“ฮ่า ๆ พี่ชาย ดอกน้ำแข็งนิลนี้เป็นสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าของข้า ข้าแนะนำให้ท่านรีบยอมแพ้ แล้วไสหัวออกไปโดยเร็ว”หญิงที่เป็นหัวหน้าถือแส้ยาวไว้ในมือ พูดจาด้วยสีหน้าจองหองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบสายตากัน เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของหญิงผู้นั้น รวมถึงผู้คนที่ติดตามอีกฝ่ายอยู่ข้างหลัง แต่ละคนดูเหมือนจะมีวิทยายุทธ์“ตัวตนของคนผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา ท่านรู้ไหมว่านางเป็นใคร?”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดสักครู่แล้วกระซิบว่า “เหมือนจะเป็นศิษย์ของสำนักวั่นจง”“เราลองดูไปก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง”“ก็ดี”กู้หว่านเยว่พยักหน้า เนื่องจากสองคนนี้ไม่ได้มาหาพวกเขา อาจจะได้ยินข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากของพวกเขาก็ได้ ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงไม่เลือกที่จะเข้าไปรบกวน แต่เดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งเงียบ ๆ แล้วนั่งลง คอยดูละครสนุก ๆ อยู่ไกล ๆฝั่งตรงข้ามหญิงชุดแดงคือชายชุดน้ำเงินคนหนึ่ง สีหน้าของคนผู้นี้ดูไม่ค่อยสบาย ขมวดคิ้วมองไปยังหญิงชุดแดง“น้องหญิง เราเป็นคนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว ใครพบเจอของสิ่งนี้ก็สามารถนำกลับไปให้อาจารย์ได้ เหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ด้วย?”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน แต่หญิงชุดแดงระเ
เหิงสุยสุ่ยคว้าแส้ยาวขึ้นมา พันหางแส้รอบถ้วยชา แล้วโยนใส่ตัวเหิงเทียนอวี้“น้องหญิง อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย”เหิงเทียนอวี้มองดูด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายแต่เขาก้าวไปทางซ้ายโดยไม่ได้สนใจ หลบหลีกถ้วยชาใบนั้นได้อย่างคาดไม่ถึง“ทักษะการต่อสู้ของคนผู้นี้ไม่กระจอกเลย”กู้หว่านเยว่กระซิบกับซูจิ่งสิง ลมหายใจอุ่น ๆ ทำให้ใบหูของเขาจักจี้เล็กน้อยเนื่องจากในเวลานี้พวกเขากำลังยืนดูอยู่ข้างหลังเหิงเทียนอวี้อย่างเมามันเหิงเทียนอวี้หลีกออกไปทางด้านหนึ่ง ถ้วยชาใบนั้นจึงพุ่งเข้ามาหาสองสามีภรรยาเป็นเรื่องปกติ“น้องหญิง เจ้าทำให้ผู้บริสุทธิ์โดนลูกหลงแล้ว!”ใบหน้าของเหิงเทียนอวี้ซีดเผือด ในขณะที่เหิงสุยสุ่ยมีสีหน้าเฉยเมยนางไม่เคยเห็นความเป็นความตายของคนรอบข้างอยู่ในสายตาขณะที่ซูจิ่งสิงกำลังคิดว่าถ้วยชาจะกระแทกตัวทั้งสอง เขาก็โอบเอวของกู้หว่านเยว่ พร้อมกับกระแทกฝ่ามือออกไปพลังฝ่ามือที่แข็งแกร่งกระแทกถ้วยชาให้กระเด็นกลับไปทันที“โอ๊ย!”เหิงสุยสุ่ยสะดุ้งโหยง ชักแส้ยาวไปทางถ้วยชาโดยสัญชาตญาณ แต่กำลังภายในที่อยู่ในถ้วยชานั้นกลับมีมหาศาล สั่นสะเทือนแส้จนหลุดออกจากมือ“ช่วยด้วย!”ถ้วยชากระแทกไหล่ของ
ตราบใดที่โรงเตี๊ยมไม่พังทลาย ก็ไม่เป็นไร“ข้าว่าหากพวกท่านต้องการตีกัน ก็ออกไปตีกันข้างนอก”เจ้าของเอ่ยเตือน เห็นว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้วย“เถ้าแก่ไม่ต้องกังวล จะไม่ทำให้ข้าวของของพวกท่านเสียหายหรอก”กู้หว่านเยว่ยิ้มแย้มแจ่มใส กวัดแกว่งแส้ยาว พันรอบตัวเหิงสุยสุ่ยไว้ แล้วโยนนางออกจากโรงเตี๊ยมเสียเลย“โอ๊ย!”เหิงสุยสุ่ยตกลงไปบนพื้นหิมะ ส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาถ้าไม่ใช่เพราะหิมะด้านนอกหนาพอสมควร ตอนนี้นางคงร่วงกระแทกตายไปแล้ว“อย่าฆ่าข้าเลย”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ตามติดออกมา ในที่สุดนางก็รู้สึกกลัว“พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าเป็นศิษย์น้องเล็กที่เป็นที่รักของสำนักวั่นจง ถ้าพวกเจ้าสังหารข้า อาจารย์ของข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่”เหิงสุยสุ่ยตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่นองครักษ์ที่ตามหลังนางมา รีบเข้ามาขัดขวางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของทั้งสองคน แต่การพัวพันของพวกเขาก็ทำให้เหิงสุยสุ่ยมีโอกาสหลบหนีได้เห็นเพียงเหิงสุยสุ่ยยันกายลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีออกไปข้างนอกราวกับเหาะเหิน“คิดจะหนีหรือ? ฝันไปเถอะ”กู้หว่านเยว่วางแผนที่จะไล่ตามให้ทัน แต
หิมะบนยอดเขาถล่มลงมาสักพักก่อนจะหยุดลงหลังจากที่หิมะถล่มหยุดลง พื้นดินใต้เท้าของพวกเขาก็หยุดสั่นไหวเช่นกัน“ไป ๆ ๆ เข้าไปในโรงเตี๊ยมกันเถอะ อย่ามัวตากลมหนาวอยู่ข้างนอกเลย”เจ้าของโบกมือ กู้หว่านเยว่อยู่ข้างนอกก็รู้สึกหนาวเย็นเช่นกัน จึงรีบจูงมือซูจิ่งสิงเข้าไปในโรงเตี๊ยมด้วยกัน“ท่านทั้งสอง!”แววตาของเหิงเทียนอวี้ระยิบระยับเล็กน้อย ก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน“ท่านทั้งสองดูไม่เหมือนชาวเมืองน้ำแข็งนิลเลย พวกท่านก็มาจากต่างถิ่น เพื่อตามหาดอกน้ำแข็งนิลเช่นกันหรือ?”เขาไม่อ้อมค้อม รอยยิ้มอันอ่อนโยนที่เผยขึ้นมาบนใบหน้าขณะที่กำลังพูดคุยกันนั้น เห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลายทีเดียวทว่าเนื่องจากพวกเขามาตามหาดอกน้ำแข็งนิล ก็ถือได้ว่ามีความเป็นปฏิปักษ์ ดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงไม่ได้สนใจเขาในทันทีเหิงเทียนอวี้สองสามีภรรยามองเขาอย่างเย็นชา เผยให้เห็นรอยยิ้มเจื่อน ๆ“ทั้งสองท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความอย่างอื่น”เขาเอ่ยเสียงเบา“หากทั้งสองท่านกำลังมองหาดอกน้ำแข็งนิล บางทีพวกเราอาจร่วมมือกันได้ข้าต้องการเพียงกลีบดอกน้ำแข็งนิลครึ่งเดียว ส่วนที่เหลือเป็นของพวกท่าน”กู้หว่านเยว่มองเขาด้วย
“ชายหญิงคู่นั้นมีวิทยายุทธ์หรือไม่ หน้าตาเป็นอย่างไร?”“ฝ่ายชายดูอ่อนแอมาก ไอแคก ๆ ไม่หยุด ฝ่ายหญิงดูมีอายุประมาณสิบห้าปี หน้าตาร่าเริง คอยาวมาก”ดวงตาของเหิงเทียนอวี้เป็นประกาย“อ้อ ใช่แล้ว ข้าดูเหมือนจะได้ยินชายผู้นั้นเรียกนางว่านังหนูจิ่น”นังหนูจิ่น! จิ่นเอ๋อร์!แม้ว่าสีหน้าของกู้หว่านเยว่จะยังไร้อารมณ์ใด ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับตื่นเต้นเป็นที่สุดได้มาโดยไม่เสียแรงใด ๆ ไม่นึกว่าพวกเขาจะได้ข่าวของซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงในเมืองน้ำแข็งนิลแม้ว่าจะไม่สามารถระบุตัวตนของชายผมขาวได้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ทำร้ายซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิง คงไม่ใช่คนเลวอะไร“ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?”กู้หว่านเยว่รีบถาม แววตาของเหิงเทียนอวี้วิบวับเล็กน้อย ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล“ดูเหมือนฮูหยินจะสนใจพวกเขาเป็นพิเศษ?”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจอย่างเย็นชา“ฟังจากคำอธิบายของท่าน เด็กชายวิทยายุทธ์แก่กล้าของพวกเขาเข้ามาในภูเขาน้ำแข็งนิล จะไม่แย่งชิงดอกน้ำแข็งนิลกับข้า”นางแสร้งทำเป็นว่ามีแววโหดร้ายแวบขึ้นในดวงตา“แทนที่เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งสองฝ่ายจะต้องแย่งชิงกัน สู้จัดการพวกเขาในเ
“ดูจากท่าทาง มีความเป็นไปได้สูงมาก”ซูจิ่งสิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไปยั่วยุให้เกิดปัญหาใหญ่อีกครั้งแล้วแต่ต่อให้ทั้งสองมาอีกครั้ง ซัดปากเน่า ๆ ของเหิงสุยสุ่ยนั่น ทั้งสองก็ไม่ยอมปล่อยนางไป“ตามหาดอกน้ำแข็งนิลเป็นเรื่องสำคัญ อย่าสร้างปัญหาอื่นซ้ำอีก พวกเราออกไปทางประตูหลังกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง สองสามีภรรยาเข้าใจกันโดยปริยาย รีบหอบสัมภาระขึ้นมา มาถึงสนามหลังบ้านเพื่อปลดเชือกให้ม้ากระต่ายแดงวางแผนที่จะวิ่งตะบึงออกไปด้วยกันทางประตูหลังผลปรากฏว่า คนของสำนักวั่นจงมีความระแวดระวัง คาดเดาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วว่าพวกเขาต้องหนี จึงซุ่มโจมตีอยู่ที่สนามหลังบ้าน“พวกเจ้าสองวายร้าย ทำร้ายหลานสาวของข้าแล้วคิดจะหนีไป ฝันไปเถอะ!”หลังจากสิ้นเสียงตะโกนดังสนั่นหู กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าไป เห็นเพียงชายวัยกลางคนที่มีร่างกายแข็งแรงมากคนหนึ่ง แขนขาบึกบึนแข็งแรง กล้ามเนื้อนูนออกมา ควงค้อนขนาดใหญ่ในมือทุบเข้าใส่พวกเขา“บัดซบ!”ความตกตะลึงแวบขึ้นในดวงตาของกู้หว่านเยว่อะไรกันเนี่ย?!ถ้าถูกค้อนด้ามใหญ่นี้ฟาดเอาล่ะก็ มันสมองคงถูกทุบไหลออกมาทันใดเล
“อาสาม ท่านต้องล้างแค้นให้ข้า ฆ่าพวกเขาซะ”เมื่อสายตาของเหิงหู่จับจ้องไปที่ใบหน้าของเหิงสุยสุ่ย ความรู้สึกอ่อนโยนแบบพ่อผู้มีเมตตาก็ปรากฏขึ้น“สุยสุ่ยเจ้าไม่ต้องกังวล ใครกล้ารังแกเจ้า อาสามจะสั่งสอนบทเรียนให้เขาเอง”จะเห็นได้ว่าชายวัยกลางคนรักเหิงสุยสุ่ยมาก“ข้ารู้ว่าอาสามรักข้ามากที่สุด”ตั้งแต่เด็กจนโตก็เป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่านางจะได้รับความคับข้องใจเรื่องอะไร อาสามจะลุกขึ้นมาก่อนเสมอปฏิบัติต่อนาง ดีกว่าลูกสาวแท้ ๆ เสียอีก“สุยสุ่ยเจ้าได้รับบาดเจ็บ ขี่ช้า ๆ หน่อย มอบหมายพวกเขาทั้งสองให้เป็นหน้าที่ของอาสาม เจ้าวางใจได้ อาสามจะเด็ดหัวของพวกเขากลับมาให้เจ้าเตะเล่นแน่นอน”“ขอบคุณเจ้าค่ะ อาสาม”เหิงสุยสุ่ยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เคลื่อนไหวช้าลงตามคาดลูกเตะของกู้หว่านเยว่บนตัวนางไม่ได้เบาเลย ตอนนี้หน้าอกของนางยังรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”เหิงหู่หนีบท้องม้า แล้วไล่ตามไปเจ้าหมอนี่เต็มไปด้วยพละกำลังอันป่าเถื่อน ควบม้าด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ ค้อนด้ามใหญ่เฉียดหนังศีรษะของกู้หว่านเยว่อยู่หลายครั้ง“ชายสูงใหญ่ผู้นี้จัดการยากจริง ๆ”กู้หว่านเยว่กดหน้าผากที่ปวดไว้ ไล่ต
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว!”เหิงหู่ระเบิดเสียงดังลั่น กู้หว่านเยว่ถึงขั้นไม่กลัวเขา ยังหาญกล้า “ปรึกษา” กับเขาอีกด้วยอย่างนั้นหรือ?“หาญกล้าทำร้ายหลานสาวของข้า พวกเจ้าจะได้เห็นดีกันแน่!”เหิงหู่เหยียบหลังม้า กระโดดขึ้นกลางอากาศ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เหวี่ยงค้อนทุบลงมาทางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกู้หว่านเยว่พูดไม่ออก เดิมทีนางอยากปรึกษาเหิงหู่ดีๆ สรุปคือเขากลับไม่รับน้ำใจอย่างนั้นหรือ?เช่นนั้นก็ได้ ดูว่ากำปั้นใครแข็งกว่ากันเถอะ!กู้หว่านเยว่เบี่ยงตัวหลบ ดึงหน้าไม้ออกมา เล็งไปทางเหิงหู่“น้องหญิง อย่าเพิ่งยิงเลย”ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน เห็นชัดว่าเขารับรู้ได้ว่ามีคนลอบสอดแนมพวกเขาในที่ลับเพียงแต่น่าเสียดายที่บัดนี้ พวกเขาต้องรับมือกับศึกของเหิงหู่ก่อน ไม่มีเวลาหาตัวคนผู้นั้นออกมา“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางเองก็สัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายสายกำลังลอบจับจ้องนางอยู่ซูจิ่งสิงชักกระบี่อาทิตย์คำรามออกมา ต้านค้อนของเหิงหู่“ไอ้เด็กนี่!”ดวงตาเหิงหู่สะท้อนแววตกตะลึง ค้อนใหญ่ของเขานี้หนักนับพันชั่ง ภายในนั้นยังเจือกำลังภายในมหาศาลของเขาอีกด้วย ชายหนุ่มคนนี้ถึงขั้นรับไว้ได้“ตกลงเจ้าเป็นใครกั
เนื่องจากร่างกายอ่อนแอมาก เวลานี้เขาจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะเอ่ยหลังจากกินยาเข้าไป ผ่านไปไม่นานก็หลับสนิทซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นฟู่หลานเหิงเช่นนี้ ก็ยิ่งกังวล“พี่สะใภ้ใหญ่ ยาชนิดนี้จะได้ผลใช่หรือไม่?”นางกล่าวถามไปเรื่อย ซูจิ่งสิงจึงถลึงตาใส่นางหนึ่งครั้ง“หากไม่เชื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า ก็ไปหาคนที่มีความสามารถเหนือกว่า พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลั่นยาชนิดนี้ออกมาอย่างยากลำบาก เจ้ายังกล้าซักถามอีกหรือ?”ซูจิ่นเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้”นางเองก็รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่เป็นสองรองใคร แต่เพราะเป็นห่วงมากเกินไป จึงอดกังวลไม่ได้“ช่างเถอะ อย่าไปเอาความจิ่นเอ๋อร์เลย”กู้หว่านเยว่ดึงมือของซูจิ่งสิง แล้วพาเขาออกไปจากห้อง“หว่านเยว่ ขอโทษนะ”ทันทีที่ออกมา ซูจิ่งสิงมองนางอย่างรู้สึกผิด “จิ่นเอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า นางเอาแต่ใจและหุนหันพลันแล่นไปหน่อย จึงพาฟู่หลานเหิงไปทูเจวี๋ยด้วยตัวเอง จนสร้างความวุ่นวายให้เจ้าไม่น้อย”“ซูจิ่งสิง?”กู้หว่านเยว่มองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ “ท่านจะเกรงใจข้าทำไม?”“นี่ไม่ใช่เกรงใจ”ซูจิ่งสิงกล่าวอธ
เมื่อซูจิ่นเอ๋อร์พุ่งเข้าไปกอดรัดกู้หว่านเยว่ สีหน้าของซูจิ่งสิงก็พลันหมองลง ก่อนจะกระชากตัวนางออกไป“พูดจากันดี ๆ อย่าโวยวายต่อหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า”ซูจิ่นเอ๋อร์แลบลิ้นอย่างรู้สึกผิด“ขอโทษเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้า... ข้าคงจะตื่นเต้นเกินไปหน่อย”นางแทบเกือบรู้สึกหมดหวังแล้ว“คาดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่จะได้ดอกน้ำแข็งนิลกลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์อยากร้องไห้ สองวันมานี้นางไล่ถามหาดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในเมืองตลอดทั้งวันได้ยินมาว่าคนที่ออกตามหาดอกน้ำแข็งนิลในครั้งนี้มีจำนวนมาก การที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่แย่งชิงดอกน้ำแข็งนิลจากคนเหล่านี้กลับมาได้จะต้องเสียแรงไปไม่น้อย“ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าค่ะ”“เด็กโง่ ครอบครัวเดียวกันไหนเลยยังต้องพูดขอบคุณ”ในพวกเขาสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นอาของนาง อีกคนก็เป็นสหายที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กนางไม่มีทางยืนมองโดยไม่เข้าไปยุ่งได้“เอาละ เช็ดน้ำตาของเจ้าเถอะ ข้าต้องไปกลั่นยาอีก”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง ซูจิ่นเอ๋อร์รีบพยักหน้า เนื่องจากฟู่หลานเหิงอ่อนแอมาก จึงได้หมดสติไป“ท่านพี่ ท่านถือโอกาสนี้ปรึกษาหารือกับพี่ใหญ่จงหลี่สิเจ้าคะ ดูว่าสามารถเรียกคนสก
เขารู้สึกหนาวมาก“มี ยังมี เดี๋ยวข้าไปจุด”ซูจิ่นเอ๋อร์รีบพยักหน้า ขณะหันหลังรู้สึกเจ็บปวดนางจุดถ่านในห้องสามกระถางแล้ว แต่ฟู่หลานเหิงยังรู้สึกหนาวมาก ร่างกายของเขาอ่อนแอถึงขั้นไหนกัน?ซูจิ่นเอ๋อร์จุดถ่านเพิ่มอีกสองกระถาง ฟู่หลานเหิงมองนางอย่างพร่าเลือน“จิ่นเอ๋อร์”“ข้าอยู่นี่”ปลายจมูกซูจิ่นเอ๋อร์แดง แล้วรีบมาข้างเตียง“ข้าน่าจะไม่ไหวแล้ว หลังจากข้าตายเจ้าไม่ต้องครองหม้ายเพื่อข้า หากพบเจอคนที่ชอบพอ ก็สามารถแต่งงานใหม่”“อะไรนะ?”ซูจิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดจาเช่นนี้ จึงพึมพำสองสามคำ จู่ๆ น้ำตาสองสายไหลพรากลงมาทันที“เจ้าพูดบ้าอะไรกัน? ข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว อยู่เป็นคนของเจ้า ตายเป็นผีของเจ้าหากเจ้าตาย ข้าจะไม่มีชีวิตอยู่เพียงลำพังเด็ดขาดฟู่หลานเหิง เจ้าอย่าคิดจะทิ้งข้า!”นางแทบจะร้องตะโกนอย่างขาดใจ อาจเพราะอารมณ์ตึงเครียดมานาน“เจ้ายืนหยัดไว้ก่อนดีหรือไม่? ไม่ง่ายกว่าข้าจะพาเจ้ามาถึงภูเขาน้ำแข็งนิลคุณชายจงรับปากพวกเราแล้ว เขาจะหาดอกน้ำแข็งนิลกลับมา เขาต้องช่วยเจ้าได้แน่”ซูจิ่นเอ๋อร์ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ฟู่หลานเหิงส่ายหน้า แม้เขากับซูจิ่นเอ๋อร์จะแต่งงานกันแล้ว
“เฝ้าต้นไม้คอยกระต่ายหรือ?”รอยยิ้มของจงหลี่เจิดจ้าโดดเด่น ทำให้กู้หว่านเยว่ต้องเบนสายตาเมื่อถูกเขาดึงดูดอย่างประหลาด ความรู้สึกคุ้นเคยที่เกิดขึ้นทำให้นางอดถามไม่ได้“เฝ้าต้นไม้อะไร คอยกระต่ายอะไร?”“หึหึ”จงหลี่รู้สึกน่าขันกับแววตาสงสัยของนาง ความเย็นชาห่างเหินในแววตา เมื่อหันมองกู้หว่านเยว่ มีความอ่อนโยนห่วงในแวบผ่าน “นี่คือเส้นทางที่ต้องผ่านเมื่อออกจากภูเขาน้ำแข็งนิล ไม่ว่าคนที่ได้ดอกไม้มาหรือไม่ ล้วนต้องผ่านเส้นทางนี้”เขาจงใจเจาะจง ทำให้กู้หว่านเยว่เบิกตาโต “เจ้า เจ้ารออยู่ที่นี่ เพราะอยากแย่งชิงหรือ?” “เจ้าทายสิ”ไม่ง่ายที่จงหลี่จะมีแก่ใจหยอกล้อนาง ในแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนดวงตาซูจิ่งสิงสลดลงเล็กน้อย แม้เขาจะรู้สึกว่าจงหลี่รู้สึกกับกู้หว่านเยว่ไม่ธรรมดา แต่ก็เป็นเพียงสายตาที่ผู้ใหญ่มองดูผู้น้อยเท่านั้น“แค่กแค่ก ข้าทายไม่ถูกหรอก”กู้หว่านเยว่ลูบจมูก ในใจคิดว่าชายผมขาวผู้นี้ช่างเป็นคนเถรตรงยิ่งนักไม่รู้ว่าเขามาภูเขาน้ำแข็งนิล เพื่อตามหาน้ำแข็งนิลให้ซูจิ่นเอ๋อร์ หรือว่าเขาต้องการเองกู้หว่านเยว่ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ว่าดอกน้ำแข็งนิลอยู่บนตัวนาง“เอาละ”จงหลี
กู้หว่านเยว่มองเหิงเทียนอวี้ แล้วอมยิ้ม“สำนักวั่นจงเป็นสำนักของเจ้า เจ้าไม่ช่วยสำนักตัวเอง กลับมาแจ้งข่าวให้พวกข้างั้นหรือ?”เหิงเทียนอวี้ลังเล “แม้สำนักวั่นจงจะเป็นสำนักของข้า แต่ก่อนหน้านี้พวกเราได้ร่วมมือกันแล้วไม่ใช่หรือ? อีกอย่างข้าไม่ได้อยากทำร้ายพวกเขา แค่อยากแจ้งข่าวให้พวกเจ้าเท่านั้น”ดูเหมือนเขากลัวสำนักวั่นจงจะทำร้ายนางมาก จึงรีบกล่าวต่อไป“พวกเรา พวกเราร่วมมือกันแล้ว”สรุปคำพูดนี้เพิ่งพูดออกไป ซูจิ่งสิงแทงกระบี่ไปบนตัวเขาทันที“...” กะทันหันเกินไป ช่างไร้จรรยาบรรณ!เหิงเทียนอวี้เบิกตาโต ในดวงตาเผยให้เห็นความหวาดกลัว“เพราะอะไร ทั้งที่ข้ากำลังช่วยพวกเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเย็นเดินไปตรงหน้าเขา“เจ้าเป็นคนฆ่าเหิงหู่สินะ? ข้าดูออกแต่แรกแล้วว่าเจ้ากับเหิงสุยสุ่ยไม่ถูกกัน”สายตาของนางอมยิ้ม แล้ววิเคราะห์อย่างใจเย็น“วันนั้นตอนที่กำลังต่อสู้กับเหิงหู่ ข้าสังเกตได้ว่ามีคนคอยแอบดูอยู่ด้านหลังตลอดคนคนนั้นก็คือเจ้าสินะ?”“ไม่ ไม่ใช่!”เหิงเทียนอวี้โต้แย้งทันควัน เขาไม่กล้าขยับ กลัวว่าขยับแล้วจะตายเร็วขึ้น“เจ้าแก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ เจ้าฆ่าเหิงหู่ไปแล้ว แล้วโยนความผิด
ยามกู้หว่านเยว่หันมองจงหลี่ สายตาอ่อนโยนของจงหลี่หันมองนางเช่นกัน จากนั้นมุมปากยกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ทั้งอบอุ่นและเจิดจ้า“ไม่พบกันเสียนาน”เห็นได้ชัดว่าจงหลี่เองก็จำได้ ว่าเขาเคยพบกู้หว่านเยว่ที่เมืองอวี้“เป็นเจ้าจริงด้วย”กู้หว่านเยว่ดีใจมากนางแทบอยากจะกระโดดบินไปถามชายผมขาว ว่าตกลงเรื่องทุกอย่างเป็นเช่นไรกันแน่เพียงแต่ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าด้านหลังยังมีศิษย์ของสำนักวั่นจงที่จ้องเขม็ง ดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงคิดจะจัดการศิษย์สำนักวั่นจงพวกนี้ก่อน“ท่านคือผู้ใดกัน? นี่เป็นความแค้นระหว่างพวกเรากับสองสามีภรรยานั่น ขอท่านอย่าได้เข้ามาสอด”หนึ่งในศิษย์ของสำนักวั่นจงก้าวออกมา มองดูจงหลี่อย่างหวาดระแวง เห็นได้ชัดว่าวิชาธนูฝีมือดีของจงหลี่ ทำให้พวกเขาเกรงกลัวอยู่บ้างอีกอย่างจงหลี่ไม่ได้มาเพียงลำพัง ด้านหลังเขายังมีผู้ติดตามอีกหลายคนแม้ผู้ติดตามเหล่านั้นยังไม่ได้ลงมือ แต่ดูจากรูปร่างก็รู้ว่าล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีระดับ“นี่คือสหายของข้า สหายของข้ากำลังถูกไล่ล่า พวกเจ้าคิดว่าข้าควรเข้าไปสอดหรือไม่?”แววตาอ่อนโยนของจงหลี่ เปลี่ยนเป็นเย็นชากะทันหันจิตสังหารที่แฝงอยู่ในนั้น ทำให้เ
ทว่าจุดที่ไม่ไกลนักกลับมีเสียงที่ไม่ถูกเวลาดังขึ้น กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงรีบหันมอง พบว่าคนเหล่านั้นสวมชุดของสำนักวั่นจง“ให้ตายสิ ทำไมเป็นคนของสำนักวั่นจงอีกแล้ว?”กู้หว่านเยว่รู้สึกเซ็งไม่น้อย คนของสำนักวั่นจงเหล่านี้ไม่ยอมเลิกราเลยจริงๆเมื่อเห็นพวกเขามีจำนวนคนเยอะกว่า อีกอย่างกู้หว่านเยว่กลัวว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจะดึงให้พวกเขามาเพิ่ม ดังนั้นจึงดึงซูจิ่งสิงให้กระโดดขึ้นหลังม้า คิดจะหลบหนี“พวกเจ้ายังกล้าหนีหรือ ข้าดูสิพวกเจ้าจะหนีไปไหนได้”เมื่อศิษย์ของสำนักวั่นจงมองเห็นกู้หว่านเยว่ ทำราวกับมีความแค้นใหญ่โต ไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่ง“พวกเขาเอาความตายของเหิงหู่มาลงที่พวกเรา”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง แม้นางกับซูจิ่งสิงอยากสังหารเหิงหู่ทว่าวันนั้นระบบได้แจ้งเตือนว่าพวกเขาพบร่องรอยของดอกน้ำแข็งนิล ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้ติดตามเหิงหู่ต่อไปนางมั่นใจ ก่อนเหิงหู่จะจากไปอาการบาดเจ็บไม่ได้สาหัสมากขนาดนั้นไม่ว่าอย่างไรก็มั่นใจได้ว่าไม่ถึงขั้นที่ทำให้ตายได้“ดูเหมือนจะมีคนโยนความผิดมาให้พวกเราเสียแล้ว”ซูจิ่งสิงหรี่ตาทั้งคู่ลง ในแววตาเผยความไม่สบอารมณ์หากเหิงหู่ตายด้วยฝีมือพวกเ
ขณะนี้เสือเงินตัวเมียหมดสติไปแล้ว เสือเงินตัวผู้คุกเข่าอยู่ข้างกายมัน แล้วเอาหัวไปถูอย่างร้อนใจราวกับรู้ว่ากู้หว่านเยว่มีวิธีช่วยมัน เสือเงินตัวผู้จึงหันมองนางอย่างดีใจ“ฮือฮือ”“เจ้าหลบไปด้านข้างก่อน ข้าต้องช่วยเมียเจ้าแน่”กู้หว่านเยว่พูดออกไป ไม่สนใจว่าเสือเงินตัวผู้ฟังเข้าใจหรือไม่ เดินไปข้างหน้าสองก้าวก้มลงตรวจดูอาการของเสือเงินตัวเมีย“ยังดี ยังมีลมหายใจอยู่”กู้หว่านเยว่โล่งอก จึงพาเสือเงินตัวเมียเข้าไปในหอแห่งโอสถทันที แล้วใช้เครื่องมือเฉพาะทางดึงลูกศรที่อยู่ตรงลำคอของมันออกมาเสือเงินตัวผู้เห็นหนึ่งคนหนึ่งสัตว์หายไปกะทันหัน สีหน้าเผยความกังวลขณะนี้นกหงส์เพลิงเดินไปข้างกายมัน ไม่รู้พูดภาษานกหรืออะไรกับมันสองสามคำทำให้เสือเงินตัวผู้ค่อยๆ สงบลงกู้หว่านเยว่ยุ่งวุ่นวายอยู่ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็นำลูกศรออกมาได้สำเร็จ จากนั้นทำแผลให้เสือเงินตัวเมียเนื่องด้วยอาการของเสือเงินตัวเมียยังสาหัสมาก กู้หว่านเยว่จึงไม่ได้ให้มันออกจากหอแห่งโอสถทันที กลับพาเสือเงินตัวผู้เข้าไปดูอาการของมันเพื่อให้มันแน่ใจว่าเมียของมันไม่เป็นไรแล้ว จากนั้นพามันกลับไปบนสนามหญ้าอีกครั้ง“ต้องใช้
นางตรวจดูสถานการณ์ของเสือเงินตัวเมียสักครู่ จากนั้นขมวดคิ้วแน่นโชคดีที่ไม่ถูกหลอดลมและหลอดเลือดแดงใหญ่ ถือว่าโชคดีในโชคร้ายเนื่องด้วยสถานการณ์คับขัน กู้หว่านเยว่ไม่มีเวลาดึงลูกศรให้มันครุ่นคิดสักครู่ จึงเก็บเสือเงินสองตัวนี้เข้าไปในมิติพร้อมกันแล้วปล่อยพวกมันไว้ข้างน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ ขอให้เสือเงินตัวเมียดื่มน้ำแร่เข้าไปสักคำสองคำเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น กู้หว่านเยว่น้ำยาทำลายศพที่ปรมาจารย์แพทย์ให้นาง เทลงบนตัวลูกศิษย์สำนักวั่นจง จากนั้นจึงตามซูจิ่งสิงไปนักพรตเฒ่าคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก เมื่อออกจากถ้ำก็ไปสถานที่ที่คนเยอะทันทีขณะนี้มีคนไม่น้อยปีนขึ้นมาจากเชิงเขา และกำลังค้นหาไปทั่วกู้หว่านเยว่เห็นว่ามีคนเยอะ จึงเก็บปืนเข้าไปในมิติเปลี่ยนเป็นหน้าไม้แทน“ฟิ่ว!”ลูกศรยิงถูกต้นขาของนักพรตเฒ่านักพรตเฒ่าร้องโหยหวน อาจเพราะรู้สึกว่าตัวเองยากจะหนีรอด ทันใดนั้นจึงตะโกนใส่ฝูงชนโดยไม่สนใจสิ่งใด“ดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในมือสามีภรรยาคู่นี้!”“ทุกคนรีบมาเร็ว ดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในมือพวกเขา!”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนไป“สมควรตาย”นักพรตเฒ่าไร้ยางอายมาก สมกับเป็นลูกน้องข