่างมากต่อให้เขาพาคนไปต่อต้าน แต่ก็หนีไม่พ้นความตาย“หลิวเต๋อวั่ง”แม่ทัพเฉียนขมวดคิ้ว“เจ้าพูดเหลวไหลไร้สาระ ต่อให้เจ้ายอมจำนน แต่เจ้าเคยเป็นขุนนางของฮ่องเต้ เขาซูจิ่งสิงจะยอมปล่อยเจ้าไปหรือ?”หลิวเต๋อวั่งรีบพูด “เจิ้นเป่ยอ๋องจิตใจกว้างขวาง มีผู้ใดในใต้หล้าที่เขาปล่อยไปไม่ได้?”เขาสบถเสียงเย็นทีหนึ่ง“แม่ทัพเฉียน ข้าขอพูดแต่เพียงเท่านี้ สรุปคือวันนี้ข้าไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้าไป”ทหารข้างกายแม่ทัพเฉียนคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงค่อย“จะทำเยี่ยงไรดีขอรับท่านแม่ทัพ?”แม้พูดว่าเบื้องหน้ามีคนเพียงหนึ่งร้อยกว่าคน ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งร้อยกว่าคนนี้ล้วนเป็นองครักษ์ เดิมทีก็ไม่ใช่กองทัพอย่างเป็นทางการแต่ท่ามกลางหนึ่งร้อยกว่าคนตรงหน้านี้คือขุนนางในราชสำนัก เขา
“โครม!”“ปัง!”เสียงดังสนั่นดังเข้ามาจากทางประตูเมืองดุจอัสนียบาตรก็มิปาน ดังก้องอยู่ในหูของทุกคนทหารที่ไม่ได้ดื่มและดื่มเพียงเล็กน้อยภายในค่ายล้วนตกตะลึงเหม่อไป“เสียงอันใด?”“ใช่มังกรดินพลิกตัวหรือไม่?”มีคนเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง ในยุคสมัยโบราณเรียกแผ่นดินไหวว่ามังกรดิน หากมังกรดินพลิกตัว บ้านเรือนถล่ม แผ่นดินแยกตัว นั่นเป็นเรื่องร้ายแรงมากนักทุกคนหยุดดื่มสุรา หูตั้งตรงฟังดู“ไม่ใช่ ไม่ใช่มังกรพลิกตัว คล้ายดังมาจากประตูเมือง”จู่ๆ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของหน่วยลาดตระเวนก็ดังขึ้น“แย่แล้วๆ มีคนโจมตีประตูเมืองแล้ว!”สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป“จะต้องเป็นกองทัพเจดีย์หนิงกู่แน่!”“รีบตั้งสติเร็วเข้า กองทัพเจดีย์หนิงกู่มาโจมตีเมืองแล้ว!”พวกเขาผลักเก้าอี้และไปปลุกเหล่าทหารบนพื้น ทว่าทหารเหล่านั้นเมาจนตัวอ่อนปวกเปียก เละเทะดูไม่ได้ตั้งนานแล้ว เดิมทีก็ปลุกไม่ตื่น“จะทำเช่นไรดี?”แม่ทัพเฉียนวิ่งวุ่น ยังไม่ทันดื่มสุราเลยสักอึก ได้เห็นสถานการณ์นี้แล้วก็ตกตะลึงเหม่อไปเขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลอยู่รางๆเหตุใดบังเอิญถึงเพียงนี้?ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังเลี้ยงฉลองสามเหล่าทัพ กอง
ทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ทางนี้คนของกลุ่มก่อไฟทางด้านนั้นถูกข่มขู่จนหวาดกลัวมาก ไม่กล้าเข้ามาแอบฟังเลยกู้หว่านเยว่เห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขาแล้ว ก็หยิบผงยาซองหนึ่งออกมาจากมิติอย่างเงียบ ๆ แล้วเทลงในไหสุราโดยตรงที่นี่มีไหสุราทั้งหมดสิบกว่าไห ทุกไห กู้หว่านเยว่ได้เทผงยาลงไปทั้งหมดหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางก็ดึงซูจิ่งสิงออกมา“เอาล่ะ ข้าได้ตรวจสอบอาหารรอบหนึ่งแล้วทั้งหมดไม่มีปัญหา คืนนี้พวกเจ้าก็นำอาหารเหล่านี้ขึ้นโต๊ะตามกำหนดก็แล้วกัน”“ทำอาหารมากมายเช่นนี้พวกเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อย รอจบงานเลี้ยงนี้แล้ว ข้าจะสั่งให้แม่ทัพเฉียนตกรางวัลพวกเจ้าอย่างเต็มที่”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”หลายคนนึกไม่ถึงว่ายังมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วย จึงคุกเข่าให้กู้หว่านเยว่ด้วยความตื่นเต้นกู้หว่านเยว่ไม่ได้อยู่ที่นี่นานนักหลังจากสั่งการไม่กี่คำ ก็ดึงซูจิ่งสิงออกไปม่านราตรีเยื้องกรายมาถึงทหารทั้งสามเหล่าทัพ รวมถึงทหารจากค่ายเฟิงไถ ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในค่ายทหาร“แม่ทัพใหญ่ ส่วนใหญ่มากันพร้อมแล้ว ขอเพียงท่านสั่ง งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นทันที”แม่ทัพเฉียนเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนโยนกู้หว่านเยว่พ
แม่ทัพเฉียนอธิบายว่า “ฮูหยิน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ออกไปลักขโมยใครแน่นอน ในค่ายทหารต้องการข้า”เฉียนฮูหยินกอดเงินไว้ไม่คิดอะไรอีกแล้ว“ท่านไปเถอะ ไปเถอะ ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน”แค่ทิ้งเงินไว้กับนางก็พออย่างอื่นจะพูดอย่างไรก็ได้“เฮ้อ”ฮูหยินพอมีเงินก็ไม่รู้จักใครแล้ว มันแท้จริงที่สุดแม่ทัพเฉียนไม่ถือสา รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยขึ้นที่มุมปาก ภูมิหลังครอบครัวของเขาไม่ดี ต้องขอบคุณการดูแลและประคับประคองของภรรยาถึงสามารถเดินมาอยู่ในตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ได้การที่ภรรยาแต่งงานกับเขาถือว่าเป็นการแต่งกับระดับต่ำกว่า หลายปีมานี้ต้องลำบากยากเข็ญ ต้องดูแลความเป็นอยู่ภายในจวนสามารถทำให้นางดีอกดีใจได้ เขาก็พอใจมาก“ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ”หลังจากปลอบโยนเฉียนฮูหยินแล้ว แม่ทัพเฉียนยังต้องไปที่ค่ายทหาร จึงรีบพาผู้ใต้บังคับชาไปบนกำแพง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองตามด้านหลังของแม่ทัพเฉียนไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน“นึกไม่ถึงว่า แม่ทัพเฉียนผู้นี้จะเป็นคนที่รู้คุณคนข้ายังคิดว่าเขาเป็นพวกทาสเฝ้าทรัพย์ งานเลี้ยงครั้งเดียวรับสินบนไปทั้งหมดสองแสนตำลึง”ผลปรากฏว่า ที่แท้ก็เพื่อให้ภรรยาของตัวเองพอใจมอง
“ช้าก่อน พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป”แม่ทัพเฉียนคว้าอนุคนหนึ่งในนั้นไว้ “เฉี่ยวเอ๋อร์ เจ้าบอกข้าหน่อยซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผู้หญิงนอกบ้านอะไรกัน?”เฉี่ยวเอ๋อร์ปาดน้ำตา“นายท่าน ท่านยังเสแสร้งอยู่อีกหรือ”“ข้าเสแสร้งอะไร?”“หลายวันมานี้ท่านไม่ได้กลับมาเลย ตอนกลางคืนก็ไม่ได้ค้างที่จวน ทุกวันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ชัดเจนว่ามีผู้หญิงอยู่ข้างนอกแล้ว นายท่านมีคนที่โปรดปรานแล้วก็ไม่สนใจพวกข้าพี่น้องแล้ว ซ้ำยังทำให้ฮูหยินโกรธจนต้องเสียน้ำตาอีกด้วย”เฉี่ยวเอ๋อร์มีสีหน้าตัดพ้อ“นายท่าน ครั้งนี้ท่านทำผิดไปแล้ว”แม่ทัพเฉียนตีหน้าผาก “ผู้หญิงที่ไหนกัน ไม่มีเรื่องแบบนี้เสียหน่อย พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว”“แล้วทำไมนายท่านถึงต้องไปข้างนอกทุกวันด้วยเจ้าคะ?”เฉี่ยวเอ๋อร์ใคร่อยากรู้“ข้าจะไปคุยกับฮูหยินให้รู้เรื่อง”แม่ทัพเฉียนไม่รู้เลยว่าภายในบ้านปั่นป่วนเพราะเรื่องนี้ มิหนำซ้ำยังคิดว่าเขาเลี้ยงดูผู้หญิงอยู่ข้างนอกอีกเขารีบตามเฉียนฮูหยินมาจนทัน“ฮูหยิน เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่เจ้าคิด”เฉียนฮูหยินปาดน้ำตา“ท่านไม่ต้องมาโกหกข้า ข้าคาดเดาได้หมดแล้ว”“ไม่ได้โกหกจริง ๆ ม
กู้หว่านเยว่รับใบรายการพลางก้มลงมอง นางดีใจมากแม่ทัพเฉียนผู้นี้ถนัดเรื่องการรับสินบนมากดูสิ ในทุกขั้นตอนเขารับสินบนไปเป็นก้อน“แม่ทัพเฉียน ท่านใจกล้ามาก”กู้หว่านเยว่เหน็บแนมเงียบ ๆคิดว่าเจ้านายตาบอด คำนวณเงินไม่เป็นหรืออย่างไร?“ท่านแม่ทัพ ท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร?”แม่ทัพเฉียนไม่เพียงละโมบ แต่ยังขี้ขลาดเป็นพิเศษอีกด้วย เมื่อถูกกู้หว่านเยว่ขู่ขวัญเช่นนี้ ขาของเขาก็อ่อนแรงก่อนจะรีบอธิบาย“แม่ทัพใหญ่มองทะลุปรุโปร่ง แต่ว่าข้ามีตรงไหนที่จัดการไม่ดีหรือ?”“ไม่ ๆ ท่านจัดการได้ดีทีเดียว”กู้หว่านเยว่กลั้นยิ้มไว้ทำให้แม่ทัพเฉียนตกใจมันไม่มีความหมายอะไร ปล่อยให้เขาดีใจไปพลาง ๆ สักสองวัน“ข้าไม่ได้มองคนผิดไป เช่นนั้นก็ทำตามแผนการของท่าน รีบไปจัดการเสีย”“ขอรับ!”แม่ทัพเฉียนดีใจเป็นที่สุด พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นจะไม่ดีใจได้หรือ?จัดงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาสามารถรับสินบนได้อย่างน้อย ๆ สองแสนตำลึงเงิน เผื่อไม่รู้ เงินเดือนข้าราชการของเขาในตอนนี้แค่หนึ่งพันตำลึงเท่านั้น“แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอน”แม่ทัพเฉียนกระวีกระวาดออกไป ส่วนใหญ่อาจจะ
ลั่วยางพยักหน้า รีบรับน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์มา“ได้ ข้าจำได้แล้ว หลังจากเขาฟื้นขึ้นมาแล้วข้าจะบอกเขา”“ที่นี่ไม่สมควรอยู่นาน ข้ากับท่านอ๋องต้องไปแล้ว แล้วพบกัน”“แล้วพบกัน”ลั่วยางท่าทางอาลัยอาวรณ์ มองตามทั้งสองที่จากไปด้วยแววตาเป็นกังวลกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งจะออกไปได้ประเดี๋ยวเดียว อวิ๋นมู่ก็เอาเสื้อผ้าพาดบ่าออกมาจากห้องอย่างรีบร้อน“แม่นางลั่วยาง เมื่อครู่มีใครมาใช่ไหม?”ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่“เมื่อครู่ท่านอ๋องกับพระชายามา และพระชายาก็ฝากยาน้ำขวดนี้ไว้ด้วย บอกว่าให้ท่าน”ลั่วยางส่งยาน้ำให้อวิ๋นมู่อวิ๋นมู่มองดูขวดที่คุ้นเคย ก่อนที่รูม่านตาจะหดตัวลง“แล้วพวกเขาล่ะ พวกเขาอยู่ที่ไหน?”“เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง”ทันทีที่สิ้นเสียงของลั่วยาง อวิ๋นมู่ก็เดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน ราวกับว่าต้องการหาตัวพวกเขานางรีบคว้าตัวเขาไว้“ท่านอย่าออกไป เมืองหลวงมีคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานในยามราตรี หากท่านออกไปพบเจออันตรายเข้าจะทำเช่นไร?”ลั่วยางพูดเกลี้ยกล่อม“ท่านไม่ต้องกังวล พระชายาบอกแล้วว่า อีกสามวันทัพใหญ่จะตีเมืองหลวงแตก ถึงตอนนั้นพวกเราย่อมมีโอกาสได้พบ