“ข้าน้อยระหกระเหเร่ร่อน อยู่ตัวคนเดียว ไร้จุดหมายปลายทาง แล้วแต่โชคชะตาจะลิขิต แต่ข้าน้อยก็มีหัวใจ และยกหัวใจให้ชายอื่นไปแล้วที่ข้าทำร้ายแม่ทัพฟู่ ไม่ใช่เพื่อเรื่องอื่นใด แต่เพื่อหัวใจของข้าเอง”แม้ว่าน้ำเสียงของเหลียงถงอวี้จะฟังดูอ่อนแอมาก แต่ยามที่ลั่นวาจาออกมา กลับดูจริงจังกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองหน้ากัน และบอกว่า‘ก็แค่คำพูด!’“ฮูหยิน เหลียงถงอวี้ผู้นี้อยากรนหาที่ตายเองเจ้าค่ะ” ชิงเหลียนกล่าวเสียงเบาเรื่องนี้ชักยุ่งยากเสียแล้วสิแม่ทัพผู้เฒ่าฟู่อยากให้เหลียงถงอวี้ชดใช้ด้วยชีวิต ซึ่งเหลียงถงอวี้ก็ยอมตายเช่นกันและวิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือเหลียงถงอวี้ต้องตายแต่โจวเสี้ยนกลับอยากให้เหลียงถงอวี้มีชีวิตอยู่ต่อ“พระชายา ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับพระชายาเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่เจ้าคะ?”จู่ ๆ แม่เล้าก็โพล่งออกมากู้หว่านเยว่เดาออกว่านอกจากเหลียงถงอวี้แล้ว แม่เล้าน่าจะเป็นคนที่เข้าใจต้นเหตุของเรื่องราวได้ดีที่สุดหลังจากครุ่งคิดครู่หนึ่ง ก็พยักหน้า “ไปคุยกันด้านในเถอะ ข้าเองก็เหนื่อยอยู่พอดี”แม่เล้ามีไหวพริบดีมาก รีบสั่งให้เด็ก ๆ ทันทีว่า “ไป ไปยกน้ำชาและขนมม
แล้วเหตุใดถึงได้พูดกลับไปกลับมาเช่นนี้ บอกเรื่องสัญญาการขายตัวและคืนแห่งตัณหากับแม่ทัพน้อยฟู่แล้วใช่หรือไม่? ความขัดแย้งครั้งนี้ เจ้าไม่ได้เป็นคนยั่วยุหรอกใช่หรือไม่?”“โธ่ ใส่ร้ายกันแล้ว ใส่ร้ายกันแล้วเจ้าค่ะ”แม่เล้าร้องเสียงหลง“ข้าบอกเรื่องนี้กับแม่ทัพน้อยฟู่อย่างชัดเจน อธิบายให้เขาฟังเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แต่เขาดันไม่ฟังเอง ทั้งยังขู่ข้า หากข้าไม่ยกถงอวี้ให้เขา จะเข้าค้นและยึดหอนางโลมของพวกเรา ในข้อหาค้ามนุษย์ผิดกฎหมาย ข้า....ข้าจะคัดค้านได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ?”เหลียงถงอวี้คือคนที่แม่เล้าเลี้ยงดูมากับมือ แม่เล้ารักนางมาก ไม่ยอมเห็นนางตายไปเฉย ๆ อย่างแน่นอน แต่ถ้าเทียบกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหอเทียนเซียง แม่เล้าเลือกอย่างหลังมากกว่าบัดนี้กู้หว่านเยว่รู้ความจริงอย่างชัดเจนแล้ว“เจ้าพูดความจริงใช่หรือไม่?”“จริงแน่นอน!”“ดี งั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย หากเจ้าเจอกับแม่ทัพน้อยฟู่ เจ้าจะกล้าคุมเชิงเขาอย่างไร?”“เรื่องนี้... หากพระชายารับปากข้าว่าหากพูดความจริงไปแล้ว ข้าจะไม่โดนพวกเขาแก้แค้นคืนทีหลัง ข้าก็กล้ารับประกัน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ข้ารับปากเจ้า”แม่เล้ารีบกล่าว “เช่นนั
ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงขรึม “ในเมื่อขัดคำสั่งก็ต้องโดนลงโทษ มิเช่นนั้นต่อไปใครจะนับถือ?”แม่ทัพผู้เฒ่าฟู่กล่าวอย่างกระวนกระวายใจ “เขา...เขามีสภาพเป็นเช่นนี้แล้ว จะทนต่อการถูกเฆี่ยนตีห้าสิบครั้งนี้ได้อย่างไรขอรับ? ทำเช่นนี้ จะเอาชีวิตเขาเลยหรือ?”เขารีบกล่าวว่า“ดั่งคำกล่าวที่ว่า รู้เลี้ยงไม่รู้จักสั่งสอนเป็นความผิดของพ่อแม่ หากท่านอ๋องจะลงโทษบุตรชายอกตัญญูผู้นี้ ไม่สู้ให้ข้ารับแทนเถิด”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น “ปีนี้แม่ทัพผู้เฒ่าฟู่อายุจะหกสิบปีแล้ว โดนเฆี่ยนตีห้าสิบครั้งแบบนี้ ท่านอยากเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าใช่หรือไม่?”“หากท่านอยากตายขึ้นมาจริง ๆ ต่อไปทหารในค่ายจะมองท่านอ๋องอย่างไร ไม่กล่าวหาท่านอ๋องว่าเลือดเย็น โหดร้ายทารุณต่อแม่ทัพผู้เฒ่าเลยหรือ”แม่ทัพผู้เฒ่าฟู่มีสีหน้าซีดเผือด “ข้า... ไม่ได้หมายความเช่นนี้ขอรับ”“ในเมื่อไม่ได้หมายความเช่นนี้ ท่านก็ต้องลุกขึ้น ตั้งใจฟังท่านอ๋องตรัสให้จบ”กู้หว่านเยว่ขยิบตาหนึ่งครั้ง ฉู่เฟิงรีบรุดหน้าเข้าไปประคองแม่ทัพผู้เฒ่าขึ้นมาจากพื้น “ท่านอ๋อง...”นัยน์ตาของเขาไร้ความรู้สึก ซูจิ่งสิงมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงขรึมว่า “ฟู่ฉิวทำเ
ซูจิ่งสิงบอกเรื่องที่เหลียงถงอวี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้วกับโจวเสี้ยนแววตาของโจวเสี้ยนวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของซูจิ่งสิง“ขอบคุณในความเมตตาของท่านอ๋องขอรับ บุญคุณอันใหญ่หลวงของท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิต”ชิงเหลียนขมวดคิ้วพลางกล่าว“แต่น่าเสียดายที่คนได้รับการช่วยเหลือกลับไม่สำนึกบุญคุณนี้ ทั้งยังอยากตายเสียด้วยซ้ำ”นางทนเห็นคนทำไม่ดีต่อกู้หว่านเยว่ไม่ได้แพขนตาของโจวเสี้ยนสั่นไหวเล็กน้อยกู้หว่านเยว่กล่าวว่า “ระหว่างพวกเข้าอาจเป็นการเข้าใจผิดกัน หากอยากแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ มิสู้เจ้าถือโอกาสนี้ไปคุยกับนางสักหน่อยเถิด ข้าว่าท่าทีที่นางเปลี่ยนไป คงเกี่ยวกับเจ้าอย่างแน่นอน”โจวเสี้ยนกล่าวว่า “ข้า...ข้าออกจากค่ายทหารตอนนี้ได้หรือไม่?”ตอนนี้เขากลับกลายเป็นทหารที่ถูกจับเป็นเชลยศึก เป็นคนที่ถูกคุมขังเสียเอง“อนุญาตให้เจ้าออกไปได้หนึ่งครั้ง” ซูจิ่งสิงพยักหน้าในเมื่อกู้หว่านยว่พูดขนาดนี้แล้ว เขาคงจะทำให้นางเสียหน้าไม่ได้อีกทั้งเขาเองก็มองออก ว่านี่คือโอกาสเดียวที่เขามีหากจะให้โจวเสี้ยนยอมจำนน เขายังมีหลากหลายวิธี แต่หากจะให้อีกฝ่ายยอมรับเจ้านายอย่างพวกเขาส
แววตาของซูจิ่งสิงเปล่งประกายวาบหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่เคยเจอแมงมุมพันขามาก่อน แต่กลับเคยได้ยินชื่อของมันเจ้าสิ่งนี้มีชื่อเสียงพอ ๆ กับนกพิราบทองคำตัวหนึ่งเป็นมือดีส่งสารไกลพันลี้อีกตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบศัตรูและสะกดรอยตาม“นี่สินะแมงมุมพันขา”ซูจิ่งสิงเพ่งพินิจแมงมุมที่อยู่ในขวดแก้วพลางกล่าวว่า“ได้ยินมาว่าเจ้าสิ่งนี้มาจากหนานเจียง มันจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมของหนานเจียง เจ้าเอามันมาจากองค์หญิงหนานเจียงอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“เดิมทีองค์หญิงหนานเจียงตั้งใจจะใช้แมงมุมตัวนี้เป็นเกาะป้องกันไม่ให้โดนจับตัวได้ ผลปรากฏว่านางไม่รู้ว่าข้าซ่อนตัวอยู่ในห้วงมิติและกลบกลิ่นอายของตัวเอง หลังจากที่ข้าเจอองค์หญิงหนานเจียง จึงถึงโอกาสเก็บแมงมุมพันขาตัวนี้กลับมาด้วย”“โจรชัด ๆ!”ซูจิ่งสิงโพล่งออกมาคาดว่าเฟิ่งหมิงกวงคงจะกำลังสงสัยว่าว่าทำไมแมงมุมพันขาถึงใช้งานไม่ได้ใครเลยจะคาดถึงว่ากู้หว่านเยว่จะมีความสามารถด้านนี้“ว่าแต่แมงมุมตัวนี้จะอยู่รอดปลอดภัยในห้วงมิติของเจ้าหรือ?”ครั้นได้ยินว่าแมงมุมตัวนี้ปรับตัวอยู่ได้แค่ในสภาพแวดล้อมของห
บางทีอาจจะรักษาสายเลือดของสกุลฟู่เอาไว้ได้”แม่ทัพผู้เฒ่าฟู่เงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ นัยน์ตาทอประกายแสงของหยาดน้ำตาเขายังคิดอยู่เลยว่าซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่อาจจะมีใจลำเอียงไปทางโจวเสี้ยน แล้วทอดทิ้งขุนนางที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่เจดีย์หนิงกู่อย่างพวกเขาไว้ด้านหลัง “ขอบคุณท่านอ๋อง ขอบคุณพระชายามากขอรับ”แม่ทัพผู้เฒ่าฟู่รีบคุกเข่าลงตอนนี้เขารู้แล้ว ในใจของท่านอ๋องและพระชายายังมีเขาอยู่ซูจิ่งสิงประคองแม่ทัพขึ้นมา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“เรื่องนี้ฟู่ฉิวเป็นคนผิด หากข้าไม่อธิบายให้พวกเขาเข้าใจ ภายภาคหน้า คำสั่งของข้าอาจจะเป็นเรื่องยาก เพียงแต่ท่านโปรดวางใจ ข้าได้สั่งให้คนดูแลบุตรชายของท่านเป็นอย่างดีแล้ว”“ท่านอ๋อง....”แม่ทัพผู้เฒ่าฟู่รู้สึกละอายแก่ใจ ทั้งยังรู้สึกว่าตนนั้นช่างโง่เขลายิ่งนักท่านอ๋องและพระชายาทุ่มเทใจถึงเพียงนี้ แต่เขายังคงคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเหล่านั้นอยู่คนเดียว ไม่ควรเลยจริง ๆ “ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าอบรมสั่งสอนเขาไม่ดี ทั้งยังต้องรบกวนท่านอ๋องมาจัดการแทนข้า ช่างน่าละอายใจยิ่งนัก”แม่ทัพผู้เฒ่าโจวคุกเข่าลงอีกครั้ง“ลุกขึ้น ลุกขึ้นเ
เป็นเหลียงถงอวี้นี่เองนางผ่านการร้องไห้มาแล้ว ดวงตาจึงได้ปูดโปนเหมือนลูกมะนาวโจวเสี้ยนมองนางอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะขานเรียกออกไปนัยน์ตาของเหลียงถงอวี้สั่นไหว น้ำตาเอ่อล้นและไหลพรากลงมานางอยากเดินเข้าไปคุยกับโจวเสี้ยน แต่จู่ ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงกลั้นใจหันไปทางอื่น“แม่ทัพโจวมาทำไมเจ้าคะ? ข้าบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าเราจะไม่พบกันอีกตลอดชีวิต?”ในใจของโจวเสี้ยนปวดร้าว จนพูดไม่ออกครั้นฉู่เฟิงเห็นเหตุการณ์นั้น ก็รีบเดินเข้าไปพูดเสริมอยู่ข้างหูของเขา“เร็วสิ รีบพูดสิ ท่านอ๋องให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียวนะ”ฉู่เฟิงเร่งรัด บุรุษผู้นี้แสดงความรักเป็นที่ไหน เห็นแล้วเขารู้สึกขัดใจยิ่งนักโจวเสี้ยนได้สติทันทีใช่ โอกาสครั้งเดียวของเขา“ถงอวี้ ข้ารอดตายกลับมาได้ กว่าจะได้มาเจอเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้ากลับพูดกับข้าเช่นนี้หรือ?”โจวเสี้ยนทำตัวน่าสงสาร “ตอนนี้ข้าพูดเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการปลอบใจ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ข้าจะรอดกลับมาได้อีกหรือไม่ เห็นแก่ความรักที่เราสองคนเคยมีให้กัน เจ้าจะไม่พูดกับข้าสักคำเลยหรือ?”“เจ้า...”ในที่สุดเหลียงถงอวี้ก็ใจอ่อน นางพยายามอดกลั้นก่อนจะเมินหน้าไปทางอื
“สกุลโจวของพวกท่านคือแม่ทัพผู้สูงส่ง ข้าเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านริมทาง มิอาจเอื้อมถึง และไม่อยากทำร้ายท่าน”หลังจากที่เหลียงถงอวี้พูดจบ ก็ผลักโจวเสี้ยนออกไป จากนั้นก็หันหลังให้เขาแม้ว่านางจะยากจน แต่นางก็มีศักดิ์ศรีในตัวเองนางศึกษาตำรามากมายมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขามาหานางถึงที่เช่นนี้แล้วคำพูดเหล่านั้นทำให้นางรู้สึกแย่กว่าการชี้หน้าด่าทอนางเสียอีก“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”โจวเสี้ยนรู้สึกผิดในใจอย่างมากเรื่องของเขาคงรู้ถึงหูของท่านพ่อ แต่ท่านพ่อเคยบอกกับเขาว่าจะสนับสนุนพวกเขาสองคนคาดไม่ถึงจริง ๆว่า เขาจะแอบมาหาเหลียงถงอวี้ลับหลังเขา “ถงอวี้ ข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”“ข้ารู้ว่าท่านไม่รู้เจ้าค่ะ”เหลียงถงอวี้ทอดถอนใจ ภูมิหลังของพวกเขาซับซ้อนมาก ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกันแต่เขาเชื่อว่าตนมองคนไม่ผิดแน่นอนโจวเสี้ยนทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้“เป็นเพราะท่านไม่รู้ ดังนั้นข้ายิ่งถ่วงรั้งท่านไม่ได้”เหลียงถงอวี้กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว“ท่านไปเถอะ ชาเย็นหมดแล้ว ถือว่าท่านดื่มไปแล้ว ต่อไปนี้เราจะไม่เจอหน้ากันอีก”น้ำเสียงของนางหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลงโจวเสี้ยนมองนางด้วยสายตาลึกซึ้
“พวกเราเป็นบ่าวปรนนิบัติข้างกายฝ่าบาท ล้วนเป็นคนที่ฝ่าบาทไว้ใจ รอเจิ้นเป่ยอ๋องขึ้นครองบัลลังก์แล้ว คนแรกที่จะฆ่าก็คือพวกเรา”นางกำนัลและขันทีสองสามคนกระซิบกระซาบกันด้วยใบหน้าว้าวุ่น“ไปๆ พวกเรารีบไปเถอะ”พวกเขาต่างพากันถือสัมภาระวิ่งออกไปทางประตูเมืองทว่าพวกเขายังไม่ทันออกจากวัง เสียงต่อสู้กันก็ดังขึ้นที่หน้าประตูวัง เป็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำคนบุกฝ่าเข้ามา“แย่แล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว”.......“ก็ไม่รู้ว่าต่อสู้กันเป็นเช่นไรแล้ว อยากออกไปช่วยเหลือเกิน”มู่หรงฉางเล่อพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งนางมีอุปนิสัยมุทะลุมาตั้งแต่เด็ก ไม่คุ้นชินกับการนั่งรอข่าวอยู่ที่เรือนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ลั่วยางยืนสงบนิ่งที่ฝั่งหนึ่ง นางมองแสงเปลวเพลิงลอยพวยพุ่งข้างนอกเรือน“พี่หญิงหว่านเยว่พูดว่าให้พวกเรารออยู่ในเรือน ห้ามมิให้ออกไปเดินส่งเดช เช่นนั้นพวกเราก็ฟังพี่หญิงหว่านเยว่เถอะ”“เหตุใดเจ้าสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้?”มู่หรงฉางเล่อมองนางอย่างแปลกใจลั่วยางหัวเราะ“เพราะข้าและพี่หญิงหว่านเยว่รู้จักกันมานานมาแล้ว ในอดีตข้าและนางยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอีกด้วย ข้ารู้ว่าไม่ว่ายามใดนางก็
เดิมทีเฉียนฮูหยินก็กลายเป็นเศรษฐีตัวน้อย ปรากฏว่าเวลาเพียงชั่วพริบตาก็กลับมาเป็นเหมือนก่อนแล้วนางตกตะลึงเหม่อไป ไม่ว่าอย่างไรก็จะอยู่ภายในห้อง อยากหาเงินออกมาให้ได้ ไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องเงินหายไปได้อนุภรรยาคนอื่นได้ยินเสียงระเบิดภายนอกดังมากขึ้นเรื่อยๆ รีบลากเฉียนฮูหยินออกไป“ดมกลิ่นหอมของเงินก็พอแล้ว”กู้หว่านเยว่พูดออกมาหนึ่งประโยคและออกจากสกุลเฉียนนางเข้ามาภายในตรอกเล็กร้างผู้คนแห่งหนึ่ง โบกมือเรียกม้ากระต่ายแดงออกมา พลิกตัวขึ้นหลังม้าและควบทะยานไปทางประตูเมืองขณะเดียวกันซูจิ่งสิงและเกาเจี้ยนนำทัพแนวหน้ามาระเบิดประตูเมือง“บุก”เกาเจี้ยนตะโกนให้สัญญาณ “ไม่ฆ่าผู้ยอมจำนน ไม่ฆ่าผู้ยอมจำนน”“ผู้ต่อต้านฆ่าได้ไม่ละเว้น”ขณะเดียวกันเมืองหลวงกำลังตกอยู่ในความโกลาหลราษฎร์ภายในเมืองหลวงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ประตูเมืองจึงหลบอยู่ในเรือนตัวสั่น ไม่กล้าออกมากลุ่มคนที่เหลืออยู่มองสถานการณ์ออกอย่างชัดเจน ตัดสินใจยอมจำนนต่อซูจิ่งสิงยังมีอีกหนึ่งกลุ่มแม้ว่าเห็นสถานการณ์แล้ว แต่พวกเขาจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ยังไม่ยอมจำนนและกำลังต่อสู้กับกองทัพเจดีย์หนิงกู่“ฆ่าผู้ไม่ยอมจำนน
แม่ทัพเฉียนสบถด่าอย่างอารมณ์ไม่ดีดวงตากลับกลิ้งกลอกอย่างว่องไวไม่พูดไม่ได้ว่าเขาหวั่นไหวขึ้นมาแล้วหลิวเต๋อวั่งพูดได้ถูกต้อง ภาพรวมถูกกำหนดไว้แล้ว แม้ว่าโจวถิงเว่ยนำคนของกองกำลังพิทักษ์วังหลวงมาควบคุมทั้งเมืองหลวงเอาไว้ทว่ากองทัพเจดีย์หนิงกู่บุกโจมตีถึงประตูแล้ว ส่วนทหารของกองกำลังพิทักษ์วังหลวงส่วนใหญ่กลับล้มลงสถานการณ์ชัดเจนอย่างมากต่อให้เขาพาคนไปต่อต้าน แต่ก็หนีไม่พ้นความตาย“หลิวเต๋อวั่ง”แม่ทัพเฉียนขมวดคิ้ว“เจ้าพูดเหลวไหลไร้สาระ ต่อให้เจ้ายอมจำนน แต่เจ้าเคยเป็นขุนนางของฮ่องเต้ เขาซูจิ่งสิงจะยอมปล่อยเจ้าไปหรือ?”หลิวเต๋อวั่งรีบพูด “เจิ้นเป่ยอ๋องจิตใจกว้างขวาง มีผู้ใดในใต้หล้าที่เขาปล่อยไปไม่ได้?”เขาสบถเสียงเย็นทีหนึ่ง“แม่ทัพเฉียน ข้าขอพูดแต่เพียงเท่านี้ สรุปคือวันนี้ข้าไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้าไป”ทหารข้างกายแม่ทัพเฉียนคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงค่อย“จะทำเยี่ยงไรดีขอรับท่านแม่ทัพ?”แม้พูดว่าเบื้องหน้ามีคนเพียงหนึ่งร้อยกว่าคน ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งร้อยกว่าคนนี้ล้วนเป็นองครักษ์ เดิมทีก็ไม่ใช่กองทัพอย่างเป็นทางการแต่ท่ามกลางหนึ่งร้อยกว่าคนตรงหน้านี้คือขุนนางในราชสำนัก เขา
“โครม!”“ปัง!”เสียงดังสนั่นดังเข้ามาจากทางประตูเมืองดุจอัสนียบาตรก็มิปาน ดังก้องอยู่ในหูของทุกคนทหารที่ไม่ได้ดื่มและดื่มเพียงเล็กน้อยภายในค่ายล้วนตกตะลึงเหม่อไป“เสียงอันใด?”“ใช่มังกรดินพลิกตัวหรือไม่?”มีคนเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง ในยุคสมัยโบราณเรียกแผ่นดินไหวว่ามังกรดิน หากมังกรดินพลิกตัว บ้านเรือนถล่ม แผ่นดินแยกตัว นั่นเป็นเรื่องร้ายแรงมากนักทุกคนหยุดดื่มสุรา หูตั้งตรงฟังดู“ไม่ใช่ ไม่ใช่มังกรพลิกตัว คล้ายดังมาจากประตูเมือง”จู่ๆ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของหน่วยลาดตระเวนก็ดังขึ้น“แย่แล้วๆ มีคนโจมตีประตูเมืองแล้ว!”สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป“จะต้องเป็นกองทัพเจดีย์หนิงกู่แน่!”“รีบตั้งสติเร็วเข้า กองทัพเจดีย์หนิงกู่มาโจมตีเมืองแล้ว!”พวกเขาผลักเก้าอี้และไปปลุกเหล่าทหารบนพื้น ทว่าทหารเหล่านั้นเมาจนตัวอ่อนปวกเปียก เละเทะดูไม่ได้ตั้งนานแล้ว เดิมทีก็ปลุกไม่ตื่น“จะทำเช่นไรดี?”แม่ทัพเฉียนวิ่งวุ่น ยังไม่ทันดื่มสุราเลยสักอึก ได้เห็นสถานการณ์นี้แล้วก็ตกตะลึงเหม่อไปเขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลอยู่รางๆเหตุใดบังเอิญถึงเพียงนี้?ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังเลี้ยงฉลองสามเหล่าทัพ กอง
ทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ทางนี้คนของกลุ่มก่อไฟทางด้านนั้นถูกข่มขู่จนหวาดกลัวมาก ไม่กล้าเข้ามาแอบฟังเลยกู้หว่านเยว่เห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขาแล้ว ก็หยิบผงยาซองหนึ่งออกมาจากมิติอย่างเงียบ ๆ แล้วเทลงในไหสุราโดยตรงที่นี่มีไหสุราทั้งหมดสิบกว่าไห ทุกไห กู้หว่านเยว่ได้เทผงยาลงไปทั้งหมดหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางก็ดึงซูจิ่งสิงออกมา“เอาล่ะ ข้าได้ตรวจสอบอาหารรอบหนึ่งแล้วทั้งหมดไม่มีปัญหา คืนนี้พวกเจ้าก็นำอาหารเหล่านี้ขึ้นโต๊ะตามกำหนดก็แล้วกัน”“ทำอาหารมากมายเช่นนี้พวกเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อย รอจบงานเลี้ยงนี้แล้ว ข้าจะสั่งให้แม่ทัพเฉียนตกรางวัลพวกเจ้าอย่างเต็มที่”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”หลายคนนึกไม่ถึงว่ายังมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วย จึงคุกเข่าให้กู้หว่านเยว่ด้วยความตื่นเต้นกู้หว่านเยว่ไม่ได้อยู่ที่นี่นานนักหลังจากสั่งการไม่กี่คำ ก็ดึงซูจิ่งสิงออกไปม่านราตรีเยื้องกรายมาถึงทหารทั้งสามเหล่าทัพ รวมถึงทหารจากค่ายเฟิงไถ ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในค่ายทหาร“แม่ทัพใหญ่ ส่วนใหญ่มากันพร้อมแล้ว ขอเพียงท่านสั่ง งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นทันที”แม่ทัพเฉียนเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนโยนกู้หว่านเยว่พ
แม่ทัพเฉียนอธิบายว่า “ฮูหยิน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ออกไปลักขโมยใครแน่นอน ในค่ายทหารต้องการข้า”เฉียนฮูหยินกอดเงินไว้ไม่คิดอะไรอีกแล้ว“ท่านไปเถอะ ไปเถอะ ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน”แค่ทิ้งเงินไว้กับนางก็พออย่างอื่นจะพูดอย่างไรก็ได้“เฮ้อ”ฮูหยินพอมีเงินก็ไม่รู้จักใครแล้ว มันแท้จริงที่สุดแม่ทัพเฉียนไม่ถือสา รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยขึ้นที่มุมปาก ภูมิหลังครอบครัวของเขาไม่ดี ต้องขอบคุณการดูแลและประคับประคองของภรรยาถึงสามารถเดินมาอยู่ในตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ได้การที่ภรรยาแต่งงานกับเขาถือว่าเป็นการแต่งกับระดับต่ำกว่า หลายปีมานี้ต้องลำบากยากเข็ญ ต้องดูแลความเป็นอยู่ภายในจวนสามารถทำให้นางดีอกดีใจได้ เขาก็พอใจมาก“ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ”หลังจากปลอบโยนเฉียนฮูหยินแล้ว แม่ทัพเฉียนยังต้องไปที่ค่ายทหาร จึงรีบพาผู้ใต้บังคับชาไปบนกำแพง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองตามด้านหลังของแม่ทัพเฉียนไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน“นึกไม่ถึงว่า แม่ทัพเฉียนผู้นี้จะเป็นคนที่รู้คุณคนข้ายังคิดว่าเขาเป็นพวกทาสเฝ้าทรัพย์ งานเลี้ยงครั้งเดียวรับสินบนไปทั้งหมดสองแสนตำลึง”ผลปรากฏว่า ที่แท้ก็เพื่อให้ภรรยาของตัวเองพอใจมอง
“ช้าก่อน พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป”แม่ทัพเฉียนคว้าอนุคนหนึ่งในนั้นไว้ “เฉี่ยวเอ๋อร์ เจ้าบอกข้าหน่อยซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผู้หญิงนอกบ้านอะไรกัน?”เฉี่ยวเอ๋อร์ปาดน้ำตา“นายท่าน ท่านยังเสแสร้งอยู่อีกหรือ”“ข้าเสแสร้งอะไร?”“หลายวันมานี้ท่านไม่ได้กลับมาเลย ตอนกลางคืนก็ไม่ได้ค้างที่จวน ทุกวันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ชัดเจนว่ามีผู้หญิงอยู่ข้างนอกแล้ว นายท่านมีคนที่โปรดปรานแล้วก็ไม่สนใจพวกข้าพี่น้องแล้ว ซ้ำยังทำให้ฮูหยินโกรธจนต้องเสียน้ำตาอีกด้วย”เฉี่ยวเอ๋อร์มีสีหน้าตัดพ้อ“นายท่าน ครั้งนี้ท่านทำผิดไปแล้ว”แม่ทัพเฉียนตีหน้าผาก “ผู้หญิงที่ไหนกัน ไม่มีเรื่องแบบนี้เสียหน่อย พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว”“แล้วทำไมนายท่านถึงต้องไปข้างนอกทุกวันด้วยเจ้าคะ?”เฉี่ยวเอ๋อร์ใคร่อยากรู้“ข้าจะไปคุยกับฮูหยินให้รู้เรื่อง”แม่ทัพเฉียนไม่รู้เลยว่าภายในบ้านปั่นป่วนเพราะเรื่องนี้ มิหนำซ้ำยังคิดว่าเขาเลี้ยงดูผู้หญิงอยู่ข้างนอกอีกเขารีบตามเฉียนฮูหยินมาจนทัน“ฮูหยิน เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่เจ้าคิด”เฉียนฮูหยินปาดน้ำตา“ท่านไม่ต้องมาโกหกข้า ข้าคาดเดาได้หมดแล้ว”“ไม่ได้โกหกจริง ๆ ม
กู้หว่านเยว่รับใบรายการพลางก้มลงมอง นางดีใจมากแม่ทัพเฉียนผู้นี้ถนัดเรื่องการรับสินบนมากดูสิ ในทุกขั้นตอนเขารับสินบนไปเป็นก้อน“แม่ทัพเฉียน ท่านใจกล้ามาก”กู้หว่านเยว่เหน็บแนมเงียบ ๆคิดว่าเจ้านายตาบอด คำนวณเงินไม่เป็นหรืออย่างไร?“ท่านแม่ทัพ ท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร?”แม่ทัพเฉียนไม่เพียงละโมบ แต่ยังขี้ขลาดเป็นพิเศษอีกด้วย เมื่อถูกกู้หว่านเยว่ขู่ขวัญเช่นนี้ ขาของเขาก็อ่อนแรงก่อนจะรีบอธิบาย“แม่ทัพใหญ่มองทะลุปรุโปร่ง แต่ว่าข้ามีตรงไหนที่จัดการไม่ดีหรือ?”“ไม่ ๆ ท่านจัดการได้ดีทีเดียว”กู้หว่านเยว่กลั้นยิ้มไว้ทำให้แม่ทัพเฉียนตกใจมันไม่มีความหมายอะไร ปล่อยให้เขาดีใจไปพลาง ๆ สักสองวัน“ข้าไม่ได้มองคนผิดไป เช่นนั้นก็ทำตามแผนการของท่าน รีบไปจัดการเสีย”“ขอรับ!”แม่ทัพเฉียนดีใจเป็นที่สุด พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นจะไม่ดีใจได้หรือ?จัดงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาสามารถรับสินบนได้อย่างน้อย ๆ สองแสนตำลึงเงิน เผื่อไม่รู้ เงินเดือนข้าราชการของเขาในตอนนี้แค่หนึ่งพันตำลึงเท่านั้น“แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอน”แม่ทัพเฉียนกระวีกระวาดออกไป ส่วนใหญ่อาจจะ
ลั่วยางพยักหน้า รีบรับน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์มา“ได้ ข้าจำได้แล้ว หลังจากเขาฟื้นขึ้นมาแล้วข้าจะบอกเขา”“ที่นี่ไม่สมควรอยู่นาน ข้ากับท่านอ๋องต้องไปแล้ว แล้วพบกัน”“แล้วพบกัน”ลั่วยางท่าทางอาลัยอาวรณ์ มองตามทั้งสองที่จากไปด้วยแววตาเป็นกังวลกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งจะออกไปได้ประเดี๋ยวเดียว อวิ๋นมู่ก็เอาเสื้อผ้าพาดบ่าออกมาจากห้องอย่างรีบร้อน“แม่นางลั่วยาง เมื่อครู่มีใครมาใช่ไหม?”ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่“เมื่อครู่ท่านอ๋องกับพระชายามา และพระชายาก็ฝากยาน้ำขวดนี้ไว้ด้วย บอกว่าให้ท่าน”ลั่วยางส่งยาน้ำให้อวิ๋นมู่อวิ๋นมู่มองดูขวดที่คุ้นเคย ก่อนที่รูม่านตาจะหดตัวลง“แล้วพวกเขาล่ะ พวกเขาอยู่ที่ไหน?”“เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง”ทันทีที่สิ้นเสียงของลั่วยาง อวิ๋นมู่ก็เดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน ราวกับว่าต้องการหาตัวพวกเขานางรีบคว้าตัวเขาไว้“ท่านอย่าออกไป เมืองหลวงมีคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานในยามราตรี หากท่านออกไปพบเจออันตรายเข้าจะทำเช่นไร?”ลั่วยางพูดเกลี้ยกล่อม“ท่านไม่ต้องกังวล พระชายาบอกแล้วว่า อีกสามวันทัพใหญ่จะตีเมืองหลวงแตก ถึงตอนนั้นพวกเราย่อมมีโอกาสได้พบ