“คุณชายเจียง หากจะโกรธรอให้ช่วยอาเยี่ยนฟื้นขึ้นก่อนค่อยว่ากันเถิด”เสวียลี่เอ่ยเตือน ดูดีใจไม่น้อยเจียงเยี่ยนไม่ให้เขาเปิดเผยสถานะของทั้งสองคน แต่เขากลับได้รับโอกาสนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาอยากจะรอดูว่าการแต่งงานของอาเยี่ยนกับเจียงฉือจะดำเนินต่อไปหรือไม่“ข้ากับอาเยี่ยน ไม่อาจหักห้ามใจ”ไม่อาจหักห้ามใจได้ดียิ่งนัก!เจียงฉือกำหมัดแน่นเขากับเจียงเยี่ยนรู้จักกันมาแต่เด็ก แม้ทั้งสองตระกูลยังไม่ได้หมั้นหมาย แต่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับถูกสวมเขา“นำญาติผู้น้องมาให้ข้าก่อน”เจียงฉือชิงตัวนางมาจากมือเสวียลี่เขากอดเจียงเยี่ยนไว้แน่น แล้วตรวจดูอาการของนาง“ญาติผู้น้องบาดเจ็บภายใน ตกลงพวกเจ้าไปทำสิ่งใดกันแน่?”เสวียลี่หลบหลีกสายตา พร้อมกล่าวอย่างมีเลศนัย “ไม่อาจหักห้ามใจ ยังทำสิ่งใดได้อีก”เจียงฉือสะอึก “แล้วเหตุใดญาติผู้น้องจึงได้รับบาดเจ็บ?”“ถูกผู้อื่นลอบโจมตี ส่วนผู้โจมตีคือใคร ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”เสวียลี่ไม่ได้โกหกเฟิ่งเจาซีเข้ามากะทันหัน ทำให้ทั้งสองคนนึกว่ามีคนมาจับผิด จึงรีบหนีไป แม้แต่ถูกใครทำร้ายก็ไม่ทันได้ดูให้ชัดเจน“ช่างเถอะ เจ้าร
โจวหุยเดินเข้ามาอย่างดีใจ แม้แต่กู้หว่านเยว่ก็นึกไม่ถึงว่าจะพบเขาที่นี่“คุณชายโจว ทำไมถึงเป็นท่านล่ะ?”กู้หว่านเยว่มองสำรวจเขาหนึ่งรอบ“ทำไมท่านถึงอยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้?”โจวหุยรีบตอบ “ข้าอยู่เมืองอู้ตูต่อไปไม่ได้แล้ว จึงอยากออกมาเดินเล่น หากได้พบท่านคงดีมาก นึกไม่ถึงว่าสวรรค์จะได้ยินคำอธิษฐานของข้า ทำให้ข้าได้พบกับท่านจริงๆ”เขาดีใจมาก ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจไม่น้อย“ท่านจะตามข้าไปหรือ?”นางไม่เคยคิดจะรับโจวหุยไปอยู่ด้วย“ขอแม่นางกู้โปรดอย่ารังเกียจกันเลย ข้าไม่มีที่ไปแล้ว แค่อยากมีที่อยู่อาศัยเท่านั้น”เขาดูออกว่ากู้หว่านเยว่ไม่ใช่คนทั่วไป ไม่อย่างนั้นคงไม่เสี่ยงชีวิตออกตามหาองค์หญิงใหญ่“มีตะเกียบเพิ่มขึ้นหนึ่งคู่คงไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดสักครู่ แล้วหันมองโจวหุย“เพียงแต่ท่าน...”ใช่ว่านางยินดีจะรับทุกคนไปอยู่ด้วย จำเป็นต้องมีความสามารถจึงจะเข้าตานาง“ข้าเคยเรียนหนังสือ ข้ารู้หนังสือ แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงจวี่เหรินใช่สิ บรรพบุรุษของข้าเป็นช่างหล่อโลหะ ข้ารู้จักวิชาหล่อโลหะ”“ท่านหล่อโลหะได้หรือ?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่นึกถึงนักรบสวรรค์กองนั้นที่อยู่ในมิติของนาง พ
“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่เคยชินแล้ว บนรถม้าของนางยังมีอาหารไม่น้อยโจวหุยได้ยินดังนั้น จึงหาที่โล่งหนึ่งแห่งก่อนฟ้ามืดกู้หว่านเยว่กระโดดลงจากรถม้า เห็นโจวหุยกำลังหากิ่งไม้ไปทั่ว เพื่อนำกลับมาก่อกองไฟอีกทั้งยังไปตักน้ำสะอาดกลับมาบางส่วน แล้วยื่นให้กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่พยักหน้า แม้ก่อนหน้านี้โจวหุยจะเป็นคนคลั่งรัก แต่ก็เป็นคนขยันขันแข็ง“บนรถม้ามีอาหารแห้งบางส่วน เจ้าไปนำอาหารแห้งลงมาเถอะ”กู้หว่านเยว่สั่งการ โจวหุยพยักหน้าพร้อมกระโดดขึ้นรถม้า จากนั้นนำอาหารแห้งที่อยู่ด้านหลังลงมากู้หว่านเยว่ยื่นอาหารแห้งให้โจวหุยสองแผ่น พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”เสียงนั้นคล้ายกับเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง กู้หว่านเยว่ชะงักไปสักครู่ เมื่อหันหลังจึงเห็นใบหน้าคุ้นเคยเป็นไปตามคาด โจวหุยที่อยู่ข้างกายนิ้วมือสั่นเทา“นาง ซ่งซีซี ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่?”หญิงสาวที่วิ่งไปด้วยพลางร้องตะโกนให้ช่วยไปด้วยกลางป่าเขา คือซ่งซีซีเห็นได้ชัดว่าซ่งซีซีเองก็นึกไม่ถึง ว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้ารถม้าคือโจวหุย แรกเริ่มนางสะดุ้งก่อน ต่อมาเมื่อนึกถึงงูพิษที่ไล่ตามด้านหลัง จึงรู้สึกขา
“ท่าน ท่านเข้าใจผิดแล้ว”ขณะนี้ซ่งซีซีจะยอมรับได้อย่างไร?ที่นี่มีคนน้อย นอกจากหญิงสาวที่ไม่รู้ชื่อแซ่คนนี้ ก็มีเพียงนางกับโจวหุยนางกลัวโจวหุยจะแก้แค้น“ท่านพี่ วันนั้นเกิดไฟไหม้ ข้าไม่ได้เป็นคนวางเพลิง”“เช่นนั้นเจ้าไม่เห็นข้าในกองเพลิง แล้วสั่งให้คนไปค้นหาข้า หมายความว่าอย่างไร?”โจวหุยกำหมัดแน่น หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เขาก็ไม่ต้องถูกบีบให้ออกจากเมืองอู้ตู“ข้า ข้าเป็นห่วงเบาะแสของท่าน อยากจะตามหาท่านให้พบ”สายตาซ่งซีซีละอายใจ โจวหุยขี้เกียจพูดกับนางแม้แต่คำเดียว“รีบพูดมา เจ้าปรากฏตัวที่นี่มีแผนการใดกันแน่?”เขาถูกเล่นงานจนกลัวแล้ว กังวลว่าซ่งซีซีจะมีแผนการใดซุกซ่อนอยู่อีก“ข้าจะมีแผนการใดได้ ข้าเป็นห่วงท่าน...”ซ่งซีซียืนยันคำเดิม ขอเพียงนางไม่ยอมรับ ท่านพี่ก็คงนึกไม่ถึงโจวหุยไม่รู้จะทำอย่างไรกับนางตามคาด ซ่งซีซีสามารถลงมือกับเขาอย่างอำมหิตได้แต่เขาเป็นมนุษย์ เขาไม่อาจทำใจลงมือสังหารซ่งซีซีอย่างมากแค่ไม่สนใจนางโจวหุยเดินไปเติมฟืนข้างกองไฟ ซ่งซีซีก็ไม่กล้าเข้าไปตอแยเขา จึงนั่งกอดเข่าอยู่ด้านข้าง ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่กู้หว่านเยว่ไม่สนใจทั้งสองคน นำมีดสั้นเล่ม
องค์หญิงใหญ่รู้ว่านางเป็นวิชาแพทย์ จึงยิ้มพร้อมพยักหน้าแม่นมนางโจวรีบกล่าว “พระชายาวางใจได้ บ่าวจะดูแลองค์หญิงให้ดีเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก ยกรถม้าให้นายบ่าวทั้งสองคน นางนั่งอยู่บนไม้กระดานด้านนอก“ช้าก่อน”ซ่งซีซีเห็นทั้งสองคนเตรียมจากไป จึงรีบตามไป“พวกเจ้าจะไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ พาข้าไปด้วย”บ่าวที่ติดตามนางออกมา หนีไปตั้งแต่ครึ่งทางแล้วตอนนี้เหลือนางเพียงคนเดียวต้องระหกระเหินอยู่กลางป่า นางไม่มีทางเอาตัวรอด“พาเจ้าไปด้วย?”กู้หว่านเยว่หันมาเอ่ยถามอย่างไม่เกรงใจ“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ?”คนอย่างซ่งซีซี ที่ไม่ฆ่า เพราะนางไม่อยากแปดเปื้อนมือตัวเอง“ท่านพี่ ท่านไม่สนใจข้าไม่ได้นะ”ซ่งซีซีหันมองโจวหุยอย่างร้อนรนโจวหุยถูกนางทำร้ายจนเจ็บช้ำน้ำใจ เรื่องใดไม่ควรเกินสาม เขาเคยถูกซ่งซีซีหลอกสองครั้ง จะไม่ตกหลุมพรางนางอีก“หลีกไป!”โจวหุยตะโกนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดึงบังเหียนขึ้นบังคับม้าจากไป“ท่านพี่!”ซ่งซีซีตามอยู่ด้านหลังเพียงสองก้าวก็ล้มลงบนพื้นนางมองแผ่นหลังของโจวหุยอย่างเหลือเชื่อ“ท่านพี่ ทำไมท่านถึงเปลี่ยนเป็นใจร้ายเช่นนี้?”ตั้งแต่เด็กจนโตโจวหุ
“พวกเจ้ารีบออกเดินทางเถอะ ต่อให้ข้าแก่ข้าก็ยังไหว”องค์หญิงใหญ่อัธยาศัยดีมาก นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“ท่านแม่ ข้าจะนั่งรถม้าไปกับท่าน”มู่หรงฉางเล่อซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดขององค์หญิงใหญ่ ไม่อยากแยกจากนางกู้หว่านเยว่ขยี้จมูกเล็กน้อย มู่หรงฉางเล่อผู้นี้ช่างเป็นลูกแหง่ยิ่งนักแต่ก็พอเข้าใจได้ราชบุตรเขยในฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ตอนที่มู่หรงฉางเล่อยังวัยเยาว์มาก นางได้รับการเลี้ยงดูจากองค์หญิงใหญ่แทบจะเพียงผู้เดียวจนเติบใหญ่ เป็นเรื่องปกติที่นางจะตามติดองค์หญิงใหญ่“พวกท่านสองคนขึ้นไปพักบนรถม้าเถอะ เราจะนำทางอยู่ด้านหน้าเอง”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงขี่ม้าตัวเดียวกัน คอยนำทางอยู่ข้างหน้าไม่ใกล้ไม่ไกลนักในที่สุดทุกคนก็เดินทางมาถึงเมืองอวี้ก่อนยามโพล้เพล้เนื่องจากครั้งนี้กู้หว่านเยว่จากไปอย่างลับ ๆ ดังนั้นคนในจวนกู้จึงแทบจะไม่รู้ว่านางออกจากเมืองอวี้ไปแล้ว คิดว่านางยังขังตัวเองอยู่ในหุบเขาราชาโอสถ ซูจิ่งสิงเองก็ไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไป เพราะเขาเองก็ตั้งใจจะพากู้หว่านเยว่กลับจวนอย่างเงียบ ๆ ปรากฏว่าทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าประตูจวนกู้ ก็เห็นเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว“กู้หว่าน
กู้หว่านเยว่ชอบนิสัยนี้ของมู่หรงฉางเล่อมากเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้าไปแล้ว นางก็หันกลับมามองกู้หว่านหรู“ปล่อยนางก่อน”กู้หว่านเยว่สั่งชิงเหลียนและหงเจาสั้น ๆ เมื่อทั้งสองคนได้ยินก็รีบปล่อยตัวกู้หว่านหรู แล้วยืนปกป้องผู้เป็นนายอยู่ข้าง ๆ “กู้หว่านเยว่ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องกลับไปกับข้า”กู้หว่านหรูตะโกนเสียงดังโดยไม่สนใจใคร ทำให้กู้หว่านเยว่ยิ้มเยาะ“ทำไมข้าต้องกลับไป?”“เจ้ายังกล้าถามข้าว่าทำไม หากไม่ใช่เพราะเจ้า ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าคงไม่เดือดร้อนถึงเพียงนี้ ฝ่าบาทก็คงไม่ทรงกริ้วพวกเขา จวนโหวเคยรุ่งเรืองมากเมื่อครั้งอดีต แต่เพราะเจ้า ครอบครัวของเราจึงได้ตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้”กู้หว่านหรูกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว สตรีผู้นี้ยังกล้าถามนางอีกว่าทำไมต้องกลับไป นางไม่มีน้ำใจเลยอย่างนั้นหรือ?“ครอบครัว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “พวกเจ้าคือครอบครัว แต่ข้าไม่ใช่สินะ”นางกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้าคงจะลืมไปแล้วใช่หรือไม่ ในตอนที่ถูกเนรเทศช่วงแรก จวนโหวกลัวว่าจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง พวกเขาจึงตัดความสัมพันธ์กับข้าไปแล้ว”แม้ว่าจะไม่มีหนังสือตัดสายเลือด แต่คนที่นี่เ
“กรี๊ด!”นางล้มลงไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะจ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่สุด“เจ้าไร้ความปรานีต่อตระกูลมารดา ต่อไปเจ้าจะไร้ที่พึ่ง!”กู้หว่านหรูสาปแช่งอย่างโหดร้าย“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าไปตลอดชีวิต? ต่อไปเจ้าจะถูกทอดทิ้ง ข้าจะรอดูวันที่เจ้าไร้ที่พึ่ง” ชิงเหลียนและหงเจามีสีหน้าเปลี่ยนไป คำสาปแช่งที่โหดร้ายเช่นนี้ ทำให้ฮูหยินและนายท่านรับไม่ได้“ปิดปากนางเสีย”มุมปากของซูจิ่งสิงกระตุก ตั้งใจจะหาเรื่องเขาสินะ?กว่าเขาจะทำลายกำแพงจนภรรยาเชื่อใจเขาได้ไม่ได้เรื่องง่าย“น้องหญิง อย่าไปเชื่อคำพูดของนาง ข้าไม่มีวันรังแกเจ้า”จะว่าไปแล้ว ตระกูลของพวกเขาต่างก็เป็นคนที่มีคุณธรรมหากเขารังแกนาง คงถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว“ข้าไม่อ่อนไหวเพราะคำพูดของนางหรอก”กู้หว่านเยว่ยิ้มตาหยีพลางมองซูจิ่งสิง นางไม่ได้โง่เขลาเพียงนั้นจวนจงฉินโหวเดิมทีไม่ได้ต้อนรับนางอยู่แล้ว เหตุใดนางจะต้องประจบประแจง ยอมโง่กอดความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ด้วยเล่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางมีตระกูลมารดาใหม่ไปแล้ว“จับนางโยนออกไปจากเจดีย์หนิงกู่”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งกับฉู่เฟิงด้วยสีหน้าไร้ความร
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก