พูดไปก็ทุบตีและถีบเจี่ยหงอีก ไม่สนใจเลยว่าลูกสาวจะร้องไห้งอแงอยู่ข้าง ๆช่วงนี้เจี่ยหงถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยมอยู่หลายครั้ง คราวนี้ถูกถีบหลายครั้ง มีอยู่สองครั้งถีบเข้าที่ท้องของนางพอดีหลังจากนั้นไม่นานก็มีเลือดไหลออกมาจากหว่างขาทั้งสองของนางสติของนางค่อย ๆ เลือนราง และสลบไปอย่างรวดเร็ว“ท่านแม่!” เหลือเพียงเสียงร้องไห้ของลูกสาวตัวน้อย“เอาข้าวของไปหมดแล้วหรือยัง?”กู้หว่านเยว่ที่อยู่ด้านนอกประตูให้ชิงเหลียนช่วยประคองหลิ่วเพียวเพียวขึ้นรถม้าทั้งคณะมาถึงจวนสกุลหลิว หลิวชวี่ได้ให้พ่อบ้านทำความสะอาดเรือนไว้ก่อนหน้านี้แล้วเมื่อเห็นรถม้ากลับมา พ่อบ้านก็เข้ามาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง“ท่านแม่ทัพและท่านอ๋องไปที่กำแพงเมืองแล้ว ทิ้งข้าน้อยไว้รอต้อนรับ”พ่อบ้านอธิบาย กู้หว่านเยว่พยักหน้าระหว่างมื้ออาหารเช้า ซูจิ่งสิงบอกว่าวันนี้เขาจะไปที่กำแพงเมืองเพื่อดูแผนผังการจัดวางกำลังป้องกันเสียหน่อย“ไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ให้พ่อบ้านนำทางอยู่ข้างหน้า ส่วนตัวเองคอยประคองหลิ่วเพียวเพียวอยู่ทางด้านหลังขณะที่เข้าไป ก็เห็นคณะละครกลุ่มหนึ่งเข้ามาทางประตูข้างพอดี“ท่านแม่ทัพเชื่อฟังคำพูดของท่า
“ยาพูดความจริงที่ปรมาจารย์แพทย์ให้ข้ามายังเหลืออยู่เล็กน้อย เพียงพอแล้ว”กู้หว่านเยว่ให้ซูจิ่งสิงนำทางไปคนถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของเมืองจางโจว ที่แห่งนี้โดยทั่วไปจะใช้คุมขังผู้สืบราชการลับและข้าศึกต่างแดน“เป็นผู้หญิงหรือ?”แล้วยังเป็นหญิงสาวอีกด้วยมวยผมสีดำขลับ หน้าตาสะสวย ดูท่าทางอายุยี่สิบกว่าเท่านั้นกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ นางยังนึกว่าคนที่รู้เรื่องราวในอดีตของอดีตรัชทายาท อย่างน้อยต้องมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางหยางและซูจิ้ง“ปล่อยข้านะ!”เจี่ยชิงอวิ๋นดิ้นรน ร่างกายของนางถูกตรึงด้วยโซ่เหล็กซูจิ่งสิงนำจดหมายลับออกมาฉบับหนึ่ง จดหมายนี้พบจากการค้นตัวเจี่ยชิงอวิ๋น“พูดมา อดีตรัชทายาทที่กล่าวถึงในจดหมายถูกใครสังหารกันแน่ ผู้บงการคือใคร”ที่แท้ ขณะที่ซูจิ่งสิงลาดตระเวนกำแพงเมืองในวันนี้ จู่ ๆ เจี่ยชิงอวิ๋นก็เหาะเหินออกมาเพื่อสังหารเขาเขาคิดว่านางเป็นเพียงนักฆ่าธรรมดา แต่องครักษ์จันทรากลับพบจดหมายลับจากการค้นตัวนางในแต่ละบรรทัดมีการกล่าวถึงว่า ต้องสังหารซูจิ่งสิงให้ได้ จะให้ความจริงเรื่องการสิ้นพระชนม์ของอดีตรัชทายาทรั่วไหลออกไปไม่ได้“ฮึ ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดเ
แสดงให้เห็นว่า เจี่ยชิงอวิ๋นไม่รู้จริง ๆ ว่าอดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์อย่างไรซูจิ่งสิงเห็นดังนั้น ในดวงตาก็เผยความเสียใจออกมา ทำได้เพียงสอบถามเจี่ยชิงอวิ๋นต่อไป“ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าอดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์อย่างไร แล้วเหตุใดจึงกล่าวถึงเขาในจดหมาย?”เจี่ยชิงอวิ๋นตอบอย่างตรงไปตรงมา “นี่คือคำสั่งจากเบื้องบน”“คนที่อยู่เบื้องบนคือใคร?”ซูจิ่งสิงซักถามต่อไป“หัวหน้าขันทีเจี่ยงฝูไฉ เขาเป็นพ่อบุญธรรมของข้า” เจี่ยชิงอวิ๋นตอบอย่างซื่อตรงใบหน้าของกู้หว่านเยว่เผยความอยากรู้อยากเห็นออกมา“คนผู้นี้เป็นใคร? เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”ซูจิ่งสิงอธิบายให้นางฟังที่ข้างหู“นี่คือหัวหน้าขันทีในวัง และเป็นสมุนของฮ่องเต้ชั่วด้วย”ตอนที่ถูกยึดทรัพย์และเนรเทศ ก็เป็นคนผู้นี้ที่ประกาศคำตัดสินโทษของเขาดังนั้นซูจิ่งสิงจึงมีความทรงจำต่อคนผู้นี้เป็นอย่างดี“ได้ยินมาว่าเขาติดตามฮ่องเต้ชั่วมาตั้งแต่ยังเป็นญาติพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูล ดังนั้นฮ่องเต้ชั่วจึงไว้ใจเขามาก”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางเข้าใจแล้ว“เนื่องจากหัวหน้าขันทีผู้นี้เป็นคนของฮ่องเต้ชั่ว นั่นก็หมายความว่า หญิงผู้นี้ฝ่ายฮ่องเต้ชั่วเป็นผู้ส
สีหน้าของกู้หว่านเยว่บึ้งตึงจนน่ากลัว“พวกท่านจะฆ่าข้าไม่ได้ มิฉะนั้น ก็รอเก็บร่างของซูจิ่งสิงได้เลย”เจี่ยชิงอวิ๋นถอนหายใจออกมายังโชคดี ที่พิษกำเริบในช่วงเวลาสำคัญ“เป็นพิษที่เจ้าวางไว้”กู้หว่านเยว่ไม่สนใจเจี่ยชิงอวิ๋น รีบนำยาถอนพิษออกมาหนึ่งเม็ด ยัดใส่ในปากของซูจิ่งสิง“ไปเอาน้ำมา”นางออกคำสั่งฉู่เฟิง“ขอรับ” ฉู่เฟิงก็ตกใจเช่นกัน รีบออกไปถือน้ำชาเข้ามาหนึ่งถ้วยกู้หว่านเยว่อาศัยความมืดสลัวในคุกใต้ดิน พวกเขามองไม่เห็นเงื่อนงำใด ๆ เปลี่ยนน้ำชาในถ้วยชาให้เป็นน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วกรอกใส่ปากซูจิ่งสิงหลังจากเสร็จสิ้นการกระทำชุดนี้ สายตาอันเย็นชาถึงได้จับจ้องไปที่เจี่ยชิงอวิ๋น“อย่าเพิ่งฆ่านาง พานางมาที่จวนแม่ทัพ”นางสงสัยว่าพิษในร่างกายของซูจิ่งสิงไม่ได้ธรรมดาอย่างนั้น“นายท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ฉู่เฟิงถามด้วยความกังวลกู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ เวลานี้ซูจิ่งสิงหมดสติไปแล้วอย่างสมบูรณ์นางโอบเอวซูจิ่งสิงขึ้นมาทันที แล้วก้าวออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วทุกคน: !พละกำลังของพระชายาช่างมหาศาลนัก!กู้หว่านเยว่เหาะเหินตรงขึ้นไปบนรถม้า ขณะที่ชิงเหลียนยังอยู่ข้างนอกคุกใต้ดิน เมื่อเ
ที่น่าเสียดายก็คือ กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า“หนอนกู่ทั่วไปข้ายังสามารถถอนพิษได้ แต่หนอนกู่ชนิดนี้ในร่างกายของท่านพี่นั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงมาก ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถถอนพิษได้หรือไม่”กู้หว่านเยว่พลิกดูตำราโบราณเกี่ยวกับหนอนกู่ในมือนางเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะทางการแพทย์และทักษะด้านการใช้พิษ เรื่องหนอนกู่ แค่รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นหากพบหนอนกู่ที่มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก การฝืนถอนพิษมีแต่จะเป็นผลเสียต่อผู้ที่ถูกพิษอย่างเบาจะทำลายรากฐาน อย่างหนักอาจจะเสียชีวิตในทันทีกู้หว่านเยว่บอกเล่าความร้ายแรงออกมาหลิวชวี่ฟังจบใบหน้าก็ขมวดมุ่นทันที“พูดเช่นนี้ ท่านเองก็จนปัญญา แล้วจะทำอย่างไรดี ข้าเองก็ไม่รู้จักผู้เชี่ยวชาญที่สามารถถอนพิษกู่ได้”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง “เจี่ยชิงอวิ๋นล่ะ?”จากการแสดงออกของเจี่ยชิงอวิ๋นในคุกใต้ดินเมื่อสักครู่ กู้หว่านเยว่สามารถมั่นใจได้หนึ่งร้อยส่วนแล้วว่า หนอนกู่ในร่างกายของซูจิ่งสิงต้องถูกเจี่ยชิงอวิ๋นปล่อยออกมาแน่นอน“ถูกขังอยู่ห้องถัดไป”หลิวชวี่เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง“ข้าได้ยินฉู่เฟิงบอกเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวแล้ว คิดว่าหญิงผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นจึงจับนางม
“พระชายาอ๋องเจิ้นเป่ย ท่านไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งหรือ?”แววตาของเจี่ยชิงอวิ๋นเผยความเกลียดชังออกมา“ท่านไม่ได้ฆ่าปั๋วเหริน แต่ปั๋วเหรินก็ตายเพราะท่าน”ซูจิ่งสิงไม่เคยทำร้ายนาง แต่คนในครอบครัวของนางก็ตายเพราะเขากู้หว่านเยว่นึกอะไรได้บางอย่าง พลางเชยตาขึ้นอย่างเฉียบแหลม “เจ้าสกุลเจี่ย เจ้าคือบุตรสาวของเจ้าเมืองเจี่ยแห่งเจียงหนาน!”รูม่านตาของเจี่ยชิงอวิ๋นหดตัวลง “ท่าน!” คนผู้นี้ฉลาดขนาดนี้เชียวหรือ?”เรื่องนี้จะโทษนางก็ไม่ได้ตอนที่ซูจิ่งสิงใช้ยาพูดความจริงกับนาง นางสูญเสียความตระหนักรู้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตัวเองได้เรียกชื่อเดิมออกไปแล้วและในขณะที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังสืบสวนการสิ้นพระชนม์ของอดีตรัชทายาท ก็เคยเห็นขุนนางที่ติดตามอดีตรัชทายาทไปลาดตระเวนในเจียงหนานจากในเอกสารราชการมีขุนนางสกุลเจี่ยอยู่คนหนึ่ง ดูแลจัดการคลองเดินเรืออยู่อดีตรัชทายาทบังเอิญเกิดอุบัติเหตุในคลองเดินเรือที่เขาดูแลจัดการอยู่ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับต้องสูญเสียบุตรอันเป็นที่รักไปอย่างเจ็บปวดด้วยความโกรธดั่งสายฟ้าฟาด สกุลเจี่ยทั้งครอบครัวถูกจองจำในเรือนจำใหญ่ด้วยเหตุที่ดูแลจัดการไม่ดีสุดท้าย คนสกุ
“ฮูหยิน ข้าจะลากนางออกไปใช้เครื่องทรมาน”ชิงเหลียนกำหมัดแน่นอยู่ทางด้านหนึ่งคนผู้นี้ไม่รู้อะไรดีรู้อะไรชั่วจริง ๆ ต้องการแก้แค้น เหตุใดถึงมาหาพวกเขา?” “ลากออกไปเถอะ” กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนนางโบกมือ เพื่อป้องกันไม่ให้เจี่ยชิงอวิ๋นคิดไม่ได้ดื้อดึงไม่ยอมรับสารภาพนางต้องค้นหาหนอนกู่ทั้งหมดออกมา ดูว่าจะหาวิธีได้หรือไม่“ใช่แล้ว ส่งคนไปหาหวงเหล่า”กู้หว่านเยว่เรียกฉู่เฟิงเข้ามา นางจำได้ว่าหวงเหล่ารอบรู้เรื่องหนอนกู่“พระชายา?”เจี่ยอวิ๋นก้าวออกมาข้างหน้า“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”เขาเห็นภายในจวนดูเหมือนจะโกลาหลขึ้นมาทันใด ราวกับมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นหลิ่วเพียวเพียวไม่วางใจ ให้เขาเข้ามาสอบถามดู“มีอะไรที่เราสามารถช่วยได้ไหม?”กู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร ให้พี่หญิงบำรุงครรภ์อย่างสบายใจได้”เรื่องที่ซูจิ่งสิงถูกพิษกู่ ไม่สามารถปล่อยให้รั่วไหลออกไปได้แม้แต่นิดเดียวขณะที่กำลังพูดอยู่ หงเจาก็กระวีกระวาดเข้ามา“ไม่ได้การแล้วฮูหยิน”นางมีสีหน้าสับสน เมื่อกู้หว่านเยว่ออกมา ก็ขอให้นางช่วยดูแลซูจิ่งสิงที่อยู่ในห้องดี ๆ“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”เจี่ยอวิ๋นก็เป็นคนมีวิจารณ
ตอนขัดขวางซูจิ่งสิง เจียงเฟิ่งรับการโจมตีต่อหน้าจากซูจิ่งสิงหลายครั้ง“เจ้ามานี่”กู้หว่านเยว่กวักมือเรียกเจียงเฟิ่งเจียงเฟิ่งรู้อุปนิสัยของนาง เดินเข้าไปอย่างว่าง่ายกู้หว่านเยว่ตรวจบาดแผลของเขาเล็กน้อยแล้วโยนยาหนึ่งขวดให้“นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บภายใน เจ้าต้องกินทุกวันสองวันนี้ไม่ต้องมา พักรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีก่อนเถอะ”ภายในสายตาเจียงเฟิ่งเผยความซาบซึ้งใจแวบหนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “ไม่ได้ ข้าต้องอยู่ปรนนิบัติข้างกายนายท่านขอรับ”ซูจิ่งสิงเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เขาที่เป็นผู้อยู่ใต้อาณัติจะไปพักรักษาตัวได้เยี่ยงไร?วันนี้โชคดีมีเขาอยู่ หากเขาไม่อยู่ ซูจิ่งสิงอาจออกไปแล้ว ไม่รอกู้หว่านเยว่มา“เชื่อฟัง”กู้หว่านเยว่พูดเสียงเครียด“สองสามกระบวนท่านั้นของเจ้านายเจ้าไม่เบา หากไม่อยากเกิดโรคเรื้อรังก็พักรักษาดีๆ รอหายดีแล้วค่อยมาก็ยังไม่สาย”แต่ไหนแต่ไรมานางมีเมตตาต่อผู้อยู่ใต้อาณัติเสมอ“ส่วนทางฝั่งนี้ ให้ฉู่เฟิงเฝ้าเถอะ”“ขอรับ”เจียงเฟิ่งจนใจ ทำได้เพียงพยักหน้าตกลงแต่ภายในใจยังไม่อาจวางใจซูจิ่งสิง ผินมองเจ้านายที่กำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติบนเตียงแวบหนึ่ง ถึงหันหลังไปรักษ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก