“ท่านหมอ ท่านจะต้องช่วยสามีข้านะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด “ฮูหยินวางใจ ข้าจะพยายามอย่างสุดกำลัง”นางวางมือบนแขนของนายท่านเจียง ซูจิ่งสิงทางหนึ่งยืนคุ้มกันกู้หว่านเยว่อยู่ทางด้านหลัง ทางหนึ่งสำรวจครอบครัวนี้ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึง คนกลุ่มนี้คล้ายเป็นสหายของท่านอาจารย์ทางฝั่งนี้ กู้หว่านเยว่จับชีพจรของนายท่านเจียง เจียงฮูหยินและเจียงฉือไม่กล้าทำแม้แต่หายใจเสียงดัง“พวกท่าน...”กู้หว่านเยว่จับชีพจรเรียบร้อยแล้ว สบมองทางเจียงฮูหยินสีหน้าคลุมเครือ“สามีของข้าเป็นเช่นไร?”สายตาเจียงฮูหยินร้อนใจกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นี่จะให้นางพูดอย่างไรเล่า?“มิสู้ย้ายคนเข้ากระโจมก่อน แล้วข้าจะค่อยๆ อธิบายกับพวกท่าน”รอบข้างยังมีบ่าวรับใช้สกุลเจียงมากมาย กู้หว่านเยว่ตัดสินใจไว้หน้าคนครอบครัวนี้“ก็ได้ ข้าอุ้มท่านพ่อเข้าไป!”เจียงฉือรีบอุ้มนายท่านเจียง พาคนเข้ากระโจม เจียงฮูหยินซับน้ำตาไล่ตามมา“ท่านหมอ ตกลงสามีของข้าเป็นอะไรกันแน่ ตอนนี้เจ้าสามารถพูดได้แล้วกระมัง?”กู้หว่านเยว่กระแอมทีหนึ่ง พยักหน้า“อิงตามชีพจร นายท่านเจียงน่าจะเสพสังวาสมากจนเกินไป พลังงานของไตไม่เพียงพอ”พูดอย่างง่ายก็ค
ใบหน้าเจียงฮูหยินเปี่ยมความปวดใจ “เจ้าดูสามีข้า เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของข้า ล้วนถูกทรมาน จนไม่ใช่คนไปแล้ว”นายท่านเจียงยิ้มขมปร่าถูกทรมานจนไม่ไหวแต่ก็ต้องทำยามค่ำคืนฮูหยินควบคุมตนเองไม่ได้ หรือจะให้นางไปหาคนอื่นเล่า?“แม้ข้ารู้ว่านี่เป็นโรค กลับไม่สามารถควบคุมตนเองได้”นางยกมือสองข้างปิดปาก“หลังเสร็จกิจแล้ว รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างมาก”เพราะเหตุนี้จึงยากจะเอ่ยความจริงออกมา เจียงฮูหยินและนายท่านเจียงเองก็ไม่กล้าบอกคนอื่นกู้หว่านเยว่มองสีหน้าของทั้งคู่ หยั่งเดาภายในใจ“เจียงฮูหยิน ยื่นมือให้ข้าเถอะ”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง เจียงฮูหยินรีบยื่นมือออกไปจับชีพจร“ตอนนั้นเจียงฮูหยินรู้สึกร้อนรุ่มภายในใจ ยากจะสงบลงใช่หรือไม่?”“ใช่ ใช่!”อาจเพราะกู้หว่านเยว่เป็นสตรีเฉกเช่นเดียวกัน เจียงฮูหยินไม่เขินอายถึงเพียงนั้น รีบพยักหน้า“ฮูหยินนี่คือไฟและความชื้นในตับ ไหลลงข้างล่าง”นี่กลับไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร เพราะเจียงฮูหยินและนายท่านเจียงปิดบังโรคหลีกเลี่ยงหมอ กระดากอายเกินกว่าจะไปหาหมอ จึงยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้“ดังนั้นข้ามิได้ติดเสพสังวาส เพียงแค่ป่วย?”เจียงฮูหยินเบิกตากว้าง ร
มองเห็นนายท่านเจียงไม่เป็นไรแล้ว ขณะกำลังจะออกไปถามซูจิ่งสิงว่ารู้จักครอบครัวนี้หรือไม่นั้นก็ได้ยินเสียงของเจียงฉือดังเข้ามาจากภายนอก “ท่านพ่อ ท่านเดาดูเถอะว่าข้าพบใครแล้ว?!”มือเขาจูงซูจิ่งสิง ภายในก้นบึ้งของสายตาซูจิ่งสิงหวั่นไหวเล็กน้อย“ข้าได้พบศิษย์พี่ใหญ่แล้ว!”เขาชี้ทางซูจิ่งสิงอย่างตื่นเต้น“นี่ก็คือศิษย์พี่ใหญ่”กู้หว่านเยว่มีสีหน้างุนงง นายท่านเจียงเกือบกระโดดลุกขึ้นจากเตียงเขามองซูจิ่งสิงอย่างตกตะลึงพรึงเพริดซูจิ่งสิงโบกพู่กระบี่อาทิตย์คำราม “นี่คือสิ่งที่อาจารย์ข้าทิ้งไว้ให้ก่อนจากไป”นายท่านเจียงเห็นพู่กระบี่ ยืนยันฐานะของซูจิ่งสิง“ใช่ๆ นี่ก็คือพู่กระบี่ของศิษย์พี่ใหญ่จริง”หากมองอย่างละเอียด พู่กระบี่นี้และที่ห้อยบนกระบี่ของเจียงฉือคล้ายกันมาก“ศิษย์พี่ใหญ่เคยบอกข้า เขารับศิษย์ที่ภายนอกไว้คนหนึ่ง เป็นคนมีพรสวรรค์ฉลาดหลักแหลม เขาชอบมาก ดังนั้นจึงรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์เอก”นายท่านเจียงหัวเราะเสียงดัง“ช่างบังเอิญยิ่งนัก คิดไม่ถึงข้าถึงขั้นสามารถได้พบที่ภูเขาน้ำแข็งนิล”เจียงฉือรีบเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ใหญ่ หลายปีมานี้ เหตุใดท่านไม่ไปหาพวกเราเล่า?”เอ่ยถึงเรื่องน
เจียงฉือหันมองทางกู้หว่านเยว่ ศิษย์พี่สะใภ้งดงามถึงเพียงนี้อีกทั้งยังรู้วิชาแพทย์ มองแล้วก็ชมชอบ“ใช่แล้ว พวกเรามาเพื่อตามหาดอกน้ำแข็งนิลจริง”กู้หว่านเยว่ไม่ปิดบังพวกเขา“คนในครอบครัวต้องการใช้ดอกน้ำแข็งนิลมาผสมยา”นายท่านเจียงรีบพูด “ดอกน้ำแข็งนิลนี้เป็นวัตถุดิบยาแบบตะวันตก สรรพคุณทางยายอดเยี่ยมมาก ได้ยินมาว่าเพียงกลีบเดียวก็สามารถนำมาผสมยาได้แล้ว”เขามองทั้งคู่“ในเมื่อพวกเรารู้จัก มิสู้เจ้าข้าพวกเราสองฝ่ายร่วมมือกัน แย่งชิงดอกน้ำแข็งนิล”เขาเองก็ไม่ละโมบ “หากสามารถแย่งดอกน้ำแข็งนิลมาได้ พวกเราขอเพียงกลีบเดียวก็พอ”นายท่านเจียงคิดว่า กู้หว่านเยว่รู้วิชาแพทย์ ในเมื่อดอกน้ำแข็งนิลล้ำค่ามาก ตกอยู่ในมือหมอ ย่อมสามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย กลับคิดไม่ถึงนายท่านเจียงจะใจกว้างถึงเพียงนี้ต้องรู้ว่านอกจากครอบครัวสกุลเจียงสามคนแล้ว พวกเขายังพาบ่าวติดตามมาอีกมาก มองผ่านจำนวนคนดูแล้ว เห็นชัดว่ามากกว่าทางฝั่งกู้หว่านเยว่มากนักภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ล้วนคิดว่าพวกเขามีโอกาสได้รับดอกน้ำแข็งนิล มากกว่าพวกกู้หว่านเยว่ดังนั้นตอนแบ่งกัน สกุลเจียงมีสิทธิ์
หากชายผมขาวเองก็มาหาดอกน้ำแข็งนิล เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าอาจได้พบเขาที่นี่ซูจิ่งสิงเองก็ช่วยตามหาด้วย เพียงแต่ทำให้ทั้งคู่ต้องผิดหวังก็คือ พวกเขาตามหาแล้วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของชายผมขาว“ดูท่าแล้วเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ซูจิ่งสิงเอ่ยปลอบ“ไม่ต้องกังวล จิ่นเอ๋อร์ต้องไม่เป็นไร”เขาพี่ใหญ่คนนี้กลับใจเย็นลงแล้ว อย่างไรเสียก็รู้ว่าจิ่นเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่กู้หว่านเยว่พยักหน้า กลับเข้ากระโจมพักผ่อนพร้อมซูจิ่งสิงคืนนี้ ภายในใจของทุกคนล้วนกำลังคิดว่าวันพรุ่งนี้ดอกน้ำแข็งนิลจะไปตกอยู่ในมือของผู้ใดเดิมทีทุกคนก็หลับไม่สนิท“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สะใภ้”เช้าวันต่อมา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งกินขนมปังที่มิติทำขึ้นเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงเจียงฉือนอกกระโจมทั้งคนรีบลุกออกมาเจียงฉือเอ่ยเร่ง “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว พวกเรารีบเก็บของ เตรียมออกเดินทางเถอะ”กู้หว่านเยว่หันมองรอบด้าน บัดนี้คนอื่นต่างพากันเริ่มเก็บของ เตรียมเข้าหุบเขาแล้วจะปล่อยให้พวกเขาไปถึงก่อนไม่ได้!“ไป”ทั้งสองคนเคลื่อนไหวว่องไว เก็บกระโจมดีแล้ว ออกเดินทางอยู่ข้างกายคนสกุลเจียงขณะเดียวกัน พาย
“พวกเราทะลุมิติขึ้นไปโดยตรงเถอะ”ดวงเนตรกู้หว่านเยว่โค้งมน เมื่อครู่อยู่ห่างไกลเกินไปไม่สามารถทะลุมิติได้แต่บัดนี้ระบบระบุพิกัดไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นระยะทางไม่ไกล นางสามารถพาซูจิ่งสิงทะลุมิติเข้าไปได้ขณะเดียวกันคนมากมายตามหาที่ด้านล่างภูเขาแต่กลับไร้ผล เริ่มทอดสายตามองยอดเขาผู้ที่กำลังวางแผนปีนเขา หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มคนสกุลเจียงกู้หว่านเยว่บอกพวกเขาว่าดอกน้ำแข็งนิลอยู่บนยอดเขา นี่ก็เมตตามากแล้วย่อมไม่อาจถึงขั้นเสี่ยงอันตรายถูกเปิดเผย พาคนสกุลเจียงทะลุมิติไปด้วยกันได้“ไป”นางดึงสายตากลับ จับมือซูจิ่งสิง ทะลุมิติเพียงครั้งเดียว ก็มาอยู่บนยอดเขาแล้วซูจิ่งสิง “....”ก้มหน้ามองจุดดำคล้ายมดก็มิปานเบื้องล่างหากปีนขึ้นมาพวกเขาต้องเหนื่อยแทบตายแน่ รู้ว่าน้องหญิงของเขาหันหลังทีเดียวก็มาถึงยอดเขา คาดว่าจะต้องกระอักโลหิตตายแน่แล้วกระมัง?“สัตว์น้ำแข็งนิล จากนี้ไปขอพึ่งเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่เรียกสัตว์น้ำแข็งนิลออกมาจากมิติระยะนี้ สัตว์น้ำแข็งนิลอยู่อย่างสุขสบายภายในมิติ กลายเป็นสหายกับพวกจูเชวี่ย ย่อมเห็นกู้หว่านเยว่เป็นเจ้านายหลังถูกกู้หว่านเยว่ปล่อยออกจากมิติ มิได้หนีหาย
“ข้าจะหาโอกาสทำให้มันสลบ!”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือน ก็คือขอให้ซูจิ่งสิงไม่ทำให้มันบาดเจ็บก่อน ให้ใช้การหลบเลี่ยงเป็นหลัก“โฮก!”เสือเงินกระโดดขึ้น กรงเล็บหน้ากางออกซูจิ่งสิงอุ้มกู้หว่านเยว่ เหินบินเข้าไปในถ้ำกู้หว่านเยว่พบว่า เสือเงินนั้นคล้ายกำลังขัดขวางมิให้พวกเขาเข้าถ้ำอยู่ตลอด ภายในถ้ำมีอันใดกันเล่า?ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็สบโอกาส ยิงปืนยาสลบลงบนตัวเสือเงินพริบตาเดียว ร่างใหญ่โตของเสือเงินก็ล้มลงบนพื้น ทำให้พื้นใต้ฝ่าเท้าทั้งคู่สั่นเบาๆ“โฮก!”เสือเงินดิ้นสองครั้งอย่างเจ็บปวด สายตาทอดมองภายในถ้ำแวบหนึ่ง“มันคล้ายกำลังปกป้องอะไรบางอย่าง”กู้หว่านเยว่พูดออกมา เดินมาหยุดต่อหน้าเสือเงินเสือเงินมีรูปร่างใหญ่โต ปืนยาสลบนี้ทำให้มันขาดความสามารถในการเคลื่อนไหว แต่มิได้ทำให้มันหมดสติไป“โฮกโฮก...” เสียงอ่อนแรงของเสือเงิน เจือคำวิงวอนสองส่วนอาจเพราะสายตาเสือเงินน่าสงสารเกินไปแล้ว กู้หว่านเยว่ตัดสินใจเข้าไปดูภายในถ้ำก่อน“ไป พวกเราเข้าไปดูภายในถ้ำ ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่”“ได้”ซูจิ่งสิงเองก็มองออก ท่าทีของเสือเงินคล้ายกำลังปกป้องบางอย่างทั้งสองคนเข้าไปภายในถ้ำ สิ่งที่ท
“นี่ นี่ไม่ใช่...”แววตากู้หว่านเยว่สั่นไหวเล็กน้อย เมื่อมองดูสิ่งที่อยู่บนขาเสือเงินตัวเมียซูจิ่งสิงเองก็ชะงักไป เห็นเพียงบนขาของเสือเงินตัวนั้น ไม่รู้ทำไมจึงมีพืชต้นหนึ่งขึ้นอยู่ต้นพืชต้นนั้นเป็นสีขาวโปร่งแสงทั้งต้น ใบราวกับทำขึ้นจากน้ำแข็ง เป็นผลึกใสแวววาวสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนตะลึงยิ่งกว่า คือบนปลายยอดของพืชต้นนั้นมีดอกไม้สีขาวหนึ่งดอกเบ่งบานกลีบดอกของมันราวกับสลักออกมาจากน้ำแข็ง เป็นผลึกใสวาว บางดั่งปีกจักจั่น มีกลิ่นอายความเย็นแผ่ซ่านทั่วต้น“นี่ นี่มันดอกน้ำแข็งนิล!”กู้หว่านเยว่ดีใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดีได้มาโดยไม่ต้องเสียแรงเปล่า นึกไม่ถึงว่าพวกนางใจดีอยากเข้ามาดูเสือเงินตัวนี้ ทว่าสุดท้ายกลับพบดอกน้ำแข็งนิลบนตัวเสือเงิน!“มิน่าตอนระบบล็อคเป้าดอกน้ำแข็งนิลนั้น พบว่าดอกน้ำแข็งนิลเคลื่อนไหวตลอด”กู้หว่านเยว่เข้าใจทันทีอาจเพราะดอกน้ำแข็งนิลเติบโตบนร่างกายเสือเงิน เมื่อเสือเงินเคลื่อนไหว ตำแหน่งของดอกน้ำแข็งนิลจึงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดนี่จึงอธิบายได้ว่า ทำไมทั้งที่นายพรานบอกว่าพบดอกน้ำแข็งนิลก้นหุบเขา แต่ขณะนี้ดอกน้ำแข็งนิลกลับมาปรากฏบนยอดเขาทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ซูจิ
เนื่องจากร่างกายอ่อนแอมาก เวลานี้เขาจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะเอ่ยหลังจากกินยาเข้าไป ผ่านไปไม่นานก็หลับสนิทซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นฟู่หลานเหิงเช่นนี้ ก็ยิ่งกังวล“พี่สะใภ้ใหญ่ ยาชนิดนี้จะได้ผลใช่หรือไม่?”นางกล่าวถามไปเรื่อย ซูจิ่งสิงจึงถลึงตาใส่นางหนึ่งครั้ง“หากไม่เชื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า ก็ไปหาคนที่มีความสามารถเหนือกว่า พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลั่นยาชนิดนี้ออกมาอย่างยากลำบาก เจ้ายังกล้าซักถามอีกหรือ?”ซูจิ่นเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้”นางเองก็รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่เป็นสองรองใคร แต่เพราะเป็นห่วงมากเกินไป จึงอดกังวลไม่ได้“ช่างเถอะ อย่าไปเอาความจิ่นเอ๋อร์เลย”กู้หว่านเยว่ดึงมือของซูจิ่งสิง แล้วพาเขาออกไปจากห้อง“หว่านเยว่ ขอโทษนะ”ทันทีที่ออกมา ซูจิ่งสิงมองนางอย่างรู้สึกผิด “จิ่นเอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า นางเอาแต่ใจและหุนหันพลันแล่นไปหน่อย จึงพาฟู่หลานเหิงไปทูเจวี๋ยด้วยตัวเอง จนสร้างความวุ่นวายให้เจ้าไม่น้อย”“ซูจิ่งสิง?”กู้หว่านเยว่มองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ “ท่านจะเกรงใจข้าทำไม?”“นี่ไม่ใช่เกรงใจ”ซูจิ่งสิงกล่าวอธ
เมื่อซูจิ่นเอ๋อร์พุ่งเข้าไปกอดรัดกู้หว่านเยว่ สีหน้าของซูจิ่งสิงก็พลันหมองลง ก่อนจะกระชากตัวนางออกไป“พูดจากันดี ๆ อย่าโวยวายต่อหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า”ซูจิ่นเอ๋อร์แลบลิ้นอย่างรู้สึกผิด“ขอโทษเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้า... ข้าคงจะตื่นเต้นเกินไปหน่อย”นางแทบเกือบรู้สึกหมดหวังแล้ว“คาดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่จะได้ดอกน้ำแข็งนิลกลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์อยากร้องไห้ สองวันมานี้นางไล่ถามหาดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในเมืองตลอดทั้งวันได้ยินมาว่าคนที่ออกตามหาดอกน้ำแข็งนิลในครั้งนี้มีจำนวนมาก การที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่แย่งชิงดอกน้ำแข็งนิลจากคนเหล่านี้กลับมาได้จะต้องเสียแรงไปไม่น้อย“ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าค่ะ”“เด็กโง่ ครอบครัวเดียวกันไหนเลยยังต้องพูดขอบคุณ”ในพวกเขาสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นอาของนาง อีกคนก็เป็นสหายที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กนางไม่มีทางยืนมองโดยไม่เข้าไปยุ่งได้“เอาละ เช็ดน้ำตาของเจ้าเถอะ ข้าต้องไปกลั่นยาอีก”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง ซูจิ่นเอ๋อร์รีบพยักหน้า เนื่องจากฟู่หลานเหิงอ่อนแอมาก จึงได้หมดสติไป“ท่านพี่ ท่านถือโอกาสนี้ปรึกษาหารือกับพี่ใหญ่จงหลี่สิเจ้าคะ ดูว่าสามารถเรียกคนสก
เขารู้สึกหนาวมาก“มี ยังมี เดี๋ยวข้าไปจุด”ซูจิ่นเอ๋อร์รีบพยักหน้า ขณะหันหลังรู้สึกเจ็บปวดนางจุดถ่านในห้องสามกระถางแล้ว แต่ฟู่หลานเหิงยังรู้สึกหนาวมาก ร่างกายของเขาอ่อนแอถึงขั้นไหนกัน?ซูจิ่นเอ๋อร์จุดถ่านเพิ่มอีกสองกระถาง ฟู่หลานเหิงมองนางอย่างพร่าเลือน“จิ่นเอ๋อร์”“ข้าอยู่นี่”ปลายจมูกซูจิ่นเอ๋อร์แดง แล้วรีบมาข้างเตียง“ข้าน่าจะไม่ไหวแล้ว หลังจากข้าตายเจ้าไม่ต้องครองหม้ายเพื่อข้า หากพบเจอคนที่ชอบพอ ก็สามารถแต่งงานใหม่”“อะไรนะ?”ซูจิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดจาเช่นนี้ จึงพึมพำสองสามคำ จู่ๆ น้ำตาสองสายไหลพรากลงมาทันที“เจ้าพูดบ้าอะไรกัน? ข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว อยู่เป็นคนของเจ้า ตายเป็นผีของเจ้าหากเจ้าตาย ข้าจะไม่มีชีวิตอยู่เพียงลำพังเด็ดขาดฟู่หลานเหิง เจ้าอย่าคิดจะทิ้งข้า!”นางแทบจะร้องตะโกนอย่างขาดใจ อาจเพราะอารมณ์ตึงเครียดมานาน“เจ้ายืนหยัดไว้ก่อนดีหรือไม่? ไม่ง่ายกว่าข้าจะพาเจ้ามาถึงภูเขาน้ำแข็งนิลคุณชายจงรับปากพวกเราแล้ว เขาจะหาดอกน้ำแข็งนิลกลับมา เขาต้องช่วยเจ้าได้แน่”ซูจิ่นเอ๋อร์ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ฟู่หลานเหิงส่ายหน้า แม้เขากับซูจิ่นเอ๋อร์จะแต่งงานกันแล้ว
“เฝ้าต้นไม้คอยกระต่ายหรือ?”รอยยิ้มของจงหลี่เจิดจ้าโดดเด่น ทำให้กู้หว่านเยว่ต้องเบนสายตาเมื่อถูกเขาดึงดูดอย่างประหลาด ความรู้สึกคุ้นเคยที่เกิดขึ้นทำให้นางอดถามไม่ได้“เฝ้าต้นไม้อะไร คอยกระต่ายอะไร?”“หึหึ”จงหลี่รู้สึกน่าขันกับแววตาสงสัยของนาง ความเย็นชาห่างเหินในแววตา เมื่อหันมองกู้หว่านเยว่ มีความอ่อนโยนห่วงในแวบผ่าน “นี่คือเส้นทางที่ต้องผ่านเมื่อออกจากภูเขาน้ำแข็งนิล ไม่ว่าคนที่ได้ดอกไม้มาหรือไม่ ล้วนต้องผ่านเส้นทางนี้”เขาจงใจเจาะจง ทำให้กู้หว่านเยว่เบิกตาโต “เจ้า เจ้ารออยู่ที่นี่ เพราะอยากแย่งชิงหรือ?” “เจ้าทายสิ”ไม่ง่ายที่จงหลี่จะมีแก่ใจหยอกล้อนาง ในแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนดวงตาซูจิ่งสิงสลดลงเล็กน้อย แม้เขาจะรู้สึกว่าจงหลี่รู้สึกกับกู้หว่านเยว่ไม่ธรรมดา แต่ก็เป็นเพียงสายตาที่ผู้ใหญ่มองดูผู้น้อยเท่านั้น“แค่กแค่ก ข้าทายไม่ถูกหรอก”กู้หว่านเยว่ลูบจมูก ในใจคิดว่าชายผมขาวผู้นี้ช่างเป็นคนเถรตรงยิ่งนักไม่รู้ว่าเขามาภูเขาน้ำแข็งนิล เพื่อตามหาน้ำแข็งนิลให้ซูจิ่นเอ๋อร์ หรือว่าเขาต้องการเองกู้หว่านเยว่ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ว่าดอกน้ำแข็งนิลอยู่บนตัวนาง“เอาละ”จงหลี
กู้หว่านเยว่มองเหิงเทียนอวี้ แล้วอมยิ้ม“สำนักวั่นจงเป็นสำนักของเจ้า เจ้าไม่ช่วยสำนักตัวเอง กลับมาแจ้งข่าวให้พวกข้างั้นหรือ?”เหิงเทียนอวี้ลังเล “แม้สำนักวั่นจงจะเป็นสำนักของข้า แต่ก่อนหน้านี้พวกเราได้ร่วมมือกันแล้วไม่ใช่หรือ? อีกอย่างข้าไม่ได้อยากทำร้ายพวกเขา แค่อยากแจ้งข่าวให้พวกเจ้าเท่านั้น”ดูเหมือนเขากลัวสำนักวั่นจงจะทำร้ายนางมาก จึงรีบกล่าวต่อไป“พวกเรา พวกเราร่วมมือกันแล้ว”สรุปคำพูดนี้เพิ่งพูดออกไป ซูจิ่งสิงแทงกระบี่ไปบนตัวเขาทันที“...” กะทันหันเกินไป ช่างไร้จรรยาบรรณ!เหิงเทียนอวี้เบิกตาโต ในดวงตาเผยให้เห็นความหวาดกลัว“เพราะอะไร ทั้งที่ข้ากำลังช่วยพวกเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเย็นเดินไปตรงหน้าเขา“เจ้าเป็นคนฆ่าเหิงหู่สินะ? ข้าดูออกแต่แรกแล้วว่าเจ้ากับเหิงสุยสุ่ยไม่ถูกกัน”สายตาของนางอมยิ้ม แล้ววิเคราะห์อย่างใจเย็น“วันนั้นตอนที่กำลังต่อสู้กับเหิงหู่ ข้าสังเกตได้ว่ามีคนคอยแอบดูอยู่ด้านหลังตลอดคนคนนั้นก็คือเจ้าสินะ?”“ไม่ ไม่ใช่!”เหิงเทียนอวี้โต้แย้งทันควัน เขาไม่กล้าขยับ กลัวว่าขยับแล้วจะตายเร็วขึ้น“เจ้าแก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ เจ้าฆ่าเหิงหู่ไปแล้ว แล้วโยนความผิด
ยามกู้หว่านเยว่หันมองจงหลี่ สายตาอ่อนโยนของจงหลี่หันมองนางเช่นกัน จากนั้นมุมปากยกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ทั้งอบอุ่นและเจิดจ้า“ไม่พบกันเสียนาน”เห็นได้ชัดว่าจงหลี่เองก็จำได้ ว่าเขาเคยพบกู้หว่านเยว่ที่เมืองอวี้“เป็นเจ้าจริงด้วย”กู้หว่านเยว่ดีใจมากนางแทบอยากจะกระโดดบินไปถามชายผมขาว ว่าตกลงเรื่องทุกอย่างเป็นเช่นไรกันแน่เพียงแต่ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าด้านหลังยังมีศิษย์ของสำนักวั่นจงที่จ้องเขม็ง ดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงคิดจะจัดการศิษย์สำนักวั่นจงพวกนี้ก่อน“ท่านคือผู้ใดกัน? นี่เป็นความแค้นระหว่างพวกเรากับสองสามีภรรยานั่น ขอท่านอย่าได้เข้ามาสอด”หนึ่งในศิษย์ของสำนักวั่นจงก้าวออกมา มองดูจงหลี่อย่างหวาดระแวง เห็นได้ชัดว่าวิชาธนูฝีมือดีของจงหลี่ ทำให้พวกเขาเกรงกลัวอยู่บ้างอีกอย่างจงหลี่ไม่ได้มาเพียงลำพัง ด้านหลังเขายังมีผู้ติดตามอีกหลายคนแม้ผู้ติดตามเหล่านั้นยังไม่ได้ลงมือ แต่ดูจากรูปร่างก็รู้ว่าล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีระดับ“นี่คือสหายของข้า สหายของข้ากำลังถูกไล่ล่า พวกเจ้าคิดว่าข้าควรเข้าไปสอดหรือไม่?”แววตาอ่อนโยนของจงหลี่ เปลี่ยนเป็นเย็นชากะทันหันจิตสังหารที่แฝงอยู่ในนั้น ทำให้เ
ทว่าจุดที่ไม่ไกลนักกลับมีเสียงที่ไม่ถูกเวลาดังขึ้น กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงรีบหันมอง พบว่าคนเหล่านั้นสวมชุดของสำนักวั่นจง“ให้ตายสิ ทำไมเป็นคนของสำนักวั่นจงอีกแล้ว?”กู้หว่านเยว่รู้สึกเซ็งไม่น้อย คนของสำนักวั่นจงเหล่านี้ไม่ยอมเลิกราเลยจริงๆเมื่อเห็นพวกเขามีจำนวนคนเยอะกว่า อีกอย่างกู้หว่านเยว่กลัวว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจะดึงให้พวกเขามาเพิ่ม ดังนั้นจึงดึงซูจิ่งสิงให้กระโดดขึ้นหลังม้า คิดจะหลบหนี“พวกเจ้ายังกล้าหนีหรือ ข้าดูสิพวกเจ้าจะหนีไปไหนได้”เมื่อศิษย์ของสำนักวั่นจงมองเห็นกู้หว่านเยว่ ทำราวกับมีความแค้นใหญ่โต ไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่ง“พวกเขาเอาความตายของเหิงหู่มาลงที่พวกเรา”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง แม้นางกับซูจิ่งสิงอยากสังหารเหิงหู่ทว่าวันนั้นระบบได้แจ้งเตือนว่าพวกเขาพบร่องรอยของดอกน้ำแข็งนิล ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้ติดตามเหิงหู่ต่อไปนางมั่นใจ ก่อนเหิงหู่จะจากไปอาการบาดเจ็บไม่ได้สาหัสมากขนาดนั้นไม่ว่าอย่างไรก็มั่นใจได้ว่าไม่ถึงขั้นที่ทำให้ตายได้“ดูเหมือนจะมีคนโยนความผิดมาให้พวกเราเสียแล้ว”ซูจิ่งสิงหรี่ตาทั้งคู่ลง ในแววตาเผยความไม่สบอารมณ์หากเหิงหู่ตายด้วยฝีมือพวกเ
ขณะนี้เสือเงินตัวเมียหมดสติไปแล้ว เสือเงินตัวผู้คุกเข่าอยู่ข้างกายมัน แล้วเอาหัวไปถูอย่างร้อนใจราวกับรู้ว่ากู้หว่านเยว่มีวิธีช่วยมัน เสือเงินตัวผู้จึงหันมองนางอย่างดีใจ“ฮือฮือ”“เจ้าหลบไปด้านข้างก่อน ข้าต้องช่วยเมียเจ้าแน่”กู้หว่านเยว่พูดออกไป ไม่สนใจว่าเสือเงินตัวผู้ฟังเข้าใจหรือไม่ เดินไปข้างหน้าสองก้าวก้มลงตรวจดูอาการของเสือเงินตัวเมีย“ยังดี ยังมีลมหายใจอยู่”กู้หว่านเยว่โล่งอก จึงพาเสือเงินตัวเมียเข้าไปในหอแห่งโอสถทันที แล้วใช้เครื่องมือเฉพาะทางดึงลูกศรที่อยู่ตรงลำคอของมันออกมาเสือเงินตัวผู้เห็นหนึ่งคนหนึ่งสัตว์หายไปกะทันหัน สีหน้าเผยความกังวลขณะนี้นกหงส์เพลิงเดินไปข้างกายมัน ไม่รู้พูดภาษานกหรืออะไรกับมันสองสามคำทำให้เสือเงินตัวผู้ค่อยๆ สงบลงกู้หว่านเยว่ยุ่งวุ่นวายอยู่ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็นำลูกศรออกมาได้สำเร็จ จากนั้นทำแผลให้เสือเงินตัวเมียเนื่องด้วยอาการของเสือเงินตัวเมียยังสาหัสมาก กู้หว่านเยว่จึงไม่ได้ให้มันออกจากหอแห่งโอสถทันที กลับพาเสือเงินตัวผู้เข้าไปดูอาการของมันเพื่อให้มันแน่ใจว่าเมียของมันไม่เป็นไรแล้ว จากนั้นพามันกลับไปบนสนามหญ้าอีกครั้ง“ต้องใช้
นางตรวจดูสถานการณ์ของเสือเงินตัวเมียสักครู่ จากนั้นขมวดคิ้วแน่นโชคดีที่ไม่ถูกหลอดลมและหลอดเลือดแดงใหญ่ ถือว่าโชคดีในโชคร้ายเนื่องด้วยสถานการณ์คับขัน กู้หว่านเยว่ไม่มีเวลาดึงลูกศรให้มันครุ่นคิดสักครู่ จึงเก็บเสือเงินสองตัวนี้เข้าไปในมิติพร้อมกันแล้วปล่อยพวกมันไว้ข้างน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ ขอให้เสือเงินตัวเมียดื่มน้ำแร่เข้าไปสักคำสองคำเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น กู้หว่านเยว่น้ำยาทำลายศพที่ปรมาจารย์แพทย์ให้นาง เทลงบนตัวลูกศิษย์สำนักวั่นจง จากนั้นจึงตามซูจิ่งสิงไปนักพรตเฒ่าคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก เมื่อออกจากถ้ำก็ไปสถานที่ที่คนเยอะทันทีขณะนี้มีคนไม่น้อยปีนขึ้นมาจากเชิงเขา และกำลังค้นหาไปทั่วกู้หว่านเยว่เห็นว่ามีคนเยอะ จึงเก็บปืนเข้าไปในมิติเปลี่ยนเป็นหน้าไม้แทน“ฟิ่ว!”ลูกศรยิงถูกต้นขาของนักพรตเฒ่านักพรตเฒ่าร้องโหยหวน อาจเพราะรู้สึกว่าตัวเองยากจะหนีรอด ทันใดนั้นจึงตะโกนใส่ฝูงชนโดยไม่สนใจสิ่งใด“ดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในมือสามีภรรยาคู่นี้!”“ทุกคนรีบมาเร็ว ดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในมือพวกเขา!”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนไป“สมควรตาย”นักพรตเฒ่าไร้ยางอายมาก สมกับเป็นลูกน้องข