ตอนแรกซูจิ่งสิงยกกองทัพเจดีย์หนิงกู่ไปก่อการกบฏ ต่อมาหนานหยางอ่องก็ฟื้นคืนชีพ ทำให้ลั่วยางต้องโบกธงขาวยอมจำนนจากนั้นเขตซีเป่ยและเหอตงต่างก็ยอมจำนนต่อกองทัพเจดีย์หนิงกู่เมืองหลวงของพวกเขาถูกล้อม้าไว้ทุกทิศทางหัวเดียวกระเทียมลีบ บัดนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว กองทัพหนานเจียงยกทัพมาใกล้ถึงแล้ว มู่หรงถิงต้องใช้ยาแก้ปวดคอยบรรเทาติดต่อกันหลายวัน กว่าจะออกราชกิจได้ลึก ๆ ในใจเขารู้ดีว่าเก้าอี้มังกรไม่มั่งคงอีกต่อไป พลังหยินหยางภายในร่างกายก็อ่อนแอลงทุกวัน กระทั่งองค์หญิงหนานเจียงกลับมาพร้อมกับข่าวดี กองทัพหนานเจียงเชี่ยวชาญด้านวิชาหนอนพิษ ดังนั้นการสู้กับศัตรูซึ่ง ๆ หน้าอาจไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก แต่การลอบกัดด้านหลัง ร้ายกาจยิ่งกว่า“นี่คือผลงานของพระมเหสีเจ้าค่ะ”มู่หรงถิงภูมิใจมากในตอนที่เขาไปเยือนจวนหนานหลีอ๋องนั้น เขาก็ตกหลุมรักหนานหลีม่านตั้งแต่แรกเห็น เพื่อจะได้ตัวนาง เขายอมแลกทุกอย่างอย่างไม่เสียดายในตอนที่หนานหลี่ม่านขึ้นเป็นพระมเหสีนั้น เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ต่างพยายามขัดขวาง บัดนี้ เขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากหลังจากที่ทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานขุนนางช
“เพราะท่านเป็นแม่ทัพ ถนัดการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ตรงหน้า น่าจะมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่า”ใต้เท้าสวี่มองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง“แม่ทัพจ้าว ในมุมมองของท่าน การที่ทัพหนานเจียงยกทัพมาครั้งนี้ได้สร้างผลกระทบต่อศึกสงครามหรือไม่?”“เรื่องนี้......” จ้าวหวยอ้ำอึ้งครู่หนึ่ง“เชื่อฝ่าบาท ย่อมไม่ผิด ฝ่าบาททรงอวยพร สวรรค์มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เสมอ”พูดไปก็เหมือนไม่พูดใต้เท้าสวี่ก้มหน้าลง “กล่าวเช่นนี้แสดงว่าแม่ทัพจ้าวก็คิดว่าทัพหนานเจียงไร้ประโยชน์ เว้นเสียแต่ว่าสวรรค์จะตาสว่าง บันดาลให้เกิดสายฟ้าฟาดใส่ทัพเจดีย์หนิงกู่จนพินาศ มิเช่นนั้นราชสำนักจะยอมแพ้หรือ?”จ้าวหวยเลิกคิ้วสูง “แต่ไม่กล้ากล่าวเช่นนี้”เขารีบเดินรุดขึ้นหน้า “ใต้เท้าสวี่ ไม่กล้ากล่าวเช่นนี้ หากแพร่งพรายออกไปมีหวังหัวได้หลุดออกจากบ่าแน่”บัดนี้ฮ่องเต้ทรงกริ้วมาก หากเขาได้ยินประโยคนี้ จวนหนิงกั๋วคงเกิดหายนะครั้งใหญ่แม่น้ำมิกลายเป็นสีเลือดหรอกหรือ?จ้าวหวยผู้นี้ ก็ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ยามอยู่ในสนามรบ ท่านพ่อของเขาหนิงกั๋วกงเองก็เป็นนักรบที่ดี เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นหนิงกั๋วกงเพราะผลงานด้านทหารของเขาส่วนเขานะหรือ กลับเ
“ไม่”มู่หรงถิงออกแรงกอดรัดนางมากขึ้น“ตอนนี้ข้าต้องการเจ้า”ไม่นานมานี้ จู่ ๆ เขาก็เกิดอาการชักเกร็งโดยไม่ทราบสาเหตุ จนเขาทำอะไรไม่ได้ ทำให้เขาห่างหายจากการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระมเหสีเป็นเวลานานจนแทบจะสูญเสียความเป็นชายไปแล้วโชคดีที่อ๋องหกช่วยนำยากระทิงดุจากงานประมูลมาให้เขาหลังจากที่เขากินยานี้ลงไป เขาได้พลังกลับมา และเป็นพลังที่รุนแรงกว่าเดิมด้วยแต่ปรากฏว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ดีใจเท่าไหร่ ข่าวที่ซูจิ่งสิงก่อกบฏก็แพร่สะพัดออกมาเขายุ่งอยู่ในราชสำนักทั้งวัน เกรงว่าสักวันเขาจะสูญเสียบัลลังก์ที่ยังไม่ได้นั่ง และไร้ซึ่งความลึกซึ้งต่อพระมเหสีในเมื่อสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เขาจะอดทนต่อไปทำไม ไหน ๆ วันนี้เขาก็อารมณ์ดีแล้ว จึงตั้งใจขอให้พระมเหสีกำเนิดองค์รัชทายาทตัวน้อยให้เขา สืบทอดอาณาจักรอันกว้างใหญ่แห่งนี้ต่อไปเขารักพระมเหสีมาก“ฝ่าบาทอย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ”นัยน์ตาของพระมเหสีฉายแววรังเกียจอย่างชัดเจนนางไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฮ่องเต้มานานมากแล้ว ครั้นเห็นชัยชนะรออยู่ตรงหน้า นางก็จะแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป“ข้าไม่ค่อยสบาย วันนี้คงจะอยู่ปรนนิบัติท่านไม่ได้เจ้าค
“หากองค์หญิงหนานเจียงไม่อยู่แล้ว นางก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา คำสัญญาที่ตกลงกันไว้ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาอีกต่อไป”น้ำเสียงของมู่หรงถิงแฝงไปด้วยอันตรายในแววตาที่หรี่ลงคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และความชั่วร้ายอย่างมากพระมเหสีตกใจได้ไม่นาน ก็เข้าใจทันที“ฝ่าบาท เราและหนานเจียงเป็นพันธมิตรต่อกัน ทำเช่นนี้...” นางตั้งใจกล่าวถาม “ไม่เป็นการถีบหัวส่งกันเกินไปหน่อยหรือเจ้าคะ?”ครั้นนึกถึงในช่วงแรก มู่หรงถิงก็ปฏิบัติเช่นนี้ต่อเขตหนานหลีเช่นเดียวกันคนปลิ้นปล้อน ไม่รักษาคำพูดเกรงว่าหนานเจียงยังคงรออย่างมีความหวัง หลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง มู่หรงถิงทำตามสัญญาของตัวเอง แต่กลับไม่รู้ว่ามู่หรงถิงวางแผนจะบีบบังคับพวกเขาเอาไว้แล้ว“ข้า...ข้าทำเพื่ออาณาจักต้าฉี”มู่หรงถิงไม่เห็นด้วย“ในหนานเจียง สตรีเป็นใหญ่ เฟิ่งหมิงกวงคือบุตรสาวของราชินีหนานเจียง ตราบใดที่จับนางได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าหนานเจียงจะขว้างงูไม่พ้นคอ อีกอย่างหนานเจียงเป็นแค่ชนเผ่าเล็ก ๆ ทางตอนใต้ หากทำตามเงื่อนไขของพวกเขาได้ ก็ไม่มีใครทำลายศักดิ์ศรีของต้าฉีได้”เขาก็หาข้ออ้างไปเรื่อยโดยไม่ได้ปิดบังจุดประสงค์ที่น่ารังเกี
พวกมันถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็ก เอาไว้ใช้โจมตีมนุษย์ถุงสมุนไพรอาจจะใช้ไม่ได้ผลต่อพวกมันเท่าไหร่นักแต่การมีสิ่งนี้อย่างน้อยก็สร้างขวัญกำลังใจให้ทหารได้ไม่มากก็น้อย ไม่ถึงกับทำให้เหล่าทหารที่ได้ยินเรื่องของแมลงพิษหนานเจียงพากันขวัญหนีดีฝ่อซูจิ่งสิงสาวเท้าจากไป“แม่ทัพเกา ท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดข้าฟังแล้วถึงไม่เข้าใจเลยสักนิด?”ทันที่ที่เขาจากไปเหล่าทหารก็พากันล้อมเข้ามาด้วยสีหน้างุนงง พวกเขาเห็นว่าซูจิ่งสิงและเกาเจี้ยนเพิ่งจะคุยกันเพียงไม่นานอะไรคือแผนไส้ศึก พวกเขาได้ยินกันหมดแล้วแต่รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นพวกเขาไม่รู้ท่านอ๋องก็ไม่ได้อธิบายให้พวกเขาฟังเกาเจี้ยนหัวเราะออกมา“เจ้าไม่ต้องร้อนใจไปหรอก ท่านอ๋องมอบหมายเรื่องนี้ให้ข้าแล้ว ข้าจะต้องอธิบายให้เจ้าฟังอยู่แล้ว”ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปจนเข้าหูของกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่มิใช้คนโง่เขลาเบาปัญญา นางไตร่ตรองเพียงไม่นานก็เข้าใจความหมายของซูจิ่งสิงแล้ว“หนานเจียงแค่มาช่วย และไม่ใช่ทหารของต้าฉี ได้ยินว่าคนหนานเจียงเป็นคนชอบเก็บตัวและเย่อหยิ่ง ครั้งนี้ต้าฉีขอร้องพวกเขาอีกครั้ง ทหารม้าทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อน
ไม่ว่าจะเป็นมู่หรงถิงในตอนนี้หรือว่ามู่หรงอวี้ที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ในภายภาคหน้า ก็ล้วนแต่ไม่เคยไม่ความสนใจต่อสตรีเท่าไหร่นักสตรีต่อให้ร่ำเรียนเขียนหนังสือได้ แต่ก็ลงสอบขุนนางไม่ได้แม้ว่าเว่ยเสี่ยวฉู่จะมีความฝันเป็นแม่ทัพหญิง แต่นางกลับไม่ได้รับความสนใจจากคนในค่ายทหารนักต่อให้นางจะแสดงความสามารถล้ำเลิศในด้านการรบหลายครั้ง แต่สำหรับคนอื่น นางก็ยังเป็นเพียงสตรีที่ควรเย็บปักถักร้อยอยู่แต่ในบ้าน รีบแต่งงานและมีบุตรให้เร็วที่สุดเท่านั้นการดึงดันจะไปค่ายทหาร เป็นการกระทำนอกรีต และเป็นการกระทำที่ออกหน้าเกินไปเพราะคนเหล่านั้นเห็นแก่หน้าของเว่ยเฉิง ภายนอกต่างก็ประจบสอพลอเว่ยเสี่ยวฉุ่ แต่ความจริงแล้วกลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเว่ยเสี่ยวฉู่เองก็มีความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย เป็นสตรีที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ที่อึ้งยิ่งกว่าก็คือหลังจากที่นางพยายามดิ้นรนอยู่ในค่ายทหารเป็นเวลากว่าสามถึงสี่ปี ในที่สุดนางก็ได้สร้างความดีครั้งยิ่งใหญ่ให้กับทั้งยุทธการทหารจนได้ขึ้นเป็นแม่ทัพหญิงปรากฏว่าเว่ยเฉิงได้ถูกมู่หรงอวีฆ่าปิดปากจุดจบของเว่ยเสี่ยวฉู่จึงน่าเวทนายิ่งนักนางกลายเป็นโสเภณีในค่ายทหาร
“เสี่ยวฉู่ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”“เจ็ดปีเจ้าค่ะ”เว่ยเสี่ยวฉู่ชูเลขเจ็ดขึ้นมา กู้หว่านเยว่ถึงกับประหลาดใจ เพราะเด็กคนนี้เติบโตมาจากในชนบท และมักขาดสารอาหารตั้งแต่เด็ก จึงดูเด็กว่าอายุจริง“ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ ยามศึกสงครามเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก เจ้าต้องลำบากยากเข็ญอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่อายุแค่นี้”“อาจารย์ของเจ้าไม่ชอบคนที่เรียนแล้วล้มเลิกกลางคัน ในเมื่อเข้ามาในค่ายทหารแห่งนี้แล้ว ห้ามล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด”“ต่อไปไม่ว่าจะทุกข์ทรมานแค่ไหน เจ้าก็ต้องยืนหยัดต่อไป”ครั้นกล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่ก็ฉายแววจริงจัง“หากวันหนึ่งเจ้าทนต่อไปไม่ไหว และยอมแพ้ไป เจ้าจะไม่ใช่ลูกศิษย์ข้าอีกนับตั้งแต่ตอนนั้น และไม่สามารถกลับเข้ามาในค่ายทหารได้อีกต่อไป”“เข้าใจแล้วหรือไม่?”เว่ยเสี่ยวฉู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ เสี่ยวฉู่เข้าใจแล้ว”“เด็กดี”กู้หว่านเยว่ลูบศีรษะของเว่ยเสี่ยวฉู่ เด็กคนนี้ฉลาดยิ่งนัก กู้หว่านเยว่ชอบนางมาก“ขอบพระคุณพระชายา” เว่ยเฉิงทำความเคารพกู้หว่านเยว่ด้วยความจริงใจเขาดูออกว่ากู้หว่านเยว่ดีกับเว่ยเสี่ยวฉู่มาก เพราะเหตุนี้เขาจึงรู้สึกขอ
กู้หว่านเยว่เพิ่งนึกขึ้นได้ เว่ยเสียวฉู่ก็รีบเอ่ยขึ้น “ตอนที่ข้าออกเดินทาง ท่านแม่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ข้าสองชุด อยู่ในห่อผ้าเล็ก ๆ ของข้าทั้งหมดข้าจะเอาออกมาเปลี่ยนสักชุด ชุดที่เปลี่ยนออกนั้น รอมีน้ำเมื่อไร ข้าจะเอาไปซัก”เจ้าตัวเล็กจัดการทุกอย่างได้เป็นระเบียบเรียบร้อยกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าซักผ้าเองเป็นด้วยหรือ?”“ข้าไม่เพียงแต่ซักผ้าเป็นเท่านั้น ข้ายังให้อาหารหมู ให้อาหารไก่ ให้อาหารเป็ดได้ด้วย”เว่ยเสียวฉู่กล่าวอย่างร่าเริงลูกคนจนต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็กตอนที่นางเพิ่งเกิด เว่ยเฉิงยังเป็นเพียงนักเรียนที่ยากจน ครอบครัวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเป็นเวลานานแม้แต่ไข่ไก่ ก็ยังได้กินเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้นนางอยู่ที่ชนบทช่วยท่านแม่ทำงานทุกอย่างไม่เพียงเท่านั้น นางยังขึ้นเขาไปเก็บผักป่า ตัดฟืน หาบน้ำ ลงนาและถอนต้นกล้าด้วยไม่ใช่ว่าแม่เฒ่าเว่ยใจร้ายกับนางมากเกินไป เพียงแต่ครอบครัวยากจนเท่านั้นกู้หว่านเยว่ลูบใบหน้าของเว่ยเสียวฉู่ นางรู้แล้วว่าเหตุใดเด็กคนนี้จึงมีความฝันอยากเป็นแม่ทัพหญิงอยู่ในใจนายท่านเว่ยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เว่ยเฉิงก็มักจะออกไปศึกษาเล่
กู้หว่านเยว่มองเขาแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับจะพูดว่า เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่สารภาพ ก็มีคนอื่นสารภาพอยู่ดี“ข้ากำลังถามเจ้าว่าผมที่ผูกอยู่บนหุ่นไม้นี่เป็นของใคร? ใช่ของแม่ทัพเกา เกาเจี้ยนหรือไม่?”“คะ คือว่า...”หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้หว่านเยว่ยกหมัดขึ้นทำท่าจะต่อยนางอีกครั้ง นางจึงรีบพูด“ยะ อย่าต่อยข้า ข้าจะบอก ผมบนหุ่นไม้นี้เป็นของแม่ทัพเกาเจี้ยนจริง ๆ เป็นผมที่ตัดมาจากบนศีรษะของแม่ทัพเกาเจี้ยนในสนามรบวันนี้”หญิงชรารีบกล่าว กล่าวไปพลาง กุมศีรษะของตนเองไปพลางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ในที่สุดทั้งสองคนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เกาเจี้ยนกลับมาจากสนามรบแล้วรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวที่แท้เป็นเพราะชวีเฟิงวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว หาโอกาสเอาผมของเกาเจี้ยนไปขณะที่อยู่ในสนามรบ จากนั้นก็นำผมของเขามาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้สุดท้ายก็ให้แม่หมอคนนี้ใช้วิชาไสยศาสตร์กับหุ่นไม้ ทำให้เกาเจี้ยนเจ็บปวดทรมาน อยากจะฆ่าคน“ข้าถามเจ้าหน่อย เพียงแค่เอาผมของคนอื่นมาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้ไม่ว่าจะเป็นใคร เจ้าก็สามารถใช้วิธีการทำร้ายคนแบบนี้กับเขาได้หรือ?”กู้หว่านเยว่เริ่มสนใจสิ่งนี้ขึ้น
“ข้าไม่เป็นไร” กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ซูจิ่งสิงไม่ต้องพูดอะไรอีก เพื่อไม่ให้คางคกที่อยู่ข้างในนั้นพบเข้านางดูออกว่า คางคกตัวนั้นมีจิตวิญญาณอยู่บ้างทั้งสองคนฟังต่อไปตรงหน้าของชวีเฟิงมีหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือของหญิงชราถือหุ่นไม้ตัวหนึ่ง เวลานี้ นางกำลังขยับหุ่นไม้“ท่านทูตใหญ่วางใจได้ แม่ทัพของเจดีย์หนิงกู่ถูกควบคุมแล้วตอนนี้ เขากำลังทรมานจนอยากตายแต่ก็ตายไม่ได้”กู้หว่านเยว่รู้สึกใจหายวาบ แม่ทัพที่คนผู้นี้พูดถึง หรือว่าจะเป็นเกาเจี้ยน?“ดี”บนใบหน้าของชวีเฟิงปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ“ฮ่องเต้ต้าฉีตรัสว่า เจดีย์หนิงกู่เป็นดินแดนทุรกันดาร เดิมทีก็ไม่ได้มีแม่ทัพมากมาย”“เพียงแค่พวกเราควบคุมแม่ทัพเหล่านี้ทีละคน ทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ถึงตอนนั้น ก็สามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องสู้รบ”ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่ง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย มองดูก็รู้ว่าเป็นคนหยิ่งยโส“ท่านทูตใหญ่มีแผนการยอดเยี่ยม” หญิงชราประจบประแจงขณะที่กำลังพูด ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แต่ละคนจับตัวคนหนึ่งไว้“พวกเจ้าเป็นใคร?”ชวีเฟ
“รังแกกันเกินไปแล้ว ไป ไปเอาเรื่องพวกเขา!”คนกลุ่มหนึ่ง บ้างก็ทุ่มชาม บ้างก็ด่าทอ ผลักคนที่เข้ามาห้ามปรามออกไปด้านข้าง แล้วมุ่งหน้าไปเอาเรื่องกับกองทัพหนานเจียงด้วยความโกรธเกรี้ยว“ท่านพี่ ท่านนี่มันร้ายจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงออกจากมิติเวลานี้ รอบด้านวุ่นวายไปหมด ฟ้าก็มืดลงแล้วไม่มีใครสังเกตเลยว่ามีคนสองคนโผล่ขึ้นมาจากมุมห้องโดยไม่มีที่มาที่ไปมุมปากของซูจิ่งสิงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “มีแต่ข้าที่ร้ายหรือไร คนที่เก็บอาหารไปหมดคือเจ้าต่างหาก”“อาหารในค่ายทหารของศัตรูแย่จริง ๆ สู้ของพวกเราไม่ได้เลย”กู้หว่านเยว่เลือกอาหารที่เก็บกลับมาอย่างพิถีพิถันมุมปากของซูจิ่งสิงปรากฏรอยยิ้มที่ดูลึกลับ“อยากไปร่วมสนุกอีกหรือไม่?”“ไปสิ”เรื่องสอดรู้สอดเห็น รอดูความสนุก ๆ อะไรแบบนี้ นางชอบที่สุดแล้ว“เจ้ารออยู่ที่นี่”ซูจิ่งสิงพุ่งตัวออกไป ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยของราชสำนักสองคนสลบหลังจากถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออกแล้ว ก็ถือเสื้อผ้าแล้วพุ่งตัวกลับมา“เปลี่ยนชุดสิ”เขายื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้กู้หว่านเยว่หลังจากทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็รีบวิ่งตามกลุ่มใหญ่ไป ในเวลานี้ กองทัพขอ
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”ซูจิ่งสิงได้ยินเสียงร้องที่ดังออกมาจากค่ายทหาร ก็รู้สึกว่าเกาเจี้ยนไม่เหมือนกับป่วย“ข้าเข้าไปสั่งงานสักหน่อยก่อน”ซูจิ่งสิงตบหลังมือของกู้หว่านเยว่เบา ๆ แล้วเข้าไปเรียกหมอทหาร“ดูแลแม่ทัพเกาให้ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น”“ขอรับ”หมอทหารชราพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยสั่งให้คนไปตามหวงเหล่าแล้วขอรับ”พวกเขาไม่เข้าใจอาการป่วยของเกาเจี้ยนจริง ๆ ไม่แน่ว่าหวงเหล่าอาจจะดูออกซูจิ่งสิงตบไหล่ของหลิวชวี่เบา “ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”หลิวชวี่คาดเดาว่าซูจิ่งสิงน่าจะออกไปหาวิธีรักษาเกาเจี้ยน จึงรีบพยักหน้า“ท่านไปเถิด วางใจได้ ทางค่ายทหารนี้ข้าจะดูแลแทนท่านเอง”เฉิงเหลียนรีบเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยจะร่วมมือกับแม่ทัพหลิวอย่างเต็มที่”“อืม”ซูจิ่งสิงมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง แล้วหันหลังออกไปจับมือของกู้หว่านเยว่ ออกจากค่ายทหารไปด้วยกันเมื่อถึงสถานที่ที่ไม่มีคน กู้หว่านเยว่ก็เก็บม้าสองตัวเข้าไปในมิติ แล้วพาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตไปยังค่ายทหารของศัตรูทั้งสองคนเพิ่งลงถึงพื้น ก็ได้ยินเสียงบ่นดังมาจากในค่าย“กองทัพหนานเจียงพวกนี้น่ารำคาญจริง ๆ จะกินอะไรก็ไม่กิน ดันจะกินห
คนประเภทนี้โดยทั่วไปแล้วจะมีนิสัยเย่อหยิ่ง ไม่เห็นคนรอบข้างอยู่ในสายตา และไม่ยอมฟังคำสั่งของผู้อื่น”“หนานเจียงส่งคนแบบนี้มาก็ดีแล้ว”“เหตุใดถึงพูดเช่นนี้?” กู้หว่านเยว่ไม่คุ้นเคยกับคนหนานเจียง“เมื่อวานท่านอ๋องให้ข้าดูรายชื่อแม่ทัพนายกองจากทางราชสำนัก นายพลเฉิงนั่นข้ารู้จักเป็นคนหยิ่งยโส ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา”เว่ยเฉิงยิ้ม“เขาและคุณชายจากหนานเจียงผู้นั้นเจอกัน แน่นอนว่าต้องไม่มีใครยอมใคร”เห็นได้ชัดว่า แผนยุยงให้แตกแยกของซูจิ่งสิงนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เพียงแค่พวกเขาขัดแย้งกันเอง ก็ไม่มีทางทำอะไรสำเร็จแต่กู้หว่านเยว่ยังคงกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง“ท่านพี่ คืนนี้ข้าตั้งใจจะไปดูที่ค่ายทหารของศัตรู”หลังจากที่เว่ยเฉิงออกไปแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ปรึกษากับซูจิ่งสิงเป็นการส่วนตัวซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อันตรายเกินไป”“ถึงแม้คนหนานเจียงจะไม่น่ากลัว แต่ก็กังวลว่าจะมียอดฝีมือแฝงตัวอยู่”“ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” กู้หว่านเยว่กล่าวย้ำอีกครั้ง“ท่านไม่รู้สึกหรือว่าพวกเขามั่นใจมากเกินไป? ถึงแม้กองทัพของหนานเจียงจะมาสนับสนุน แต่เมื่อเทียบกับกองทัพเจดีย์หนิ
กู้หว่านเยว่เพิ่งนึกขึ้นได้ เว่ยเสียวฉู่ก็รีบเอ่ยขึ้น “ตอนที่ข้าออกเดินทาง ท่านแม่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ข้าสองชุด อยู่ในห่อผ้าเล็ก ๆ ของข้าทั้งหมดข้าจะเอาออกมาเปลี่ยนสักชุด ชุดที่เปลี่ยนออกนั้น รอมีน้ำเมื่อไร ข้าจะเอาไปซัก”เจ้าตัวเล็กจัดการทุกอย่างได้เป็นระเบียบเรียบร้อยกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าซักผ้าเองเป็นด้วยหรือ?”“ข้าไม่เพียงแต่ซักผ้าเป็นเท่านั้น ข้ายังให้อาหารหมู ให้อาหารไก่ ให้อาหารเป็ดได้ด้วย”เว่ยเสียวฉู่กล่าวอย่างร่าเริงลูกคนจนต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็กตอนที่นางเพิ่งเกิด เว่ยเฉิงยังเป็นเพียงนักเรียนที่ยากจน ครอบครัวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเป็นเวลานานแม้แต่ไข่ไก่ ก็ยังได้กินเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้นนางอยู่ที่ชนบทช่วยท่านแม่ทำงานทุกอย่างไม่เพียงเท่านั้น นางยังขึ้นเขาไปเก็บผักป่า ตัดฟืน หาบน้ำ ลงนาและถอนต้นกล้าด้วยไม่ใช่ว่าแม่เฒ่าเว่ยใจร้ายกับนางมากเกินไป เพียงแต่ครอบครัวยากจนเท่านั้นกู้หว่านเยว่ลูบใบหน้าของเว่ยเสียวฉู่ นางรู้แล้วว่าเหตุใดเด็กคนนี้จึงมีความฝันอยากเป็นแม่ทัพหญิงอยู่ในใจนายท่านเว่ยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เว่ยเฉิงก็มักจะออกไปศึกษาเล่
“เสี่ยวฉู่ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”“เจ็ดปีเจ้าค่ะ”เว่ยเสี่ยวฉู่ชูเลขเจ็ดขึ้นมา กู้หว่านเยว่ถึงกับประหลาดใจ เพราะเด็กคนนี้เติบโตมาจากในชนบท และมักขาดสารอาหารตั้งแต่เด็ก จึงดูเด็กว่าอายุจริง“ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ ยามศึกสงครามเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก เจ้าต้องลำบากยากเข็ญอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่อายุแค่นี้”“อาจารย์ของเจ้าไม่ชอบคนที่เรียนแล้วล้มเลิกกลางคัน ในเมื่อเข้ามาในค่ายทหารแห่งนี้แล้ว ห้ามล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด”“ต่อไปไม่ว่าจะทุกข์ทรมานแค่ไหน เจ้าก็ต้องยืนหยัดต่อไป”ครั้นกล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่ก็ฉายแววจริงจัง“หากวันหนึ่งเจ้าทนต่อไปไม่ไหว และยอมแพ้ไป เจ้าจะไม่ใช่ลูกศิษย์ข้าอีกนับตั้งแต่ตอนนั้น และไม่สามารถกลับเข้ามาในค่ายทหารได้อีกต่อไป”“เข้าใจแล้วหรือไม่?”เว่ยเสี่ยวฉู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ เสี่ยวฉู่เข้าใจแล้ว”“เด็กดี”กู้หว่านเยว่ลูบศีรษะของเว่ยเสี่ยวฉู่ เด็กคนนี้ฉลาดยิ่งนัก กู้หว่านเยว่ชอบนางมาก“ขอบพระคุณพระชายา” เว่ยเฉิงทำความเคารพกู้หว่านเยว่ด้วยความจริงใจเขาดูออกว่ากู้หว่านเยว่ดีกับเว่ยเสี่ยวฉู่มาก เพราะเหตุนี้เขาจึงรู้สึกขอ
ไม่ว่าจะเป็นมู่หรงถิงในตอนนี้หรือว่ามู่หรงอวี้ที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ในภายภาคหน้า ก็ล้วนแต่ไม่เคยไม่ความสนใจต่อสตรีเท่าไหร่นักสตรีต่อให้ร่ำเรียนเขียนหนังสือได้ แต่ก็ลงสอบขุนนางไม่ได้แม้ว่าเว่ยเสี่ยวฉู่จะมีความฝันเป็นแม่ทัพหญิง แต่นางกลับไม่ได้รับความสนใจจากคนในค่ายทหารนักต่อให้นางจะแสดงความสามารถล้ำเลิศในด้านการรบหลายครั้ง แต่สำหรับคนอื่น นางก็ยังเป็นเพียงสตรีที่ควรเย็บปักถักร้อยอยู่แต่ในบ้าน รีบแต่งงานและมีบุตรให้เร็วที่สุดเท่านั้นการดึงดันจะไปค่ายทหาร เป็นการกระทำนอกรีต และเป็นการกระทำที่ออกหน้าเกินไปเพราะคนเหล่านั้นเห็นแก่หน้าของเว่ยเฉิง ภายนอกต่างก็ประจบสอพลอเว่ยเสี่ยวฉุ่ แต่ความจริงแล้วกลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเว่ยเสี่ยวฉู่เองก็มีความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย เป็นสตรีที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ที่อึ้งยิ่งกว่าก็คือหลังจากที่นางพยายามดิ้นรนอยู่ในค่ายทหารเป็นเวลากว่าสามถึงสี่ปี ในที่สุดนางก็ได้สร้างความดีครั้งยิ่งใหญ่ให้กับทั้งยุทธการทหารจนได้ขึ้นเป็นแม่ทัพหญิงปรากฏว่าเว่ยเฉิงได้ถูกมู่หรงอวีฆ่าปิดปากจุดจบของเว่ยเสี่ยวฉู่จึงน่าเวทนายิ่งนักนางกลายเป็นโสเภณีในค่ายทหาร
พวกมันถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็ก เอาไว้ใช้โจมตีมนุษย์ถุงสมุนไพรอาจจะใช้ไม่ได้ผลต่อพวกมันเท่าไหร่นักแต่การมีสิ่งนี้อย่างน้อยก็สร้างขวัญกำลังใจให้ทหารได้ไม่มากก็น้อย ไม่ถึงกับทำให้เหล่าทหารที่ได้ยินเรื่องของแมลงพิษหนานเจียงพากันขวัญหนีดีฝ่อซูจิ่งสิงสาวเท้าจากไป“แม่ทัพเกา ท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดข้าฟังแล้วถึงไม่เข้าใจเลยสักนิด?”ทันที่ที่เขาจากไปเหล่าทหารก็พากันล้อมเข้ามาด้วยสีหน้างุนงง พวกเขาเห็นว่าซูจิ่งสิงและเกาเจี้ยนเพิ่งจะคุยกันเพียงไม่นานอะไรคือแผนไส้ศึก พวกเขาได้ยินกันหมดแล้วแต่รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นพวกเขาไม่รู้ท่านอ๋องก็ไม่ได้อธิบายให้พวกเขาฟังเกาเจี้ยนหัวเราะออกมา“เจ้าไม่ต้องร้อนใจไปหรอก ท่านอ๋องมอบหมายเรื่องนี้ให้ข้าแล้ว ข้าจะต้องอธิบายให้เจ้าฟังอยู่แล้ว”ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปจนเข้าหูของกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่มิใช้คนโง่เขลาเบาปัญญา นางไตร่ตรองเพียงไม่นานก็เข้าใจความหมายของซูจิ่งสิงแล้ว“หนานเจียงแค่มาช่วย และไม่ใช่ทหารของต้าฉี ได้ยินว่าคนหนานเจียงเป็นคนชอบเก็บตัวและเย่อหยิ่ง ครั้งนี้ต้าฉีขอร้องพวกเขาอีกครั้ง ทหารม้าทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อน