“นั่นก็โทษพวกเราไม่ได้เช่นกัน ตอนที่นางแท้งบุตรท่านวิตกกังวลมากเช่นนั้น ใครที่ไม่รู้ก็คิดว่าท่านเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก” เนี่ยชิงหลานเสริมให้ใจความครบถ้วนต่อให้เป็นญาติมิตร ก็เป็นเรื่องปกติที่จะร้อนใจบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของถังหมิงรุ่ย เห็นได้ชัดว่าสะเทือนใจถังหมิงรุ่ยยิ้มเจื่อน ๆ เด็กรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “มันเป็นเพราะว่าคุณชายเปี่ยวติดหวัดเสียชีวิตโดยไม่ทันระวัง เด็กในครรภ์ของอวี้ฮูหยินถือว่าเป็นบุตรหลังจากการล่วงลับของคุณชายเปี่ยวบัดนี้เด็กในครรภ์ของนางก็มาแท้งไป สายเลือดของคุณชายเปี่ยวสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นคุณชายของเราจึงรู้สึกเสียใจกับพวกเขา”ทุกคน: ...ถังหมิงรุ่ยสาบานต่อสวรรค์ “ฟ้าดินเป็นพยาน ในเรือนของข้าไม่มีภรรยาหรือสนมใด ๆ แน่นอน หากมีภรรยาหรือสนมอยู่ในเรือน แล้วข้ายังออกมาตามเกี้ยวหญิงไปทั่วอีก ก็ขอให้ฟ้าผ่าตาย”สกุลถังของพวกเขาก็ถือว่ามีขนบประเพณีของครอบครัวที่เคร่งครัดเช่นกันนายท่านถังมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นภรรยาเอกเพียงคนเดียว ในจวนไม่มีแม้สนมสักคนทั้งสองมีบุตรสองคน ครอบครัวชื่นมื่นมีความสุข ดังนั้นค่านิยมสามประการของถังหมิงรุ่ยจึงดีงามมา
รถม้าสองคันออกเดินทางพร้อมกัน ไม่นานก็ออกจากชานเรือนมาถึงด้านหน้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งถังหมิงรุ่ยสมกับที่เติบโตมาในเขาอินซาน รู้จักร้านอาหารที่นี่อย่างทะลุปรุโปร่ง ได้พาพวกเขามาที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่“ร้านอาหารแห่งนี้มีอาหารขึ้นชื่อมากมาย เราขึ้นไปเหมาห้องส่วนตัวที่ชั้นสองกันเถอะ”จะเห็นได้ว่าถังหมิงรุ่ยน่าจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ทันทีที่เข้ามาเจ้าของร้านก็พาพวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสองอย่างกระตือรือร้นถังหมิงรุ่ยรับรายการอาหารจากมือของเจ้าของร้าน“ทุกท่านลองดูก่อน อาหารขึ้นชื่อหลักของเขาอินซานของเราก็คือแกะย่างทั้งตัวและเหล้านมม้า ยังมีผักป่าอีกมากมายที่บรรดาคนเลี้ยงสัตว์เก็บมาจากทุ่งหญ้า”เดิมทีหลี่หรงหรงก็เติบโตมาในเขาอินซาน ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนใจอาหารขึ้นชื่อเหล่านี้ อาหารเหล่านี้นางกินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่คนอื่นนั้นไม่เหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนี่ยชิงหลาน การได้เห็นอาหารเหล่านี้มันช่างแปลกหูแปลกตาจริง ๆ“หญ้ากันลมนี่คือผักอะไรกัน? ฟังดูน่าสนใจดี”“หญ้ากันลมเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง สามารถดับร้อนและขับพิษได้ คนเลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่นค้นพบโดยบังเอิญว่าสมุ
ความอบอุ่นและจริงใจของผู้ชาย แววตาที่จริงใจ เป็นสิ่งที่เวินทิงอวิ๋นไม่เคยมีมาก่อน“มาสิ” แก้วเหล้าของหลี่หรงหรงชนแก้วของเขาเบา ๆบางทีนางอาจจะลองเปิดใจจริง ๆ ลืมเรื่องในอดีต และยอมรับคนใหม่เพราะถึงอย่างไรชายชั่วช้าในอดีตก็ถูกฆ่าตายด้วยมือของนางเองแล้ว แล้วนางยังจะปิดหัวใจตัวเองไปตลอดชีวิตเพราะความผิดพลาดของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจของหลี่หรงหรงก็สงบลงมาก เมื่อเผชิญหน้ากับถังหมิงรุ่ย รอยยิ้มก็เปลี่ยนไปแม้ว่านางจะไม่ได้พูดอะไร แต่ถังหมิงรุ่ยก็สัมผัสได้อย่างฉับไวว่าท่าทีของหลี่หรงหรงที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เริ่มยอมรับเขาบ้างแล้วการตระหนักรู้ครั้งนี้ทำให้ถังหมิงรุ่ยอดยิ้มออกมาไม่ได้ ความสุขเอ่อล้นภายในใจแน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ลำพองใจด้วยเรื่องนี้ กลับกันนั้นยิ่งสงสารหลี่หรงหรงมากขึ้น เขามองออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางพวกเขารับประทานอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป บรรยากาศดีขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะนี้เองก็มีเสียงที่ไม่เหมาะแก่เวลาดังขึ้นข้าง ๆ“คุณหนูชิง เป็นเจ้าจริงหรือ?”เนี่ยชิงหลานหันหน้าไป และพบใบหน้าที่คุ้นเคยนางยังไม่ทันตั้งสติโต้ตอบ อีกฝ่ายก็รีบเข้ามาคว้ามือน
หลี่หรงหรงมองตามหลังหลัวเหอ พลางเอ่ยเตือนสติว่า “สายตาของคนคนนี้ไม่ชอบมาพากล เกรงว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวตามมา”กู้หว่านเยว่ก็เห็นเช่นกัน พลางโบกมือให้ชิงเหลียนเข้ามา“ตามเขาไป ดูว่าเขาคิดจะเล่นตุกติกอะไรอยู่”“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”ชิงเหลียนเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เนี่ยชิงหลานกระสับกระส่ายเล็กน้อย หมดอารมณ์ที่จะรับประทานอาหารหลังจากนั้นไม่นาน ชิงเหลียนก็กลับมา“ฮูหยิน ท่านคาดเดาถูกแล้ว หลังจากที่หลัวเหอออกจากร้านอาหารก็ไปหานายท่านหลัว ตอนนี้เขาพานายท่านหลัวมาแล้ว”“เจ้าคนต่ำช้าผู้นี้!”เนี่ยชิงหลานโกรธจัดจนเหลือทน มองไปทางกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวล “พี่หญิงกู้ สกุลหลัวมีอิทธิพลมากในเขาอินซาน หรือว่าข้าควรจะซ่อนตัวก่อนดีไหม?”นางไม่อยากทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วย รู้สึกหนักใจอยู่เสมอเวลาที่ออกมาข้างนอก หากเป็นในเขตเหอตง สกุลหลัวคงได้ตายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว“จะไปไหนเล่า”ริมฝีปากของกู้หว่านเยว่แย้มรอยยิ้มเยาะขึ้น สกุลหลัวรนหาที่ตายเอง นางกำลังคันไม้คันมืออยู่พอดี“เจ้าต้องการแก้แค้นมิใช่หรือ เวลานี้สบโอกาสแล้ว”เนี่ยชิงหลานได้ยินดังนั้นก็โยนความวิตกกังวลทิ้งไป พลางพยักหน้าพร้อมก
อาจจะเพราะว่ามีความมั่นใจ นายท่านหลัวจึงตะโกนเสียงดังกึกก้อง“ช่วยด้วย มีการชิงตัวแม่หญิงเกิดขึ้น อนุของข้าหนีไปกับคนอื่นแล้ว”เสียงดังไร้ยางอายของเขาทำให้ผู้คนไม่น้อยหันมามองเนี่ยชิงหลานโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว กู้หว่านเยว่กำลังจะลงมือสั่งสอนบทเรียน แต่ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งบุกเข้ามา แล้วทุบตีนายท่านหลัวอย่างดุเดือดพักหนึ่งเมื่อเห็นคนผู้นั้น เนี่ยชิงหลานก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “พี่ใหญ่?!”คนผู้นี้คือเนี่ยเติ้งอย่างคาดไม่ถึงเห็นเพียงเนี่ยเติ้งลงมืออย่างไร้ความเมตตาใด ๆ หมัดเดียวก็ทำให้ฟันหน้าของนายท่านหลัวหลุดออก จากนั้นก็หิ้วตัวเขาออกไปข้างนอกราวกับถือลูกเจี๊ยบตัวน้อย“จับตัวเขาออกไปด้วยกัน”เนี่ยเติ้งชี้ไปที่หลัวเหอ ผู้ติดตามข้างกายจับตัวหลัวเหอออกไปทันทีเนี่ยชิงหลานรีบถกกระโปรงขึ้นไล่ตามออกไป กู้หว่านเยว่ก็พูดว่า “เราออกไปดูกันเถอะ”หลังจากเนี่ยเติ้งจับทั้งสองคนนั้นออกไปจากร้านอาหาร ก็โยนเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ทันที“เจ้าเป็นใครกัน?” นายท่านหลัวต้องการจะพูดอีก แต่กรามของเขาถูกเนี่ยเติ้งถอดกระดูกออกทันทีเนี่ยเติ้งยกมือขึ้น ต่อยเข้าที่ร่างนายท่านหลัวหมัดแล้วหมัดเล่า
“ทำไมล่ะ เขาเมินเฉยเจ้าหรือ?”สีหน้าของเนี่ยเติ้งเศร้าหมองจากจดหมายของกู้หว่านเยว่ เขาได้รับรู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และเมื่อรวมกับที่พ่อลูกสกุลหลัวพูดจาอย่างไม่เกรงใจ เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าน้องสาวต้องผ่านอะไรมาบ้าง“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”เนี่ยชิงหลานส่ายหัว ขอบตาแดงขึ้นอีกครั้ง“ขึ้นรถม้าก่อน” เนี่ยเติ้งถอนหายใจอีกครั้ง พลางลูบศีรษะนางเนี่ยชิงหลานขึ้นรถม้าของเนี่ยเติ้งอย่างว่าง่าย กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสนใจใคร่รู้“ว่าแต่ว่า ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราอยู่ในร้านอาหาร?”เนี่ยเติ้งเอ่ยด้วยความสัตย์จริง “จะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องบังเอิญ ข้าเพิ่งมาถึงเขาอินซาน ยังไม่มีที่พัก ก็ตั้งใจจะไปกินข้าวสักมื้อที่โรงเตี๊ยมก่อน แล้วค่อยสอบถามผู้คนว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน ไม่นึกว่าจะได้พบกับพวกท่านเข้าพอดี”“พูดเช่นนี้แสดงว่าตอนนี้ท่านอ๋องยังไม่มีที่พักใช่หรือไม่?” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่ากระตือรือร้น “เช่นนั้นท่านอ๋องก็ไปพักที่เรือนของเราดีกว่า ชิงหลานก็พักอยู่ที่นั่นพอดี”“ได้สิ ต้องขอรบกวนแล้ว” เนี่ยเติ้งตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด“พวกเราจะนำทางอยู่ข้างหน้า ท่านให้คนดูแลม้าตามรถม้าของเราไ
“แล้วแต่ฮูหยินจะบัญชาเจ้าค่ะ”บางที นางควรจะบริหารตลาดมืดให้ดี ค้นหาอาชีพของตัวเอง“ตกลง” กู้หว่านเยว่ช่วยประคองนางขึ้นมา พลางยิ้มกล่าวว่า “เดี๋ยวข้าจะให้คนไปที่ตลาดมืดเพื่อแจ้งพ่อบ้านเหล่านั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองของตลาดมืด เวลาที่ข้าไม่อยู่ พวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนว่า “พ่อบ้านโจว เจ้าต้องคอยระวังเขาหน่อย”“เจ้าค่ะ”หลี่หรงหรงเข้าใจความหมายของนาง พลันเกิดความอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา“ฮูหยิน ท่านจะจากไปเร็วขนาดนี้จริงหรือ?”ในช่วงเวลานี้ที่ได้ติดตามอยู่เคียงข้างกู้หว่านเยว่ ความจริงนางได้เรียนรู้อะไรมากมาย“บ่าวจะไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวัง”หลังจากหลี่หรงหรงออกไปแล้ว ซูจิ่งสิงก็กลับมาอย่างรีบร้อน บอกว่าสัมภาระและรถม้าพร้อมหมดแล้ว สามารถออกเดินทางได้ทันที“ให้พวกข้าตามพวกท่านไปเจดีย์หนิงกู่ด้วยกันเถอะ”เนี่ยเติ้งเดินออกมาจากห้อง เนี่ยชิงหลานเดินตามเขาไปด้วยดวงตาแดงก่ำนางเพิ่งอธิบายเรื่องของเฉิงเซวียนให้เนี่ยเติ้งฟัง หลังจากเนี่ยเติ้งได้ฟังแล้ว ก็เคารพความคิดเห็นของเนี่ยชิงหลานน้องสาวของเขา ไม่สามารถใช้สามีร่วมกับหญิงอื่น
ระหว่างทั้งสอง แม้เพียงประโยคเดียวก็พูดกันดี ๆ ไม่ได้เลย“ชิงเหลียน ไปเปิดห้องสักสองสามห้อง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง เฉิงเซวียนยังอยากจะพูดอะไรอีก เซี่ยเหอก็ลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าระแวดระวัง พลางกุมมือของเฉิงเซวียนไว้“คุณหนูเนี่ย เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”“พวกเขาแค่บังเอิญผ่านมาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจมาตามหาข้า”เฉิงเซวียนรู้สึกปวดหัว ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าว่าเซี่ยเหอใสซื่อไม่มีพิษภัย แต่หลายวันมานี้การได้อยู่ร่วมกันยิ่งทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นรับมือยากเมื่อเขาไม่ทำตามความต้องการของนาง นางก็จะพูดถึงวันที่เขาเมาและครอบครองตัวนาง ทั้ง ๆ ที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยหลายวันมานี้เฉิงเซวียนดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด “เซี่ยเหอ เจ้าอย่าคิดมาก”เขากลัวว่าเซี่ยเหอจะสร้างความเดือดร้อนให้เนี่ยชิงหลาน แต่ที่เนี่ยชิงหลานได้ยิน กลับเป็นว่าเขากำลังปกป้องเซี่ยเหออยู่“พี่ใหญ่เฉิง ในเมื่อท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า ข้าหวังว่าท่านจะไม่ไปพัวพันกับหญิงอื่นไม่ยอมเลิกรา”เซี่ยเหอมองเนี่ยชิงหลานอย่างเป็นอริ ตั้งแต่เฉิงเซวียนรับปากจะแต่งงานกับนาง นางก็ยิ่งหาญกล้ามากขึ้น“ใครอนุญาตให้เจ้าพูดถึงน้องสาวของข้าแบบนี
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก