กู้หว่านเยว่เพิ่งนึกขึ้นได้ เว่ยเสียวฉู่ก็รีบเอ่ยขึ้น “ตอนที่ข้าออกเดินทาง ท่านแม่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ข้าสองชุด อยู่ในห่อผ้าเล็ก ๆ ของข้าทั้งหมดข้าจะเอาออกมาเปลี่ยนสักชุด ชุดที่เปลี่ยนออกนั้น รอมีน้ำเมื่อไร ข้าจะเอาไปซัก”เจ้าตัวเล็กจัดการทุกอย่างได้เป็นระเบียบเรียบร้อยกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าซักผ้าเองเป็นด้วยหรือ?”“ข้าไม่เพียงแต่ซักผ้าเป็นเท่านั้น ข้ายังให้อาหารหมู ให้อาหารไก่ ให้อาหารเป็ดได้ด้วย”เว่ยเสียวฉู่กล่าวอย่างร่าเริงลูกคนจนต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็กตอนที่นางเพิ่งเกิด เว่ยเฉิงยังเป็นเพียงนักเรียนที่ยากจน ครอบครัวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเป็นเวลานานแม้แต่ไข่ไก่ ก็ยังได้กินเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้นนางอยู่ที่ชนบทช่วยท่านแม่ทำงานทุกอย่างไม่เพียงเท่านั้น นางยังขึ้นเขาไปเก็บผักป่า ตัดฟืน หาบน้ำ ลงนาและถอนต้นกล้าด้วยไม่ใช่ว่าแม่เฒ่าเว่ยใจร้ายกับนางมากเกินไป เพียงแต่ครอบครัวยากจนเท่านั้นกู้หว่านเยว่ลูบใบหน้าของเว่ยเสียวฉู่ นางรู้แล้วว่าเหตุใดเด็กคนนี้จึงมีความฝันอยากเป็นแม่ทัพหญิงอยู่ในใจนายท่านเว่ยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เว่ยเฉิงก็มักจะออกไปศึกษาเล่
คนประเภทนี้โดยทั่วไปแล้วจะมีนิสัยเย่อหยิ่ง ไม่เห็นคนรอบข้างอยู่ในสายตา และไม่ยอมฟังคำสั่งของผู้อื่น”“หนานเจียงส่งคนแบบนี้มาก็ดีแล้ว”“เหตุใดถึงพูดเช่นนี้?” กู้หว่านเยว่ไม่คุ้นเคยกับคนหนานเจียง“เมื่อวานท่านอ๋องให้ข้าดูรายชื่อแม่ทัพนายกองจากทางราชสำนัก นายพลเฉิงนั่นข้ารู้จักเป็นคนหยิ่งยโส ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา”เว่ยเฉิงยิ้ม“เขาและคุณชายจากหนานเจียงผู้นั้นเจอกัน แน่นอนว่าต้องไม่มีใครยอมใคร”เห็นได้ชัดว่า แผนยุยงให้แตกแยกของซูจิ่งสิงนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เพียงแค่พวกเขาขัดแย้งกันเอง ก็ไม่มีทางทำอะไรสำเร็จแต่กู้หว่านเยว่ยังคงกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง“ท่านพี่ คืนนี้ข้าตั้งใจจะไปดูที่ค่ายทหารของศัตรู”หลังจากที่เว่ยเฉิงออกไปแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ปรึกษากับซูจิ่งสิงเป็นการส่วนตัวซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อันตรายเกินไป”“ถึงแม้คนหนานเจียงจะไม่น่ากลัว แต่ก็กังวลว่าจะมียอดฝีมือแฝงตัวอยู่”“ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” กู้หว่านเยว่กล่าวย้ำอีกครั้ง“ท่านไม่รู้สึกหรือว่าพวกเขามั่นใจมากเกินไป? ถึงแม้กองทัพของหนานเจียงจะมาสนับสนุน แต่เมื่อเทียบกับกองทัพเจดีย์หนิ
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”ซูจิ่งสิงได้ยินเสียงร้องที่ดังออกมาจากค่ายทหาร ก็รู้สึกว่าเกาเจี้ยนไม่เหมือนกับป่วย“ข้าเข้าไปสั่งงานสักหน่อยก่อน”ซูจิ่งสิงตบหลังมือของกู้หว่านเยว่เบา ๆ แล้วเข้าไปเรียกหมอทหาร“ดูแลแม่ทัพเกาให้ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น”“ขอรับ”หมอทหารชราพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยสั่งให้คนไปตามหวงเหล่าแล้วขอรับ”พวกเขาไม่เข้าใจอาการป่วยของเกาเจี้ยนจริง ๆ ไม่แน่ว่าหวงเหล่าอาจจะดูออกซูจิ่งสิงตบไหล่ของหลิวชวี่เบา “ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”หลิวชวี่คาดเดาว่าซูจิ่งสิงน่าจะออกไปหาวิธีรักษาเกาเจี้ยน จึงรีบพยักหน้า“ท่านไปเถิด วางใจได้ ทางค่ายทหารนี้ข้าจะดูแลแทนท่านเอง”เฉิงเหลียนรีบเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยจะร่วมมือกับแม่ทัพหลิวอย่างเต็มที่”“อืม”ซูจิ่งสิงมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง แล้วหันหลังออกไปจับมือของกู้หว่านเยว่ ออกจากค่ายทหารไปด้วยกันเมื่อถึงสถานที่ที่ไม่มีคน กู้หว่านเยว่ก็เก็บม้าสองตัวเข้าไปในมิติ แล้วพาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตไปยังค่ายทหารของศัตรูทั้งสองคนเพิ่งลงถึงพื้น ก็ได้ยินเสียงบ่นดังมาจากในค่าย“กองทัพหนานเจียงพวกนี้น่ารำคาญจริง ๆ จะกินอะไรก็ไม่กิน ดันจะกินห
“รังแกกันเกินไปแล้ว ไป ไปเอาเรื่องพวกเขา!”คนกลุ่มหนึ่ง บ้างก็ทุ่มชาม บ้างก็ด่าทอ ผลักคนที่เข้ามาห้ามปรามออกไปด้านข้าง แล้วมุ่งหน้าไปเอาเรื่องกับกองทัพหนานเจียงด้วยความโกรธเกรี้ยว“ท่านพี่ ท่านนี่มันร้ายจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงออกจากมิติเวลานี้ รอบด้านวุ่นวายไปหมด ฟ้าก็มืดลงแล้วไม่มีใครสังเกตเลยว่ามีคนสองคนโผล่ขึ้นมาจากมุมห้องโดยไม่มีที่มาที่ไปมุมปากของซูจิ่งสิงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “มีแต่ข้าที่ร้ายหรือไร คนที่เก็บอาหารไปหมดคือเจ้าต่างหาก”“อาหารในค่ายทหารของศัตรูแย่จริง ๆ สู้ของพวกเราไม่ได้เลย”กู้หว่านเยว่เลือกอาหารที่เก็บกลับมาอย่างพิถีพิถันมุมปากของซูจิ่งสิงปรากฏรอยยิ้มที่ดูลึกลับ“อยากไปร่วมสนุกอีกหรือไม่?”“ไปสิ”เรื่องสอดรู้สอดเห็น รอดูความสนุก ๆ อะไรแบบนี้ นางชอบที่สุดแล้ว“เจ้ารออยู่ที่นี่”ซูจิ่งสิงพุ่งตัวออกไป ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยของราชสำนักสองคนสลบหลังจากถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออกแล้ว ก็ถือเสื้อผ้าแล้วพุ่งตัวกลับมา“เปลี่ยนชุดสิ”เขายื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้กู้หว่านเยว่หลังจากทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็รีบวิ่งตามกลุ่มใหญ่ไป ในเวลานี้ กองทัพขอ
“ข้าไม่เป็นไร” กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ซูจิ่งสิงไม่ต้องพูดอะไรอีก เพื่อไม่ให้คางคกที่อยู่ข้างในนั้นพบเข้านางดูออกว่า คางคกตัวนั้นมีจิตวิญญาณอยู่บ้างทั้งสองคนฟังต่อไปตรงหน้าของชวีเฟิงมีหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือของหญิงชราถือหุ่นไม้ตัวหนึ่ง เวลานี้ นางกำลังขยับหุ่นไม้“ท่านทูตใหญ่วางใจได้ แม่ทัพของเจดีย์หนิงกู่ถูกควบคุมแล้วตอนนี้ เขากำลังทรมานจนอยากตายแต่ก็ตายไม่ได้”กู้หว่านเยว่รู้สึกใจหายวาบ แม่ทัพที่คนผู้นี้พูดถึง หรือว่าจะเป็นเกาเจี้ยน?“ดี”บนใบหน้าของชวีเฟิงปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ“ฮ่องเต้ต้าฉีตรัสว่า เจดีย์หนิงกู่เป็นดินแดนทุรกันดาร เดิมทีก็ไม่ได้มีแม่ทัพมากมาย”“เพียงแค่พวกเราควบคุมแม่ทัพเหล่านี้ทีละคน ทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ถึงตอนนั้น ก็สามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องสู้รบ”ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่ง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย มองดูก็รู้ว่าเป็นคนหยิ่งยโส“ท่านทูตใหญ่มีแผนการยอดเยี่ยม” หญิงชราประจบประแจงขณะที่กำลังพูด ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แต่ละคนจับตัวคนหนึ่งไว้“พวกเจ้าเป็นใคร?”ชวีเฟ
กู้หว่านเยว่มองเขาแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับจะพูดว่า เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่สารภาพ ก็มีคนอื่นสารภาพอยู่ดี“ข้ากำลังถามเจ้าว่าผมที่ผูกอยู่บนหุ่นไม้นี่เป็นของใคร? ใช่ของแม่ทัพเกา เกาเจี้ยนหรือไม่?”“คะ คือว่า...”หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้หว่านเยว่ยกหมัดขึ้นทำท่าจะต่อยนางอีกครั้ง นางจึงรีบพูด“ยะ อย่าต่อยข้า ข้าจะบอก ผมบนหุ่นไม้นี้เป็นของแม่ทัพเกาเจี้ยนจริง ๆ เป็นผมที่ตัดมาจากบนศีรษะของแม่ทัพเกาเจี้ยนในสนามรบวันนี้”หญิงชรารีบกล่าว กล่าวไปพลาง กุมศีรษะของตนเองไปพลางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ในที่สุดทั้งสองคนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เกาเจี้ยนกลับมาจากสนามรบแล้วรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวที่แท้เป็นเพราะชวีเฟิงวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว หาโอกาสเอาผมของเกาเจี้ยนไปขณะที่อยู่ในสนามรบ จากนั้นก็นำผมของเขามาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้สุดท้ายก็ให้แม่หมอคนนี้ใช้วิชาไสยศาสตร์กับหุ่นไม้ ทำให้เกาเจี้ยนเจ็บปวดทรมาน อยากจะฆ่าคน“ข้าถามเจ้าหน่อย เพียงแค่เอาผมของคนอื่นมาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้ไม่ว่าจะเป็นใคร เจ้าก็สามารถใช้วิธีการทำร้ายคนแบบนี้กับเขาได้หรือ?”กู้หว่านเยว่เริ่มสนใจสิ่งนี้ขึ้น
หญิงชราผู้นี้มีความสามารถกู้หว่านเยว่กังวลว่านางจะล่วงรู้ความลับสวรรค์ ก่อนที่นางจะพูด ก็ใช้มือฟาดลงไป ทำให้นางสลบส่วนชวีเฟิง นางยังมีเรื่องที่อยากจะถามชวีเฟิงคิดไว้ในใจอย่างดี ไม่ว่ากู้หว่านเยว่จะถามอะไร เขายอมตายดีกว่ายอมสารภาพไม่มีทางที่สามีภรรยาคู่นี้จะล้วงความลับอะไรจากปากเขาได้แม้แต่คำเดียว“ไม่พูดความจริงใช่หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ยิ้มจนตาหยี“ถ้าอย่างนั้นก็กรีดหน้าเจ้าเสีย บนแก้มซ้ายกรีดหนึ่งที แก้มขวาก็อีกหนึ่งที”นางหยิบกริชที่ส่องประกายเย็นยะเยือกออกมา ทำท่าจะกรีดลงบนใบหน้าของชวีเฟิงกริชเฉียดผ่านใบหน้าของเขาทำให้เขากรีดร้องด้วยความตกใจ“อย่าแตะต้องใบหน้าของข้า มีอะไรก็พูดกันดี ๆ !” หญิงบ้าผู้นี้ รู้ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนของเขาคือใบหน้า?ใบหน้าของเขานี้ บำรุงรักษาอย่างดีทุกวัน ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนหากถูกกรีดเป็นแผล เขาคงจะใจสลาย!เขาพยายามจะหลบ แต่ถูกซูจิ่งสิงจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยชวีเฟิงรู้สึกสิ้นหวัง ได้แต่มองกู้หว่านเยว่ใช้กริชเลื่อนผ่านไปมาบนใบหน้าของเขายังดีที่กู้หว่านเยว่ลงมืออย่างระมัดระวัง เพียงแค่ขู่เขาเท่านั้น ไม่ได้กรีดลงบนใบหน้า
“น้องหญิง เจ้าคิดจะฆ่าเขาจริง ๆ หรือ?”เวลานี้ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยปากขึ้น“เก็บคนผู้นี้ไว้ ภายหน้าค่อยมอบเขาให้กับเฟิ่งอู๋ชี จะสามารถซื้อใจเขาได้”ภายในหนานเจียงวุ่นวาย หลายฝ่ายแตกแยก การสู้รบภายในรุนแรงยิ่งกว่าต้าฉีเสียอีกและชวีเฟิง ก็คือคุณชายของตระกูลชวี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจเหล่านั้นซูจิ่งสิงคาดเดาว่า ชีวิตของชวีเฟิง น่าจะมีประโยชน์ต่อเฟิ่งอู๋ชีอยู่บ้าง“เช่นนั้นก็ฟังท่าน ยังไม่ฆ่าเขาตอนนี้”กู้หว่านเยว่ชักมือที่กำลังจะจัดการชวีเฟิงกลับ แล้วหยิบเชือกออกมามัดเขาไว้ หลังจากนั้น นางก็ฉีกแขนเสื้อของชวีเฟิงออกมา“ไปกัน พวกเราออกจากมิติกันก่อน”นางโบกมือ พาซูจิ่งสิงและหญิงชราออกจากมิติ อ้อมผ่านชวีเฟิงไป แต่ชีวิตของหญิงชราผู้นี้ กู้หว่านเยว่ไม่คิดจะเก็บไว้กำลังจะลงมือ ทว่ากลับเห็นหญิงชราเลือดออกทวารทั้งเจ็ด สิ้นใจไปแล้ว“นางตายได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่ตกใจ นางยังไม่ได้ลงมือเลย“อาจจะรู้ตัวว่าอยู่ได้ไม่นานแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทรมาน จึงปลิดชีพตัวเอง”ซูจิ่งสิงเดินเข้าไปตรวจสอบเมื่อแน่ใจว่าหญิงชราตายสนิทแล้ว จึงโยนนางไปด้านข้าง“ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปื้อ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก