“เรื่องที่ข้าต้องการจะประกาศนั้น เกี่ยวข้องกับรัชทายาทในอนาคต”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด“ข้าได้พบที่อยู่ขององค์หญิงเก้าแล้ว และตั้งใจจะมอบตำแหน่งองค์หญิงรัชทายาทให้แก่องค์หญิงเก้า”เขาแทบจะเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาทีละคำ ทีละพยางค์แม้ว่าเขาจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะหาโอกาสกล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาทแต่ว่านั่นหมายถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ได้ทำลายแผนการของเขาอย่างสิ้นเชิง เด็กที่เขาหมายตาไว้ ไม่สามารถขึ้นเป็นรัชทายาทได้อีกต่อไปแล้วเพื่อความปลอดภัยของพระสนมลี่และลูก เขาจำต้องยอมประนีประนอมดวงตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเปล่งประกายความคับแค้นใจ“อะไรนะ?”แม่ทัพเกาเถียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และทันใดนั้นก็เห็นสีหน้าผิดปกติของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเข้าพอดี“พบองค์หญิงเก้าแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เขาลังเลเล็กน้อย“แต่ก่อนหน้านี้ ท่านสงสัยว่าราชินีและองค์หญิงเก้าคิดก่อกบฏมิใช่หรือ และท่านยังเนรเทศทุกคนในตระกูลกู่ลี่ไปแล้ว”ดวงตาของแม่ทัพเกาเถียนเปล่งประกายความฉลาดเฉลียว ไม่ถูกต้อง เหตุใดคำพูดของฝ่าบาท
“เจ้าเป็นใคร?”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเย็นชา และมองออกว่า ตรงหน้าคือสตรีผู้หนึ่งสตรีผู้นี้เป็นใครกัน? เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?“รีบปล่อยฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น...”แม่ทัพเกาเถียนมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่ เมื่อเขาโกรธ ดวงตาของเขาดูเหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้คนอดตัวสั่นไม่ได้กู้หว่านเยว่กลับยิ้มอย่างดูถูก ไม่กลัวเขาแม้แต่น้อย“มิเช่นนั้นแล้วจะทำไม? กษัตริย์ทูเจวี๋ยอยู่ในมือข้าวิชาตัวเบาของเจ้าแม้จะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ไม่เร็วเท่ากริชของข้า”กริชเลื่อนไปมาเบา ๆ บนลำคอของกษัตริย์ทูเจวี๋ย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสดใสรอยยิ้มนี้ทำให้แม่ทัพเกาเถียนตาพร่าไปชั่วขณะ“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามทั้งนั้น”กษัตริย์ทูเจวี๋ยหวาดกลัวจริง ๆ เขาตกใจกับการกระทำของกู้หว่านเยว่จนแทบแย่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังปรากฏตัวต่อหน้าท่านยมบาล!“อย่าทำร้ายฝ่าบาท ข้าจะไม่เข้าไป”ในที่สุดแม่ทัพเกาเถียนก็ยอมจำนนสตรีผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ไม่ทำตามแบบแผน เขาไม่สามารถเสี่ยงได้“เจ้าต้องการอะไร เพียงแค่เจ้าปล่อยฝ่าบาท ข้ายินดีทำให้เจ้าทุกอย่าง”เขาพยา
“จะ เจ้าคือ”เขารู้สึกได้ถึงวรยุทธ์อันสูงส่งของซูจิ่งสิง ในระหว่างที่ตกตะลึงอยู่นั้นกู้หว่านเยว่เตะกษัตริย์ทูเจวี๋ยกระเด็นออกไป จากนั้นใช้กริชจ่อที่คอของเกาเถียน“ชู่ว์ อย่าขยับ”นางยิ้มอย่างสดใส แต่ทำให้แม่ทัพเกาเถียนไม่กล้ามองตรง ๆ “กริชมันไม่เลือกหน้าหรอกนะ”ซูจิ่งสิงมัดคนทั้งสองคนไว้แล้ว การที่ทั้งสามคนเข้าวังโดยไม่มีอาวุธ ทำให้ง่ายต่อการปราบปรามพวกเขา“ท่านแม่ทัพ...”เสี่ยวฟางและเสี่ยวจวงที่ถูกมัดไว้ ต่างก้มศีรษะลงด้วยความอับอายพวกเขาไม่คิดว่าวรยุทธ์ของซูจิ่งสิงจะสูงส่งถึงเพียงนี้ ยังไม่ทันได้ประมือกันสักกระบวนท่า ก็ถูกมัดเสียแล้ว“น่าอับอาย”แม่ทัพเกาเถียนหันกลับมา สบกับสายตาที่คล้ายยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของกู้หว่านเยว่เข้าพอดี“แม่ทัพเกาเถียน ดูเหมือนเจ้าก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนี่”กู้หว่านเยว่ยิ้มจนตาหยี คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นแทบจะทำให้แม่ทัพเกาเถียนกระอักเลือด“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”เกาเถียนไม่อยากโต้เถียงกับทั้งสองคน เขาหันหน้าไปถามด้วยความโมโห ราวกับสุนัขตัวใหญ่ที่ถูกรังแก“พวกเขาเป็นคนของข้า”เสี่ยวถ่านรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น เมื่อเห็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยกำลังจะหนี
นางเลียนแบบน้ำเสียงของผู้มีอำนาจ ท่าทางดูคล้ายจะจริงจัง“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะทำให้ตระกูลเกาเถียน กลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองอูถ่าน”เงื่อนไขนี้เย้ายวนใจมาก แต่แม่ทัพเกาเถียนกลับไม่ยอมไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อน“องค์หญิงเก้า ท่านไม่ต้องพูดให้มากความ ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีทางยอมสวามิภักดิ์ต่อท่านผลประโยชน์อันใด? ข้าเกาเถียนก็ไม่เคยสนใจ”หากเขาเป็นคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์จริง ๆ ก็คงไม่ช่วยเหลือกษัตริย์ทูเจวี๋ย ขณะที่ถูกเหยลวี่เจิงยึดอำนาจ ทั้งที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากตระกูลเหยลวี่พูดให้ถูกก็คือ สิ่งที่เขาจงรักภักดีไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง แต่เป็นบัลลังก์นั้นต่างหากท่าทางของแม่ทัพเกาเถียนที่ไม่ยอมไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อน ทำให้เสี่ยวถ่านรู้สึกปวดหัวมาก นางจึงหันไปมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าขอความช่วยเหลือ“ท่านอาจารย์ ทำอย่างไรดี?”กู้หว่านเยว่กลับรู้สึกชื่นชมแม่ทัพเกาเถียน แม่ทัพแบบเขาหาได้ยากยิ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นผู้มีความจงรักภักดี จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยภายนอก“พาเขาออกไปก่อนเถิด”คนเช่นนี้ กู้หว่านเยว่จะไม่ฆ่าเขาหากใช้ให้เป็นประโยชน์ แม่ทัพเกาเถียนจะเป็นขุ
เมื่อเห็นแม่ทัพเกาเถียนถูกพาตัวไปแล้ว สายตาของกู้หว่านเยว่ก็จับจ้องไปที่แม่ทัพน้อยสองคนที่เหลืออยู่“ยะ อย่าฆ่าพวกเรา”ทั้งสองคนรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยพวกเขาถูกซูจิ่งสิงมัดเอาไว้แน่น ตอนนี้ไม่สามารถขยับได้“วางใจเถอะ ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า”กู้หว่านเยว่เดินไปตรงหน้าของทั้งสองคน จากการสังเกตเมื่อครู่ นางคิดว่าสองคนนี้ไม่น่าจะหัวแข็งเท่าแม่ทัพเกาเถียนเพียงแค่ข่มขู่และล่อใจด้วยผลประโยชน์เล็กน้อย พวกเขาก็น่าจะยอมสวามิภักดิ์เมื่อได้ยินกู้หว่านเยว่พูดว่าจะไม่ฆ่าพวกเขาสองคน ทั้งคู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่ข้าก็ไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์ คำพูดที่ข้ากล่าวกับแม่ทัพเกาเถียนเมื่อครู่ พวกเจ้าก็ได้ยินแล้ว”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนทั้งสองคนสบตากัน ต่างก็พอจะเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่“พวกเรา...”ทั้งสองคนแสดงสีหน้าลังเล การทรยศเจ้านายเดิมเพื่อไปเข้าข้างเจ้านายใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่าย ๆ กู้หว่านเยว่ก็ไม่รีบร้อน กล่าวเตือนด้วยความหวังดี“พวกเจ้าสองคนต้องคิดให้ดี ๆ ที่จริงแล้วมีพวกเจ้าช่วยหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน กษัตริย์ทูเจวี๋ยอยู่ในมือของพวกเราแล้ว แต่หากพว
“เจ้า!”“อย่าขยับ”เสี่ยวถ่านกล่าวเตือน ทำให้สายตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยมืดมนลง“ลูกอกตัญญู เจ้าเอามีดจ่อคอข้าเช่นนี้ เจ้าอยากจะฆ่าข้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?“หากเจ้ากล้า ก็ลงมือฆ่าเลยสิ!”เสี่ยวถ่านหันกลับมา “ข้าจะไม่ฆ่าท่าน ตราบใดที่ท่านสงบเสงี่ยมเจียมตัว ท่านก็จะเป็นเสด็จพ่อของข้าตลอดไป”นางคิดไว้แล้วว่า หลังจากที่นางขึ้นครองบัลลังก์แล้ว จะยกย่องกษัตริย์ทูเจวี๋ยเป็นพระราชบิดา เมื่อถึงเวลานั้นก็ยังคงให้เขาอยู่ในวัง รับรองว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ “ข้าไม่ต้องการ!”กษัตริย์ทูเจวี๋ยหน้าแดงก่ำเสี่ยวถ่านขี้เกียจจะโต้เถียงกับเขา จึงหยิบเชือกป่านขึ้นมามัดกษัตริย์ทูเจวี๋ยไว้ จากนั้นก็หยิบผ้ามายัดเข้าไปในปากของเขา โลกจึงสงบสุขอย่างทันที“ท่านอาจารย์ ต่อไปพวกเราควรทำอย่างไรดี?”“เหยลวี่เจิงตายแล้วมิใช่หรือ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือรวบรวมกำลังพลของตระกูลเหยลวี่จากนั้น ก็ปราบปรามตระกูลอื่น ๆ ”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเดินมาที่ด้านข้าง ปรึกษากันโดยดูแผนที่ของพระราชวัง ทั้งสองคนไม่ได้หลบเลี่ยงเสี่ยวถ่าน แต่กลับดึงนางเข้ามาร่วมรับฟังด้วย“หากเจ้ามีความคิดเห็นใด
กู้หว่านเยว่หัวเราะออกมาทันที“เป็นอย่างไรบ้าง แม่ทัพเกาเถียน คนผู้นี้หน้าตาเหมือนเจ้าหรือไม่?”นางยิ้มจนตาหยี ส่วนเกาเถียนหยวนนั้นโกรธจนแทบคลั่ง“อื้อ ๆ ๆ !”“เกือบลืมไปแล้วว่าปากของเจ้ายังถูกอุดไว้อยู่ พูดออกมาไม่ได้”กู้หว่านเยว่เพิ่งรู้สึกตัว จึงดึงผ้าที่ยัดปากเขาออกในที่สุดเกาเถียนหยวนก็สามารถพูดได้ เขาจ้องมองซูจิ่งสิงด้วยความตกตะลึง แล้วเอ่ยขึ้น“จะ เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงหน้าตาเหมือนข้าราวกับแกะ?”ไม่แปลกที่เขาจะตกใจ แม้แต่พี่น้องร่วมสายเลือดของเขาก็ยังหน้าตาไม่เหมือนกันขนาดนี้คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงได้เหมือนเขาราวกับแกะสลักออกมาจากพิมพ์เดียวกันเกาเถียนหยวนรู้สึกหวาดกลัว กู้หว่านเยว่หัวเราะเสียงดังลั่นซูจิ่งสิงส่ายหัวอย่างจนใจ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดู“น้องหญิง อย่าหัวเราะมากนัก ระวังจะสำลัก”ทันทีที่เขากล่าวออกมา เกาเถียนหยวนก็จำเขาได้ทันที นี่มิใช่บุรุษที่วรยุทธ์สูงส่งผู้นั้นที่อยู่ในท้องพระโรงเมื่อครู่นี้หรอกหรือ?”ไม่สิ เมื่อครู่เขาไม่ได้หน้าตาแบบนี้ตอนนี้เหตุใดจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนหน้าตาไปได้?“วิชาแปลงโฉม?”ทันใดนั้น เกาเถียนหยวนก็นึก
“พะ พวกเจ้า...พวกเจ้าจงใจ”เกาเถียนหยวนโมโหจนแทบแย่ เขาไม่คิดจะยอมสวามิภักดิ์ต่อองค์หญิงเก้าแต่หากกู้หว่านเยว่ใช้คำสั่งของเขาไประดมพลตระกูลเกาเถียน เช่นนั้นก็เท่ากับว่าตระกูลเกาเถียนได้ลงเรือลำเดียวกันกับพวกเขาแล้ว ต่อไปหากอยากจะออกจากเรือก็คงยากแล้ว ต้องรู้ว่า หากตระกูลเกาเถียนเป็นกำลังหลักในการต่อสู้ในเมืองอูถ่านครั้งนี้ ตระกูลอื่น ๆ ที่ถูกกดขี่จะต้องผูกใจเจ็บกับตระกูลเกาเถียนอย่างแน่นอนถึงจะไม่ถึงขั้นผูกใจเจ็บ แต่ก็ต้องหวาดระแวงอย่างแน่นอนดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลเกาเถียนจึงต้องการให้ราชวงศ์คุ้มครองเพราะฉะนั้น ตระกูลเกาเถียนต้องกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองอูถ่าน ไม่เช่นนั้นก็จะถูกตระกูลอื่น ๆ ร่วมมือกันกำจัด“ข้ายังไม่ได้ตกลงว่าจะช่วยพวกเจ้า พวกเจ้าจะเอาตราบัญชาการของข้าไปโดยพลการได้อย่างไร?”เกาเถียนหยวนรีบร้อนอธิบายเหตุผลข้อสุดท้ายกับพวกเขา“รีบเอาตราบัญชาการคืนมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”“ไม่มีทาง”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดเรียงเป็นแถว ทำให้เกาเถียนหยวนโมโหจนกัดฟันกรอด“แม่ทัพเกาเถียน ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อตระกูลเกาเถียนของเจ้า”
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก