“น้องหญิง เจ้าคิดจะฆ่าเขาจริง ๆ หรือ?”เวลานี้ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยปากขึ้น“เก็บคนผู้นี้ไว้ ภายหน้าค่อยมอบเขาให้กับเฟิ่งอู๋ชี จะสามารถซื้อใจเขาได้”ภายในหนานเจียงวุ่นวาย หลายฝ่ายแตกแยก การสู้รบภายในรุนแรงยิ่งกว่าต้าฉีเสียอีกและชวีเฟิง ก็คือคุณชายของตระกูลชวี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจเหล่านั้นซูจิ่งสิงคาดเดาว่า ชีวิตของชวีเฟิง น่าจะมีประโยชน์ต่อเฟิ่งอู๋ชีอยู่บ้าง“เช่นนั้นก็ฟังท่าน ยังไม่ฆ่าเขาตอนนี้”กู้หว่านเยว่ชักมือที่กำลังจะจัดการชวีเฟิงกลับ แล้วหยิบเชือกออกมามัดเขาไว้ หลังจากนั้น นางก็ฉีกแขนเสื้อของชวีเฟิงออกมา“ไปกัน พวกเราออกจากมิติกันก่อน”นางโบกมือ พาซูจิ่งสิงและหญิงชราออกจากมิติ อ้อมผ่านชวีเฟิงไป แต่ชีวิตของหญิงชราผู้นี้ กู้หว่านเยว่ไม่คิดจะเก็บไว้กำลังจะลงมือ ทว่ากลับเห็นหญิงชราเลือดออกทวารทั้งเจ็ด สิ้นใจไปแล้ว“นางตายได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่ตกใจ นางยังไม่ได้ลงมือเลย“อาจจะรู้ตัวว่าอยู่ได้ไม่นานแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทรมาน จึงปลิดชีพตัวเอง”ซูจิ่งสิงเดินเข้าไปตรวจสอบเมื่อแน่ใจว่าหญิงชราตายสนิทแล้ว จึงโยนนางไปด้านข้าง“ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปื้อ
“หาที่ฝังเส้นผมนี้ก่อน”หลังจากที่ออกจากค่ายทหารแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หยิบหุ่นไม้และเส้นผมของเกาเจี้ยนออกมา“ฝังไว้ตรงนี้เถอะ”ซูจิ่งสิงใช้จอบขุดหลุมเล็ก ๆ บนพื้นดิน วางเส้นผมลงไป แล้วกลบให้เรียบร้อยระหว่างที่เขากำลังขุดหลุม กู้หว่านเยว่ก็หยิบน้ำมันก๊าดออกมา ราดลงบนหุ่นไม้จากนั้นก็หยิบตะบันไฟออกมา แล้วโยนเข้าไปหุ่นไม้ลุกไหม้ในทันที ไม่นานก็ไหม้จนกลายเป็นถ่านดำ“พวกเราไปกันเถอะ”เมื่อแน่ใจว่าของทั้งสองอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว กู้หว่านเยว่ก็รีบจูงมือซูจิ่งสิงจากไปสองสามีภรรยาก็นำม้าออกจากมิติอีกครั้งเพื่อที่จะนำตัวชวีเฟิงกลับไปอย่างเปิดเผย กู้หว่านเยว่จึงนำชวีเฟิงออกจากมิติ วางไว้บนหลังม้าจากนั้นก็กลับไปยังค่ายทหารพร้อมกับซูจิ่งสิงในชั่วข้ามคืนเวลานี้ หวงเหล่าตรวจดูอาการของเกาเจี้ยนเสร็จพอดีการวินิจฉัยของเขา เหมือนกับที่หมอผีชราพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน“หุ่นไม้นี้ต้องอยู่ในค่ายของฝ่ายศัตรูแน่ ๆ การจะเอามันมาไม่ใช่เรื่องง่าย”หวงเหล่าถอนหายใจหลิวชวี่กล่าวอย่างกังวล “เช่นนั้นพี่เกาเจี้ยน จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดเลยหรือ?”“ไม่สิ”หวงเหล่าส่ายหน้าทันที“วิชาไสยศาสตร์ในร
ทหารหนานเจียง “กล้าฆ่าท่านทูตใหญ่และหมอผีใหญ่ของพวกเรา สู้กับพวกเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”ทหารราชสำนัก “พวกเจ้าเห่าหอนอะไร?”“ตูม!” ดินปืนตกลงบริเวณรอบนอกค่ายทหาร คราวนี้ทุกคนจึงได้สติ“แย่แล้ว กองทัพของเจดีย์หนิงกู่บุกมาแล้ว รีบไปหยิบอาวุธเร็วเข้า”“จะสู้อะไรกัน แม่ทัพใหญ่ก็ตายไปแล้ว พวกเราจะสู้ได้อย่างไร?”ค่ายทหารวุ่นวายไปหมด“ตูม!” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ดินปืนของเจดีย์หนิงกู่ ขว้างมาทางนี้ ราวกับไม่ต้องเสียเงินเสียทองเมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และกองทัพราชสำนักและกองทัพหนานเจียงก็ไร้ผู้นำ ไม่นานก็แตกพ่าย“ยอมแพ้ไม่ฆ่า ยอมแพ้ไม่ฆ่า!”บนกำแพงเมืองมีเสียงตะโกนของกองทัพเจดีย์หนิงกู่ หลายคนเห็นว่าสู้ไม่ได้ ก็วางอาวุธลง หาซอกมุมนั่งยอง ๆ กอดศีรษะแล้วรีบยอมแพ้จนกระทั่งดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก แสงแรกสาดส่องลงบนผืนดิน กองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็เข้ายึดครองเมืองเซินได้อย่างสมบูรณ์“ชนะแล้ว! ชนะศึกอีกแล้ว”เหล่าทหารโห่ร้องด้วยความยินดี ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งซูจิ่งสิงขี่อยู่บนหลังม้า เขาที่ออกรบมาทั้งคืน สังหารข้าศึกไปมากมายนับไม่ถ้วน เวลานี้ มือและหอกยา
“รีบจัดการเงินทองกับของมีค่าให้เรียบร้อย ของหนักของใหญ่โตเหล่านั้น ก็ไม่ต้องเอาไปแล้ว”ฮูหยินสกุลจ้าวอุ้มลูกชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เข้ามาอย่างรีบร้อน“นายท่าน พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”จ้าวหวยตัดสินใจทุบหม้อจมเรือ “อยู่ในเมืองหลวงต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราจะลี้ภัยไปที่เจดีย์หนิงกู่!”ติดตามมู่หรงถิงไป ก็มีแต่ทางตันขาของจ้าวฮูหยินอ่อนแรง“นายท่าน ท่าน ท่านคิดจะกบฏหรือ?”จ้าวหวยส่ายหน้า “ไม่ใช่กบฏ แต่ไปเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบของฮ่องเต้องค์ใหม่”พูดถึงครอบครัวเดิมของจ้าวฮูหยิน ก็ทำงานในพื้นที่ด้วยเช่นกันหลังจากได้สามีพูดเช่นนี้ นางก็ครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจทุบหม้อข้าวจมเรือพลางเอ่ยขึ้น“ในเมื่อท่านพี่ต้องการไป เช่นนั้นพวกเราก็ไปขอพึ่งพิงที่บ้านเดิมของข้าก่อน แล้วพาพวกเขาไปด้วยกัน”หลังจากหารือกันในครอบครัวแล้ว จึงเก็บข้าวของในคืนนั้น ปลอมแปลงอำพรางตัว จ้างรถม้าคันหนึ่งเพื่อออกจากเมืองหลวงอย่างรวดเร็วนอกจากสกุลจ้าวแล้ว ลับหลังยังมีครอบครัวอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความคิดเช่นเดียวกับสกุลจ้าวทุกคนเก็บเงินทองของมีค่าอย่างเงียบ ๆ แล้วรีบหนีไปจ้าวหวยเพิ่งออกมาจากเมือง ก็พบกับใต
หากมู่หรงถิงมองดูอย่างละเอียด ก็จะเห็นความภาคภูมิใจในดวงตาของนาง“หากฝ่าบาทต้องการนำทัพออกศึกด้วยตนเอง หม่อมฉันก็ยินดีอยู่เคียงข้างฝ่าบาท รีบรุดไปยังสนามรบพร้อมกับฝ่าบาท”สายตาที่เปี่ยมด้วยความรักของนาง ทำให้มู่หรงถิงไม่อยากจะเชื่อ“ในสนามรบกระบี่ไร้ดวงตา ร่างกายของเจ้าก็อ่อนแออยู่แล้ว”“ฝ่าบาท”ฮองเฮายื่นนิ้วมือขาวบริสุทธิ์ออกไป ประทับลงบนริมฝีปากของเขาเบา ๆ“ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด หม่อมฉันจะไปกับท่าน หม่อมฉันยินดีร่วมเป็นร่วมตาย”สายตาของมู่หรงถิงสั่นไหวสมกับที่เป็นฮองเฮาแสนดีของเขา เป็นสตรีที่เขาต้องตาลองถามดูหน่อยว่าในสถานการณ์คอขาดบาดตายเช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่ไม่ทอดทิ้งกันไปไหน?“ม่านเอ๋อร์ ข้ามองเจ้าไม่ผิดเลย”ความไว้วางใจของมู่หรงถิงที่มีต่อฮองเฮา มาถึงจุดสูงสุดแล้วข่าวที่บอกว่าฮ่องเต้จะนำทัพออกศึกด้วยตนเอง สั่นสะเทือนระบอบราชสำนักอย่างรวดเร็ว ขุนนางใหญ่ทั้งหลายที่ได้รับข่าวนี้มีทั้งเห็นชอบและคัดค้าน เอาเป็นว่า ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไรก็ตามมู่หรงถิงได้ตัดสินใจแล้ว ที่จะนำทัพออกศึกด้วยตัวเอง“มู่หรงถิงต้องการตัดหัวของท่านด้วยตัวเองหรือ?”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้รู้ข
กู้หว่านเยว่ฟังจบก็ดีใจมาก ดูเหมือนว่าถนนปูนจะซ่อมแซมได้ค่อนข้างเร็ว“ตลอดเส้นทางต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารีบลงไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยว ข้าจะให้ชิงเหลียนนำค่าตอบแทนมาให้พวกเจ้า”จางเอ้อร์ได้ยินเช่นนี้ ก็รีบโบกมือ“พระชายา ท่านช่วยชีวิตพวกข้าน้อยเอาไว้หลายครั้งแล้ว ตอนนี้พวกเราแค่คุมสิ่งของมาส่งให้ท่านเท่านั้น จะมีหน้ารับค่าตอบแทนได้อย่างไร?ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะกลายเป็นตัวอะไรเล่า? ไม่ใช่หมาป่าตาขาวที่เนรคุณหรอกหรือ”จางเอ้อร์ยืนกรานไม่ยอมรับ หวังหรานเอ๋อร์ก็ดูท่าทางจะไม่ยอมรับเช่นกันกู้หว่านเยว่เข้าใจสถานการณ์ดี“มันคนละเรื่องกัน พวกเจ้านำสินค้ามาส่งให้ข้าได้อย่างปลอดภัย ก็ถือว่าช่วยข้าได้มากแล้ว สำหรับค่าตอบแทนนี้ พวกเจ้าสมควรได้รับ”“แต่ว่า...”จางเอ้อร์ยังมีอะไรจะพูดอีก หวังหรานเอ๋อร์พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นก่อน“ในเมื่อพระชายาได้กล่าวเช่นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรับค่าตอบแทนไว้ก่อน ต่อไปหากท่านต้องการสั่งการเรื่องใด ต่อให้พวกเราต้องขึ้นเขาลงห้วย ก็จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เสร็จเรียบร้อย”หวังหรานเอ๋อร์คิดมากกว่าจางเอ้อร์เล็กน้อยในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะทำงานกับกู้หว่
“ท่านพี่ ท่านยิงได้แม่นยำกว่าข้าเสียอีก”ซูจิ่งสิงหน้าแดงทันใด “น้องหญิง เจ้าได้อาวุธปืนมามากมายเหลือเกิน วางแผนที่จะแจกจ่ายของเหล่านี้ให้แก่ทหารหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“แต่ว่า ที่ข้ามีอาวุธปืนทั้งหมดเพียงสองพันกระบอกเท่านั้น สามารถแจกจ่ายได้เฉพาะกับองครักษ์ใกล้ชิดที่เชื่อถือได้และทหารชั้นยอดเท่านั้น”แววตาของซูจิ่งสิงเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย“เมื่อมีของเหล่านี้ การเอาชนะการสู้รบจะง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้น”“ไม่เลว”เขาค่อนข้างตื่นเต้น“ตอนนี้ข้าจะแจกจ่ายของเหล่านี้ลงไป แล้วสอนวิธีใช้แก่พวกเขา”“ช้าก่อน”กู้หว่านเยว่เรียกเขาไว้ “ยังมีอีกของสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ยังพูดไม่จบ”นางยกปืนไฟในมือขึ้นมา“หลังจากยิงกระสุนออกไปแล้วต้องทำความสะอาดให้ทันเวลา มิฉะนั้นจะส่งผลต่อการยิงครั้งถัดไป”นางหยิบก้านทำความสะอาดออกมา ทำความสะอาดต่อหน้าซูจิ่งสิงรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายเรียนรู้ได้หมดแล้ว ค่อยวางปืนไฟกลับลงไปในหีบ“เอาล่ะ ตอนนี้ท่านไปเรียกคนมาได้แล้ว”“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”จังหวะก้าวเท้าของซูจิ่งสิงค่อนข้างสับสนสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อของแบบนี้ปรากฏขึ้น กอ
เกาเจี้ยนอาลัยอาวรณ์ จับจ้องไปที่ปืนไฟ “จบแค่นี้หรือ? ข้ายังอยากฝึกอีก”“ข้าก็เหมือนกัน” หลิวชวี่พยักหน้าตามของสิ่งนี้ ผู้นำทหารคนไหนได้สัมผัสแล้ว จะตัดใจวางลงได้บ้าง?“กลับไปร่างรายชื่อก่อน เลือกคนน่าเชื่อถือ”ซูจิ่งสิงส่งสายตาดุดันให้ทั้งสอง พวกเขาถึงยอมเงียบปากลงแต่โดยดี ไม่ไกลนัก เฉิงเหลียนวางปืนไฟกลับลงไปในหีบก่อนใคร“หลังจากเลือกเสร็จแล้ว พรุ่งนี้เช้าตรู่ก็เรียกคนมา เพื่อฝึกฝนอย่างลับ ๆ”ซูจิ่งสิงสั่งการเสร็จ ก็โบกมือ ให้คนปิดหีบ แล้วยกเข้าไปในกระโจมของสิ่งนี้ต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี วางไว้อย่างเหมาะสมในค่ายทหารไม่กลัวของหาย บริเวณใกล้เคียงล้วนเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ของเขา เว้นแต่จะมีเหนือธรรมชาติแบบกู้หว่านเยว่มาอีกคนทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ยังคงศึกษาแผนที่ทางการทหารอยู่ซูจิ่งสิงเดินเข้ามา เขี่ยไส้เทียนให้นาง ทำให้แสงไฟสว่างขึ้นเล็กน้อย“พรุ่งนี้ค่อยดูแล้วกัน สายตาจะเสียเอา”“ท่านมานี่” กู้หว่านเยว่ดึงเขามานั่งด้วยกัน “ท่านดูซิ นี่คือที่ไหน?”ซูจิ่งสิงมองดูแผนที่ แววตาวิบวับ “นี่คือด่านหานกู่”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“วันนี้ข้าได้ยินมาว่า มู่หรงถิงจ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก